หน้า 1 จากทั้งหมด 1
'เมืองใหม่นครนายก' - พี่ๆว่ามันจะเกิดจริงหรือเปล่าครับ?
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 28, 2003 7:09 pm
โดย คัดท้าย
ข่าวนี้อ่านแล้ว ดูอลังการจัง แต่มันจะทำจริงกันหรือเปล่าไม่รู้ แล้วถ้าเกิดจริง ใครจะได้ประโยชน์บ้างครับ จะได้ซื้อหุ้นดักถูกอิอิ :lol:
http://www.manager.co.th/Weekly/ViewNew ... 0000042779
ผ่าอาณาจักร 'เมืองใหม่นครนายก' ผุดศูนย์กลางการเงิน - ICT ดับเครื่องชนสิงคโปร์
Friday, November 28, 2003
โดยMGR ONLINE
เพียงไม่กี่วันกระแส "เมืองใหม่" ก็ดังเป็นพลุแตกทั้งไทยและเทศ หลายคนยังมองไม่ออกว่าภาพเมืองใหม่ที่คนไทยจะได้ยลโฉมนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร...?
นี่จะเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยได้ใช้"ผังเมือง"อย่างเต็มที่ ขณะที่ก่อนหน้าไม่เคยมีการนำผังเมืองมาใช้ก่อนที่จะมีการผุดโครงการ ส่วนใหญ่ผังเมืองจะเกิดขึ้นหลังจากชุมชนเมืองโตแล้วทั้งสิ้น
ผ่าอาณาจักรเมืองใหม่บ้านนา นครนายก นอกจากจะเป็นเมืองแห่งดิจิตอลไอเทค เมืองไร้มลพิษชนิดสมบูรณ์แบบแล้ว
แต่ทว่าเบื้องหลังจริงๆนายกฯทักษิณวางแผนที่จะปลุกปั้นเมืองใหม่แห่งนี้เป็นศูนย์กลางการเงินในภูมิภาคเลยทีเดียว เพื่อแข่งกับสิงคโปร์โดยตรง...!!!
อีกไม่เกิน 8 ปีคนไทยจะได้เห็นเมืองใหม่ไอเทคเกิดขึ้น...!
'เมืองใหม่นครนายก' - พี่ๆว่ามันจะเกิดจริงหรือเปล่าครับ?
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 28, 2003 7:10 pm
โดย คัดท้าย
ทำให้มีนัยที่ส่อให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะต้องนั่งเก้าอี้ตัวนี้จนถึงวันนั้น !!!
เพราะทุกย่างก้าวในการเกิดขึ้นของเมือง ใหม่หลายคนต่างมองไปในทิศทางเดียวกันว่า ต้องอาศัยมันสมองและการ"สั่งการ"ของเขาคนเดียวเท่านั้น มิเช่นนั้นเมืองใหม่แห่งนี้ก็จะไม่แตกต่างจากเมืองใหม่ช่วงที่พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรี เคยคิดและทำในพื้นที่ท่าตะเกียบ อำเภอสนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา
"ผมบอกได้เลยว่าการทำเมืองใหม่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่จังหวะนี้มันมีปัจจัยที่เอื้อที่จะทำให้เมืองใหม่เกิดขึ้นได้"นักวิชาการและนักการเมืองให้ความเห็นตรงกัน
แต่หากมองในแง่คนทำผังเมืองและนักปกครองเมืองมาก่อนอย่าง สว่าง ศรีศกุน อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมืองแล้ว เขาระบุว่า การทำเมืองใหม่จะต้องมีปัจจัยสำคัญๆ 3 ประการ จะขาด อย่างหนึ่งอย่างใดไม่ได้ นั่นคือ
1.เศรษฐกิจของประเทศต้องแข็งแกร่ง
2.เสถียรภาพของรัฐบาลมั่นคง
3.นายกรัฐมนตรีมีภาวะผู้นำสูง
"เมืองใหม่อย่างเมืองทามะที่ญี่ปุ่น เมืองปูตราจายา ของมาเลเซีย ต่างเกิดในช่วงที่เศรษฐกิจประเทศเติบโต ผู้นำมีภาวะผู้นำสูง"เขากล่าวและมั่นใจว่า นายกฯทักษิณ ชินวัตร จะทำให้เกิดเมืองใหม่ได้ ด้วยความที่เป็นคนมีวิสัยทัศน์ไกล ประกอบกับเป็นช่วงที่รัฐบาลมีความแข็งแกร่งในการบริหารจัดการประเทศ
คนในรัฐบาลต่างคาดหวังว่า เมืองนี้จะเกิดขึ้นเพื่อรองรับความสดใสในช่วงภาวะเศรษฐกิจไทยกำลังรุ่งโรจน์ อย่างที่นายกฯทักษิณ ชินวัตร เคยประกาศเอาไว้ว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 2547 จะมี GDP อยู่ที่ 8% ปี 2548 เติบโต 10% และหลังจาก นั้นก็จะอยู่ระดับสูงต่อเนื่อง
"ไทยรักไทยจะเป็นรัฐบาลถึง 20 ปี"เขาพูดในวันปิดงานประชุมหอการค้าไทยทั่วประเทศที่พัทยา ซึ่งทำให้นักธุรกิจและผู้ประกอบการทั่วประเทศปรบมือกันเกลียว
ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า ทุกอย่างที่ทำวันนี้ จะออกดอกออกผลในวันหน้า เหมือนอย่างมาเลเซีย ที่ใช้เมืองใหม่ปูตราจายาเป็นหัวหอกผลักดันขึ้นสู่ประเทศพัฒนาแล้ว
เผยเบื้องหลังเกิดเมืองใหม่
เมืองใหม่ที่กำลังพูดกันอยู่นี้ ต้นตอความคิดเกิดจากใคร เหตุใดรัฐบาลถึงได้ลงมือทำแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ไม่มีเค้าลางให้ทราบล่วงหน้าแม้แต่น้อย อีกทั้งนโยบายนี้ก็ไม่ได้อยู่ในแผนของพรรคไทยรักไทย เสียด้วย?
