หน้า 1 จากทั้งหมด 2
ผู้ส่งออกโวยวายอีกแล้ว
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 08, 2006 12:58 pm
โดย chatchai
โวยวายมาตั้งนานแล้ว เรียกร้องให้มีการแทรกแซงค่าเงินบาทให้อ่อนอยู่นั้นแหละ
ผมเห็นยอดส่งออกก็ดีวันดีคืน ไม่รู้จะกอบโกยกำไรกันไปถึงไหน
สมัยก่อนค่าเงินบาทอยู่แถว 25 บาท ตอนนี้อยู่แถว 36 บาท พวกส่งออกก็สบายตั้งเยอะแล้ว ยิ่งตอนอ่อนลงไปที่ 56 บาท รวยกันเท่าไรแล้ว
ผู้นำเข้าลำบากกว่าตั้งเยอะ ค่าเงินอ่อนจาก 25 บาทลงมานะ
Re: ผู้ส่งออกโวยวายอีกแล้ว
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 08, 2006 2:28 pm
โดย adi
[quote="chatchai"]โวยวายมาตั้งนานแล้ว
ผู้ส่งออกโวยวายอีกแล้ว
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 08, 2006 2:44 pm
โดย เฟยหง
คุณ chatchai ต้องเข้าใจธุรกิจส่งออกบ้างนะครับ
บางธุรกิจนั้นมี margin ที่บางมากๆ.... โดยเฉพาะสินค้าเกษตร
การที่ค่าเงินบาทแข็งขึ้นเพียง 3-4% ก็อาจทำให้สุทธิแล้วขาดทุนได้เลยนะครับ หากไม่ได้ทำการป้องกันความเสี่ยงไว้ก่อน.....
ผู้ส่งออกโวยวายอีกแล้ว
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 08, 2006 3:04 pm
โดย adi
[quote="เฟยหง"]คุณ chatchai ต้องเข้าใจธุรกิจส่งออกบ้างนะครับ
บางธุรกิจนั้นมี margin ที่บางมากๆ....
ผู้ส่งออกโวยวายอีกแล้ว
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 08, 2006 3:07 pm
โดย beammy
[quote="adi"][quote="เฟยหง"]คุณ chatchai ต้องเข้าใจธุรกิจส่งออกบ้างนะครับ
บางธุรกิจนั้นมี margin ที่บางมากๆ....
ผู้ส่งออกโวยวายอีกแล้ว
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 08, 2006 3:29 pm
โดย akekarat
ผมไม่เข้าใจ พูดถึงธุรกิจการเกษตร ถ้าเราผลิตออกมาแล้วต้องไปง้อขายให้ต่างชาติในราคา เอาข้าวหนึ่งคันรถ ไปแลกน้ำมันหนึ่งลิตร
เราจะเอาของดี ๆ ของเราไปให้คนพวกนั้นทำไม แล้วปล่อยให้พวกเรากันเองบริโภคผลผลิตเกรดต่ำ ปล่อยให้มันกินน้ำมันกิน CPU แทนข้าวซะให้เข็ด
เผอิญผมก็มีธุรกิจส่งออกเหมือนกัน เงินลงมาจาก 40 ไป 37 ก็ขาดทุน (กำไร) ไปเยอะ แต่อย่างว่า ขึ้นราคาของเราซะ เค้าไม่อยากได้ ก็ไม่ต้องให้ ขายเองในประเทศ ก็ได้เหมือนกัน ไม่ง้อครับ
พูดถึงแล้วก็แค้นใจคนไทย ยกยอพวกฝรั่งกันยังกะพระเจ้า หุ้นขึ้นก็ฝรั่ง หุ้นลงก็ฝรั่ง เงินแข็งก็ฝรั่ง เงินอ่อนก็ฝรั่ง จะขายของก็ต้องขอให้ฝรั่งมาซื้อ ผมอยู่ต่างประเทศมา 2-3 ปี ไม่เห็นพวกนั้นมีอะไรดีกว่าเรา ยกเว้นไม่ทำลายกันเอง
