Thai VI

http://www.posttoday.com/newsdet.php?se ... &id=129597

เตะฝุ่นลดลง ธุรกิจยังเดี้ยง ปลดคนหนัก

โพสต์ทูเดย์ สำนักงานสถิติ ชี้ตัวเลขว่างงานเดือนกันยายนเพิ่มเป็น 4.2 แสนคน พบคนกรุงเทพฯ เตะฝุ่นมากถึง 1.8%

สำนักงานสถิติแห่งชาติ สำรวจภาวะการทำงานของประชากร ในเดือนกันยายน 2549 พบว่าจำนวนผู้มีงาน ทำทั้งสิ้น 35.74 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1 หมื่นคน โดยผู้มีงานทำนอกภาคเกษตรกรรมเพิ่มขึ้น 1.3 แสนคน ส่วนภาคเกษตรกรรมลดลงประมาณ 1.2 แสนคน มีผู้ว่างงานสูงถึง 4.2 แสนคน ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคมที่อยู่ 5.1 แสนคน


สำหรับอัตราว่างงานอยู่ที่ 1.2% หรือประมาณ 4.2 แสนคน แยกเป็นชาย 2.4 แสนคน และหญิง 1.8 แสนคน เมื่อเทียบจากจำนวนประชากรรวมทั่วประเทศ 65.38 ล้านคน


ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาเป็นรายภาคพบว่า กรุงเทพมหานครมีอัตราการว่างงานสูงสุดที่ 1.8% ภาคกลาง 1.3% ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ มีอัตราการว่างงานเท่ากัน 1%


จากการสำรวจยังพบว่าในจำนวน ผู้ว่างงานทั้งหมดนั้น เป็นผู้ว่างงานที่ ไม่เคยทำงานมาก่อนประมาณ 1.8 แสนคน หรือ 42.9% ของผู้ว่างงานทั้งสิ้น ส่วนผู้ว่างงานที่เคยทำงานมาก่อนมีประมาณ 2.4 แสนคน หรือ 57.1% โดยเป็นผู้ว่างงานที่มาจากภาคเกษตรกรรมประมาณ 4 หมื่นคน และนอกภาคเกษตรกรรมประมาณ 2 แสนคน ซึ่งประกอบด้วยอุตสาหกรรมสาขาการผลิตมากที่สุดประมาณ 7 หมื่นคน


รองลงมาเป็นสาขาก่อสร้างประมาณ 5 หมื่นคน สาขาการขายส่ง ขายปลีก ซ่อมแซมยานยนต์ รถจักรยานยนต์และของใช้ส่วนบุคคลและครัวเรือน และสาขาการโรงแรมและภัตตาคาร มีจำนวนเท่ากันประมาณ 2 หมื่นคน ที่เหลือเป็นอุตสาหกรรมอื่นๆ


ส่วนระดับการศึกษาของผู้ว่างงานนั้น พบว่าผู้สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและระดับอุดมศึกษา ว่างงานมากที่สุด มีจำนวนเท่ากันประมาณ 1 แสนคน


รองลงมาคือระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ประมาณ 9 หมื่นคน ระดับประถมศึกษา ประมาณ 7 หมื่นคน และผู้มีการศึกษาต่ำกว่าระดับประถม 6 หมื่นคน

เตะฝุ่นลดลงหรือเพิ่มขึ้น ไม่รู้
รู้แต่ คน เป็นถูมิแพ้มากขึ้น :lol:

HI.ผมเอง เขียน:เตะฝุ่นลดลงหรือเพิ่มขึ้น ไม่รู้
รู้แต่ คน เป็นถูมิแพ้มากขึ้น :lol:

เตะฝุ่นมากขึ้น ทำให้เป็นภูมิแพ้มากขึ้นรึเปล่า

บางสาขาอาชีพผลิตมามากไปเช่น
บัญชี บริหารธุรกิจ  วิศวะ
อาชีพที่น่าให้มีมากขึ้น
หมอ ครู  นักวิทยาศาสตร์เฉพาะทาง
นักเรียนการแสดง นักข่าว

แค่ก ๆ ๆ ๆ ๆ

แพ้ฝุ่น (เมื่อเดือนกันยาทั้งเดือนผมก็ไปเตะฝุ่นเหมือนกัน)

ที่เราๆท่านๆเล่นหุ้นกันเอาเป็นเอาตายขนาดนี้

ก็อยากเตะฝุ่นกันทุกคนหรือไม่ใช่  :lol:

nanchan เขียน: เตะฝุ่นมากขึ้น ทำให้เป็นภูมิแพ้มากขึ้นรึเปล่า

:lovl:

jaychou เขียน:ที่เราๆท่านๆเล่นหุ้นกันเอาเป็นเอาตายขนาดนี้

ก็อยากเตะฝุ่นกันทุกคนหรือไม่ใช่  

นั่นนะสิ ครับ :lol:

[quote="jaychou"]ที่เราๆท่านๆเล่นหุ้นกันเอาเป็นเอาตายขนาดนี้

ก็อยากเตะฝุ่นกันทุกคนหรือไม่ใช่

unemployment rate จัดว่าเป็นตัวเลขเศรษฐกิจตัวหนึ่งที่ notorious ในเรื่องความน่าเชื่อถือของตัวเลขมาก เรียกว่าใช้ความรู้สึกยังดีกว่า เหอๆ

ผมว่าประเทศไทยไม่มีปัญหาการว่างงานมานานแล้ว มีแต่ปัญหาขาดแคลนแรงงาน ใครช่วยทำวิจัยหน่อยก็จะดีว่าเป็นเพราะอะไร แต่ผมรู้สึกว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ

สุมาอี้ เขียน:unemployment rate จัดว่าเป็นตัวเลขเศรษฐกิจตัวหนึ่งที่ notorious ในเรื่องความน่าเชื่อถือของตัวเลขมาก เรียกว่าใช้ความรู้สึกยังดีกว่า เหอๆ

ผมว่าประเทศไทยไม่มีปัญหาการว่างงานมานานแล้ว มีแต่ปัญหาขาดแคลนแรงงาน ใครช่วยทำวิจัยหน่อยก็จะดีว่าเป็นเพราะอะไร แต่ผมรู้สึกว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ

เคยทำงานกับผูบริหารท่านนึง ท่านบอกว่าเมืองไทยขาดแคลน unskill labor แต่ระดับกลางพวก ปริญญาตรี ปวส บริหารธุรกิจ เกลื่อนเมือง

บริษัทท่านต้องไปเอาชาวเขา คนลาว มาทำงานครับ (คนลาวที่มาทำดันจบปริญญาตรีซะอีก )

ลูกอิสาน เขียน: เคยทำงานกับผูบริหารท่านนึง ท่านบอกว่าเมืองไทยขาดแคลน unskill labor แต่ระดับกลางพวก ปริญญาตรี ปวส บริหารธุรกิจ เกลื่อนเมือง

บริษัทท่านต้องไปเอาชาวเขา คนลาว มาทำงานครับ (คนลาวที่มาทำดันจบปริญญาตรีซะอีก )

ผมก็ได้ยินได้ฟังมาเหมือนที่คุณลูกอิสานพูดแหละครับ
ทางกรมแรงงานเขาก็เลยนำเข้าแรงงานต่างด้าวมาเป็นแสนๆคน
ขนาดนำมาเป็นแสนคนยังต้องจองกันเลยว่าแต่ละบริษัทจะเอาเท่าไหร่

นั่นคงเพราะ unskill labor ไม่ได้ค่าจ้างที่สามารถอยู่ได้อย่างสะดวกสบายครับ
ถ้าต้องการจะมีสิ่งของทรัพย์สินบ้างในชีวิตเช่น บ้าน รถ ท่องเที่ยวทั่วโลก
ต้องเป็นหนี้เป็นสินทั้งนั้น
ถ้า unskill labor ได้ค่าแรงยกของซักเดือนละ 30000 ที่ค่าครองชีพปัจจุบัน
โดยที่ white collar ยังได้เดือนนึง2-4หมื่นเหมือนเดิม
ปัญหาแรงงาน unskill ขาดแคลน ก็หมดไปเองครับ
แต่เป็นไปได้ยาก คนที่ใช้สมองทำงานคงรับไม่ได้
ที่จะให้คนที่ใช้แรงทำงาน ได้รายได้เทียบเท่าตน
ปัญหาโลกแตก  8)

ใช่ครับ ปัญหาแรงงานของไทย ในส่วน ปวช ปวส หรือ ม6 นี้อยู่ในขั้นวิกฤติเป็นอย่างมาก

เพราะคนไทยบ้าปริญญาครับ ไม่รู้ละคับขอให้จบปริญญาไว้ ก่อน ตรี โท เอก จัตวา

เราจึงได้ยกระดับ วิทยาลัยต่างให้เป็นมหาวิทยาหลอกกันหมด...นี้สำนวณเพลงคุณแอ็ดเขานะครับ

นั้นเพราะเราเป็นสังคมศักดินามานานนั้นเอง
ดังที่เรามีคำสอนติดปากกันมานานว่า

เรียนไปเถอะลูก จบออกไปแล้วจะได้เป็นเจ้าคนนายคย จะได้ไม่ลำบากเหมือน.... พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ทวด...ขึ้นอยู่ว่าผู้พูดเป็นใคร :lol:

เราจึงขาดแรงงานส่วนนี้มากๆๆๆๆๆ
สอดคล้องกับปัญหาในประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศ
ที่คนไม่มีงานทำ ความเสี่ยงทางการเมืองสูง เศรษฐกิจไม่ดี
ทำให้มีแรงงานต่างด้าว หนีเข้าเมืองเป็นส่วนมาก ไอ้ที่มาไม่ถูกเป็นส่วนน้อย
เขามาทดแทนแรงงานไทยในส่วนนี้กันมากมาย

ทำให้เกิดปัญหาต่างๆมาอีกเพียบ....