ว่ากันว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กล่าวให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีฟังว่า ในหลวงเคยปรารถไว้ว่าต้อง การเห็นเมืองใหม่ที่เป็นเมืองสะอาดไร้มลพิษ อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯเพื่อลดความแออัดเมืองหลวง
เพียงพระราชดำริไม่กี่คำเท่านั้น นายกฯทักษิณได้เดินหน้าหาทำเลก่อสร้างเมืองใหม่ในทางลับทันที ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่ทะเลาะกันว่า รัฐสภาแห่งใหม่จะอยู่ที่ไหน แต่กลับไม่มีใครพูดเมืองใหม่ที่จะเกิดขึ้น
หลังจากนั้นพ.ต.ท.ทักษิณก็เรียกหน่วยงานที่เกี่ยว ข้องไปศึกษาการทำเมืองใหม่ โดยเฉพาะกรม โยธาธิการและผังเมือง
จากคำสั่งเพียงไม่กี่คำ เขาและทีมงานต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับเมืองใหม่ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่เท่าไร จะต้องมีอะไรในเมืองบ้าง เมืองต้นแบบที่ต่างประเทศเคยทำแล้วเป็นอย่างไร
"ผมรับคำสั่งว่าท่านจะสร้างเมืองใหม่ อยู่ไม่ไกล จากกรุงเทพฯคือขับรถแค่1ชั่วโมงหรือครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ผมก็เริ่มจัดทีมงานสำรวจพื้นที่ โดยมุ่งไปที่บ้านนาทันทีเพราะเห็นว่า น่าจะเป็นสถานที่เหมาะสมที่สุด" สว่าง ศรีศกุน เล่า
สำหรับสว่าง ศรีศกุน นั้นก่อนหน้าที่จะมานั่งเป็นอธิบดีกรมโยธาฯเขาเคยเป็นผู้ว่าฯจ.อำนาจเจริญ ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการและลงท้ายที่ชลบุรี ก่อนจะมาตรงนี้เขาเป็นคนเสนอ โครงการแปลงสิทธิเป็น ทุนให้นายกฯ
"ผมเป็นคนแรกที่เสนอต่อที่ประชุมผู้ว่าฯซีอีโอ ให้มีนโยบาย แปลงสิทธิเป็นทุน ซึ่งท่านนายกฯฟังแล้วสนใจ ผมพูดต่อสาธารณะเลย เพราะเห็นว่า ทำไมโฉนดนส. 3ก.กับสปก.ซึ่งเป็นที่ดินทำ กินเหมือนกันแต่ทำให้ได้รับสิทธิต่างกัน เพราะสปก.ไม่สามารถ นำไปจำนองแบงก์ได้ แต่นส.3 ทำได้" สว่าง ย้อนความ ให้ฟังขณะนั่งเป็นผู้ว่าฯชลบุรี
น่าจะเป็นแนวคิดแปลงสิทธิเป็นทุนที่ไป "โดนใจ" กระมังทำให้ ผู้ว่าฯสว่าง ศรีศุกน เข้าตา นายกฯทักษิณ จึงได้นั่งเก้าอี้อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง และเป็นคนร่วมปลุกปั้นเมืองใหม่บ้านนา นครนายก
'เมืองใหม่นครนายก' - พี่ๆว่ามันจะเกิดจริงหรือเปล่าครับ?
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 28, 2003 7:11 pm
โดย คัดท้าย
ผุดศูนย์กลางการเงิน
สำหรับเมืองใหม่เอง เขายอมรับว่า นายกฯไม่เคยคิดว่าเป็นแค่เมืองใหม่ไฮเทค ผู้คนอาศัยด้วยระบบดิจิตอล ทันสมัย ไร้มลพิษอย่างเดียว แต่ต้อง มีมากกว่านั้นแน่นอน
แล้วพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต้องการให้เป็น อะไร ?
มันเป็นสิ่งที่หลายคนยังไม่เคยฟังจากปากของทักษิณ ชินวัตร แน่นอน! เพราะเขายังไม่เคยบอก ยุทธศาสตร์ของเมืองใหม่แม้แต่ น้อย เพียงแต่บอก ว่าเป็นเมืองไฮเทค
แต่จากการสอบถามบุคคลใกล้ชิด พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เล่าว่า นายกฯต้องการให้เมืองใหม่ บ้านนาแห่งนี้เป็นศูนย์กลางการเงินในภูมิภาค นอกเหนือจากการเป็นศูนย์กลางไอที ศูนย์กลางพลังงาน โดยมองเป้าหมายที่คู่แข่งอย่างสิงคโปร์
"ผมจะล้มสิงคโปร์ให้ดู"นายกฯ บอก
คำพูดของพ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้มองเห็นภาพเมืองใหม่ชัดเจนขึ้นเพราะภายในจะต้องมีอินฟาร์-สตรัคเจอร์สมบูรณแบบ และหากจะให้เป็นศูนย์ กลางการเงินในภูมิภาคก็จะต้องให้สิทธิอำนวยความ สะดวกแก่สถาบันการเงินต่างประเทศ
"ตัวอย่างเช่นฟูตง เชี่ยงไฮ้ ซึ่งแบงก์ต่างประเทศที่ต้องการจะเข้ามาเปิดเป็นโลคัลแบงก์ คือเปิดสาขาแบงก์ด้วยก็จะต้องมาตั้งสำนักงานใหญ่ที่นี่ ท่านคงคิดเหมือนกันคือแบงก์ต่างชาติที่จะมาเปิดใน ไทยจะต้องมาตั้งสำนักงานเปิดออฟฟิศที่เมืองใหม่นี้ ทำให้ต้องมีการลงทุนด้วย และภายในเมืองใหม่จะมีถนนที่กว้างใหญ่และมีทัศนยภาพที่ดีเหมือนที่เขต เศรษฐกิจฟูตง เซียงไฮ้ "คนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เล่า
ทั้งนี้ในการนับหนึ่งเมืองใหม่รัฐบาลได้จัดตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการเรื่องเมืองใหม่โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานฯและตั้งอนุกรรมการ 14 คณะ (อ่านสั่งตั้งอนุกรรมการ"14ชุด)
"ทั้งหมดจะทำงานไปพร้อมๆกัน ไม่ใช่มารอแบบผังเมืองใหม่เสร็จสิ้นก่อน ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดตั้งบรรษัทพัฒนาเมืองหรือที่เรียกว่า Urban Development Coperation หรือ UDC ซึ่งจะทำหน้าที่ในการระดมทุนเพื่อจ่ายค่าเวนคืนที่ดิน การออกพันธบัตรต่างๆ รวมทั้งการการเสนออกกฤษฎีกาเวนคืนที่ดิน เป็นต้น"
คาดปี 48 ยกเสาเอกเมืองใหม่