คนไทยเรา ไม่มีปัญญาซื้อ-ขายกันเอง หรือไร
ผู้ส่งออกโวยวายอีกแล้ว
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 08, 2006 3:33 pm
โดย sunrise
akekarat เขียน:ผมไม่เข้าใจ พูดถึงธุรกิจการเกษตร ถ้าเราผลิตออกมาแล้วต้องไปง้อขายให้ต่างชาติในราคา เอาข้าวหนึ่งคันรถ ไปแลกน้ำมันหนึ่งลิตร
เราจะเอาของดี ๆ ของเราไปให้คนพวกนั้นทำไม แล้วปล่อยให้พวกเรากันเองบริโภคผลผลิตเกรดต่ำ ปล่อยให้มันกินน้ำมันกิน CPU แทนข้าวซะให้เข็ด
เผอิญผมก็มีธุรกิจส่งออกเหมือนกัน เงินลงมาจาก 40 ไป 37 ก็ขาดทุน (กำไร) ไปเยอะ แต่อย่างว่า ขึ้นราคาของเราซะ เค้าไม่อยากได้ ก็ไม่ต้องให้ ขายเองในประเทศ ก็ได้เหมือนกัน ไม่ง้อครับ
พูดถึงแล้วก็แค้นใจคนไทย ยกยอพวกฝรั่งกันยังกะพระเจ้า หุ้นขึ้นก็ฝรั่ง หุ้นลงก็ฝรั่ง เงินแข็งก็ฝรั่ง เงินอ่อนก็ฝรั่ง จะขายของก็ต้องขอให้ฝรั่งมาซื้อ ผมอยู่ต่างประเทศมา 2-3 ปี ไม่เห็นพวกนั้นมีอะไรดีกว่าเรา ยกเว้นไม่ทำลายกันเอง
คนไทยเรา ไม่มีปัญญาซื้อ-ขายกันเอง หรือไร
เข้าใจว่าเรามีผลผลิตส่วนเกินที่ทำให้ต้องขายต่างชาติครับ
แต่อยากยืนยันว่าฝรั่งไม่ได้ดีกว่าเราครับ
ผู้ส่งออกโวยวายอีกแล้ว
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 08, 2006 3:48 pm
โดย lekmak333
ทำไมไม่ hedge ค่าเงิน ถ้าค่าเงินเปลี่ยนแปลงแค่ 3-4% แล้วธุรกิจจะไปไม่รอด
ผู้ส่งออกโวยวายอีกแล้ว
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 08, 2006 4:09 pm
โดย adi
lekmak333 เขียน:ทำไมไม่ hedge ค่าเงิน ถ้าค่าเงินเปลี่ยนแปลงแค่ 3-4% แล้วธุรกิจจะไปไม่รอด
hedge แล้วครับ แต่มันป้องกันความเสี่ยงไม่ได้ร้อยเปอร์เซนต์หรอกครับ
ผมยกตัวอย่าง หลังจากยื่นเสนอราคาให้ลูกค้ารายหนึ่ง(สมมุติอัตราแลกเปลี่ยนตอนนั้นอยู่ที่ 37 baht/dollar) ระหว่างรอการตอบรับจากลูกค้าอัตราแลกเปลี่ยนผันผวนไปอยู่ที่ 36 แล้วลูกค้าตอบรับมา เราก็เสียหายแล้วใช่มั้ยครับ แน่นอนมันอาจไปที่ 38 แล้วเรากำไรมากขึ้นก็ได้ แต่นี่ผมพยายามชี้ให้เห็นว่า hedge ค่าเงินในทางปฏิบัติก็ยังเสี่ยงอยู่ดี
ในทางตรงกันข้าม สมมุติว่าหลังจากยื่นเสนอราคาให้ลูกค้าแล้ว เราซื้อฟอร์เวิร์ดทันที(ไม่รอลูกค้าตอบรับ) เพื่อให้ค่าเงินที่ทำสัญญา match กับค่าเงินที่เราเสนอให้ลูกค้า ถ้าหลังจากนั้นลูกค้าตอบปฏิเสธอะไรจะเกิดขึ้น
1. เราต้อง Close position ของเรา แต่ว่าเราก็โดนส่วนต่างซื้อขาย ถ้าเกิดเราถูกปฎิเสธ quotation สัก 50% ของที่ส่งไปก็เจ๊งแล้ว
2. เราก็ปล่อยไปเรื่อยๆรอให้มีออเดอร์ใหม่เข้ามา แต่ระหว่างนั้นถ้าค่าเงินอ่อนตัวลง (สมมุติเป็น 38 baht) เราก็โดนอีก
