Thai VI

ธุรกิจร้านอาหารจานด่วนในตลาดหลักทรัพย์มีอยู่หลายบริษัท

บางบริษัทมีผู้ถือหุ้นใหญ่ดำเนินธุรกิจศูนย์การค้าด้วย   แต่บางบริษัทไม่มี  ปัจจัยนี้มีผลกระทบต่อข้อได้เปรียบเสียเปรียบกันหรือไม่

และร้านหลายยี่ห้อเริ่มถึงจุดอิ่มตัวในประเทศไทยแล้วหรือยัง  เพราะเห็นเริ่มมีการขยายไปยังต่างประเทศ  ซึ่งเสี่ยงกว่าในประเทศไทย

[quote="chatchai"]ธุรกิจร้านอาหารจานด่วนในตลาดหลักทรัพย์มีอยู่หลายบริษัท

บางบริษัทมีผู้ถือหุ้นใหญ่ดำเนินธุรกิจศูนย์การค้าด้วย

ความเห็นดิฉัน เรื่อง ความเสียเปรียบได้เปรียบ ในการดำเนินธุรกิจ แข่ง กะ คู่แข่งที่เป้นเจ้าของ พื้นที่เอง ...ก็คงย่อมต้องมีอยู่บ้าง

แต่ไม่คิดว่า จะมากมายนัก

เพราะ ในด้านการทำศูนย์การค้าเอง ก็ต้องแยกแยะ ออกจาก ธุรกิจในเครือ อยู่บ้าง
ในเรื่องเป้าประสงค์หลัก ของการทำห้าง คือ "ต้องเป็นที่พึงพอใจสำหรับผู้จับจ่ายใช้สอย"

คิดว่า ต้องรักษาความหลากหลาย และครบถ้วน ให้ผู้จ่ายเงินจะพึงพอใจในการเข้ามาสนใจเดินห้างนั้นๆ

แต่แน่นอน คู่แข่ง อาจ(อาจนะ เรื่องจริงก็ไม่ทราบค่ะ :lol: ) พบกะความเหลื่อมล้ำ บ้าง เช่น การได้ทำเลที่ดี เงื่อนไขที่ดี อะไรทำนองนี้ นิดนึง

แต่ไม่น่ามากมายอะไร เพราะหลักๆของการค้าขายร่วมกัน ต้องพยามให้รู้สึก วิน วิน จึงจะอยู่ร่วมกันได้ เพราะถ้าอยู่ร่วมกันไม่ได้ ห้างจะออกมาแบนๆ


ส่วนเรื่อง แบรนด์ ที่เริ่มอืดๆ อีกหน่อย เขาก็ควรต้อง จัดการซะ แล้วเอาแบรนด์ใหม่มาสวม  หรือไม่ก็ ทำอะไรซักอย่าง ให้แบรนด์ดูสดขึ้น

แต่ผลกำไรของกิจการ ก็อาจไม่ขึ้นอยู่ที่ประเด็นนี้เท่านั้น
อาจจะต้องพิจารณาถึง กำลังซื้อที่แท้จริงด้วย
การสร้างแบรนด์ ขยายสาขา ประคองแบรนด์ อะไรต่างๆ เป็นหน้าที่ที่ต้องทำอย่างปกติ
แต่กำลังซื้อ บางที (หรือก็ทุกทีแหละ :lol: )มันบังคับยากอยู่เหมือนกันค่ะ

พี่ฉัตรชัยครับ

1) ประเด็นเรื่องแข่งกับเจ้าของพื้นที่ อันนี้ผมเห็น case ที่ Central พระราม 2 มา Baskin ได้ทำเล ชั้น ground floor แต่ Swensen ได้ทำเลชั้น 1 Baskin นี่ติดประตูทางเข้า เลยครับ

มีอีกที่หนึ่งเพิ่งไปเดินมาคือที่ Central World ครับ ถ้าเดินเข้ามาจะเห็น Baskin ก่อนอันดับแรก เพราะอยู่หัวมุม เดินต่อมาอีกสองสาม Blocks จึงเจอ Swensen ครับ