พื้นที่เมืองใหม่บ้านนา 2 แสนไร่จะแบ่งเป็นเขต ตัวเมือง 50,000 ไร่ แต่อาจจะเพิ่มเติมอีก 1-2หมื่นไร่เพื่อรองรับอนาคต เป็นอ่างเก็บน้ำ 3-5% มีมหาวิทยาลัย ซึ่งยังไม่ได้ระบุชี้ชัดว่าจะมีกี่แห่ง แต่ที่แน่ๆจุฬาลงกรณณ์มีที่ดินอยู่ในแถบนี้เช่นกัน รวมทั้งหน่วยราชการบางหน่วย ซึ่งยังไม่กำหนดเช่นกัน นอกจากนี้จะมีพื้นที่ก่อสร้างพระบรมมหาราชวังราชวัง ซึ่งจะเป็นพระราชวังขององค์พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวโดยตรง
"ขณะนี้อยู่ระหว่างเลือกสรรทำเลว่าจะอยู่ตรงไหน เท่าที่ตกลงตอนนี้น่าจะเป็นริมอ่างเก็บน้ำ จากเดิมที่วางแผนว่าจะก่อสร้างบนเขาชะโงก แต่มีปัญหาเรื่องอากาศเบาบาง"สว่าง อธิบาย
ภายในเมืองใหม่ประกอบด้วยที่พักอาศัย ซึ่งกรมโยธาฯจะใช้แบบก่อสร้างบ้าน อาคารที่เน้นความ เป็นไทย ซึ่งขณะนี้ได้ออกแบบเพื่อแจกจ่ายฟรีให้กับประชาชนในช่วงปีใหม่นี้ ตอนนี้ยังไม่ตกลงว่าจะนำที่ดินมาพัฒนาแล้วให้เอกชนก่อสร้างหรือว่าจะยกให้เอกชนไปดำเนินการเอง ซึ่งกำลังการศึกษากันอยู่
"เราจะนำแบบก่อสร้างที่เราแจกมาใช้ในเมืองใหม่ เพื่อให้เห็นความเป็นไทย ขณะเดียวกันผมก็เสนอว่า ภายในเมืองใหม่จะต้องมีโรงแรมหรู มีภัตตาคาร มีฟิตเน็ต มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อย่างประธานาธิบดีจีน-สหรัฐฯมาประชุมก็สามารถพักได้เลย เราจะมีศูนย์ประชุมนานาชาติ ศูนย์แสดงสินค้าหรุหราทันสมัย"
ในด้านสาธารณูปโภคนั้นได้มีการวางแผนไปพร้อมๆ กันการออกแบบสำรวจและกำหนดเขตพื้นที่ ซึ่งกรมโยธาฯอยู่ระหว่างทำสำรวจแผนที่ โดยกำหนด 1 ต่อ 4000 พร้อมกับวางแนวเขตเส้นทางต่างๆ
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นกับเมืองใหม่ สว่าง กล่าวว่า ประมาณการณ์คร่าวๆ 1 คนต่อ 1 ล้านบาท โดยคาดว่าจะมีคนอาศัยในเมืองใหม่ 2.5 แสนคน จะตกประมาณ 2.5แสนล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลา 8 ปีถึงจะเป็นเมืองสมบูรณ์
"สำหรับเสาเอกต้นแรกของเมืองใหม่จะลงปักประมาณปี 2548" เขาระบุ
'เมืองใหม่นครนายก' - พี่ๆว่ามันจะเกิดจริงหรือเปล่าครับ?
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 28, 2003 7:13 pm
โดย คัดท้าย
ดูต้นแบบเมืองทามะ-ปูตราจายา
อย่างไรก็ตามสำหรับเมืองใหม่ที่รัฐบาลเคยบอกว่าใช้เมือง ทามะ ญี่ปุ่น เป็นต้นแบบนั้น พบว่า รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศตั้งเมืองใหม่ทามะ เมืองปี 2511 โดยญี่ปุ่นได้ก่อตั้ง UDC ในการบริหารจัดการระยะเริ่มต้น โดยทามะห่างจากโตเกียว 60 กิโลเมตรการคมนาคมมีรถไฟฟ้า ทางด่วนเดินทางสะดวก ขณะนี้ก็ยังมีการพัฒนาเมืองใหม่อยู่ตลอดเวลา
"เป้าหมายคือการขยายเมือง เพราะโตเกียวแออัด ซึ่งต้องยอมรับว่า พื้นที่ประเทศญี่ป่นเป็นเกาะ 70% ทำให้พื้นที่มีน้อย การตั้งเมืองใหม่จึงแตกต่างจากของไทย"เพราะเมืองใหม่ที่คนต้องการเห็นจะต้องเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวามีการอาศัยอยู่จริงไม่ใช่เช้า ไปเย็นกลับ จนหลายคนเกรงว่าจะเป็นเมืองร้างในตอนกลางคืน
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเมืองที่รับบาลนำมาศึกษาไปพร้อมๆกันได้แก่ ฟูตง เชี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นเมืองใหม่ที่เน้นเรื่องศูนย์กลางการเงิน การค้าและอุตสาหกรรมของจีน ขณะที่ออสเตรเลีย มีเมืองใหม่แคนเบอร่า โดยย้ายสถานที่ราชการมาอยู่ที่นี่
ต้นแบบเมืองใหม่อีกแห่งก็คือ ปูตราจายา ของมาเลเซีย เมืองใหม่แห่งนี้จะเสร็จสิ้นในปี 2010 โดยจะมีเมืองคู่แฝดคือเมือง ไซเบอจายา เป็นเมืองไอที ซิลิคอนวอลเล่ เพราะประเทศมาเลเซียประกาศว่าจะให้ปี 2020 มาเลเซียจะเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ทำให้เมืองใหม่ปูตราจายาเป้นพระเอกในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งเมืองใหม่นี้ห่างจาก เมืองหลวงกัวลาลัมเปอร์ 25 กม.
"ในกลางเดือนหน้าคณะท่านรองนายกฯวิษณุ (เครืองาม) และผมจะไปดุเมืองใหม่ปูตราจายา มาเลเซีย ซึ่งเราจะนอนที่เมืองนี้ด้วย เราจะไม่นอนที่กัวลาลัมเปอร์เพราะต้องการเห็นสภาพการ ใช้ชีวิตจริงๆของคนในเมืองใหม่ ดูสถานที่ท่องเที่ยว บันเทิงต่างๆแล้วนำมาวิเคราะห์"สว่าง ศรีศกุน อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กล่าว
คนมาอยู่ต้องมีรายได้ 3.5 หมื่นบาท
สำหรับคนที่จะเข้ามาอยู่เมืองใหม่ของไทยเขายอมรับว่า จะต้องเป็นคนที่มีความรู้สูง ทำงานขายมันสมองเป็นหลัก เป็นมืออาชีพ ไม่ใช่ขายแรงงานอย่างปกติ
"เราคาดว่าคนที่จะมาอยู่จะต้องมีรายได้ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 35,000 บาทเพราะราคาบ้านที่อยู่อาศัยมีต้นทุนสูงกว่า ซึ่งคนเหล่านั้นอาจจะมีอาชีพโปรแกรมเมอร์ ประกอบวิชาชีพ บริหารการเงินต่างๆ"
จุดเด่นก็คือเส้นทางสู่เมืองใหม่ นครนายก มีสถานศึกษาเปิดขึ้นมารองรับจำนวนมากก่อนหน้านี้แล้วไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยกรุงเทพ รังสิต ธรรม-ศาสตร์ ศรีนครินทรวิโรฒ เป็นต้น จึงน่าจะเป็นการ รองรับคนทำงานที่มีการศึกษาสูงได้ทันที
บูมพื้นที่"4แห่ง"สร้างเมืองบริวาร
