Thai VI

ประเภทที่ว่า อยู่ดีไม่ว่าดี
ขายทิ้ง แล้ว สถานการณ์เปลี่ยน ไม่ได้เป็นไปในทางเลวร้ายแบบที่คิดไว้
จากนั้น ตัดสินใจ ซื้อคืน

จะซื้อคืน ในจำนวนหุ้นที่เท่าเดิม แต่เสียเงินมากขึ้น
หรือ
ซื้อคืน ในจำนวนหุ้นที่น้อยลง ซื้อเท่ากับเงินที่ได้มาตอนขายออกไป

teetotal เขียน:จะซื้อคืน ในจำนวนหุ้นที่เท่าเดิม แต่เสียเงินมากขึ้น

ผมเลือกอันนี้ ครับ แต่เฉพาะกิจการที่ยังมี "อนาคตสดใสมากๆ" นะครับ
____________________________

นับหนึ่งใหม่ ดูว่ายังเหลือ margin of safety เท่าไร คิดเหมือนเป็นหุ้นใหม่อีกตัวครับ

จริงๆอย่างที่พี่พูดไว้เสมอครับ

ราคานี้ ซื้อหรือขาย....
ราคานี้เหมาะสมหรือเปล่า ถูกไปแพงไป

ไม่ต้องไปดูต้นทุนเก่า ..





...เอ...คนเรา ชอบนึกว่าเก่งกว่าคนอื่น ขายบนรับล่างอะไรแบบนี้ พี่ๆเตือนผมบ่อยๆ....
สรุปแล้ว แป่กทุกที อยู่ดีไม่ว่าดี... (ซื้อๆขายๆ คนรวยคือ บริษัทหลักทรัพย์  8) )

เป็น VI เลือกหุ้นดีแล้ว ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ก็ถือไปเถอะครับ
เรื่องขายหมู ....ปล่อยเป็นหน้าที่ของผมเอง...

พี่มัฟ ขอให้หมูตัวที่พี่ปล่อยมาให้ผมมันวิ่งไปเร็วๆน๊า  :lol:

TNH นี่แหละครับ
ซื้อคืนในราคาสูงกว่าเดิม และในจำนวนที่มากขึ้นด้วย
โชคดีเป็นบ้า  :ep:  :lovl:

ผมก็เพิ่งซื้อคืน TPIPL ไป แต่ก็ขายเอากำไรคืนไปแล้วเหมือนกัน เหอะๆ
(เพราะรู้ว่าเป็นการซื้อแบบฉาบฉวยไม่ได้เป็นแบบรักจริงหวังแต่ง เหอะๆ)
แต่เปอร์เซนต์ว่าจะซื้อมากซื้อน้อยกว่าเดิมนี่ไม่จำเป็นนะครับ ขึ้นกับว่า ตัวเองคิดว่าเมื่อซื้อแล้วมันจะขึ้นแน่ๆหรือไม่แล้วขายได้กำไรแน่นอนหรือไม่ ถ้าเทรนด์ขึ้นแน่ๆ ก็ซื้อเยอะได้ครับผม (แต่ก็ว่าเถอะนะในแนว เก็ง(เกร็ง)กำไรเนี่ย ไม่ควรที่จะ แบ่ง Asset allocation มาลงเยอะไป)
กำลังคิดว่าถ้าใจกล้า กล้าลงเงินมาในตัวที่เล่นเก็งกำไรได้มากขึ้นเช่นเป็นห้าสิบหรือร้อยเปอร์เซนต์ของเงินทุน แล้วคิดว่าได้กำไรน่าจะดีกว่าแบบ VI แน่ๆ แต่ก็อย่างว่าแหละ ใจไม่กล้าพอ เหอะๆ

ของผมโดน Snc ครับ แต่ก็ยอมซื้อคืนและซื้อเพิ่มด้วย  :lol:

เป็นด้วยกับหุ้นไฟฟ้า

ฝรั่งซื้อ หุ้นต้องขึ้นแน่

กะว่าปันผลดีก็ถือแทนพันธบัตร
แต่  ถ้าราคาขึ้นเกิน 20เปอร์เซนก็จะขาย  ไม่เก็บละ

เอ เราหลงอีกหรือเปล่า กะจะหาหุ้นที่ดี ราคาเหมาะสม ผู้บริหารดี.
ถือไว้ตลอดไป  โตไปก้บมันเรื่อยๆ  หรือจนพื้นฐานเปลี่ยน

ลมแรงมากไก่ก็บินได้
ไม่เป็นvi`เลยนะ

[quote="Muffin"]...เอ...คนเรา ชอบนึกว่าเก่งกว่าคนอื่น ขายบนรับล่างอะไรแบบนี้ พี่ๆเตือนผมบ่อยๆ....
สรุปแล้ว แป่กทุกที อยู่ดีไม่ว่าดี... (ซื้อๆขายๆ คนรวยคือ บริษัทหลักทรัพย์

Muffin เขียน:เป็น VI เลือกหุ้นดีแล้ว ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ก็ถือไปเถอะครับ
เรื่องขายหมู ....ปล่อยเป็นหน้าที่ของผมเอง...

สรุปแล้ว อย่าเพิ่งขายกันนะ ขอพี่มัฟขายก่อน      

เจอไปกับตัวคือเจ้าUEC ได้ซื้อคืนมาแค่ครึ่งเดียวเองจากที่ขายไป
เจ็บใจจริงๆๆๆ ตอนนี้ถ้าไม่ขายก็ +40%แล้วอ่ะ
แต่ยังดีที่มีอยู่อีกส่วนหนึ่ง

อันนี้คือขายแบบว่าจะทำการShort againแต่ว่าแพ้ ไม่น่าจะเกิดสำหรับVI
หรือคนที่ถือยาวๆๆๆ ต้องแข็งใจเอาไว้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

prin เขียน:นับหนึ่งใหม่ ดูว่ายังเหลือ margin of safety เท่าไร คิดเหมือนเป็นหุ้นใหม่อีกตัวครับ

อันนี้ใช่เลยครับ แต่ทำยากจัง

ผมเคยหลายครั้งครับ ครั้งหนึ่ง จำไว้เป็นบทเรียนเรื่องความชุ่ยของตัวเอง  มีบริษัทหนึ่ง EPS ของ Quarter ออกมาน้อยกว่าของปีที่แล้วพอสมควร ตอนนั้นงานค่อนข้างยุ่ง  เลยรีบๆตัดสินใจว่า อาจจะมีโอกาสที่ตัวเองจะมองบริษัทนั้นผิด ก็เลยขายไปประมาณครึ่งหนึ่ง  เวลาผ่านไปสองอาทิตย์ มีเวลามาตรวจสอบ พบว่า EPS ลดลง เพราะจำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นมากกว่ากำไรที่เพิ่มขึ้น  ตกลงแล้วบริษัทยังทำกำไรเพิ่มขึ้น  ต้องรีบตามซื้อกลับ ในราคาที่แพงกว่าราคาที่ขายไป

ขายไปแล้วซื้อคืน ไม่เป็นไรครับ  ถ้าคิดว่าตัวเองตัดสินใจผิด แล้วยังแก้ไขทัน ก็แก้ไขได้ครับ  แต่ถ้าแก้ไขไม่ทันแล้ว (เช่นราคาหุ้นกลายเป็นแพงมากไปแล้ว เมื่อเทียบกับความดีของมัน) ก็ปล่อยมันไปครับ

ไม่อยากขาย.....แต่บางครั้งจำเป็นใช้เงิน...ไปทำธุรกิจ
ก็ต้องตัดใจขาย...ทั้งๆที่รู้ว่าไม่ควรขาย...
แต่จำใจขาย...แล้วก็กลับมาซื้อใหม่ในราคาสูงกว่าตอนขายไป...
แต่ไม่ได้ขายหมดนะครับ..ซื้อคืนแล้วถัวเฉลี่ยต้นทุน...ก็ยังรับได้...
จริงไหมครับ