ข่าวmai ฉบับที่ 13/2549
15 พฤศจิกายน 2549
บจ. mai โชว์กำไรไตรมาส 3 โตเฉียด 100% พบ 12 บริษัทผลดำเนินงานพุ่งเกินเท่าตัว
บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) 38 บริษัทประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2549 มี
กำไรสุทธิรวมกัน 668 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 98 จากงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ยอดขายรวมกันสูงถึง 8,000
ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 เผยมี 12 บริษัทกำไรสุทธิโตเกินร้อยละ 100 นำโดย BROOK, BOL และ PPM
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยถึงผลประกอบการของบริษัท
จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ไตรมาสที่ 3/2549 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2549 ว่า บริษัท
จดทะเบียนจำนวน 38 แห่ง มีกำไรสุทธิรวมกัน 668 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 331 ล้านบาทหรือ
เพิ่มขึ้นร้อยละ 98 โดยบริษัทที่สามารถทำกำไรสุทธิได้มีจำนวน 35 แห่งคิดเป็นร้อยละ 92 ในจำนวนนี้มีบริษัท
จดทะเบียน 12 แห่งที่มีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิสูงกว่าร้อยละ 100 ขณะที่บริษัทที่ขาดทุนสุทธิมีเพียง 3 แห่งหรือ
คิดเป็นร้อยละ 8 เท่านั้น
สำหรับยอดขายของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสดังกล่าว รวมแล้วทั้งสิ้น 8,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 20
เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งยอดขายรวมอยู่ที่ 6,662 ล้านบาท
ทางด้านผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนประจำปี 2549 เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน บริษัทใน mai มียอด
ขายรวมทั้งสิ้น 21,402 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 18,779 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 14 โดยมีกำไรสุทธิ 1,335 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นจาก 1,132 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 18
ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ กล่าวด้วยว่า บริษัทที่มีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 3/2549
สูงสุด 3 บริษัท ได้แก่ บมจ.บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป (BROOK) บมจ.บิซิเนส ออนไลน์ (BOL) และ บมจ. พรพรหมเม็ททอล
(PPM)
โดย บมจ. บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป พลิกจากขาดทุนสุทธิ 1.55 ล้านบาทในปีก่อน เป็นกำไรสุทธิ 74 ล้านบาท คิดเป็นการ
เติบโตของกำไรสุทธิถึงร้อยละ 4,888 โดยบริษัทมียอดขาย 103 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมียอด
ขาย 12 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 753
ทั้งนี้ บริษัทชี้แจงผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นว่า เนื่องจากงานใหญ่ในการควบรวมกิจการของฝ่ายวาณิชธนกิจได้เสร็จ
สมบูรณ์บางส่วนในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ เช่นดียวกับที่รับรู้รายได้บางส่วนที่เสร็จแล้วในไตรมาสที่ 2
ขณะที่ บมจ.บิซิเนส ออนไลน์ (BOL) มีกำไรสุทธิ 7.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ
0.6 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 1,174 โดยมียอดขาย 50 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมี
ยอดขาย 36 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 39 บริษัทระบุว่า รายได้จากการให้บริการด้านการบริหารข้อมูลและรายได้ค่าที่
ปรึกษา เพิ่มขึ้น 8.11 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1,580 นอกจากนี้ รายได้จากการให้บริการ Value Added
products และรายได้จากการให้บริการโครงการพิเศษ ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ด้าน บมจ.พรพรหมเม็ททอล (PPM) มีกำไรสุทธิ 45 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 5
ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 732 โดยมียอดขาย 743 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมียอดขาย 533 ล้าน
บาท คิดเป็นการเติบโตร้อยละ 39 โดยบริษัทชี้แจงว่า เนื่องจากราคาแร่มีการปรับตัวสูงขึ้นตามลำดับ จึงทำให้ราคา
ขายสินค้าทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์วัตถุดิบอุตสาหกรรม และกลุ่มวัสดุก่อสร้างมีการปรับเพิ่มขึ้นด้วย อย่างไรก็ดี บริษัทยังคงมีการ
รักษาและขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
นายชนิตรตั้งข้อสังเกตด้วยว่า จากบริษัทที่มีกำไรสุทธิ 35 แห่งนั้น ในจำนวนนี้เป็นบริษัทที่มีกำไรเพิ่มขึ้น 24 แห่ง โดย
อัตราเติบโตเฉลี่ยประมาณร้อยละ 378 และมีอยู่ 12 บริษัทที่มีการเติบโตของกำไรสุทธิเกินร้อยละ 100 ประกอบด้วย
BROOK ขยายตัวร้อยละ 4,888 BOL เติบโตร้อยละ 1,174 PPM ร้อยละ 732 FOCUS ร้อยละ 684 PICO ร้อย
ละ 392 LVT ร้อยละ 192 TRT ร้อยละ 174 UEC ร้อยละ 170 TMW ร้อยละ 147 TNH ร้อยละ 143 L&E ร้อย
ละ 123 และ DM เติบโตร้อยละ 112
"ตัวเลขผลประกอบการประจำไตรมาส 3/2549 โดยรวมถือว่าออกมาดี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการใน mai
สามารถปรับตัวรับกับผลกระทบด้านต้นทุนขายที่เพิ่มขึ้น อันเป็นผลจากการผันผวนของราคาวัตถุดิบในการผลิต สืบเนื่องมา
จากการปรับตัวสูงขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลก โดยคาดว่า ปัจจัยกดดันการดำเนินงานของธุรกิจจะคลายตัวขึ้นเป็น
ลำดับ หลังจากสถานการณ์ราคาน้ำมันไม่ผันผวนรุนแรงเหมือนที่ผ่านมา" นายชนิตรกล่าว
สำหรับภาพรวมการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาด mai นั้น ปัจจุบันมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่ 18,560 ล้านบาท
และภายในสิ้นปี 2549 นี้ คาดว่าจะมีบริษัทเข้าจดทะเบียนเพิ่มอีก 4 บริษัท ซึ่งผู้ลงทุนที่สนใจข้อมูลผลประกอบการบริษัท
จดทะเบียนสามารถศึกษาเข้าดูข้อมูลได้ ทาง
www.mai.or.th หรือสมัครรับข้อมูล mai ฟรีทางอีเมล์ที่
[email protected] หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ S-E-T Call center โทร. 0-2229 -2222