หน้า 1 จากทั้งหมด 3

ทุนต่างชาติ ควรต่อต้านหรือสนับสนุนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 14, 2006 8:27 am
โดย jaychou
ผมเห็นภาพขัดแย้งกันของกรณีทุนต่างชาติ
ดูง่ายๆ อย่างตลาดหุ้นบ้านเรา ทั้งนักลงทุน นักวิเคราะห์จะดี๊ด๊า ถ้าฝรั่งซื้อ
แต่ถ้าซื้อมากเกินไป อย่าง SHIN ก็จะมีเสียงประนามเข้ามา

หรือกรณี Modern Trade ..
ผมเห็นส่วนใหญ่ดีใจที่มีห้าง Modern Trade มาเปิดใกล้บ้าน
เรียกว่าบรรดาธุรกิจอสังหา ที่อยู่อาศัย คึกคักกันทีเดียว
แต่ก็มีส่วนน้อยที่ต้องการรักษาโชห่วยเอาไว้ ไม่นับตัวเจ้าของโชห่วยเอง

พวกที่ต่อต้านทุนต่างชาติน่าจะลองคิดดู ว่าทำไมคนไทยเราไม่มีทุนที่จะไปลงทุนสู้กับพวกต่างชาติ ต้องให้ต่างชาติเป็นผู้นำในบ้านเราแบบนี้ ไม่เห็นว่าญี่ปุ่น ไต้หวัน หรือแม้แต่ ภูฐาน จะมีปัญหาพวกนี้เลย

Re: ทุนต่างชาติ ควรต่อต้านหรือสนับสนุนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 14, 2006 8:50 am
โดย ปรัชญา
jaychou เขียน: หรือกรณี Modern Trade ..
ผมเห็นส่วนใหญ่ดีใจที่มีห้าง Modern Trade มาเปิดใกล้บ้าน
เรียกว่าบรรดาธุรกิจอสังหา ที่อยู่อาศัย คึกคักกันทีเดียว
แต่ก็มีส่วนน้อยที่ต้องการรักษาโชห่วยเอาไว้ ไม่นับตัวเจ้าของโชห่วยเอง
กรณีโชห่วยตายเพราะทุนต่างชาติ  ข้อนี้จริงอยู่ครับ
เลิกกันเป็นแถว

แต่ในความเป็นจริง  เซเว่น  ตัวทำให้ค้าปลีกเจ๊งสนิท
ไม่ต้องเดินไกลใกล้บ้าน  คนไม่มีรถยนต์ก็ซื้อได้
ปั๊มน้ำมัน  ที่มีมินิมาทก็มีส่วนแรงส่งเสริม

ส่วนโลตัส+บิ๊กซี+แม็คโคร
ห้างเหล่านี้  ฆ่ายี่ปั้ว  รายใหญ่ตามหัวเมือง

คนได้ประโยชน์คือผู้บริโภค
ที่ว่าสร้างงาน  นั่นเป็นภาพลวงตา  ข้อแอบอ้าง

คนเจ๊งคนเดือดร้อนมากกว่าที่จะมาเป็นพนักงานหลายสิบเท่า

ทุนต่างชาติ ควรต่อต้านหรือสนับสนุนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 14, 2006 9:23 am
โดย คลายเครียด
ควรสนับสนุนแบบมีขีดจำกัดครับ
เช่น ให้ขยายสาขาได้ไม่จำกัด
แต่ห้ามมีที่จอดรถ

:roll:  :roll:  :roll:  :roll:  :roll:  :roll:  :roll:  :roll:

ทุนต่างชาติ ควรต่อต้านหรือสนับสนุนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 14, 2006 9:24 am
โดย artvr4
คนเจ๊งคนเดือดร้อนมากกว่าที่จะมาเป็นพนักงานหลายสิบเท่า
ถูกต้องครับ เห็นด้วยที่สุด