แต่ผลปรากฎว่า Swensen แน่นกว่าทั้งสองร้าน ที่ พระราม 2 นี่ขนาดยืนรอล้นมานอกร้าน ในขณะที่ Baskin คนโหรงเหรงกว่า เท่าที่ทราบตอนนี้ Baskin ที่ อเมริกาก็กำลังมีปัญหาสูญเสีย Share ให้กับรายอื่นๆ จนต้องมีการปรับปรุงกันขนานใหญ่

ผมว่าทำเลมีส่วน แต่ Brand มีส่วนมากกว่าครับ ถ้าทำเลไม่ต่างกันมาก ถ้า CPN ไม่ให้ MFG เปิดสาขาเลย คนคงไม่มีทางเลือก เพราะเดินห้าง CPN คงต้องกิน Fastfood ของ CFG แต่ผมว่า CPN คงไม่ทำร้ายตัวเองเช่นนั้น

ที่จริงมี กรณี ศึกษานึงครับ ที่ผมว่าน่าสนใจมาก เรื่องของ WATSON อยู่ใน LOTUS หรือ BIGC แต่กลับอยู่ร่วมกันได้ อย่างมีความสุข ผมว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจ ไม่รู่ว่า LOTUS/BIGC เคยลองศึกษาไหมครับ ว่า ค่าเช่าของ WATSON กับ ยอดขายของ Personal Care ที่เสียไปนั้นคุ้มกันไหม หรือ เขามองว่าคนซื้อมีจุดมุ่งหมายต่างกัน

2) เรื่องตลาดเมืองไทยอิ่มตัว ผมว่า คงยังไม่อิ่มหรอกครับ แต่ จีน คงมีอัตราการขยายตัวที่สูงกว่า เห็นว่าขายได้ราคาดีกว่า และ ผมว่าเรื่องนี้เขามองว่า เริ่มลองเสียแต่แรกๆ จะดีกว่า เพราะกว่าธุรกิจ จะ Perform จริงคงใช้เวลาอีกพอสมควรครับ

ผิดถูกขออภัย มีอะไรโปรดชี้นำ

จริงๆแล้วการที่ centel เปิดสาขาได้แต่ในห้างตัวเองนี่
ก็เป็นจุดที่เสียเปรียบมากเหมือนกันนะครับ
(มีแค่ bigc central robinson + ด้วยพันธมิตรพิเศษ carefour)
เพราะจำนวนการขยายสาขาผูกติดกับจำนวนการเปิดห้างเหล่านี้เท่านั้น

ไม่เหมือน mint ที่ไม่มีข้อจำกัดอันนี้
สามารถร่วมมือได้กับทุกค่าย

ส่วนจุดอิ่มตัวนี่ ผมมองว่ายังนะครับ
ในหลายๆจังหวัดที่อยู่รอบๆจังหวัดใหญ่ เช่น ลำพูน(ติดเชียงใหม่)
ยังมี demand ให้เปิดห้างได้อยู่ และ fast food ก็จะตามมาเอง

เรื่องผังเมืองใหม่หรือแรงต้านจากโชห่วยทำได้แค่ชลอ
แต่ไม่สามารถหยุดการขยายของค้าปลีกได้หรอกครับ
แหะๆ ขึ้นต้นเป็น fast food แต่ลงท้ายเป็นค้าปลีกเฉยเลย

ผมว่ามันคงเป็นธุรกิจที่ไปไหนไปด้วยกันแหละครับ

ส่วนเรื่องไปจีนนี่ผมมองว่าน่าเสี่ยงมากๆอยู่แล้วครับ(ถึงจะยาก)
ถ้าสำเร็จได้นี่ การขยายตัวจะกระฉูดมากๆครับ

คนขายของ เขียน:
ที่จริงมี กรณี ศึกษานึงครับ ที่ผมว่าน่าสนใจมาก เรื่องของ WATSON อยู่ใน LOTUS หรือ BIGC แต่กลับอยู่ร่วมกันได้ อย่างมีความสุข ผมว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจ ไม่รู่ว่า LOTUS/BIGC เคยลองศึกษาไหมครับ ว่า ค่าเช่าของ WATSON กับ ยอดขายของ Personal Care ที่เสียไปนั้นคุ้มกันไหม หรือ เขามองว่าคนซื้อมีจุดมุ่งหมายต่างกัน

สงสัยเหมือนผมเลย ผมว่า Watson เป็นกรณีศึกษาที่ตลกที่สุด เพราะร้านโชว์ห่วยไปเปิดอยู่ในห้างฯ เป็นไอเดียที่ไม่เวิร์คสุด ถ้าอยากซื้อ Lay's ก็เดินเข้าไปซื้อที่ Tops ก็ได้ Watson ไม่น่า create value ในห้างได้ แต่ทำไมมันดันอยู่ได้ งงจริงๆ

ถ้าให้เดาคิดว่ากำไรส่วนใหญ่มาจากโซน pharma มากกว่า

ผมสังเกตดูนะครับ อย่างไอติมสเวนเซ่นนี่ มันจะมีวัยรุ่นนั่งเยอะอะคับ แล้วพนักงานหญิงเค้าจะหน้าตาดี น่ารัก ดึงดูดลูกค้าผู้ชาย ส่วนพนักงานผู้ชายก็จะดูมาดดี ดึงดูดลูกค้าสาวๆ แล้วพนักงานเค้าจะยิ้มแย้มแจ่มใส น่าเข้าไปนั่งมาก เทียบกับเอสแอนด์พีแล้ว ต่างกันมากเลย เคยถามน้องๆเค้าว่าทำไมคนสวยๆถึงชอบมาทำงานที่สเวนเซ่น น้องเค้าบอกว่าชุดมันน่ารักดีคะพี่ ทำพาร์ตไทม์ก็ได้ ทำไปเรียนไปได้ ทำที่นี่แล้วดูเท่ดี อะไรประมาณนี้นะครับ พอได้คนดีๆมาทำงานก็เลยมีแรงผลักธุรกิจให้ขายดี พอขายดีก็มีเงินไปจ้างคนดีๆมาอีก

เพื่อนโฮมม์ วัตสั้น มีของที่หาซื้อที่อื่นไม่ได้อะครับ
ผมไม่เคยเข้าไปหรอก แต่ผ่านไปเห็นแต่ขนมแปลก ๆ
โปรโมชั่นลดราคาก็เห็นตลอด

worapong เขียน:ผมสังเกตดูนะครับ อย่างไอติมสเวนเซ่นนี่ มันจะมีวัยรุ่นนั่งเยอะอะคับ แล้วพนักงานหญิงเค้าจะหน้าตาดี น่ารัก ดึงดูดลูกค้าผู้ชาย ส่วนพนักงานผู้ชายก็จะดูมาดดี ดึงดูดลูกค้าสาวๆ แล้วพนักงานเค้าจะยิ้มแย้มแจ่มใส น่าเข้าไปนั่งมาก

ใช่ ผมว่าร้านนี้คัดหน้าตาแน่นอน

ตรงข้ามกับแมคโดนัลด์ในฮ่องกงเมื่อหลายปีก่อนจะมีพนักงานส่วนหนึ่งเป็นคนพิการเสมอ เป็นการให้งานกับคนที่ด้อยโอกาสทางสังคม

แต่เพื่อนผมที่แบบน่ารักมากนะครับ ไปทำงาน Swensen สาขานึง มีลูกค้าแอบมองเยอะมาก พนักงานคนอื่นหมั่นไส้ครับ เพื่อนผมเลยทนไม่ไหว ไม่เอาแล้วดีกว่า

คิดดูแค่เพื่อนผมคนเดียว บางคนยอมมากินทุกวันเลย

สำหรับพนักงานสเวนเซ่น มีการคัดหน้าตาครับ เคยถามเพื่อนที่ไปทำงานพาร์ทไทม์อยู่พักหนึ่ง เน้นเด็กวัยรุ่น ไม่ใส่ที่ดัดฟัน (ไม่รุเพราะอะไร) ใครไม่เคยแต่งหน้าก็ต้องฝึกแต่งหน้ามาครับ แต่งให้เข้ากับโทนสีของร้านด้วย ส่วนชุดถ้าจำไม่ผิดต้องจ่ายตังค์ค่าชุดเอง ส่วนมากที่ผู้หญิงชอบไปทำนอกจากชุดน่ารักแล้วก็ถือว่างานในร้านไม่ค่อยหนักมากด้วย แค่ยกถ้วยไอติมกะน้ำเอง

ถ้างานที่ใช้แรงกายเยอะที่สุดที่ฟังมา คือ พนักงาน MK ครับ เพื่อนบอกมา ใ้ห้ค่าแรงต่อชั่วโมงให้เยอะที่่สุด งานเยอะที่สุดเหมือนกัน นึกถึงโฺฆษณา MK ที่พนักงานไปฝึกรบเลย

greenstock เขียน:เพื่อนโฮมม์ วัตสั้น มีของที่หาซื้อที่อื่นไม่ได้อะครับ
ผมไม่เคยเข้าไปหรอก แต่ผ่านไปเห็นแต่ขนมแปลก ๆ
โปรโมชั่นลดราคาก็เห็นตลอด

ใช่เลยค่ะ
แต่เรื่องโปรโมชั่นลดราคานี่ พวกในห้างเอง ก็แข่งกันใช้กลยุทธนี้อยู่แล้ว
ประเภทว่า แต่ละช่วงเวลา จะมีกลุ่มสินค้าลดราคาพิเศษมาก เพื่อใช้กลุ่มสินค้านั้นๆ ดึงลูกค้าเข้ามา แล้วได้โอกาสพ่วงขายสินค้าราคาปกติ (หรืออาจแพงกว่าร้านอื่นด้วย) เข้าไปอีกที ประมาณว่า รวมๆแล้ว ขายได้กำไรอยู่ดี

ร้านเล็กจะสู้ร้านใหญ่ได้อย่างไร ประเด็นก็ต้องอยู่ที่ สินค้า ที่ทำยังไง ให้รู้สึกแตกต่าง ซึ่ง วัตสัน เอง ยังน่าจัดอยู่ในกลุ่มร้านที่ยังสู้ได้


เรื่อง ค่าจ้างแรงงานต่อชม.ของ สุกี้เอ็มเค ได้ยินมาเหมือนกันค่ะ ว่าจ่ายในอัตราที่เยอะกว่าร้านอื่น

สเวนเซ่น
ลูกชอบไอติม
พ่อชอบดูพนักงาน  :lol:

[quote="ต.หยวนเปียว"]สเวนเซ่น
ลูกชอบไอติม
พ่อชอบดูพนักงาน

[quote="Capo"][quote="ต.หยวนเปียว"]สเวนเซ่น
ลูกชอบไอติม
พ่อชอบดูพนักงาน

แม่เป็นพนักงาน MK

โอ@ เขียน:แต่เพื่อนผมที่แบบน่ารักมากนะครับ ไปทำงาน Swensen สาขานึง มีลูกค้าแอบมองเยอะมาก พนักงานคนอื่นหมั่นไส้ครับ เพื่อนผมเลยทนไม่ไหว ไม่เอาแล้วดีกว่า

คิดดูแค่เพื่อนผมคนเดียว บางคนยอมมากินทุกวันเลย

โอ๊ตแนะนำบ้างสิ  :lol:  :lol:

ตอนแรกๆ แดรี่ควีน เป็นแผงแบบเปิดโล่งตามข้างบันไดเลื่อนดูแล้วแปลกๆ เพราะปกติพื้นที่แบบนั้นจะเป็นที่ตั้งของพวกแผงลอยเล็กระดับ SME แต่งร้านดูไม่ดี  

แต่เดี๋ยวนี้ชินตา กลายเป็นความฉลาดของเขานะครับ ที่จริงที่ข้างบันไดเลื่อนเป็นทำเลที่ดีมากๆ เพราะทุกคนต้องเดินผ่านบันไดเลื่อน ถ้าทำร้านให้ดีหน่อยอย่างแดรี่ควีนน่าจะขายดีมาก แถมค่าเช่าที่ตกลงกันตั้งแต่ตอนแรกน่าจะยังไม่แพงเพราะแต่เดิมมีแต่แผงลอยเล็กๆ เช่า

เรื่องการตลาดนี่ใครหัวพลิกแพลงมองออกก็สบายไปนะครับ  

yoyo เขียน:

โอ๊ตแนะนำบ้างสิ