อยากให้อ่านอีกแล้ว...........
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 21, 2003 10:21 am
ปัญหามีไว้ให้แก้ พักได้ หลบได้ แต่อย่าหนี
ตอนเด็ก ๆ ฉันเคยหัวเสียกับเชือกที่พันกันยุ่งเหยิง
ยิ่งแก้ยิ่งอารมณ์เสีย
ฉันร้องห่มร้องไห้ โทษดินฟ้าอากาศ
แล้วคิดว่าทำไมฉันต้องทนกับเจ้าเชือกไร้สาระพวกนี้ด้วย
เลยใช้มีดตัด ๆ ตัดจนเชือกขาดเป็นชิ้น ๆ (สะใจจริง)
พอหายโมโห
ฉันนั่งมองกองเชือกขาด ๆ ที่ไร้ประโยชน์
(โถช่างน่าสงสารจริง ๆ ทั้งตัวเองและเชือก)
แต่แล้วครั้งต่อมา พอเชือกพันกันอีก...
ฉันก็ใช้มีดตัดมันอีกอย่างไม่คิดอะไร
จนวันหนึ่ง...
ฉันเห็นแม่นั่งแก้เชือก ที่พันกันกองโต
มันยุ่งชนิดที่ว่า
ชาตินี้คงไม่สามารถกลับมาเป็นเส้นตรงได้เหมือนเดิม
ฉันเห็นแม่นั่งแก้ทุกวัน วันละนิดละหน่อย
พอเบื่อก็ไปทำอย่างอื่น
ทิ้งกองเชือกกองไว้ แล้วก็กลับมานั่งแก้อีก
จนฉันรำคาญ และคิดว่า
ทำไมแต่ต้องทนกับกองเชือกไร้สาระพวกนี้
เลยบอกแม่ว่าเอามีดตัดมันออกเถอะ...
นั่นแหละฉันถึงได้เข้าใจเมื่อแม่ตอบว่า...
เวลาที่เชือกพันกัน เขาห้ามใช้มีดตัด ต้องแก้ออกให้ได้
เพราะเชือกเป็นเส้นเดียวต่อให้พันกันยุ่งแค่ไหนก็แก้ได้
ถ้าแค่เชือกพันกันแค่นี้ลูกแก้ไม่ได้
แล้วต่อไปจะแก้ปัญหาอะไรในชีวิตได้
ลูกก็จะแก้ปัญหาสุ่ม ๆ เหมือนที่ใช้มีดตัดเชือกนั่นแหละ
ถ้าลูกไม่อดทนแก้เชือกด้วยมือตัวเอง ค่อย ๆ
แกะวันละนิดละหน่อย แค่นี้ทำไม่ได้แล้วจะไปทำอะไรได้
ไม่มีอะไรยากไปกว่าความอดทนของคนหรอก...
หลังจากนั่นอีก 3 วัน
ฉันเห็นขดเชือกเส้นสวยเป็นระเบียบแขวนอยู่
ฉันมองอย่างทึ่ง แม่ยิ้มอย่างภูมิใจ
เรื่องนี้ทำให้ฉันรู้ว่า
ปัญหาของคนเรา จริง ๆ แล้วคือการหนีปัญหานั่นแหละ
เพราะถ้าเราตั้งใจแก้มัน มีหรือจะไม่มีทางออก
แพ้บ้าง ชนะบ้างเป็นเรื่องปกติ
จะได้ ล้มเป็นลุกเป็น
โลกสร้างปัญหา สร้างความทุกข์
ให้เราผ่านไปให้ได้...
ฉันไม่เคยซ้ำเติม คนที่ฆ่าตัวตายว่าเขาโง่
เพียงแต่เขาก้าวผ่านปัญหาบนโลกไปไม่ได้
เขาเลยเลือกที่จะหนีไปจากโลกนี้แทน
ด้วยความขาดสติ ด้วยอารมณ์ชั่ววูบ
พอวันวัยผ่านมา ตอนนี้ฉันได้รู้ว่า
ชีวิตคนเราผิดพลาดได้ ความพ่ายแพ้เป็นเรื่องปกติ
ไม่ใช่สิ่งเลวร้ายอะไรเลย...
ไม่ว่าจะเหนื่อยจะท้อแค่ไหน อย่าหนีปัญหาไปเฉย ๆ ล่ะ
แค่บอกปัญหาว่าพักสักเดี๋ยว แล้วค่อยมาเจอกันใหม่.