ทุนต่างชาติ ควรต่อต้านหรือสนับสนุนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 14, 2006 10:20 am
โดย jaychou
ผมว่าปัญหาโชห่วยกับปัญหาชาวนาโดนนายทุนกดขี่เป็นปัญหาแบบเดียวกันครับ คือแพ้เงินก้อนใหญ่ๆ

ถ้าแก้ปัญหาแบบนี้ด้วยระบบสหกรณ์ เป็นสหกรณ์ค้าปลีกในทำเลหนึ่งๆ ทำให้เกิดกำลังซื้อสูงขึ้นจากการร่วมกันซื้อเยอะๆขึ้น มีระบบจัดส่งที่ดีขึ้น ระดมทุนจากโชห่วยที่เป็นสมาชิกและอาจจะขายหุ้นให้ลูกค้าด้วย

เอ....เหมือนจะเคยมีสหกรณ์แนวนี้อยู่นะครับ ผมเคยเห็นแถวๆซอยอารีย์ ไม่แน่ใจว่าเป็นสหกรณ์แบบนี้หรือเปล่า

กลับมาเรื่องรวมตัวโชห่วย พูดไปดูเหมือนจะยาก เพราะข้อด้อยของรายย่อยทั้งหลายก็คือ รวมตัวกันไม่ติด ทำให้แพ้รายใหญ่ร่ำไป ต้องกลับไปหารัฐ เพื่อช่วยแก้ปัญหาครับ

Re: ทุนต่างชาติ ควรต่อต้านหรือสนับสนุนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 14, 2006 11:28 am
โดย Boring Stock Lover
[quote="ปรัชญา"]
ที่ว่าสร้างงาน

ทุนต่างชาติ ควรต่อต้านหรือสนับสนุนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 14, 2006 11:35 am
โดย phongphet
สหกรณ์เป็นแนวคิดที่ดีนะครับ แต่หาความเข้มแข็งของสหกรณ์ลำบาก ช่วงเริ่มต้นก่อตั้งมันก็ดี พอเริ่มเห็นกำไร ก็เกิดความขัดแย้ง เกิดมีนอกมีในอยู่ร่ำไป สุดท้ายล้มไปซะแยะ สหกรณ์ที่เข้มแข็งและอยู่ได้ในปัจจุบัน ก็เห็นมีผู้นำที่เข้มแข็ง เก่ง และมีธรรมมาภิบาล(ขอใช้คำนี้) ซึ่งหายากนะครับ คนเก่งๆเหล่านี้ มักไม่ค่อยมีเวลาว่าง

มองทุนต่างชาติ ยังงัยเราต้องรับอยู่แล้ว แต่ปัญหาคือเราพร้อมที่จะรับอย่างเดียว โดยเราสร้างภูมิคุมกันประเทศดีแค่ไหน อย่าให้เหมือนอาเจนตินาแล้วกัน อันนี้ก็อยู่รัฐบาลจะควบคุมได้แค่ไหนอย่างไร หลังจากเชื้อเชิญเค้ามาแล้ว จะให้เค้ามาพัฒนาอย่างไร พัฒนาโดยไม่กดขี่ ทำลายสิ่งเดิมๆและสังคมไทยอย่างไร

ทุนต่างชาติ ควรต่อต้านหรือสนับสนุนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 14, 2006 11:59 am
โดย MisterK
ค้าปลีกทำไมมองว่าเป็นทุนต่างชาติล่ะครับ   7-11 ก็ไทย   Makro, Bigc ก็ไทย   ไม่นับพวก Central, The mall, Robins   ที่ตอนนี้เป็นต่างชาติก็มีแต่ Lotus, คาร์ฟู สองแห่งเท่านั้น

