มิน่าละ ดัชนี mai วิ่งฉิวเลย
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 16, 2006 9:13 am
บจ. mai โชว์กำไรไตรมาส 3 โตเฉียด 100% พบ 12 บริษัทผลดำเนินงานพุ่งเกินเท่าตัว
บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) 38 บริษัทประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2549 มี
กำไรสุทธิรวมกัน 668 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 98 จากงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ยอดขายรวมกันสูงถึง 8,000
ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 เผยมี 12 บริษัทกำไรสุทธิโตเกินร้อยละ 100 นำโดย BROOK, BOL และ PPM
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยถึงผลประกอบการของบริษัท
จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ไตรมาสที่ 3/2549 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2549 ว่า บริษัท
จดทะเบียนจำนวน 38 แห่ง มีกำไรสุทธิรวมกัน 668 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 331 ล้านบาทหรือ
เพิ่มขึ้นร้อยละ 98 โดยบริษัทที่สามารถทำกำไรสุทธิได้มีจำนวน 35 แห่งคิดเป็นร้อยละ 92 ในจำนวนนี้มีบริษัท
จดทะเบียน 12 แห่งที่มีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิสูงกว่าร้อยละ 100 ขณะที่บริษัทที่ขาดทุนสุทธิมีเพียง 3 แห่งหรือ
คิดเป็นร้อยละ 8 เท่านั้น
สำหรับยอดขายของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสดังกล่าว รวมแล้วทั้งสิ้น 8,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 20
เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งยอดขายรวมอยู่ที่ 6,662 ล้านบาท
++ ถ้าคูณ 4 ของไตรมาส 3 ก็หมายถึงกำไรทั้งปีราว 2700 ล้านบาท
ขณะที่ mkt.cap ปัจจุบันที่ 1.8 หมื่นล้าน ............p/e จะลงเหลือไม่ถึง 7
เป็นระดับราคาที่ถูกมาก.... เมื่อเทียบกับระดับสากล จริงไหมครับ
สำหรับเพื่อนๆ ที่ยังไม่ซื้อ LTF ขอแนะนำ SCBLT3 ซึ่งลงทุนใน mai
เพราะว่า เป็นกองเดียวที่มีการลงทุนในตลาด mai ด้วยครับ
บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) 38 บริษัทประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2549 มี
กำไรสุทธิรวมกัน 668 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 98 จากงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ยอดขายรวมกันสูงถึง 8,000
ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 เผยมี 12 บริษัทกำไรสุทธิโตเกินร้อยละ 100 นำโดย BROOK, BOL และ PPM
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยถึงผลประกอบการของบริษัท
จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ไตรมาสที่ 3/2549 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2549 ว่า บริษัท
จดทะเบียนจำนวน 38 แห่ง มีกำไรสุทธิรวมกัน 668 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 331 ล้านบาทหรือ
เพิ่มขึ้นร้อยละ 98 โดยบริษัทที่สามารถทำกำไรสุทธิได้มีจำนวน 35 แห่งคิดเป็นร้อยละ 92 ในจำนวนนี้มีบริษัท
จดทะเบียน 12 แห่งที่มีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิสูงกว่าร้อยละ 100 ขณะที่บริษัทที่ขาดทุนสุทธิมีเพียง 3 แห่งหรือ
คิดเป็นร้อยละ 8 เท่านั้น
สำหรับยอดขายของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสดังกล่าว รวมแล้วทั้งสิ้น 8,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 20
เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งยอดขายรวมอยู่ที่ 6,662 ล้านบาท
++ ถ้าคูณ 4 ของไตรมาส 3 ก็หมายถึงกำไรทั้งปีราว 2700 ล้านบาท
ขณะที่ mkt.cap ปัจจุบันที่ 1.8 หมื่นล้าน ............p/e จะลงเหลือไม่ถึง 7
เป็นระดับราคาที่ถูกมาก.... เมื่อเทียบกับระดับสากล จริงไหมครับ
สำหรับเพื่อนๆ ที่ยังไม่ซื้อ LTF ขอแนะนำ SCBLT3 ซึ่งลงทุนใน mai
เพราะว่า เป็นกองเดียวที่มีการลงทุนในตลาด mai ด้วยครับ