กระทิง?กระเทียม?
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 21, 2006 9:04 am
'เจพีมอร์แกน' ประกาศเพิ่มน้ำหนักตลาดหุ้นไทย หลังรัฐบาลมีนโยบายศก. ชัดเจนขึ้น เล็ง
ปรับเพิ่มจีดีพีปีหน้าด้วย
รายงานข่าวจากต่างประเทศ เปิดเผยว่า วันนี้ เจพีมอร์แกน ประกาศปรับเพิ่ม
น้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทย โดยแนะนำให้เพิ่มการลงทุนในหุ้นไทย สู่ระดับ 'เป็นกลาง'
โดยระบุว่า นโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลที่มีความชัดเจนมากขึ้นในปีหน้า จะเอื้อประโยชน์ต่อหุ้น
ไทย นอกจากนี้ยังคาดว่าจะมีการปรับเพิ่มประมาณการทางเศรษฐกิจและผลกำไรในปี 2007
นอกจากการปรับเพิ่มความน่าลงทุนในตลาดหุ้นไทยแล้ว เจพี มอร์แกนยังปรับ
เพิ่มความน่าลงทุนในตลาดหุ้นมาเลเซีย และอินโดนิเซียด้วย
***********************************
ดัน3มาตรการปลุกตลาดหุ้น
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และ
ตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์แห่ง
ประเทศไทย (ตลท.) ว่า ตลท. ได้หารือกับ ก.ล.ต. ในการผลักดันมาตรการหลักเพื่อพัฒนาตลาด
ทุนไทย 3 มาตรการ ได้แก่ การตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.) เพื่อส่งเสริมการออก
ในภาคครัวเรือน และช่วยสร้างเสถียรภาพตลาดทุนไทย, การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีกับบริษัท
จดทะเบียนที่ควบรวมกิจการ ซึ่ง ก.ล.ต. เห็นว่า ควรจะครอบคลุมถึงสถาบันการเงิน ได้แก่
ธนาคาร บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน และบริษัทประกันด้วย และการยืด
มาตรการลดภาษีเงินได้นิติบุคคลให้กับบริษัทจดทะเบียนที่จะหมดลงสิ้นปีนี้
นอกจากนี้ยังหารือกันว่า จะเร่งรัดให้เกิดการพัฒนากองทุนอีทีเอฟ หรือกองทุนเปิดที่จด
ทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่ลงทุนในบริษัทจดทะเบียน ซึ่งอยู่ในดัชนี เซต 50 และมีสภาพคล่อง
สูง เพื่อรองรับการซื้อขายดัชนี เซต 50 ในตลาดอนุพันธ์
ถ้าทำกองทุนอีทีเอฟ ที่ลงทุนในบริษัทจดทะเบียน ในเซต 50 ครบทุกตัวจะมีปัญหา
เพราะบางตัวมีสภาพคล่องน้อย ทำให้คนบริหารกองทุนอีทีเอฟจะทำการอาร์ บิทาร์จ หรือการซื้อ
สินค้าในตลาดที่มีราคาถูกพร้อม ๆ กับการขายสินค้าในตลาดที่ราคาแพง เพื่อค้ากำไรไม่ทัน ดัง
นั้นอาจจะทำกองทุนอีทีเอฟ ที่ลงทุนบริษัทจดทะเบียนในเซต 50 ไม่ครบ 50 ตัว แต่เลือกตัวที่มี
สภาพคล่องสูง
นายธีระชัย กล่าวอีกว่า ตลท. จะตั้งคณะทำงานขึ้นมา มาดูศูนย์ข้อมูลของหน่วยงาน
ต่าง ๆ ได้แก่ ตลท., ก.ล.ต., สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และธนาคารแห่งประเทศไทย
เป็นต้น ว่ามีช่องโหว่หรือไม่ เพราะบางหน่วยงานอาจให้ข้อมูลขาดไป หรือบางหน่วยงานให้ข้อมูล
ที่เปิดเผยฐานะของประเทศมากเกินไป ซึ่งคณะทำงานจะแจ้งให้ผู้บริหารระดับสูงของแต่ละหน่วย
งานรับทราบและแก้ไข
ข้อมูลในตลาดทุนที่เปิดเผยให้กับนักลงทุนต่างชาติยังมีรูโหว่ ประเมินได้จากผล
วิเคราะห์ของกองทุนบำเหน็จบำนาญรัฐแคลิฟอร์เนีย (แคลเปอร์) กับตลาดทุนไทยวิจารณ์หน่วย
งานบางหน่วยงานว่าข้อมูลยังขาด.
ที่มา : หนังสือพิมพ์ เดลินิวส์
ปรับเพิ่มจีดีพีปีหน้าด้วย
รายงานข่าวจากต่างประเทศ เปิดเผยว่า วันนี้ เจพีมอร์แกน ประกาศปรับเพิ่ม
น้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทย โดยแนะนำให้เพิ่มการลงทุนในหุ้นไทย สู่ระดับ 'เป็นกลาง'
โดยระบุว่า นโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลที่มีความชัดเจนมากขึ้นในปีหน้า จะเอื้อประโยชน์ต่อหุ้น
ไทย นอกจากนี้ยังคาดว่าจะมีการปรับเพิ่มประมาณการทางเศรษฐกิจและผลกำไรในปี 2007
นอกจากการปรับเพิ่มความน่าลงทุนในตลาดหุ้นไทยแล้ว เจพี มอร์แกนยังปรับ
เพิ่มความน่าลงทุนในตลาดหุ้นมาเลเซีย และอินโดนิเซียด้วย
***********************************
ดัน3มาตรการปลุกตลาดหุ้น
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และ
ตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์แห่ง
ประเทศไทย (ตลท.) ว่า ตลท. ได้หารือกับ ก.ล.ต. ในการผลักดันมาตรการหลักเพื่อพัฒนาตลาด
ทุนไทย 3 มาตรการ ได้แก่ การตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.) เพื่อส่งเสริมการออก
ในภาคครัวเรือน และช่วยสร้างเสถียรภาพตลาดทุนไทย, การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีกับบริษัท
จดทะเบียนที่ควบรวมกิจการ ซึ่ง ก.ล.ต. เห็นว่า ควรจะครอบคลุมถึงสถาบันการเงิน ได้แก่
ธนาคาร บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน และบริษัทประกันด้วย และการยืด
มาตรการลดภาษีเงินได้นิติบุคคลให้กับบริษัทจดทะเบียนที่จะหมดลงสิ้นปีนี้
นอกจากนี้ยังหารือกันว่า จะเร่งรัดให้เกิดการพัฒนากองทุนอีทีเอฟ หรือกองทุนเปิดที่จด
ทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่ลงทุนในบริษัทจดทะเบียน ซึ่งอยู่ในดัชนี เซต 50 และมีสภาพคล่อง
สูง เพื่อรองรับการซื้อขายดัชนี เซต 50 ในตลาดอนุพันธ์
ถ้าทำกองทุนอีทีเอฟ ที่ลงทุนในบริษัทจดทะเบียน ในเซต 50 ครบทุกตัวจะมีปัญหา
เพราะบางตัวมีสภาพคล่องน้อย ทำให้คนบริหารกองทุนอีทีเอฟจะทำการอาร์ บิทาร์จ หรือการซื้อ
สินค้าในตลาดที่มีราคาถูกพร้อม ๆ กับการขายสินค้าในตลาดที่ราคาแพง เพื่อค้ากำไรไม่ทัน ดัง
นั้นอาจจะทำกองทุนอีทีเอฟ ที่ลงทุนบริษัทจดทะเบียนในเซต 50 ไม่ครบ 50 ตัว แต่เลือกตัวที่มี
สภาพคล่องสูง
นายธีระชัย กล่าวอีกว่า ตลท. จะตั้งคณะทำงานขึ้นมา มาดูศูนย์ข้อมูลของหน่วยงาน
ต่าง ๆ ได้แก่ ตลท., ก.ล.ต., สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และธนาคารแห่งประเทศไทย
เป็นต้น ว่ามีช่องโหว่หรือไม่ เพราะบางหน่วยงานอาจให้ข้อมูลขาดไป หรือบางหน่วยงานให้ข้อมูล
ที่เปิดเผยฐานะของประเทศมากเกินไป ซึ่งคณะทำงานจะแจ้งให้ผู้บริหารระดับสูงของแต่ละหน่วย
งานรับทราบและแก้ไข
ข้อมูลในตลาดทุนที่เปิดเผยให้กับนักลงทุนต่างชาติยังมีรูโหว่ ประเมินได้จากผล
วิเคราะห์ของกองทุนบำเหน็จบำนาญรัฐแคลิฟอร์เนีย (แคลเปอร์) กับตลาดทุนไทยวิจารณ์หน่วย
งานบางหน่วยงานว่าข้อมูลยังขาด.
ที่มา : หนังสือพิมพ์ เดลินิวส์