สรุปว่า hedge ค่าเงินลดความเสี่ยง"ได้แค่ระดับนึงเท่านั้น"
ผู้ส่งออกโวยวายอีกแล้ว
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 08, 2006 4:43 pm
โดย miracle
เรื่องจากทำสัญญาอัตราแลกเปลี่ยนมันทำไม่ได้เต็มจำนวนสัญญาน่าครับ
เพราะธนาคารไม่แบกภาระนี้ไว้ร้อยเปอร์เซ็นต์ซึ่งเป็นความเสี่ยงสูงน่าครับ
ผู้ส่งออกและนำเข้าต้องรับความเสี่ยงกันไปเองล่ะงานนี้
แล้วผู้ส่งออกและนำเข้าทำตามกฏเศรษศาสตร์และMBAทั้งหลายที่ว่า
"กำไรเพิ่มขึ้นได้ต้องตัดที่ต้นทุนก่อน" อันนี้ทำแล้วหรือยัง
ถ้าทำแล้วก็มองดูตัวเองว่า ทำอย่างไงให้สินค้าเราเพิ่มมูลค่าได้
ในการจ้างงานและไม่กระทบกับชาวบ้านชาวเมืองล่ะ
ผู้ส่งออกโวยวายอีกแล้ว
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 08, 2006 5:36 pm
โดย ลูกไม่ท้อ
น่าเห็นใจผู้ส่งออก และ น่าเห็นใจผู้ถือหุ้นกลุ่มที่ทำสินค้าส่งออกด้วย จริงไหมครับ เพราะผมว่านี่ยังเป็นแค่บทแรกๆเท่านั้นเอง เดี๋ยวมันจะมีอะไรมาอีกเยอะเลยแหละ ตามหลัก Relative economics
ผู้ส่งออกโวยวายอีกแล้ว
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 08, 2006 5:58 pm
โดย พลพล คนกันเอง
ท่านอีโต้บอกว่า
ถ้าไม่ขายถูก แล้วจะขายยังไงครับ
รบกวนคุณฉัตรชัยช่วยให้คำปรึกษาด้วย
อย่าเอาแต่โวยวายครับ
ตกลงผู้ส่งออกหรือเจ้าของกระทู้กันแน่ที่เอาแต่โวยวาย
ผู้ส่งออกโวยวายอีกแล้ว
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 08, 2006 6:57 pm
โดย chatchai
แล้วตอนสมัยค่าเงินบาทอยู่ที่ 25 บาทต่อเหรียญ ส่งออกกันยังไงครับ
ช่วงค่าเงินอ่อนลงอย่างรวดเร็วไปที่ 56 บาทต่อเหรียญ ผู้ที่บาดเจ็บล้มตายมากมาย ทั้งผู้นำเข้า และผู้ที่กู้เงินนอก แต่ผู้ส่งออกร่ำรวยกันเป็นแถว เหมือนถูกหวย โกยกำไรกันไปเท่าไรแล้วครับ
การที่ ธปท.แทรกแซงค่าเงินบาทให้อ่อน เพื่อให้พวกส่งออกค้าขายง่ายๆมีกำไรตลอด โดยที่ประชาชนทั้งประเทศต้องซื้อน้ำมันแพง ผู้นำเข้าต้องเสียผลประโยชน์ เหมาะสมหรือครับ
ผู้ส่งออกโวยวายอีกแล้ว
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 08, 2006 7:07 pm
โดย chatchai
ค่าเงินบาทควรอยู่ที่ตรงไหนจึงเหมาะสม
ถ้าคิดจากผลกำไรขาดทุนของผู้ส่งออกแต่ละราย ก็คงไม่เท่ากัน
บางคนบอกว่า 40 บาทถึงกำไร
บางคนบอกว่า 36 บาทก็ยังกำไร
บางคนบอกว่าแค่ 32 บาทก็กำไรได้
เท่าที่ผมคิดออก ก็พิจารณาจากดุลการค้า และดุลบัญชีเดินสะพัดของประเทศครับ
ถ้าแข็งมากจนส่งออกน้อยกว่านำเข้า ค่าเงินบาทก็ควรจะอ่อนลง