ถ้าจะมองเรื่องค้าปลีก   น่าจะมองเป็นปัญหาของทุนใหญ่มากกว่า

หรือคิดว่าถ้าไม่มี Lotus, คาร์ฟู  ประเทศไทยไม่มีทางเกิดปัญหานี้แน่ ๆ

Re: ทุนต่างชาติ ควรต่อต้านหรือสนับสนุนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 14, 2006 12:23 pm
โดย ปรัชญา
[quote="Boring Stock Loverผมว่ามันเป็นคนละคนกันนะ คนที่เป็นเถ้าแก่และลูกหลานเจ๊ง แต่ลูกคนทั่วไปได้งานทำเพิ่มนา

ผมว่าเงินทุนต่างชาติยังไม่สำคัญมาก ตะก่อนตอนที่กลุ่ม central บุกต่างจังหวัด ก็มีเรื่องแบบเดียวกัน ทุนกรุงเทพบุกทุนท้องถิ่น อยู่ที่หลายคนจะปรับตัวหรือเปล่า บางครั้งก็ต้องถามว่า ทำไมคนยังซื้อ 7-11 ที่ขายแพง ค่าใช้จ่ายรายเดือนก็สูง ทั้งค่าแอร์ ค่าไฟ ค่าจ้างคนงาน เสียภาษีถูกต้อง แต่ค้าปลีกชาวบ้านถึงแย่ทั้งที่ แอร์ไม่เปิด ไฟไม่เปิด ไม่จ้างคน[/quote]

การซื้อสินค้าเป็นล๊อตใหญ่ๆ  การต่อลองมันทำให้ร้านโซห่วยเจ๊ง

ตัวอย่าง  ซื้อโค๊กต้นทุนเท่ากัน  กระป๋องละ9บาท
ห้างใหญ่  ซื้อราคา9บาท  1ล้านลัง  ขอแถม  1หมื่นลัง  ตกลงซื้อขายกัน
ร้านโซ่ห่วย  ซื้อ10ลัง  ขอแถม2กระป๋องยังไม่ได้เลย

นี่คือความได้เปรียบ  และ  เสียเปรียบในระบบทุนนิยม

หากคุณเกิดเป็นพ่อค้า  คุณจะปรับตัวอย่างไง  ช่วยอธิบายให้ผมรู้หน่อย
เผื่อคนอ่านจะได้ประโยชน์ครับ

ทุนต่างชาติ ควรต่อต้านหรือสนับสนุนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 14, 2006 1:04 pm
โดย chatchai
[quote="MisterK"]ค้าปลีกทำไมมองว่าเป็นทุนต่างชาติล่ะครับ

ทุนต่างชาติ ควรต่อต้านหรือสนับสนุนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 14, 2006 1:07 pm
โดย Boring Stock Lover
ก็เอาร้านค้าปลีกแถวบ้านผมก็แล้วกัน มี 7-11 อยู่ห่างไปไม่เกิน 50 เมตร ในฝั่งเดียวกัน แล้วมีที่ฝั่งถนนตรงข้ามด้วย ถ้าคนยอมเดินมี Top อยู่ไม่น่าเกิน 300 เมตรจากร้านนี้

ทุกวันนี้ก็ยังขายทุกอย่างเหมือนเดิม แต่มีสองสามอย่างที่เปลี่ยนไป
-. เช้าก็ตั้งโต๊ะขายน้ำส้มสดคั้นบรรจุขวด 10 15 20 ผมเคยดูคร่าวๆน่าจะขายได้ประมาณ 70 ขวดต่อวันทำงาน

-. เพิ่มบริการรับสั่งของที่ขายอยู่แล้ว อย่างหนังสือพิมพ์ สยามกีฬา ก็สามารถจองได้

-. ขี่กระแสนิยม อย่างรูปงานฉลอง ก็นำมาขายเพิ่มเป็นช่วงๆ หมดกระแส ก็เลิกขาย

-. ขายโคมไฟตกแต่ง ที่เจ้าของประกอบเอง อันนี้เห็นทำเพิ่มเรื่อยๆ คงขายดี ใช้พื้นที่แค่ชั้นวางกว้างประมาณเมตรเดียว