"ทักษิณ"สั่งผังเมืองให้เข้าไปศึกษาและพัฒนาพื้นที่โดยรอบของโครงการเมืองใหม่นครนายก ในรัศมี 30 กม.จากศูนย์กลาง เป็นเมืองบริวาร คาดจะมีพื้นที่ ได้อานิสงส์เป็นเมืองบริวาร "4แห่ง" ที่มีความโดดเด่นในด้านที่อยู่อาศัยและสถาน ศึกษาล่าสุดมูลนิธิ จุฬาฯเตรียมพัฒนาที่ 8,000 ไร่ สร้างมหาวิทยาลัยพร้อมที่พักแล้ว
หลังจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตัดสินใจประกาศที่จะสร้างเมืองใหม่ขึ้น โดยวางรูปแบบไว้ว่าต้องเป็นเมืองที่สะอาดปราศจากมลพิษหรือ "Modern City"ทำให้ต้องมีการวางระบบของเมืองที่อยู่รายรอบในรัศมี 30 กิโลเมตรหรือ"เมือง บริวาร"ไปพร้อมๆกับการสร้างเมืองใหม่เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาต่อการพัฒนาในอนาคต
กำหนดพื้นที่เมืองบริวาร
แม้จะไม่มีใครสามารถ"ชี้จุด"อย่างชัดเจนลงไปว่าพื้นที่ที่เป็นศูนย์กลางของเมืองใหม่นั้นจะอยู่ที่ใด แต่มีการคาดการณ์จากผู้ที่เกี่ยวข้องในการจัดทำโครงการเมืองใหม่ ระบุว่า จะมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่โรงเรียนนายร้อย จปร.ที่เขาชะโงก จากนั้นจะมีการขีดวงออกไปซึ่งภายในพื้นที่ที่ถูกขีดวงไว้นั้น จะถูกพัฒนาเป็นเมืองใหม่ที่เป็นศูนย์กลางการเงินและไอซีที ส่วนบริเวณที่จะจัดทำเป็น"เมืองบริวาร"จะอยู่ในเป้าหมายดังนี้
1.อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก จะเป็นเมืองที่อยู่อาศัยและการศึกษา
2.อำเภอวิหารแดง จังหวัดสระบุรี จะถูกกำหนดให้เป็นเมืองบริวารที่เน้นด้านอุตสาหกรรม
3.พื้นที่บริเวณองค์รักษ์ ประมาณคลอง 19 ที่ติดกับอำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี จะเป็นเมืองด้านการศึกษาและสาธารณสุข
4.พื้นที่อำเภอเมืองนครนายก จะเป็นเมืองท่องเที่ยว
'เมืองใหม่นครนายก' - พี่ๆว่ามันจะเกิดจริงหรือเปล่าครับ?
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 28, 2003 7:14 pm
โดย คัดท้าย
จุฬาปัดฝุ่นที่ 8 พันไร่รองรับเมืองใหม่
แหล่งข่าวอธิบายต่อว่า มีการวางรูปแบบของเมืองบริวารไว้ว่าอำเภอบ้านนา จะใช้เป็นเมืองที่เป็นที่อยู่อาศัยจะใช้รองรับคนที่ทำงานในเขตอุตสาหกรรมทับกวางและคนที่ทำงานในโรงปูนซิเมนตอำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ขณะที่พื้นที่ทางตอนใต้ของอำเภอบ้านนาซึ่งใกล้กับที่ตั้งของเมืองใหม่จะเป็นที่ตั้งของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งมูลนิธิจุฬาลงกรณ์ได้เข้าไปซื้อที่ดินบริเวณนี้ จำนวน 8,000 ไร่ โดยจุฬาฯมีแผนที่จะย้าย"แคมปัส"ที่จะเปิดใหม่มาที่นี่ทั้งหมด
"จุฬาฯได้ซื้อที่ตรงนี้ไว้นานแล้ว โดยจะอยู่ห่างจากพื้นที่ของการเคหะแห่งชาติประมาณ 8 กม.(จากถนนตัดสายสระบุรี-โคราช)ประมาณ 5 กม.จะเป็นที่ดินของการเคหะแห่งชาติตั้งอยู่ซ้ายมือ"
สำหรับรูปแบบของจุฬาฯ ซึ่งในอนาคตมหาวิทยาลัยต้องออกนอกระบบแน่นอนจุฬาฯจึงเตรียมแผนรองรับโดยการวางระบบการศึกษาแบบครบวงจร เช่นคณะสัตวแพทย์ จะมีทั้งโรงพยบาลสัตว์ ห้องทดลอง คณะวิศวกรรมศาสตร์เขาก็จะมีห้องทดลอง ห้องปฏิบัติการของตัวเอง
"จุฬาฯจะใช้พื้นที่บริเวณนี้พัฒนาให้เป็นที่อยู่อาศัยของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของเขาทั้งหมด บางส่วนจะจัดสรรที่ดินแบ่งขายให้กับข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทุกคนทั้งที่ทำงานอยู่และที่เกษียณไปแล้วเพราะพื้นที่นี้เป็นของมูลนิธิจุฬาฯ"
สำหรับอำเภอองครักษ์กับอำเภอหนองเสือ จะเป็นเมืองบริวารที่เน้นให้เป็นสถานศึกษาและศูนย์กลางสาธารณสุข โดยพื้นที่ทางตอนเหนือของอำเภอองครักษ์ซึ่งเป็นรอยต่อกับหนองเสือเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยศรี นครินทรวิโรฒ ประสานมิตร และโรงพยาบาลของสมเด็จพระเทพฯ
"ด้านเหนือมหาวิทยาลัยศรี นครินทรวิโรฒ บริษัทโคคา-โคลา ได้ไปกว้านซื้อที่ดินไว้กว่า 1,000 ไร่ เพื่อจะสร้างเป็นโรงงานขนาดใหญ่ที่จะผลิตสินค้าป้อนในภูมิภาคอินโดจีน"
นครนายกเมืองท่องเที่ยว
ด้านพื้นที่อำเภอเมืองนครนายกฝั่งตะวันออก จะถูกปรับปรุงเป็นเมืองบริวารด้านการท่องเที่ยว ซึ่งในพื้นที่นี่จะมีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากมาย อาทิ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ น้ำตกสาริกา สวนสีดา น้ำตกนางรอง วังตะไคร้ น้ำตกเหวนรก เป็นต้น
ส่วนเมืองบริวารที่จะถูกพัฒนาให้เป็นเมืองอุตสาหกรรมได้แก่อำเภอวิหารแดงทางด้านทิศเหนือซึ่งมีพื้นที่ติดกับอำเภอแก่งคอย ปัจจุบันวิหารแดงมีโรงงานอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดใหญ่ตั้ง10 แห่ง
"เมืองบริวารที่ถูกจัดตั้งขึ้นมานี้จะมีกิจกรรมของตัวเองแต่เป็นกิจกรรมขนาดเล็ก เช่นมีย่านการค้าของตัวเองเป็นช้อปปิ้งมอลล์ขนาดเล็ก มีโรงพยาบาลขนาดเล็ก มีโรงเรียนมัธยม อนุบาลและมีสถานที่เพื่อพักผ่อนหรือออกกำลังกายเล็กๆแต่จะไม่ใหญ่เหมือนเมืองแม่"