แต่ทุกวันนี้ ดุลการค้าของเรายังบวกอยู่นี่ครับ แถมยอดส่งออกก็ยังเติบโตอยู่เลย
ผู้ส่งออกโวยวายอีกแล้ว
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 08, 2006 7:20 pm
โดย keng56
เข้ามาชมรายการ"มองต่างมุม"ครับ.. 8)
ผู้ส่งออกโวยวายอีกแล้ว
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 08, 2006 7:23 pm
โดย chatchai
Eto Demerzel เขียน:มองมุมกลับ
ตอนบาทอยู่ 25 ธปท.แทรกแซงให้บาทแข็ง
เพื่อให้ผู้นำเข้าซื้อของถูก มีกำไรตลอด
และประชาชนใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย ซื้อน้ำมันถูกๆ
ประเทศและผู้ส่งออกต้องเสียประโยชน์
เหมาะสมหรือครับ
ไม่เหมาะสมครับ ที่สมัยนั้นใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบตะกร้า โดยพยายามให้ค่าเงินบาทคงที่ ทั้งๆที่ประเทศมีดุลการค้า และดุลบัญชีเดินสะพัดขาดทุนมากมายและติดต่อกันยาวนาน
สุดท้ายก็ไม่สามารถฝืนได้
แต่ในขณะนี้ ประเทศเรามีดุลการค้า และดุลบัญชีเดินสะพัด ขาดดุลหรือครับ การส่งออกถดถอยหรือครับ ถึงต้องพยายามลดค่าเงินบาท
ผู้ส่งออกโวยวายอีกแล้ว
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 08, 2006 8:06 pm
โดย เฟยหง
คือว่า เราแข่งกับเมืองจีนไม่ค่อยได้ครับ
เงินหยวนที่จริงแล้วต้องแข็งกว่านี้มาก
ได้ยินมาว่าที่เห็นการส่งออกโตมากๆ นี
มีหลายบริษัทขายขาดทุน เพื่อทำยอดนะครับ
ผู้ส่งออกโวยวายอีกแล้ว
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 08, 2006 9:29 pm
โดย jody4003
[quote="Eto Demerzel"][quote="chatchai"]แต่ในขณะนี้
ผู้ส่งออกโวยวายอีกแล้ว
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 08, 2006 9:49 pm
โดย BHT
แล้วอย่างประเทศอื่นที่เงินแข็งตอนนี้เค้าบ่นกันมั้ยครับ
แล้วถ้าเมกาค่าเงินแข็งขึ้นมา ผู้ผลิตอย่าง ไนกี้ โค้ก เฟรนไชส์ร้านอาหารต่างๆ จะออกมาบ่นกันมั้ยครับ
อยากรู้ครับ ผมยังอ่อนหัด
แต่ผมมองว่า ถ้าสินค้าไทยเจ๋งจริง แจ๋วจริง ก็ต้องต่อรองได้ครับ แต่เราไม่มีอำนาจอะไรไปต่อรองเลย
Re: ผู้ส่งออกโวยวายอีกแล้ว
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 08, 2006 9:57 pm
โดย fantasia
[quote="chatchai"]โวยวายมาตั้งนานแล้ว
ผู้ส่งออกโวยวายอีกแล้ว
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 08, 2006 10:14 pm
โดย lekmak333
ให้มองภาพกว้างๆครับ ตอนนี้ net export ก็ยังเป็นบวกอยู่ จะแซกแซงค่าเงินไปเพื่ออะไร?? ตอนนี้เกิดปัญหาอะไรหรือถึงต้องใช้นโยบายกระตุ้น?
