Thai VI

ไม่ทราบว่ามีคนเคยถามไปรึยัง

แต่สำหรับมือใหม่ อยากทราบว่า ท่านทั้งหลาย ใช้อะไรเป็นตะแกรงร่อนครับ
ไล่ตามลำดับก็ได้ครับ

ของผมไม่ค่อยเก่ง ใช้ P/E => dividend yield อ่ะครับ
ไม่ทราบว่ามีวิธีอื่นอีกรึปล่าว

ตะแกรงร่อนที่ผมใช้เปลี่ยนไปเรื่อยๆครับ ไม่มีตายตัว
บางครั้งก็ใช้ p/e ดูพวกที่ต่ำๆไว้ก่อน
บางช่วงก็ลองดู p/bv
หลังๆมานี้ชอบดูหุ้นที่กำไรไตรมาสล่าสุดสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนเกิน 40%

ตะแกรงร่อนที่น่าใช้ที่สุด ในรอบ 10 ปี ที่คิดเรื่องหุ้นมาคือ

ให้เอาหุ้นที่กำไร 5 ปีซ้อน ทั้งตลาดมีกี่ตัว

แล้ว มาร์คราคา ที่ settrade ไว้

บ่มทิ้งไว้ 3-6 เดือน

จนได้ที่

กลับมาเปิดดู จะเห็นว่า มีหุ้นบางตัว ราคาลดลงมาก ถึงมากที่สุด


แล้วค่อยไปศึกษาดูว่าทำไม หุ้นมีกำไร ราคาลง

เราก็มักจะเจอข่าวร้ายจริง และข่าวร้ายเทียม

ซื้อ

แล้วปิดจอ

ห้ามดูราคา 3-6 เดือน

เหอๆ กำไรชัวร์

ของผมตระแกรงล่อนจะดูจาก

เศรษฐกิจไม่ค่อยดี ขอดูหุ้นที่ทำกำไรสม่ำเสมอ ปันผลที่ผ่านมาต้องสูงกว่าดอกเบี้ยฝากประจำ และกำไรไตรมาสล่าสุดต้องยังดีอยู่

เศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น อุตสาหกรรมที่มองตอบโตสูง ขอมองหุ้น Growth Stock

อุตสาหกรรมตกต่ำหลาย ๆ ปีแล้ว น่าจะมีโอกาสใกล้ฟื้นตัว มีเงินสดมาก P/BV ต่ำ มีทรัพย์สินมาก แบบนี้ก็ขอลงทุนติด Port ไว้บ้าง รอเป็น Turnaround Stock

เศรษฐกิจปานกลาง อุตสาหกรรมส่วนใหญ่ก็เติบโตปานกลาง ขอดูพวก Blue Chip PE ใกล้เคียงกับตลาด


และที่สำคัญในทุกสถานการณ์คือ จะถือเงินสดไว้ส่วนหนึ่ง เฝ้ารอหุ้นที่อยากได้แบบรอโอกาสที่นายตลาดจะยอมตีราคาแบบลดราคาแบบ Grand Sell ประเภท 50% ลงมา แบบนี้จะได้เลือกซื้อได้ง่ายหน่อยครับ

1. คิดลอยๆว่าตอนนี้ธุรกิจตอนนี้อะไรดี อันไหนน่าสนใจ (trigger) มันจะมาหลายรูปแบบและแปลกๆ
2. เปิด poems หาข่าวเก่าๆ ดู EPS  DPS ย้อนหลัง ถ้าEPSเป็น + และโต ก็ดี
3. เปิด thaivi.com ดูใน ร้อยคนร้อยหุ้น
4. เปิด หน้า webboard ดูคอมเมนต์พี่ๆ
5. กลับไปเปิด poems ดูกราฟสิเป็นไง เทคนิค งูๆปลาๆดูๆไป
6. ถ้า ทุกอย่างเป็นที่น่าพอใจ ก็ซื้อ ติดตรงไหนก็ไม่ซื้อ

sensation only

เปลี่ยนพฤติกรรมไปเรื่อย ไม่แน่ไม่นอน แต่สุดท้าย รวมๆก็คือ ดูหลายๆอย่าง

แต่ปกติเลย จะเริ่มต้นจาก ดูหรือคิดลอยๆ ไปเรื่อยๆ บางทีไม่คิดไม่ดู มันก็ลอยๆมาเอง แล้วค่อยร่อนอีกที

คำถามแรกๆ มักจะเริ่มจาก ตัวสินค้าหรือบริการ"อะไร" คือ บริษัททำอะไร หรือ สินค้าและบริการนี้ของบริษัทอะไร
แล้วค่อยตามด้วย คำถาม "ใคร"ทำ
แล้วถึงค่อยตามด้วย คำถาม ทำแล้วที่ผ่านมาจนกระทั่งถึงตรงนี้ "เป็นไง"

คำว่า เป็นไง นี่ก็รวมๆไปหมด พีอี พีบีวี อาร์โออี อีพีเอส สินทรัพย์ หนี้สิน ทิศทาง ข่าว ....บลาๆๆๆ ...มั่วๆไป  :lol:  :lol:  :lol:

คิด ดู คาด

แล้วสรุปที่ คำถามว่า  ต่อไป "น่าจะเป็นไง"

และ สุดท้ายของท้ายสุด จะลงมือ หรือไม่ กลับไปถามใจล้วนๆ
ชอบมั้ย มีอารมณ์ป่ะ ยี๊มั้ย ปลื้มยัง
ถ้าทำไงก็ไม่ปลื้ม คือ ...จบ

1. เข้า Thaivi.com ครับ หาตัวที่อยู่ใน "ขอบข่ายแห่งความรู้" ว่าพอมีตัวไหนบ้างที่แนวโน้มน่าจะดี
2. ดูงบการเงินครับ ว่าโตต่อเนื่องหรือป่าว หนี้มากไหม ผมไม่ชอบบริษัทที่มีหนี้เยอะๆ ถึงบริษัทดีจริงผมก็ขอเลี่ยงนะครับ
3. อ่านข่าว พอเจอข่าวล่าสุดที่เกี่ยวกับธุรกิจที่เล็งๆ ไว้ก็ตัดมาเก็บไว้ครับ
4. ค้นหาข่าวเก่าๆ ทุกๆ อย่างที่เราจะหาได้ครับ ส่วนมากผมจะ Search หาเอาในเน็ต เวปข่าวต่างๆ รวมทั้ง Form 56-1 ยิ่งมีหลายปียิ่งดี แล้วลองเทียบดูว่าจากที่ผู้บริหารเคยพูดไว้ในปีนั้นๆ พอปีต่อๆมาเป็นจริงอย่างที่พูดไหม น่าเชื่อถือป่าว
5. ค่อยดูเรื่องราคา ถ้าไม่ใช้ PE ผมก็ใช้ DCF ครับ

อาจจะทึกหน่อย แต่วิธีนี้มันทำให้ผมไม่ขาดทุนเลยนะ

เข้าคน 100 หุ้นดูว่า ยอดการเข้าดูสูงผิดปกตินี่ ลุยเลย  :lol:
จะมีคนเชื่อเราไหมนี่

nearly_vi เขียน:ไม่ทราบว่ามีคนเคยถามไปรึยัง

แต่สำหรับมือใหม่ อยากทราบว่า ท่านทั้งหลาย ใช้อะไรเป็นตะแกรงร่อนครับ
ไล่ตามลำดับก็ได้ครับ

ของผมไม่ค่อยเก่ง ใช้ P/E => dividend yield อ่ะครับ
ไม่ทราบว่ามีวิธีอื่นอีกรึปล่าว

ใช้มันรวมๆกันนะครับ ผมออกจะมั่วๆหน่อยครับ บางทีก็ดูพีอี บางทีก็ดูดิวิเดนยีล บางทีก็ดูจากข่าวสารว่าจะมีกำไรเพิ่มขึ้นแล้วก็ยั่งยืนด้วย อะไรประมาณนี้นะครับ

ผมคล้ายคุณ MO101 ดูในร้อยคนร้อยหุ้น
แต่ผมดูหน้าหลัง ๆ หน่อย 555  

thawattt เขียน:ของผมตระแกรงล่อนจะดูจาก

เศรษฐกิจไม่ค่อยดี ขอดูหุ้นที่ทำกำไรสม่ำเสมอ ปันผลที่ผ่านมาต้องสูงกว่าดอกเบี้ยฝากประจำ และกำไรไตรมาสล่าสุดต้องยังดีอยู่

เศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น อุตสาหกรรมที่มองตอบโตสูง ขอมองหุ้น Growth Stock

อุตสาหกรรมตกต่ำหลาย ๆ ปีแล้ว น่าจะมีโอกาสใกล้ฟื้นตัว มีเงินสดมาก P/BV ต่ำ มีทรัพย์สินมาก แบบนี้ก็ขอลงทุนติด Port ไว้บ้าง รอเป็น Turnaround Stock

เศรษฐกิจปานกลาง อุตสาหกรรมส่วนใหญ่ก็เติบโตปานกลาง ขอดูพวก Blue Chip PE ใกล้เคียงกับตลาด


และที่สำคัญในทุกสถานการณ์คือ จะถือเงินสดไว้ส่วนหนึ่ง เฝ้ารอหุ้นที่อยากได้แบบรอโอกาสที่นายตลาดจะยอมตีราคาแบบลดราคาแบบ Grand Sell ประเภท 50% ลงมา แบบนี้จะได้เลือกซื้อได้ง่ายหน่อยครับ

คล้ายๆกันเลยครับ

ชอบแบบพี่เจ๋งอ่ะครับ

ชอบบริษัทที่รักษาการเจริญเติบโตไว้ได้อะครับ

พี่สาวใช้วิธีนี้ ไม่เคยขาดทุน ...

ขอคุ้ยกระท้เก่ากับมาคุยนะคับ (พี่โอ แนะนำกระทู้นี้มาคับ ขอบคุณมากคับ) เห็นช่วงนี้พี่ๆ หลายคนในเวปเริ่มไปขุดหุ้นกันมา ไอ้ผมจะรอคอย (ลอยคอ) รอหุ้นที่พี่ ๆขุดมามาแบ่งปันน้องๆ ในเวบ ผมก็จะยืนและเดินด้วยตัวเองไม่ได้ซักกะที เลยรบกวนพี่ ๆ คับว่า พี่ ๆ มีเคล็ดวิชา วิทยายุทธ ในการขุดอย่างไรกันบ้างคับ เริ่มจากอะไร ต่อด้วยอะไร และสุดท้ายดูอะไร
ของผม (ยังไม่เคยใช้จริง แต่คิดว่าน่าจะใช้ได้)  :roll:
1. ดูว่าแนวโน้มในอีก 2-3 ปีข้างหน้าธุรกิจอะไรน่าจะมา
2. แล้วค่อยมาดู profile ของแต่ละ บ. ในธุรกิจนั้น
3. profile ของ บ. ก็มี pe  pbv  หนี้  กำไรย้อนหลัง  ผู้บริหาร ROA  ROE  (แต่ไม่รู้ให้ น.น. กับ profile ตัวไหนมาก น้อย ยังไงคับ)
รบกวนพี่ ๆ ช่วยแนะนำด้วยคับ  
ขอบคุณคับ

ไม่ทราบนะครับ ผมก็มือใหม่เหมือนกัน

และผมก็เคยลองคิดแบบทีคุณคิดแล้ว
ปรากฎว่า มัน unrealistic เกินไป ว่าในอีก 2-3 ปี ธุรกิจอะไรจะมาครับ คือคำถามเริ่มต้นมันกว้างเกินไป ทำให้มีความเสี่ยงจาก การเลือกมากตามไปด้วย แล้วก็ อาจทำให้เกิดอาการ "รอคอยเธอมาแสนนาน..."

ส่วนตัวผมจะคิดย้อนกลับครับ (เพื่อประหยัดเวลา)
เอาข้อมูลที่มีอยู่ปัจจุบันมาดู คิดอัตราต่างๆ รวมถึง อัตราในอนาคตคร่าวๆ จะได้หุ้นที่ชอบตัวเลขมาหลายๆตัว (ตรงนี้ยากมากๆ ครับ แต่มีพี่ๆ ในนี้ช่วยเหลือได้ครับ) จุดนี้คล้ายๆ กับที่คุณ ใช้เป็นคำถามแรก ว่า ธุรกิจบริษัทที่ผมดูอยู่นี้ อีก 2-3 ปี หรือเร็วกว่านั้น จะดีหรือไม่
ถ้าดี ก็เอา ไม่ดีก็ตัด

ไม่ทราบมีความเห็นไงครับ

จริงอย่างที่คุณ nearly_vi (เป็น vi เมื่อไรบอกด้วยนะคับ  :D ) ถ้าเราคาดการณ์ธุรกิจผิดว่ามันจะมา แต่ไม่มา ก็ทำให้ต้องคอยเก้อคับ
แบบที่คุณ nearly_vi ว่ามาเป็นการดูจาก micro ไป macro ขณะที่แบบที่ผมคิดจะใช้เป็นแบบ macro ไป micro ข้อดี ข้อเสียต่างกันอย่างไร ขอไปคิดดูก่อนนะคับ
อ้าวกลายเป็นมือใหม่ คุยกับ มือใหม่ รบกวนพี่ ๆ มือเก่า มาให้ความรู้เพิ่มด้วยคับ  

คัดกรองด้วยการออกไปเดินเล่นปากซอยครับ

ข้อดีของ micro ไป macro อย่างหนึ่งคือ เราจะได้หุ้นที่ดีไว้ใน list จำนวนหนึ่ง ไว้เพื่อติดตาม บ. เหล่านี้ และพร้อมที่จะลงทุนใน บ. เหล่านี้ทันทีที่คิดว่า ถึงเวลาของธุรกิจที่ บ. เหล่านี้อยู่แล้ว ขณะที่ข้อเสีย ผมคิดว่าคือระยะเริ่มต้นต้องใช้เวลาในการคัดห้นเหล่านี้ออกมาจากทุกอุตสาหกรรม

ข้อดีของ mac ไป mic คือ มันใช้เวลาเริ่มต้นน้อยกว่าในการคัดหุ้น (ถ้าเราคาดการณืว่าถึงเวลาของธุรกิจนั้นแล้ว ถูกนะคับ) แต่ข้อเสียก็คือ ขอบความรู้ของเราก็จะถูกจำกัดอยู่เฉพาะธุรกิจ(อุตสาหกรรม)นั้นๆ ซึ่งบางทีอาจมีห้นที่ดีกว่า ใน อุตสาหกรรม ที่เราคิดว่าไม่ใช่เวลาของมันก็ได้

1.เลือกอุตสาหกรรมที่อีก 3-5 ปีข้างหน้าจะโตขึ้นกว่าวันนี้อีกมาก
2.เลือกบริษัทที่มีความสามารถในการแข่งขันสูงกว่าคู่แข่งที่อยู่ในอุตสาหกรรมในข้อ 1
3.ในบรรดาบริษัทในข้อ 2 เลือกซ์ื้อลงทุนเฉพาะตัวที่ราคาหุ้นไม่ "เว่อร์" เกินไปเท่านั้น
4.ถือหุ้นเหล่านั้นไว้เฉยๆ ในระยะยาว จนกว่ามันจะแสดงศักยภาพที่เราหวังไว้ออกมา และขายออกเมื่อพบตัวใหม่ที่เข้าข่ายตามข้อ 1-3

เอาหุ้นที่ไม่มีใครสนใจ เข็นแล้วไม่ขึ้น
พวกดาวดับเนี่ยผมชอบ