ดังนั้นทิศทางการขยายของเมืองในอนาคตจะเริ่มขยายขึ้นไปตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งปัจจุบันการขยายของเมืองจะหยุดอยู่ที่อำเภอลำลูกกา ซึ่งทิศทางการขยายตัวของเมืองนั้นจะดุได้จากโครงการเมืองใหม่ของกรมการปกครอง ซึ่งจะเกิดขึ้นแน่นอนไม่เกินปี 2547
เจาะแผนสร้าง "ศูนย์กลางไอซีที" แห่งเอเชีย
กระทรวงไอซีที เร่งจัดทำระบบโครงสร้าง เทคโนโลยี่สารสนเทศในเมืองใหม่นครนายก เพื่อยกระดับให้ไทยเป็นศูนย์กลางไอซีทีแห่งภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ทีมีที่มีศักยภาพเหนือกว่าสิงคโปร์และมาเลเซียประเทศเพื่อนบ้านคู่แข่งคนสำคัญ
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ซึ่งได้รับมอบหมายให้ดูแลระบบโครง สร้างเทคโนโลยีสารสนเทศให้พื้นที่เมืองใหม่นครนายก กล่าวว่าเมืองใหม่นครนายกที่จะเกิด ขึ้นจะทันสมัยยิ่งกว่าจังหวัดภูเก็ต เชียงใหม่และขอนแก่น 3 เมืองนำร่องโครงการไอซีทีซิตี้อย่างมากมาย และเป็นเหมือนศูนย์กลางไอซีทีแห่งใหม่ของประเทศ
ในเมืองใหม่นครนายกจะมีการวางระบบโทรศัพท์พื้นฐานและโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความ เร็วสูงหรือบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต ที่จะให้ผู้ที่เข้ามาทำกิจกรรมทั้งในส่วนของหน่วยงานรัฐ-เอกชน นักธุรกิจ และประชาชนได้ใช้อย่างกว้าง ขวาง ตามแผนการที่วางไว้ถ้าวางระบบจนเมืองใหม่เป็นรูปร่างสมบูรณ์แล้ว จะกลายเป็นเมืองในฝัน เพราะเป็นการออกแบบตั้งแต่พิมพ์เขียว ต่างกับเมืองไอซีทีเป็นเมืองที่มีโครงสร้างเดิมอยู่แล้ว การไปปรับเปลี่ยนโครงสร้างเดิมยากกว่า การเริ่มต้นจากศูนย์
ศูนย์กลางไอซีทีแห่งภูมิภาคเปรียบเสมือน จิ๊กซอว์สำคัญตัวเติมเต็มแนวคิดการสร้างเมืองใหม่ให้สมบูรณ์ที่สุด ซึ่งแนวยุทธศาสตร์หรือคอนเซ็ปต์ของการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นศูนย์ กลางไอซีทีของไทยนั้น จะต้องเป็นเมืองที่ได้รับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการให้บริการโทรศัพท์ บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง โดยมีการขยายเครือข่ายต่างๆ อาทิ เคเบิลใยแก้ว เคเบิลใต้น้ำ และดาวเทียม ไว้รองรับการสื่อสาร ที่ต้องเชื่อมโยงกับทุกประเทศได้โดยตรง พร้อมๆ ไปกับการสื่อสารกับคนทั้งโลกได้อย่างง่ายดาย
ภายในศูนย์กลางไอทีนี้ ยังต้องมีการพัฒนาระบบฐานข้อมูลภาครัฐและเอกชน โดยการจัดทำแผนแม่บทสารสนเทศ ติดตั้งระบบข้อมูลและเครือข่ายสนับสนุนระบบข้อมูลของหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งการพัฒนาคน โดยการเพิ่มหลักสูตรในสถานศึกษา (School net) ฝึกอบรมบุคลากร ผลิตบุคลากรด้านคอมพิวเตอร์ในระดับต่างๆ ให้เกิดศักยภาพและมีประสิทธิ ภาพพร้อมที่จะรองรับการใช้เทคโนโลยีอันล้ำสมัยในอนาคตได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ศูนย์กลางไอซีทียังต้องมีการพัฒนาทางด้านธุรกิจ ซึ่งมีความเกี่ยวเนื่องกับเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ และการสนับสนุนการพัฒนาอื่นๆ ไปพร้อมกับการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีโดยการลดค่าใช้จ่าย ส่งเสริมการใช้สารสนเทศในภาคเอกชนให้ใช้สารสนเทศติดต่อกับหน่วยงานรัฐ (E-commerce)
หัวใจของศูนย์กลางไอซีทีแห่งภูมิภาค จะต้องอาศัยงบประมาณจำนวนมหาศาล ในการยกระดับ พัฒนา และลงทุนในโครงการลงทุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ไม่ว่าจะเป็น โครงการจัดทำแผนที่ฐาน (Base Map) ของเมืองใหม่ โครงการจัดตั้งสารสนเทศของเมืองใหม่ โครงการพัฒนาเครือข่ายสารสนเทศภาครัฐ โครงการบริการเบ็ดเสร็จ โครงการติดตั้งอุปกรณ์บริการข้อมูลการท่องเที่ยว โครงการบริการเพื่อการลงทุน โครงการการค้าอิเล็กทรอนิกส์ โครงการส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ และโครงการอื่นๆ ที่มีความจำเป็นสำหรับการเป็นศูนย์กลางไอซีทีแห่งภูมิภาคจะต้องถูกเชื่อมโยง เข้ามาจัดสร้างให้เป็นระบบและพร้อมที่จะใช้งานได้ทันที
"ศูนย์กลางไอซีทีจำเป็นที่จะต้องมีโครง สร้างการให้บริการด้านโทรคมนาคมที่ดีที่สุด ขณะเดียวกันจะต้องมีการขยายโอกาสการเรียน รู้ให้ทั่วถึงครอบคลุมไปยังทุกพื้นที่ รวมทั้งมีความจำเป็นที่จะต้องมีการส่งเสริมอุตสาหกรรม ซอฟต์แวร์ให้เกิดขึ้นในศูนย์กลางไอซีทีแห่งนี้ เพราะจะสร้างรายได้มหาศาลเข้าประเทศในอนาคตเหมือนอย่างเช่นประเทศอินเดีย" รมว.ไอซีทีกล่าว
ดังนั้นนโยบายในการพัฒนาเมืองใหม่นครนายกให้มีความสมบูรณ์และมีความทัน สมัยด้านเทคโนโลยี่สารสนเทศที่มีประสิทธิภาพสูง กว่าประเทศมาเลเซียและสิงค์โปรได้สำเร็จ จะสามารถดึงดูดนักลงทุนจากต่างชาติเข้ามาลงทุน ในเมืองใหม่ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตตามที่รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ได้ กำหนดเป็นยุทธศาสตร์ไว้
'เมืองใหม่นครนายก' - พี่ๆว่ามันจะเกิดจริงหรือเปล่าครับ?
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 28, 2003 7:15 pm
โดย คัดท้าย
สั่งตั้งอนุกรรมการ "14 ชุด" คาดโทษทำไม่ได้เปลี่ยนตัว
ตั้งคณะกรรมการ 14 ชุด เร่งสร้างเมืองใหม่ตาม"ประกาศิต"นายกฯชี้อนุฯทุกคณะต้องทำงานแบบคู่ขนานด้วยการวางแผนพร้อมกับการลงมือปฏิบัติ ระบุทุกคนต้องทำงานให้ทันกำหนด หากทำไม่ได้พร้อมหาคนอื่นทำแทน
นโยบายการ"สร้างเมืองใหม่"ถือเป็นงานที่ "หิน" ที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับโครงการต่างๆที่เคย ทำมาแล้วเนื่องจากหน่วยงานที่รับไปปฏิบัติเช่นกรมโยธาธิการและผังเมืองต้อง"วางแผน"และลงมือปฏิบัติไปพร้อมๆกันเพื่อให้ทันกำหนดที่นายกรัฐมนตรีมี "ประกาศิต"ให้แล้วเสร็จในอีก 4 ปีข้างหน้า
ผู้รับผิดชอบโดยตรงอย่างกรมโยธาธิการและผังเมืองจึงต้องทำหน้าที่ สำรวจ วางผังเมือง การกำหนดเขตพื้นที่ วางระบบสาธารณูปโภค สาธารณูปการ ทำรายละเอียดของอาคารพาณิชย์ ศูนย์การค้า อุตสาหกรรม โรงแรม พร้อมกันนี้กรมโยธาธิการ ได้เสนอต่อที่ประชุมให้มีการตั้งอนุกรรมการขึ้นมาใหม่ทั้งหมด 14 คณะเพื่อช่วยให้การทำงานสะดวกรวดเร็วและเห็นผลตาม กรอบระยะเวลาที่กำหนด
นายสว่าง ศรีสกุล อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กล่าวกับ"ผู้จัดการรายสัปดาห์"ว่าใน ระหว่างมีการประชุมพิจารณาการสร้างเมืองใหม่ได้มีการเสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการชุดใหญ่เพื่อบริหารเมืองใหม่ขึ้นโดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงที่เกี่ยวข้องเป็นคณะกรรมการ และจะแยกเป็นคณะอนุกรรมการอีก 14 ฝ่าย เช่น 1.อนุกรรมการฝ่ายผังเมือง 2. อนุ-กรรมการฝ่ายสาธารณูปโภคซึ่งจะต้องเข้า ไปดูแลในเรื่องประปา ไฟฟ้า บำบัดน้ำเสีย 3.อนุ-กรรมฝ่ายสิ่งแวดล้อม 4.อนุกรรมการฝ่ายอุตสาหกรรมสะอาด 5.อนุกรรมการฝ่ายการศึกษา 6.อนุกรรมการจัดการปกครองเมืองใหม่ 7.อนุกรรมการฝ่ายส่งเสริมการลงทุน ที่จะต้องดูแลมาตรการภาษีต่างๆ เพื่อจูงใจให้นักธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้ามาลงทุน
8.อนุกรรมการฝ่ายการสาธารณสุข 9.อนุกรรมการฝ่ายการขนส่งระหว่างเมือง 10. อนุกรรมการฝ่ายวัฒนธรรม 11.อนุกรรมการฝ่าย ที่อยู่อาศัย เป็นต้น
อย่างไรก็ดีเพื่อให้กรอบการทำงานเป็นไปตามแผนงานที่นายกรัฐมนตรีกำหนดไว้นั้นคณะทำงานที่มีกรมโยธาธิการและผังเมือง เป็นหลักนั้น ได้กำหนดขั้นตอนต่างๆ ไว้คร่าวๆว่า ใน ระหว่างที่กำลังยกร่างจัดตั้งคณะกรรมการนั้นกรมโยธาธิการต้องทำการสำรวจพื้นที่ วางผังเพื่อลงแผนที่ 1:4000 ให้แล้วเสร็จภายใน 4 เดือน
จากนั้นจะจัดให้มีการประชุมคณะกรรม การชุดใหญ่เพื่อประชุมพิจารณาผังเมืองรวมและเสนอกฎหมายเพื่อออกเป็นพระราชกฤษฎี กาเวณคืนที่ดินให้ทันการเปิดสภาในสมัยหน้าหรือในราวเดือนพฤษภาคม 2548 ส่วน และคาดว่าจะสามารถดำเนินการเวณคืนแล้วเสร็จไม่เกิน 2 ปีนับจากนี้ไป
ขณะเดียวกันคณะอนุกรรมการที่เกี่ยว ข้องจะต้องเร่งศึกษาและออกทีโออาร์เพื่อสามารถเปิดประมูลหาบริษัทที่ปรึกษามาทำการออก แบบเมืองใหม่เพื่อที่จะดำเนินขั้นตอนต่อไปได้
"ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องตื่นตัว โดยเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาสำรวจ วางผัง ต้องเร่งปฎิบัติ เพราะโครงการนี่นายกรัฐมนตรี ต้องการให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างโดยเร็ว เพราะถ้าทำไม่ได้ นายกฯก็ต้องหาคนที่ทำได้มาทำแทน "อธิบดีกรมกรมโยธาธิการและผังเมือง กล่าว
'เมืองใหม่นครนายก' - พี่ๆว่ามันจะเกิดจริงหรือเปล่าครับ?
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 28, 2003 7:16 pm
โดย คัดท้าย
"คลัง" ยันไทยพร้อมแข่งสิงคโปร์
"ที่ปรึกษารมว.คลัง"ยัน ไทยพร้อมเดินหน้าเป็น ศูนย์กลางการเงินในภูมิภาคแข่งกับสิงคโปร์ เพราะมีขนาดการค้าขายมากเมื่อเทียบกับเศรษฐกิจรวมของประเทศ อีกทั้งยังมีธุรกรรมทางการเงินที่หลากหลาย แบบไม่ต้องพึ่งสถาบันต่างชาติ พร้อมเดินหน้าเป็นศูนย์กลางสั่งซื้อ-สั่งขายหลักทรัพย์แข่งฮ่องกง...
