Thai VI

แต่30ปีให้หลัง
กำไรเสียส่วนใหญ่

ผมว่าแล้วแต่ค่านิยมมั้งครับ ลองดูคนรุ่นปู่รุ่นพ่อสิครับ
ยอมตายดีกว่าไปหาหมอ กลัวเปลือง  เป็นรุ่นประหยัดจริงๆ
ธุรกิจแต่ก่อนก็กำไรน้อยๆพออยู่พอกิน บวกกำไรกันนิดเดียว
แต่หลายคนได้มีธุรกิจเล็กๆกันหมด แต่ไม่รวยมาก

มาปัจจุบัน  ผื่นขึ้นก็รีบตรวจว่าเป็นมะเร็งผิวหนังหรือเปล่า
ค่านิยมเปลี่ยนไปมาก
ธุรกิจก็ด้วย ต้องมีเจ๊งกันไปข้างนึง แต่คนที่อยู่รอดคือรวยถึงมหารวย

แสดงว่าธุรกิจนี้อยู่ที่ค่านิยม

รายได้ดีไม่ดี ไม่ไช่ที่เงินทุนที่ลงทุนอย่างเดียว
แต่

คือ

ค่านิยมที่ผู้ใช้เลือกหรือเปล่าคับ

ถามย้อนไปนานจัง เกิดไม่ทันคับ

ต้องยอมรับว่า ฝีมือ และระบบ การจัดการ ของหมอๆดีขึ้นมาก

สมัยก่อนนั้น คนรวยจะผ่าหัวใจ หรือ สมองหลายคนก็บินไป อเมริกา

อาจารย์ที่ทำเป็นบางคน ก็บินไปผ่าให้คนไข้อเมริกัน

เพราะมาตรฐานเรายังไม่เที่ยบเท่า

แต่ปัจจุบัน เราทำได้ และบางอย่างผมเชื่อว่าเราทำได้ดีกว่าเมกาด้วยซ้ำ

ก็คงประมาณมาตรฐานที่ไม่อาจจะยอมจมลงได้มั้งครับ
เพราะตั้งแต่เกิดก็ใช้แบบนี้มาแล้ว จะให้เปลี่ยนก็ยาก
มาตรฐานที่คนคาดหวังไว้ก็สูงขึ้นเรื่อยๆ มีอะไรแปลกๆใหม่ๆขึ้นเรื่อยๆ
ไม่งั้นมือถือ คนก็คงไม่ติดกันขนาดนี้ ให้เลิกใช้ก็น้อยคนจะเลิกได้

อย่างนิยายจีนโบราณ ลูกบ่นอยากกินเนื้อ แม่ไม่ปัญญาซื้อ
ก็แอบแล่เนื้อตัวเองมาทำอาหารให้กิน  ตอนเด็กเคยอ่านแล้วซึ้ง
พอเรามาเล่าให้เด็กลูกคนงานแถวบ้านฟัง
เด็กตอกกลับมาว่า ทำไมโง่ แล้วไปล่าสัตว์เอาเอง
มันไม่ง่ายกว่าแล่เนื้อตัวเองเหรอ  มีแม่แบบนี้ ลูกคงออกมาโง่ ไม่แพ้กัน
เดี๋ยวก็ตายไปไหนไม่รอดทั้งแม่ทั้งลูก  แล้วพวกเด็กก็หัวเราะกัน
เรามานั่งคิด  ก็จริงนะไม่make senseเลย
ถ้ายุคนี้ก็คงต้องบอกให้ไปกดบัตรเครดิตเอา จะมานั่งทนทำไม
ความอดทนคนน้อยลง  ธุรกิจใหม่ๆก็คงเกิดได้จากจุดนี้มั้งครับ

คงเป็น culture แหละครับ สมัยนี้โรงพยาบาลไม่ได้มีแค่รักษาแล้วนี่ครับ
ทั้งป้องกันโรค นวด ฟาสต์ฟู๊ด ร้านค้า เหมือนๆห้างย่อมๆเลยครับ

ที่ผมกลัวที่สุด

อาการดื้อยาของคนไข้ในปัจจุบันที่มีอาการ
เรื้อรัง  กลุ่มลูกค้าพวกนี้ดูเหมือนมีแนวโน้ม
การขยายตัวอย่างชัดเจน

น่าจะเกี่ยวกับอายุคนครับ เท่าที่ทราบคนรุ่นอายุ 30-40ปีในบ้านเรามีมากกว่ากลุ่มอื่นครับ กลุ่มนี้มีรายได้ดี รักสุขภาพ ยอมจ่าย

ผมคิดว่าเป็นเพราะประเทศพัฒนาขึ้น คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น  ไปโรงพยาบาลกันมากขึ้น สำหรับจำนวนการป่วยที่เท่ากัน  รวมทั้งการเดินทางไปโรงพยาบาลก็อาจจะสะดวกขึ้น

แล้วอย่าง รพ ที่มีธุรกิจเสริมความงามล่ะครับ เช่น ยันฮี ผมว่าท่าทางรายได้ดีกว่า รพ รักษาโรคอีกนะครับ น่าจะเข้าตลาดน๊าาาาา

(แฟนเก่าผมเคยไปหาหมอรักษาสิวที่ รพ ยันฮี ผมไปเป็นเพื่อน ขอบอก พยาบาลน่ารักๆ ตรึมเลย ^_^)

pongo เขียน:(แฟนเก่าผมเคยไปหาหมอรักษาสิวที่ รพ ยันฮี ผมไปเป็นเพื่อน ขอบอก พยาบาลน่ารักๆ ตรึมเลย ^_^)

เลยได้แฟนใหม่เป็นพยาบาลเลยหรือเปล่าครับ   :lol:    :lol:

แซวเล่นนะ  อย่าคิดมาก

30 ปีก่อนเป็นไงไม่รู้  รู้แต่ว่า  ตอนนั้นถ้าไม่สบาย  พ่อแม่ก็จะพาไปคลีนิคแทนโรงพยาบาลครับ

แต่ถ้าเป็นตอนวิกฤตละก็  เจ๊งไปหลายแห่ง

ที่สำคัญเป็นเพราะกู้เงินนอก  นำมาลงทุนซื้อเครื่องมือแพงๆ  และก็มีการนำเงินไปใช้นอกธุรกิจหลักครับ

เอิ๊กๆ คุณ chatchai ถ้าได้แฟนใหม่เป็นนางพยาบาลที่ัยันฮีจริงก็ดีซิครับ
แต่มันไม่ได้ยังงั้นน่ะซิครับ T_T

หรือว่านักลงทุนกำลังติดโรค Hospital Mania จริงๆ
.....
....
...
..
.
มีบางอย่างที่อาจทำให้เราต้องฉุกคิดว่า เมื่อทุกคนกำลังเห่อหุ้นโรงบาล มันมีความหมายอะไรหรือไม่
....
ผมเองสนใจหุ้นโรงบาล แต่นั่นมันเมื่อ 3 ปีก่อนนะ
.
ตอนนี้เก็บผลกินไปเรียบร้อย แต่ยังเหลือต้นไว้เอาท้าลมฝนอยู่