Thai VI

ข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ที่ยังจะต้องกรอบต่อธุรกิจค้าปลีกจะส่งผลต่อการเติบโตของบริษัททั้งหลายไหม

และทำไมโลตัสและคาร์ฟู  ถึงไม่เข้าจดทะเบียนในตลาด

หรือเป็นเพราะบริษัททั้งสองผลการดำเนินงานไม่ดี  (แต่ BIGC กำไรเยอะเชียว)

และถ้าผลการดำเนินงานไม่ดี  ทำไมถึงขยายสาขาเพิ่มอีก  และนำเงินที่ไหนมาขยาย

ใครเข้า BOL ได้  ช่วยดูข้อมูลหน่อย

ไม่ต้องเข้า BOL ก็ได้ครับ ดูใน กรมการค้าภายในก็ได้ครับ Lotus รู้สึกจะ เอกชัย ดิสตริบิวชั่น ประมาณนี้ กำไรบานครับ

แปลกใจนิดหน่อย
เกี่ยวกับโลตัส ซึ่งเป็นผู้นำอันดับแรกๆๆของค้าปลีกขนาดใหญ่
ออกมาบอกว่าขาดทุนแต่เพิ่มสาขาเอาเพิ่มสาขาเอา
มันผิดภาพกับพวกbigc makro ที่อยู่ในตลาดกำไรเอากำไรเอา
ขยายสาขาเอาขยายเอา

แบบนี้ถ้าใครเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีคงจะหนาวๆๆร้อนๆๆกันบ้างน่าครับ
ใครเป็นคนเซ็นรับรองบัญชีไปต้องนั่งก้นไม่ติดแน่นอน

ภาพมันแตกต่างได้ถึงขนาดนี้
อืมๆๆ

ถ้าขยายสาขาแบบเร็วมากๆ ก็บุ๊คขาดทุนได้ครับ
เพราะค่าเสื่อมจะเข้ามาเร็ว จากการซื้อหรือเซ้งพื้นที่

เรื่องเงินสดในการขยาย พวกค้าปลีกไม่มีปัญหาอยู่แล้วครับ
เพราะรับเงินก่อน จ่ายทีหลัง ยิ่งขายมาก cash ยิ่งเยอะ

บริษัท เอกชัยดิสทริบิวชั่น จำกัด  

   
เปรียบเทียบงบดุล(โดยย่อ)

จำนวนเงิน (บาท)
 ปีงบ 2547  ปีงบ 2546  ปีงบ 2545  
สินทรัพย์
ลูกหนี้การค้าและตั๋วเงินรับสุทธิ 8,995,970  6,102,663  8,057,421  
สินค้าคงเหลือ 30,834,945  25,870,407  15,771,867  
รวมสินทรัพย์หมุนเวียน 43,294,021  33,937,942  25,077,202  
ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์(สุทธิ) 1,700,738  2,079,801  1,361,784  
รวมสินทรัพย์ 44,996,109  36,019,093  26,438,986  
 
หนี้สินและทุน
รวมหนี้สินหมุนเวียน 38,333,718  29,876,425  20,766,800  
รวมหนี้สิน 38,333,718  29,876,425  20,766,800  
 รวมส่วนของผู้ถือหุ้น  6,662,391  6,142,667  5,672,186  
รวมหนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น  44,996,109  36,019,093  26,438,986  

ทุนจดทะเบียน 5,000,000  5,000,000  5,000,000  
ทุนชำระแล้ว 5,000,000  5,000,000  5,000,000  
จำนวนหุ้น 0  50,000  50,000

เปรียบเทียบงบกำไรขาดทุน(โดยย่อ)

จำนวนเงิน (บาท)
 ปีงบ 2547  ปีงบ 2546  ปีงบ 2545  
รายได้หลัก 37,909,983  36,629,477  41,417,029  
รวมรายได้ 39,231,080  38,801,085  43,341,231  
ต้นทุนขาย 32,260,310  33,912,311  40,119,045  
ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 5,818,985  4,093,292  2,247,513  
ดอกเบี้ยจ่าย 241,939  162,533  167,641  
ภาษีเงินได้ 164,321  162,467  166,883  
รวมรายจ่าย 0  38,330,604  42,701,083  
กำไร(ขาดทุน)สุทธิ 558,396  470,481  640,148  

กำไรต่อหุ้น (บาท) 0  9  13

น่าจะบริษัทนี้มากว่า

บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด  

   
เปรียบเทียบงบดุล(โดยย่อ)

จำนวนเงิน (บาท)
 ปีงบ 2547  ปีงบ 2546  ปีงบ 2545  
สินทรัพย์
ลูกหนี้การค้าและตั๋วเงินรับสุทธิ 2,357,714,415  1,761,310,381  1,531,968,252  
สินค้าคงเหลือ 6,806,575,624  6,558,303,515  5,651,350,788  
รวมสินทรัพย์หมุนเวียน 16,648,048,419  14,865,323,269  12,405,096,599  
ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์(สุทธิ) 34,664,375,487  33,992,627,769  32,324,836,718  
รวมสินทรัพย์ 52,273,589,279  49,765,965,078  45,474,666,194  
 
หนี้สินและทุน
รวมหนี้สินหมุนเวียน 18,545,463,418  18,104,109,370  16,239,174,429  
รวมหนี้สิน 20,529,121,934  19,607,909,370  17,286,774,429  
 รวมส่วนของผู้ถือหุ้น  31,744,467,345  30,158,055,708  28,187,891,765  
รวมหนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น  52,273,589,279  49,765,965,078  45,474,666,194  

ทุนจดทะเบียน 32,601,300,000  33,900,000,000  33,900,000,000  
ทุนชำระแล้ว 32,601,300,000  32,601,300,000  32,601,300,000  
จำนวนหุ้น 0  3,390,000,000  3,390,000,000

เปรียบเทียบงบกำไรขาดทุน(โดยย่อ)

จำนวนเงิน (บาท)
 ปีงบ 2547  ปีงบ 2546  ปีงบ 2545  
รายได้หลัก 72,736,658,472  64,695,057,134  54,340,621,364  
รวมรายได้ 76,502,508,657  67,634,710,726  56,740,204,245  
ต้นทุนขาย 60,440,015,720  53,947,290,585  45,635,259,711  
ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 12,900,755,493  10,920,686,417  8,978,262,843  
ดอกเบี้ยจ่าย 141,548,291  132,962,151  77,645,713  
ภาษีเงินได้ 807,859,547  126,425,906  48,518,844  
รวมรายจ่าย 0  65,664,546,784  54,739,687,111  
กำไร(ขาดทุน)สุทธิ 1,586,411,638  1,970,163,942  2,000,517,134  

กำไรต่อหุ้น (บาท) 0  1  1

เท่าที่ทราบนะครับ

BIGCจดทะเบียนในตลาดก่อนที่จะเกิดวิกฤต และกลุ่มจิราธิวัฒน์ขายหุ้นส่วนใหญ่ให้กับกลุ่มกาสิโน

ส่วน TESCO และ Carrefour จดทะเบียนในประเทศของบริษัทแม่ครับ

ถ้าขยายสาขาแบบเร็วมากๆ ก็บุ๊คขาดทุนได้ครับ
เพราะค่าเสื่อมจะเข้ามาเร็ว

ประเด็นของพี่CK
ผมไม่เถียงน่าครับ
เพราะว่า มันเป็นเรื่องการตัดบัญชี
ที่เคยถามไปรอบหนึ่ง

เรื่องนี้ถ้ามองในภาพรวมแล้ว ถ้ากำไรอยู่จะเป็นสองเด้ง
ถ้าขาดทุนน้อยกว่าตัดค่าเสื่อมก็ยังถือว่ากำไร
เนื่องจากเราไม่สามารถตัดสิ่งเหล่านั้นได้ในครั้งเดียว
แต่เราได้จ่ายเงินสดไปแล้วใน ณ เวลาใดเวลาหนึ่งในอดีต
ซึ่งเหตุการณ์นี้ควรจะได้รับการชดเชยในอนาคต



ส่วนของพี่Jeng ขอบคุณที่ให้รายละเอียดของ
บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด  
ไว้ ณ ที่ดีครับ
[/quote]

การที่บริษัทมีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิ

แล้วเราวิเคราะห์โดยการมองว่า  ขาดทุนเพราะค่าเสื่อมราคา  เมื่อบวกขาดทุนสุทธิกับค่าเสื่อมราคาแล้วยังบวก  ก็ยังดูดี  เพราะคิดว่าค่าเสื่อมราคาเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่เงินสด

วิเคราะห์แบบนี้  ก็เหมือนวิเคราะห์แต่ด้านดี

ค่าเสื่อมราคาเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นแล้ว  ไม่ได้จ่ายเงินสดออกไปจริงในปีที่คิดค่าเสื่อม  เราจึงบวกกลับ

แล้วเงินลงทุนที่เราจ่ายเงินสดออกไปจริงละครับ  ทำไมเราไม่หักออกด้วย

เล่นแต่บวกกลับ  ก็ดูดีแย่เลยซิครับ  ยิ่งเป็นธุรกิจที่ต้องปรับปรุงเครื่องจักรอาคารบ่อยๆด้วยแล้วละจะยิ่งดูดีเกินจริงเชียว

ระวัง EBITDA ที่นักวิเคราะห์ชอบใช้เชียวหนัก  ระวังให้ดี

ช่วงนี้หุ้นค้าปลีกดูจะลดความ popular ลงไปแล้วพอสมควรนะครับ แต่ราคาหุ้นก็ไม่ได้ถึงกับลดลงไปมาก  :roll:

คือถ้าราคาหุ้นไม่แพง กลุ่มนี้ผมก็ยังสนใจอยู่ เพราะคิดว่าระยะยาวยังไงกลุ่มนี้ก็น่าจะยังไปได้เรื่อยๆ

ตอนแรกว่าจะรอ SE-ED กับ MINT ร่วงลงมา แต่ตอนนี้มีขวัญใจคนใหม่แล้ว MKR ตัวนี้ยิ่งนกทีเดียวเหมือนได้ทั้งสองตัวนั้นมาเลย 555

MKR นี่ตัวไหนเหรอครับ

Windy เขียน:MKR นี่ตัวไหนเหรอครับ

อะจ้าย ไม่มีหรอกครับตัวนี้ในตลาดหุ้น  :lol:

สุมาอี้ เขียน:

อะจ้าย ไม่มีหรอกครับตัวนี้ในตลาดหุ้น

[quote="chatchai"]
แล้วเงินลงทุนที่เราจ่ายเงินสดออกไปจริงละครับ

HVI เขียน: MK Restaurant แหงๆ
อดใจรออีกนิด แต่จะได้ลิสต์ชื่อนี้หรือเปล่าไม่รู้
มีการตั้งหน้าตั้งตารอในร้อยคนร้อยหุ้นกันแล้วครับ ... 555

ขอบคุณครับที่นำหลัก 10 ข้อของลินซ์มาเตือนใจนักลงทุนกันอีกครั้ง เป็นหลักที่ยังงดงามอยู่เสมอ หวังว่าภายภาคหน้าคงมีอานิสงส์บวกเกิดขึ้นจากการที่ผมได้นำหลักการทั้ง 10 ข้อนี้มาใช้สร้างพอร์ตของผมในปัจจุบันบ้าง

เพิ่งต่อเรือเสร็จครับหลังจากรีๆรอๆมานาน 3 ปีเต็มในที่สุดก็พร้อมแล้วจะผ่าคลื่นลมแล้วอย่างจริงๆจังๆ ตามอย่างคนที่เป็นนักลงทุนระยะยาวกะเขาบ้าง  :lol:

ต่อให้ตลท.ปิดไปสักหนึ่งปี เราก็ไม่รู้สึกอะไร (เราจะคิดอย่างนั้นได้มั้ยน่า เฮ้อ)

เพื่อน เขียน:โดนแจ้งเป็นรายจ่ายไปเรียบร้อยตอนลงทุนก่อสร้างแล้วไม่ใช่เหรอครับ หรือว่าผมยังเข้าใจอะไรผิดอยู่ คุณฉัตรชัยช่วยชี้แนะเป็นความรู้ด้วยครับ

คือยังงี้ครับ  เวลาเราพิจารณามี 2 ทาง คือ  พิจารณาจากเกณฑ์รับรู้รายได้รายจ่าย  กับเกณฑ์เงินสด

ที่นี้ก็มีนักวิเคราะห์บางคน  พยายามทำให้ดูดี  โดยนำหลักเกณฑ์ทั้ง 2 ประเภทมาปนกัน  คือ

นำกำไรสุทธิซึ่งคิดตามเกณฑ์รับรู้รายได้รายจ่าย  มาบวกกับค่าเสื่อมราคา  โดยพยายามบอกว่า ค่าเสื่อมราคาไม่ใช่เงินสดจ่าย  คือเอาเกณฑ์เงินสดมาคิด

แต่เงินสดจ่ายคือ  เงินลงทุนในงวดนั้น  กลับไม่นำมาลบออก

ก็คือ  คิดเกณฑ์เงินสด  บวกกลับอย่างเดียว  สิ่งที่จ่ายออกไม่นำมาหัก  เหมือนคิดแต่รายได้ไม่นำรายจ่ายมาหักออก  หรือคิด P/E เฉพาะบริษัทที่มีกำไร  ขาดทุนไม่รวม  :lol:

ขอบคุณพี่ชิดชัย

[quote="chatchai"]แต่เงินสดจ่ายคือ