คนไทยจึงได้เตะฝุ่นโดยไม่ตั้งใจกันเยอะว่าที่จะเป็นไงครับ
ส่วนพวกอยากออกไปเตะบ้างอย่างเราๆ เช่นผมเอง ก็ยังต๋วมเตี๋ยมกันอยู่
เดินลงคลองกันอยู่เลย ยังออกไปไม่ได้ ออกไปอดตายแน่

แต่โชคยังดีที่บ้านเรามีพื้นฐานจากการเกษตร พวกที่เข้ามาเรียนเอาปริญญาตรีที่จบแล้ว ยังกลับไปตามรังได้

แต่ตอนนี้ ธุรกิจการเกษตร ผมว่ามีไม่นานบ้านเราจะวิกฤติแล้ว เพราะการพัฒนาด้านนี้มีน้อยมาก ผลิตกันมาได้บัณทิตทางสังคมศาสตร์มากๆ คิดมาได้ยังไง ถ้าอยากให้ประเทศชาติพัฒนา ต้องผลิตบัณทิตที่มาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้มากสิครับ

สรุปสุดท้าย ปัญหา บ้านเราเราเกือบทั้งหมดเนี้ย
ผมฟันธง เลย ว่ามาจากระบบพื้นฐาน ของชาติที่เกี่ยวกับกระบวนการศึกษาของคนในประเทศห่วย.....เพราะผู้นำไม่เห็นความสำคัญของการพัฒนาคน

เพราะหลายๆรัฐบาล ที่มาจากการเมือง ยังมีความคิดแบบเก่าที่ว่า
...อย่าให้คนมีความรู้สูง เพราะมีความรู้แล้วปกครองยาก...
ชอบใช้ ความคิดผู้ดีอังกฤษโบราณ ยุดล่าอนานิคม
...แบ่งแยกแล้วปกครอง...มาปกครองประเทศ
สงสารประเทศชาติ...

ด้วยความเคารพ

หยิบมาให้อ่านกันเฉยๆๆๆกลายเป็นปัญหาใหญ่
ทุกระดับนี้ต้องยอมรับว่าอยู่กับบริษัทหรือห้างร้านไม่ทนเหมือนเดิม เมื่อก่อน อยู่ตั้งแต่ระดับปู่ ย่า ตา ยาย พ่อ แม่ก็อยู่ที่เดิมตลอดไม่ว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง ซึ่งจุดนี้คือเป็นสายสัมพันธ์แบบหนึ่ง
แต่เดี๋ยวนี้ คือ ถ้าอยู่ได้ซักพักหนึ่ง (มาเชือบตัวเป็นทอง)ทำได้แล้วก็จากไป ทำให้บริษัทต้องเสียค่าcostในการฝึกอบรมสูงมากในแต่ละปี
จุดนี้เป็นจุดที่สามารถวัดเรื่องประสิทธิภาพของบริษัทได้ ว่าถ้าเกิดค่าใช้จ่ายจุดนี้มากเป็นเพราะอะไร ทำไมพนักงานถึงได้ลาออกกันมาก

สุดท้องปัญหาพวกนี้ มันคือปัญหาเรื่องปากท้อง ความพอเพียง และ เงินที่ใช้

Eto Demerzel เขียน:เราไม่ได้ขาดแคลน unskilled labor หรอกครับ

เราขาด 'inexpensive' labor ต่างหาก

อีกด้านหนึ่ง เราขาดผู้ประกอบการที่ทพธุรกิจที่มี value added ที่สูงขึ้น เลยต้องการแต่แรงงานราคาถูก

จำได้พี่คนนึงที่รู้จัก เค้ามีเพื่อนเป็นคนลาว ได้ทุนมาเรียนโทที่ขอนแก่น

รับเงินเดือนจากทางลาว เป็นเงินไทยเดือนละ 1500 บาท

เรียนจบกลับไปใช้ทุนเป็นอาจารย์นะ

เค้าบอกว่ารายได้เท่านี้อยู่ได้ เราก็ อืม.. พูดไม่ออก