ค่าเงินอ่อนค่าลง ประเทศไทย ก็นำเข้าแพงขึ้น โดยเฉพาะน้ำมัน ใช้หนี้ก็แพงขึ้น ธุรกิจนำเข้าก็เดือดร้อน ถ้าไม่ปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด ในที่สุดก็จะกระทบต่อ real sector ในระยะยาว
กลายเป็นว่า พวกเราอยากให้ export เป็นบวกมาก เพื่อ เล่นกับ GDP หรือเปล่า?
ผู้ส่งออกโวยวายอีกแล้ว
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 08, 2006 10:14 pm
โดย Boring Stock Lover
ถามเป็นความรู้
แล้วทำไมแร้งไม่ไปหากินประเทศอื่นด้วย มีอะไรที่ต่างกัน
ผู้ส่งออกโวยวายอีกแล้ว
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 08, 2006 10:28 pm
โดย สามัญชน
ประเทศที่เอะอะก็จะลดค่าเงินตัวเอง เพื่อผู้ส่งออก เพื่อดุลการค้าระยะสั้น เพื่ออย่างโน้นอย่างนี้ เพื่อเหตุผลร้อยแปด เพื่อสารพัดความชอบธรรม แล้วแต่จะยกมาอ้างเป็นครั้งๆไป
เพื่ออะไรก็แล้วแต่ ในระยะยาวแล้วประเทศนั้นจะเดินไปสู่จุดอับ เพราะประเทศนั้นจะมีแต่ธุรกิจที่แข่งขันด้านราคาที่เฟื่องฟู แต่จะไม่เฟื่องฟูแบบถาวร จะต้องคอยประคบประหงมไม่มีวันสิ้นสุด เพราะยืนบนขาตัวเองไม่ได้สักที พบได้มากในประเทศด้อยพัฒนา
วิธีที่ดีกว่าคือ แทรกแซงนิดๆ ตึงนิดๆ หรือให้ค่าเงินแข็งกว่านิดๆ ระยะยาวจะดีกว่า เพราะธุรกิจที่แข่งด้านคุณภาพจะเป็นฝ่ายเฟื่องฟู ระยะยาวไม่จำเป็นต้องโด๊ปไม่ต้องกระตุ้น เพราะเขายืนและเดินได้เอง
ผู้ส่งออกโวยวายอีกแล้ว
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 08, 2006 10:32 pm
โดย สามัญชน
scale ครับ
ทำไมพวกวีไอส่วนมากชอบหากินกับพวกมาร์เก็ตแค้ปต่ำๆ
ใครพูดไว้เหรอครับว่าวีไอชอบมาร์เก็ตแค็บต่ำๆ คิดเองตั้งเองหรือเปล่าครับ
กองทุนอีแร้งเล่นแบบเก็งกำไร
นักเก็งกำไรต่างหากที่ชอบมาร์เก็ตแค็ปต่ำๆ
ผู้ส่งออกโวยวายอีกแล้ว
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 08, 2006 10:34 pm
โดย jody4003
ว่าแต่ นอกเรื่องนิด
คุณ Eto Demerzel ชื่ออ่านยังไงอ่ะครับ :? เอ๊ะ ชื่ออะไร อ่านยากจัง อิ อิ
ผู้ส่งออกโวยวายอีกแล้ว
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 08, 2006 10:34 pm