ตอนเด็ก ๆ ฉันเคยหัวเสียกับเชือกที่พันกันยุ่งเหยิง
ยิ่งแก้ยิ่งอารมณ์เสีย
ฉันร้องห่มร้องไห้ โทษดินฟ้าอากาศ
แล้วคิดว่าทำไมฉันต้องทนกับเจ้าเชือกไร้สาระพวกนี้ด้วย
เลยใช้มีดตัด ๆ ตัดจนเชือกขาดเป็นชิ้น ๆ (สะใจจริง)
พอหายโมโห
ฉันนั่งมองกองเชือกขาด ๆ ที่ไร้ประโยชน์
(โถช่างน่าสงสารจริง ๆ ทั้งตัวเองและเชือก)
แต่แล้วครั้งต่อมา พอเชือกพันกันอีก...
ฉันก็ใช้มีดตัดมันอีกอย่างไม่คิดอะไร
จนวันหนึ่ง...
ฉันเห็นแม่นั่งแก้เชือก ที่พันกันกองโต
มันยุ่งชนิดที่ว่า
ชาตินี้คงไม่สามารถกลับมาเป็นเส้นตรงได้เหมือนเดิม
ฉันเห็นแม่นั่งแก้ทุกวัน วันละนิดละหน่อย
พอเบื่อก็ไปทำอย่างอื่น
ทิ้งกองเชือกกองไว้ แล้วก็กลับมานั่งแก้อีก
จนฉันรำคาญ และคิดว่า
ทำไมแต่ต้องทนกับกองเชือกไร้สาระพวกนี้
เลยบอกแม่ว่าเอามีดตัดมันออกเถอะ...
นั่นแหละฉันถึงได้เข้าใจเมื่อแม่ตอบว่า...
เวลาที่เชือกพันกัน เขาห้ามใช้มีดตัด ต้องแก้ออกให้ได้
เพราะเชือกเป็นเส้นเดียวต่อให้พันกันยุ่งแค่ไหนก็แก้ได้
ถ้าแค่เชือกพันกันแค่นี้ลูกแก้ไม่ได้
แล้วต่อไปจะแก้ปัญหาอะไรในชีวิตได้
ลูกก็จะแก้ปัญหาสุ่ม ๆ เหมือนที่ใช้มีดตัดเชือกนั่นแหละ
ถ้าลูกไม่อดทนแก้เชือกด้วยมือตัวเอง ค่อย ๆ
แกะวันละนิดละหน่อย แค่นี้ทำไม่ได้แล้วจะไปทำอะไรได้
ไม่มีอะไรยากไปกว่าความอดทนของคนหรอก...
หลังจากนั่นอีก 3 วัน
ฉันเห็นขดเชือกเส้นสวยเป็นระเบียบแขวนอยู่
ฉันมองอย่างทึ่ง แม่ยิ้มอย่างภูมิใจ
เรื่องนี้ทำให้ฉันรู้ว่า
ปัญหาของคนเรา จริง ๆ แล้วคือการหนีปัญหานั่นแหละ
เพราะถ้าเราตั้งใจแก้มัน มีหรือจะไม่มีทางออก
แพ้บ้าง ชนะบ้างเป็นเรื่องปกติ
จะได้ ล้มเป็นลุกเป็น
โลกสร้างปัญหา สร้างความทุกข์
ให้เราผ่านไปให้ได้...
ฉันไม่เคยซ้ำเติม คนที่ฆ่าตัวตายว่าเขาโง่
เพียงแต่เขาก้าวผ่านปัญหาบนโลกไปไม่ได้
เขาเลยเลือกที่จะหนีไปจากโลกนี้แทน
ด้วยความขาดสติ ด้วยอารมณ์ชั่ววูบ
พอวันวัยผ่านมา ตอนนี้ฉันได้รู้ว่า
ชีวิตคนเราผิดพลาดได้ ความพ่ายแพ้เป็นเรื่องปกติ
ไม่ใช่สิ่งเลวร้ายอะไรเลย...
ไม่ว่าจะเหนื่อยจะท้อแค่ไหน อย่าหนีปัญหาไปเฉย ๆ ล่ะ
แค่บอกปัญหาว่าพักสักเดี๋ยว แล้วค่อยมาเจอกันใหม่.