ดร.รุ่งเรือง พิทยะศิริ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่าการที่เป็นประเทศศูนย์กลาง ทางการเงินได้นั้น มี 2 รูปแบบ แบบหนึ่งคือมีธุรกรรม ทางการค้ามาก ทั้งการนำเข้า การส่งออก มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดี มีทรัพยากรธรรมชาติ และมีนโยบายรัฐบาลเอื้อต่อการเป็นประเทศศูนย์กลางทาง การค้า โดยจะเป็นประเทศที่ให้ประเทศอื่นมาอาศัยการเติบโตของประเทศนั้น ๆ เป็นแหล่งลงทุน
แบบที่ 2 คือเป็นศูนย์กลางทางการเงินระดับบน โดยประเทศที่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจมานานแล้ว อาจจะไม่ใช่่เป็นประเทศมีการทำธุรกรรมในประเทศมาก ทั้งการนำเข้าและส่งออก แต่เนื่องจากเป็นประเทศที่โดดเด่นด้านการใช้เทคโนโลยี มีความเป็นธรรมทางกฎหมายที่เชื่อถือได้ มีค่าใช้จ่ายในการขนส่งต่ำ มีระบบภาษีที่สนับสนุนการทำธุรกรรมทาง การเงิน และที่สำคัญต้องเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางผลิตภัณฑ์ทางการเงินมาก เช่น ประเทศนั้นมีการค้าขายตลาดอนุพันธ์ที่เป็นเรื่องของการซื้อขาย ความเสี่ยงในอนาคตเพื่อปกป้องความเสี่ยงในปัจจุบันมากน้อยแค่ไหนด้วย ซึ่งความน่าเชื่อถือของประเทศเหล่านี้จะเป็นปััจจัยสำคัญที่สุด ที่ทำให้ประเทศอื่นมีความสนใจทำธุรกรรมผ่านประเทศนั้น ๆ โดยไม่ได้เข้าไปค้าขายในประเทศนั้น แต่เข้ามาทำ clearing เท่านั้น
สำหรับประเทศไทย ดร.รุ่งเรือง กล่าวว่า ไทยมีความพร้อมมากที่จะเป็นศูนย์กลางทางการเงินในแบบแรก คืออาศัยปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ดี โดยเฉพาะเรื่องของธุรกรรมทางการค้าขายที่ไทยมีความเด่นชัด ทั้งมีขนาดการค้าขายมากเมื่อเทียบกับเศรษฐกิจรวมของประเทศ มีทรัพยากรธรรมชาติเอื้อต่อการเป็นประเทศที่เป็นฐานการผลิต ด้านนโยบายด้านภาษีก็มีแผนจัดตั้งเขตสินค้าปลอดภาษี
ส่วนนโยบายของรัฐบาลก็สนับสนุนส่งเสริมผู้ประกอบการรายย่อยให้มีศักยภาพในการแข่งขัน ซึ่งในส่วนของเศรษฐกิจ ไทยก็มีระบบเศรษฐกิจที่ทันสมัย คือมีระบบหักล้างทางบัญชีที่รวดเร็ว มีระบบบัญชีสมัยใหม่ รวมทั้งจะมีการปฏิรูปกฎหมายอีกหลายฉบับ ที่จะยิ่งทำให้ประเทศไทยมีความน่าเชื่อถือจากต่างชาติ ให้เข้ามาลงทุนเพิ่มมากขึ้น
"ถ้าเทียบกับสิงคโปร์แล้ว ตอนนี้ไทยก็ดีกว่า ส่วนจีน คงจะไปเปรียบเทียบด้วยไม่ได้ เพราะจีนเป็นประเทศที่ปิดมานาน พอเปิดประเทศก็เป็นการเติบโต แบบก้าวกระโดด เพราะมีการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่เร็ว และแรง"
ดร.รุ่งเรือง ยอมรับว่า อดีตรัฐบาลเคยมีแนวคิด ที่จะนำสถาบันการเงินของต่างประเทศมาเปิดขยายสาขาในประเทศไทย แต่ปัจจุบันระบบสถาบันการเงิน ของไทยมีความทันสมัยมากขึ้นมาก หลังจากรัฐบาลได้ปฏิรูประบบสถาบันการเงิน ทำให้สถาบันการเงินของไทยมีทิศทางทางการเงินแบบ Universal banking คือแบบครอบจักรวาล มีการทำธุรกรรมที่หลากหลายมากขึ้น จากเดิมที่มีแค่เงินฝาก เงินกู้ และก็มีการทำ L/C เล็กน้อย มาปัจจุบันที่มีทั้งการประกันความเสี่ยง มีการทำการซื้อขายล่วงหน้า มีการทำ Securitization มีสินเชื่อเพื่อการบริโภคที่หลากหลาย มีทั้งบัตรเครดิต สินเชื่อแบบ personal Loan สินเชื่อแบบเช่าซื้อ ด้านอสังหาริมทรัพย์ก็มีสินเชื่อแบบตลาดแรก ตลาดรอง ซึ่งมีความหลากหลายมาก
โดยเมื่อเทียบระหว่างสถาบันการเงินของไทยกับต่างประเทศ ขณะนี้ก็มีธุรกรรมทางการเงินไม่ต่างกันนัก อีกทั้งสถาบันการเงินของไทยไม่ต่ำกว่า 3 ปัจจุบันยังมีหุ้นส่วนเป็นชาวต่างประเทศอยู่อีกจำนวนหนึ่ง ทำให้ไทยสามารถนำเทคนิคทางการเงินจากต่างประเทศมาปรับใช้ในประเทศได้มากขึ้นอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ไทยจึงไม่จำเป็นต้องดึงสถาบันการเงิน ของต่างชาติมาขยายสาขาในไทย เพื่อสร้างความน่าเชื่อ ถือตามที่คิดไว้แต่แรก เพราะมีความพร้อมด้วยตัวเอง
นอกจากนี้รัฐบาลก็มีนโยบายที่จะให้สถาบันทาง การเงินเข้าไปช่วยประกันความเสี่ยงให้กับตราสารทุน ของบริษัทเอกชนอีกด้วย ซึ่งเป็นการสนับสนุนให้ภาคเอกชนทำธุรกรรมทางการเงินเพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่ง
สำหรับเรื่องการเป็นศูนย์กลางการสั่งซื้อ-สั่งขายหลักทรัพย์ นั้น ดร.รุ่งเรืองยอมรับว่า ไทยยังสู้ฮ่องกงไม่ได้ เพราะอัตราแลกเปลี่ยนของฮ่องกงมีความมั่นคงกว่าของไทย ดังนั้นจะต้องพัฒนาให้อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินบาทมีความมั่นคงและแข็งแรงกว่าจึงจะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการสั่งซื้อ-สั่งขาย หลักทรัพย์แข่งกับฮ่องกงได้
สนข.สร้างด่วนถนด่วนเชื่อมบ้านนา
สนข.สำรวจพื้นที่สร้างทางด่วนเชื่อมกทม.-เมืองใหม่ -โคราช พร้อมก่อสร้างถนนใหม่และรถไฟความเร็วสูงเพื่อให้การเดินทางสะดวก รวดเร็ว ส่วนกรมทางหลวง วางแผน ขยายรังสิต-องค์รักษ์ เป็น 8-10 ช่องจราจร
คำรบลักขิ์ สุรัสวดี ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) กล่าวว่า สนข.เตรียมหาแนวทางการเดินรถให้มีความสะดวกไว้แล้ว โดยจะทำการตัดถนนใหม่ไปยังอำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก ซึ่งจะตัดถนนใหม่จากบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ จังหวัดนครนายกตรงยังกรุงเทพฯได้เลย จะมาออกบริเวณถนนรามอินทรา ประมาณกม.5-8 ซึ่งเส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่ทหารได้สำรวจไว้แล้ว และนับตั้งแต่มีกระแสข่าวว่ารัฐบาลจะสร้างเมืองใหม่ ทางสนข.ได้ทำการสำรวจพื้นที่จากภาพถ่ายทางอากาศและดูพื้นที่จากที่สูงแล้ว แต่การสำรวจพื้นที่จริงยังไม่ได้สำรวจ คาดว่าจะเริ่มสำรวจพื้นที่ จริงในเร็วๆ นี้ ทั้งนี้ ในเบื้องต้นเห็นเป็นเส้นทางที่ดีน่าจะตัดใหม่ เพื่อใช้เป็นเส้นทางเดินทางไปยังเมืองใหม่บ้านนา
"โครงการตัดถนนเส้นนี้ น่าจะผ่านการอนุมัติจากรัฐบาล เพราะจะเป็นเส้นทางที่สะดวก และใช้เวลาในการเดินทางไม่นานมาก ซึ่งตรงตาม นโยบายที่นายกฯทักษิณต้องการทุกอย่าง ซึ่งจะตัดถนนขนาด 6 ช่องจราจร"
นอกจากการตัดถนนเส้นใหม่แล้ว จะมีระบบทางด่วนต่อจากทางด่วนอาจณรงค์-ราม อินทรา ที่เดินทางไปนครราชสีมาเป็นเส้นทางลัดที่ผ่านอำเภอบ้านนา นครนายกด้วย ในส่วนของระบบราง การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะทำรถไฟความเร็วสูง เฉลี่ยที่ 140-160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเส้นทางนี้ อาจจะมีช่วงเบี่ยงเข้าสนาม บินสุวรรณภูมิด้วย เพื่อให้การเดินทางเป็นโครงข่ายที่สมบูรณ์สามารถเดินทางเชื่อมต่อกันได้ ขยายรังสิต-องค์รักษ์ 10 ช่องจราจร
ขณะเดียวกัน ถนนสายเดิมที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ก็จะถูกปรับปรุงและเพิ่มช่องทางให้การเดินทางสะดวกมากขึ้น ซึ่งกรมทางหลวง (ทล.) จะเป็นผู้ดูแล โดยเส้นทางที่นิยมใช้กันอยู่ทุกวันนี้ คือทางหลวงหมายเลข 305 รังสิต-องค์รักษ์-นครนายก ใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯถึงนครนายกเพียง 45 นาทีเท่านั้น แต่มีปัญหาช่วงขาออกจากนครนายก เพื่อเข้ากรุงเทพ การจราจร จะติดขัดมาก ตั้งแต่ ช่วงคลอง 3-4 มาจนถึงบริเวณฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต เพราะเป็นคอขวด ซึ่งต้องใช้เวลานานเกือบครึ่งชั่วโมงหรือมากกว่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์
ปัญหานี้กรมทางหลวง .พยายามที่จะหาแก้ปัญหาอยู่แล้ว อาจจะต้องขยายช่องจราจรออกเป็นอย่างน้อย 8-10 ช่องจราจร เพื่อลดปัญหาการ จราจรติดขัด ซึ่งการขยายถนนทำได้ไม่ยาก เพราะมีแนวทางไว้แล้ว
สำหรับถนนรังสิต-วังน้อย-แก่งคอย-บ้านนา ปัจจุบันเป็นถนนขนาดใหญ่ 8 ช่องจราจร ไม่จำเป็นต้องขยายอีก เพราะสามารถรองรับการเดิน ทางได้อยู่แล้ว แต่ถนนชำรุดมาก จำเป็นต้องปรับปรุงให้ดีขึ้น
คำรบลักขิ์ กล่าวอีกว่า นอกจากแผนการรอง รับการเติบโตของศูนย์ราชการแห่งใหม่ หรือเมือง ใหม่แล้ว ในกรุงเทพฯและปริมณฑล ทางสนข.ก็เตรียมการหาทางแก้ปัญหาการจราจรติดขัด ด้วยการแก้ไขระบบทางเดินรถแบบวันเวย์ ทูเวย์ และจุดตัดบริเวณสี่แยกทั่วกรุงเทพฯ เพื่อให้การเดิน รถคล่องตัวมากที่สุด รวมถึงการก่อสร้างสะพานข้ามทางแยก และทำอุโมงค์ต่างๆ เป็นต้น
============== จบ (ซะที ) ================
'เมืองใหม่นครนายก' - พี่ๆว่ามันจะเกิดจริงหรือเปล่าครับ?
โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 08, 2003 9:26 pm
โดย champ
คุณคัดท้าย คิดว่าเมืองใหม่จะเกิดขึ้นจริงหรือครับ
ผมยังเฉยๆกับข่าวนี้นะครับ
ผมว่าการที่สร้างเมืองใหม่นี้ขึ้นมา
ถ้าไม่มีการย้ายหน่วยงานราชการออกไปจากกรุงเทพ
ไปอยู่ที่เมืองใหม่ ผมว่างานนี้น่าจะเกิดยาก
เพราะการที่จะเจริญแบบโครมครามเลย
ผมไม่ค่อยเชื่อ แต่ก็อย่างว่าครับ
นายกคนนี้อาจทำได้ก็ได้ใครจะไปรู้
'เมืองใหม่นครนายก' - พี่ๆว่ามันจะเกิดจริงหรือเปล่าครับ?
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 12, 2003 3:02 am
โดย M149
อืมผมว่าน่าจะมีลุ้นเกิดได้อยู่เหมือนกันนะครับ เพราะวางแผนให้เมืองใหม่นี้มีความชัดเจนในโครงสร้างอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะการที่จะทำให้เป็นเมืองIT อันนี้น่าสนใจมาก เพราะเมื่อเป็นเมืองITคนที่อาศัยอยู่แถบนั้นแทบไม่ต้องเดินทางเข้ามาในตัวเมืองเลย เพราะสามารถทำงานที่บ้านได้ แต่สิ่งที่น่าคิดคือจำนวนแรงงานบุคลากรด้านITและด้านการเงิน จะต้องผลิตมาป้อนตลาดได้มากขึ้นกว่าเดิมเพราะกลุ่มคนเหล่านี้จะเป็นกลุ่มเป้าหมาย ผมว่าถ้าจะให้โครงการนี้สมบูรณ์จะต้องควบคู่ไปกับการพัฒนาระบบการศึกษาไปด้วยโดยเฉพาะทางด้าน wireless และ paperless
'เมืองใหม่นครนายก' - พี่ๆว่ามันจะเกิดจริงหรือเปล่าครับ?
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 12, 2003 9:07 am
โดย Solo
ผมอยากให้คิดมุมกลับ บ้าง นะครับ
ถ้าไม่เกิด หุ้น ตัวไหน จะ กลับทิศ อย่างรุนแรง สำหรับคนที่ยังไม่มี ก็ ระมัดระวัง บ้างนะครับ ราคาหลายตัว ก็ แพงมากมากเลยครับ
ขอให้ โชคดี และร่ำรวยจากการ ลงทุน ทุกคนครับ