โดย สามัญชน
เท่าที่เห็น ปีเตอร์ ลินช์ ชอบสภาพคล่องต่ำๆ ไม่ใช่มาร์เก็ตแค็ปต่ำๆ วีไอชอบหุ้นที่เก่งโตและแกร่ง มาร์เก็ตแคปต่ำๆจะไม่ค่อยแกร่ง ก็อาจจะมีบ้าง แต่มีน้อย
ผู้ส่งออกโวยวายอีกแล้ว
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 08, 2006 10:38 pm
โดย lekmak333
ไม่เห็นต้องกลัวอีกา อีแร้ง ในช่วงนี้เลย
Fed คงอัตราดอกเบี้ย เศษรฐกิจสหรัฐถอยหลัง มีแต่ให้เงิน us อ่อนค่าลง
การเขา weight มาเงินบาท ก็ดีแล้วครับ
ผู้ส่งออกโวยวายอีกแล้ว
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 08, 2006 10:41 pm
โดย Boring Stock Lover
Eto Demerzel เขียน:
scale ครับ
ทำไมพวกวีไอส่วนมากชอบหากินกับพวกมาร์เก็ตแค้ปต่ำๆ
ไม่ get เท่าไหร่ ประเทศที่เป็นคู่แข่งทางการค้ากับไทย ก็มี scale พอๆกัน ถ้าไม่นับจีน
ผู้ส่งออกโวยวายอีกแล้ว
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 08, 2006 10:43 pm
โดย jody4003
[quote="สามัญชน"]ประเทศที่เอะอะก็จะลดค่าเงินตัวเอง เพื่อผู้ส่งออก เพื่อดุลการค้าระยะสั้น เพื่ออย่างโน้นอย่างนี้ เพื่อเหตุผลร้อยแปด
ผู้ส่งออกโวยวายอีกแล้ว
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 08, 2006 10:54 pm
โดย สามัญชน
jody4003 wrote
ถ้าแทรกแซงนิดๆ ตึงนิดๆ แต่กลไกรัฐยังเต็มไปด้วยความไม่โปร่งใส ไม่สามารถจัดหา infrastructure, กฎหมายที่ชัดเจนและมีเสถียรภาพ, ความยุติธรรมให้แก่ผู้ประกอบการที่มุ่งพัฒนาธุรกิจอย่างแท้จริงแล้ว สุดท้ายก็เจ๊งอยู่ดี
เห็นด้วยครับ แต่ผมแย้งคุณjody4003ว่า ใน quote ที่ยกมานี้ไม่ใช่คำตอบสุดท้ายครับ
ถ้าไม่สามารถให้การศึกษาลูกหลานไทยให้มีความรู้ เพื่อการแข่งขันที่ดีในอนาคต มีแต่กลุ่มใช้แรงงาน และเป็นแรงงานด้อยคุณภาพ ครอบครัวแตกแยกติดยาเสพติด เราก็ไม่มีกำลังคนที่มีคุณภาพในปริมาณที่เพียงพอ
และถ้าคนของเราไม่มีจริยธรรมประจำใจ สุดท้ายไม่ว่าจะรวยแค่ไหนก็จะเป็นต้นกำเนิดของการทุจริค คอรัปชั่นและความไม่โปร่งใสอย่างที่คุณjody4003ว่า ก็เจ๊งอยู่ดี ใช่ไหมครับ
เขียนมายืดยาวต้องการ
แซวและหยอกล้อจั๊กหน่อยน่ะ........ :lol: