Thai VI

อย่างที่บอกอ่ะครับ ดัชนีมันพับขึ้นพับลง แต่แนวโน้มมันกำลังค่อย ๆ ขึ้น ผมก็ลำบากใจกับการเป็นคนกลุ่มใหญ่ซะด้วย

ลักษณะของคนกลุ่มใหญ่ก็คือ เวลาหุ้นขึ้น ดันมีเงินสดเต็มมือ แต่เวลาหุ้นตก ดันมีหุ้นเต็มมือ

ผมก็เลยเลือกหุ้นครับ เลือกใหญ่เลย ปรกติผมชอบหุ้นเงาครับ หุ้นที่ชาวบ้านไม่สนใจ เพราะมันไม่ให้ผลตอบแทนในตอนนี้ แต่คิดว่ามันจะให้ผลตอบแทนแน่ ๆ ในอีกหลาย ๆ ปีข้างหน้า

ผมยังลังเล แต่จะเล่าให้อ่านกัน แต่ใบ้เฉย ๆ นะ ไม่บอกว่าเป็นตัวไหน เดี๋ยวจะโดนตำหนิเอา

ตัวแรกเป็นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ผมชอบนะเพราะเขาให้ผลตอบแทนที่ 7-8% ทุกปีเลย แต่ราคาไม่ค่อยขยับเท่าไหร่ เห็นว่ามีโครงการจะออก ESOP แต่ก็เลิกไปเฉย ๆ ซะงั้น ตัวนี้มีจุดที่ผมกลัวอยู่อย่างเดียวก็คือ กลัวโดนขาใหญ่มาทุบแล้วเก็บของ อีกอย่างก็กลัวว่าเจ้าของจะเพิ่มทุน เพราะดูท่าหุ้นตัวนี้ ROA ไม่ค่อยสูงเท่าไหร่ หรือแปลง่าย ๆ ก็คือสินทรัพย์ที่เขามี ดูท่าจะไม่สามารถลากให้กำไรสุทธิเกิดขึ้นมาได้มากกว่านี้อีกแล้ว อีกทั้งผมแกะในงบดุลและงบกระแสเงินสดแล้วก็พบว่า หุ้นตัวนี้ไม่ค่อยกู้เงินเท่าไหร่ แถมมักจะค้ำประกันมูลหนี้ให้กับบริษัทย่อยด้วย ลักษณะไม่ชอบเป็นลูกหนี้ แต่ชอบเป็นเจ้าหนี้ ก็เลยคิดว่าถ้าไม่เป็นหนี้ อีกทั้งสินทรัพย์ที่มีก็สร้างกำไรสุทธิไม่ได้มากกว่านี้ แล้วจะเอาทุนที่ไหนมากระชากกำไรสุทธิได้อีกล่ะ???

อ้อ ผมรู้แล้ว สงสัยอีกไม่นานเขาคงจะเพิ่มทุน เพื่อต่อยอดทางธุรกิจกระมัง คิดแล้วก็เลยไม่เอาดีกว่า รอก่อน

ตัวสองเป็นหุ้นกลุ่มขนส่ง ตัวนี้เข้าหลักการของบัฟเฟตดีอ่ะ เพราะผูกขาดสุด ๆ เลย ตอนนี้ทำอยู่จ้าวเดียว แต่แกะงบแล้วเซ็งมาก ๆ เพราะขาดทุนมาหลายปีแล้ว ขาดทุนทุกเดือน แถมมีหนี้สินสูงมาก ส่วนของผู้ถือหุ้นก็กระจึ๋งเดียว อีกทั้งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ก็มีการเพิ่มทุน ลดทุนให้งงเล่นซะงั้น ทำซะไม่รู้จะคำนวณส่วนแบ่งของผู้ถือหุ้นยังไงดี นอกจากนี้ก็ยังบอกไว้ในหนังสือชี้ชวนด้วยว่ามั่นใจมาก ๆ ว่าจะไม่มีปัญญาจ่ายปันผลแน่ ๆ ในช่วงห้าถึงหกปีข้างหน้านี้

ผมก็ชอบตัวนี้นะ แต่ก็ติดที่มันไม่จ่ายปันผลแน่ ๆ ห้าถึงหกปีเนี่ยแหล่ะ ง่ะ รอก่อนแล้วกัน

ตัวสุดท้ายเป็นหุ้นกลุ่มสื่อ ตัวนี้เห็นตกใหญ่เลย ตกเอาตกเอา มองหาก้นเหวไม่เจอซักที แต่พื้นฐานดีนะ ดูงบแล้วสวยเชียวล่ะ ก็คิดอยู่ตลอดอ่ะครับว่าผู้บริหารมาแล้วก็ไป ส่วนพื้นฐานของหุ้นยังอยู่ ถ้าไม่ยึดติดกับผู้บริหาร อะไร ๆ ก็น่าจะดีขึ้นเน้อะ อันนี้ตามหลักการบัฟเฟตอีกล่ะ

ตัวนี้ไม่ชอบเท่าไหร่ แต่เห็นว่าเป็นโอกาสดี ถ้าเกิดเขาเอาออกจากตลาด จะได้สูญเงินไปเลย เลิกลงทุนเลย หักดิบแล้วกลับมาทำมาหากินอย่างอื่นดีกว่า แป่ว....

ผมก็เหลือเงินเยอะอยู่ เจอตัวไหนถูกใจ ก็หลังไมค์อนุเคราะห์ด้วยนะครับ

ขอบพระคุณอย่างสูง

แถมมักจะค้ำประกันมูลหนี้ให้กับบริษัทย่อยด้วย ลักษณะไม่ชอบเป็นลูกหนี้ แต่ชอบเป็นเจ้าหนี้

อยากเป็นหนี้ให้เป็นนายหน้า อยากเป็นขี้ข้าให้เป็นนายประกัน

-สุภาษิตไทย

รู้ได้อย่างไรครับว่าราคามันจะขึ้น (ถ้ามีทีเด็ดช่วยเเนะนำด้วยครับ) ซึ่งผมเป็นคนเเปลกคือ ไม่ค่อยชอบถือเงินสด เเต่ถ้าขึ้นชัวร์ ผมจะขายล้าง port มาร่วมก็วนด้วยครับ  อิอิ

ตัวสุดท้ายเป็นหุ้นกลุ่มสื่อ ตัวนี้เห็นตกใหญ่เลย ตกเอาตกเอา มองหาก้นเหวไม่เจอซักที แต่พื้นฐานดีนะ ดูงบแล้วสวยเชียวล่ะ ก็คิดอยู่ตลอดอ่ะครับว่าผู้บริหารมาแล้วก็ไป ส่วนพื้นฐานของหุ้นยังอยู่ ถ้าไม่ยึดติดกับผู้บริหาร อะไร ๆ ก็น่าจะดีขึ้นเน้อะ อันนี้ตามหลักการบัฟเฟตอีกล่ะ

ตัวนี้ไม่ชอบเท่าไหร่ แต่เห็นว่าเป็นโอกาสดี ถ้าเกิดเขาเอาออกจากตลาด จะได้สูญเงินไปเลย เลิกลงทุนเลย หักดิบแล้วกลับมาทำมาหากินอย่างอื่นดีกว่า แป่ว....

ถ้าเอาออกเขาก็ต้องทำ tender เพื่อขอซื้อหุ้นคืนเปล่าครับ ไม่น่าจะถึงกับสูญเงินเปล่าครับ
แต่ตอนนี้หุ้นที่เล็งไว้ก็ขึ้นไปหมดจิงๆครับ ถ้ามีก็บอกกันมั่งนะครับ

ปัญหาใหญ่ครับ

คนส่วนมากอยู่เฉยๆไม่ค่อยเป็น...Hyper ว่างั้นเถอะ

ขอให้เทพธิดาแห่งโชคอยู่ข้างคุณครับ

Mon money เขียน: ขอให้เทพธิดาแห่งโชคอยู่ข้างคุณครับ

Nike ? hehe

เงินสดเต็มมือเหมือนกันครับ แต่

ผมรอให้มันตกหนักๆ panic มากๆ

ไม่รู้ต้องอธิษฐานขอ Santa ช่วยรึป่าว

ขอเดาว่าตัวสุดท้ายคือ  Mcot

ตอนนี้เงินไม่เกลือเลยครับ มีแต่หุ้น  :D

ขออนุญาตนะครับ

ช่วงวิเคราะห์ เห็นแต่ปัจจัยด้านที่ไม่ดี
แต่ทำไมทั้งสามตัว กลับมาพลิกเป็นเหมือนจะดี ในตอนสรุปล่ะครับ

ตัวแรก การค้ำประกันให้เขา ผมว่าเหมือนเอาขาข้างหนึ่งแหย่เข้าไปเป็นลูกหนี้ด้วยแล้วครับ
รอลูกหนี้ตัวจริงเบี้ยวไปเมื่อไหร่ ตัวสำรองก็จะได้ลงสนามจริงครับ
การค้ำประกัน เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง แล้วอาจจะแถมกระดูกมาแขวนคอด้วยครับ

ตัวเองไม่กู้ แต่บริษัทย่อยกู้ แล้วประษัทแม่เป็นผู้ค้ำ อาจเป็นได้ทั้งกรณีปกติ และกรณีหมกเม็ดนะครับ ต้องดูดี ๆ

ส่วนตัวที่สองอันนี้แปร่งนิด ๆ ครับ มี Competitive Adventage แต่ว่าขาดทุนมาหลายปีแล้ว ประเด็นนี้คงต้องเอาใจใส่ครับ

ส่วนตัวที่สามลองดูกระทู้ล่าง ๆ ครับ มีพี่ ๆ ให้คำแนะนำเยอะครับ สรุปความส่วนหนึ่งได้ว่า
ตัวนี้ความยึดติดกับผู้บริหารไม่น่ากลัว เท่ากับความสามารถในการแทรกแซงองค์การโดยฝ่ายการเมืองครับ

ตัวที่สองนี่ bmcl เป่าคะ อืมม... ประเด็นคือ เมื่อไหร่จึงจะวกกลับมาทำกำไร
ต้องรอนานหน่อยป่ะคะ

อีกตัว mcot น่าสนใจค่ะ แต่ เรื่องการเมืองเป็นอะไรที่ยากต่อการคาดการ

อย่าลืมคำพูดของคุณเองนะครับ ".....ลักษณะของคนกลุ่มใหญ่ก็คือ เวลาหุ้นขึ้น ดันมีเงินสดเต็มมือ แต่เวลาหุ้นตก ดันมีหุ้นเต็มมือ....."


ถ้าดัชนีมันจะขึ้นไปถึง 800-1000 จุด อย่างที่หลายๆคนคาดเดากันละก็........
.....มันจะค่อยๆไต่ขึ้นไปครับ  ระหว่างนั้นยังมีการปรับฐานกันอีกหลายครั้ง


รออีกซัก 2-3 สัปดาห์ค่อยซื้อดีกว่ามั้งครับ
.........ถ้าจะให้ดีน่าจะรอไปจนถึงช่วงต้นปี  ประมาณสัปดาห์แรกของปีก็ดีนะครับ


สัปดาห์ที่ผ่านมาผมลดพอร์ตลงมาครึ่งนึงแล้วครับ  ถือเงินสดครึ่งนึง
........โดยหุ้นครึ่งนึงที่เหลือเป็นหุ้นที่ไม่หวั่นไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด  เพราะไม่ค่อยมีใครซื้อ-ขายกัน

ตัวนี้มีจุดที่ผมกลัวอยู่อย่างเดียวก็คือ กลัวโดนขาใหญ่มาทุบแล้วเก็บของ    

ผมว่าเขากำลัง กดราคาเอาของอยู่นะครับ

อ้อ ผมรู้แล้ว สงสัยอีกไม่นานเขาคงจะเพิ่มทุน เพื่อต่อยอดทางธุรกิจกระมัง คิดแล้วก็เลยไม่เอาดีกว่า รอก่อน

เห็นด้วยครับ แต่ผมว่าเขาคงจะทำอะไรก่อน ไม่น่าจะเพิ่มทุนที่ราคาแถวนี้   ถ้ารอจะช้าไปไม๊น้า  สำหรับหุ้นเทคโนโลยี

ผมไม่เคยเจอปัญหาเงินเหลือตอนหุ้นขึ้นเลยครับ
เพราะถือหุ้นตลอดเวลา ขั้นต่ำก็ 95%ของพอร์ต
ที่เหลือเป็นเงินหมุนเวียนใช้จ่าย

เวลาเจอหุ้นใหม่ก็เลือกขายตัวเก่ามาซื้อ
ดังนั้นตอนขายจะไม่ได้ราคาดีมาก(เทียบกับ high ที่หุ้นเคยขึ้น)
แต่จะได้ราคาซื้อค่อนข้างดี

ลองใช้วิธีนี้ดูซิครับ
แล้วคุณจะไม่พลาดตลาดกระทิง

แต่วิธีนี้จะยากตรงต้องหัดอยู่เฉยๆเป็นนะครับ
ทั้งตอนหุ้นขึ้นกับหุ้นลง
จะซื้อหรือขายเมื่อจะเปลี่ยนตัวเท่านั้น
ไม่ใช้ซื้อหรือขายเพราะราคาหุ้นขึ้นหรือลง

เชื่อไหมครับว่าทุกช่วงเวลา มีหุ้นถูก ๆ ให้คุณซื้อแต่คุณจะหาเจอหรือเปล่าครับ

ผมยกตัวอย่างที่ผมมีนะครับ BEC เมื่อปีกว่ามาแล้วแล้วตอน set อยู่ที่ หกร้อยกว่าจุด ราคาอยู่ที่ 13 บาทหน่อย ๆ ตอนนั้นคนเห่อ mcot แล้วตอนนี้เป็นอย่างไร

แล้วทำไมผมถึงมีหุ้นเกือบเต็มพอร์ต !!!!

ผมอยู่เฉยๆมาตั้งแต่ซื้อหลังปฏิวัติแล้วล่ะเนี่ยะ

ค่อนข้างว่างแหะ (inactive กับตลาดมากๆเลย)

ทุกวันนี้ก็มี vi คอยเก็บหุ้นถูก ๆ อยู่ เพียงแต่เขาไม่มาโพสบอกใครเท่านั้นเอง

ผมส่วนใหญ่ก็มีแต่หุ้น เต็มพอร์ต ตลอดเวลา ไม่ค่อยเหลือเงินสด มาหลายปีแล้ว

ผมมักจะเหลือเงินซัก 20% ติดพอร์ตไว้อย่างสม่ำเสมอ

เผื่อตัวที่เราถือไว้ ราคาลงมาโดยไม่มีเหตุผล จะอะไรก้อตามแต่ ผมก้อเข้าไปซื้อเพิ่ม

วันต่อมา ก้อนำเงินไปเข้าพอร์ตเพิ่ม ให้มีเงินสดติดพอร์ตราว 20% เหมือนเดิม

วิธีนี้ต้องอาศัยความอดทน และการสังเกตการณ์ ครับ ...
______________________________________

** เมื่อเรามีเงินสดอยู่ในมือ นั่นคือโอกาสในการทำกำไร **

ชอบคำนี้มากๆ เลยครับ ไม่รู้ว่ามันมาจากหนังสือเล่มไหน ...

".....ลักษณะของคนกลุ่มใหญ่ก็คือ เวลาหุ้นขึ้น ดันมีเงินสดเต็มมือ แต่เวลาหุ้นตก ดันมีหุ้นเต็มมือ....."


:lol:

ตอนนี้ น่าจะ เลือกหุ้นที่ต้องการได้แล้วนะครับ

มีบางตัว ผมเริ่ม ดูๆแล้วหลังจากศึกษาจากในร้อยคนร้อยหุ้น  ประกอบกับ มีรุ่นน้อง ทำงานในกิจการนี้ด้วย

แต่ว่า ไม่มีเงินซื้อด้วยสิ   แดงเดือดแต่หุ้นผม ดันเขียวซะงั้น  :roll:  เวลาเค้าเขียวกัน ดัน แดง  :twisted:

เชิญเลือกตามสบายครับท่าน

"]

jaychou เขียน:อิทธิพลของอักษร I T V คงมากระทบกับ T V I ไม่มากก็น้อย

ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เด๋วรอช้อนใหม่นะครับ

โดนกันเต็มๆครับ วันนี้ ลองช้อนดีไหมครับ ระวังช้อนหักนะครับ.. หุ หุ..