ผมว่าแต่ละที่แต่ละคนคงไม่สามารถ copy รูปแบบในการปรับตัว แต่ถ้ามองแบบวิเคราะห์ ก็จะเห็นว่าร้านนี้ เริ่ม Focus ไปที่ลูกค้าพนักงาน office เพิ่มขึ้น ไม่ว่าเขาตั้งใจหรือไม่

ทั้งหมดที่เขาทำ ก็ไม่รู้ว่าดีขึ้นหรือเปล่า แต่ก็เห็นเฮียซ้อหน้าตายิ้มแย้มขึ้นกว่าสมัยก่อน แล้วก็ยังเปิดอยู่มาเรื่อยๆ ไม่คิดจะปิด

ทุนต่างชาติ ควรต่อต้านหรือสนับสนุนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 14, 2006 2:40 pm
โดย สามัญชน
โชห่วยดีจังเลยเนาะ  เกิดเพลี่ยงพล้ำขึ้นมา  ใครๆก็วิ่งเข้าไปช่วย  ก็ดีใจด้วย.......

ผู้บริโภคตาดำๆ จนก็จน จนที่สุดในประเทศ ไม่เคยมีใครเหลียวแล..............

มียักษ์ใหญ่ทั้งไทยและเทศมาขายของดีกว่าถูกกว่าให้ ก็พอยิ้มได้ ได้ซื้อของใหม่กว่า ดีกว่า ถูกกว่า  

แต่ยิ้มได้ไม่ทันไร  รัฐก็จะกีดกันอีกแล้ว  อ้างว่าจะทำให้โชห่วยตายและเงินจะไหลออกนอกประเทศ  เงินก็ไหลออกอยู่แล้ว  แต่ไหลเข้าก็มี  ขายข้าวได้ราคาหรือเปล่าก็ขึ้นกับส่งออกได้ราคาดีหรือเปล่า ถ้าส่งออกได้ราคาไม่ดี  ข้าวที่ขายก็ไม่ได้ราคา  

ก็มีทั้งได้มาและเสียไป  ทั้งไหลเข้าและไหลออก

แต่รวมๆแล้วไทยเราก็ได้ดุลการค้าพวกต่างชาติเหล่านี้ไม่ใช่หรือ  เราเสียดุลหนักๆก็เรื่องค่าน้ำมันไม่ใช่หรือ  ปีหนึ่งไม่รู้เสียดุลค่าน้ำมันก็แสนกี่ล้านล้านบาท

แล้ววันหนึ่งต่างชาติที่เสียดุลให้ไทยเกิดนึกอยากจะกีดกันสินค้าเกษตรไทยมั่งเราจะทำอย่างไร  ข้าวก็ขายไม่ได้  แถมของใช้ประจำวันก็ต้องซื้อจากโชห่วยที่ห่วยและแพงกว่าอีก  :cry:

สมาคมคุ้มครองผู้บริโภคมัวไปมุดหัวอยู่ที่ไหน :twisted:

ทุนต่างชาติ ควรต่อต้านหรือสนับสนุนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 14, 2006 3:52 pm
โดย MisterK
อืมม์ รายย่อยถืออยู่ 23.9 กับ38.39%  ส่วนรายใหญ่ใครเป็น nominee ใครมั่งไม่แน่ใจเหมือนกัน   :lol:

แต่ประเด็นที่ผมมองคือค้าปลีกมันไม่เกี่ยวกับทุนต่างชาติหรือเปล่า    เพราะมันเป็นหนทางที่ระบบการค้ามันต้องเดินต่อไปอยู่ดี    ถึงไม่มีทุนต่างชาติ    ทุนไทยก็ต้องทำเหมือนกัน    เพราะฉะนั้นถ้าไปนั่งโทษทุนต่างชาติแก้ปัญหาโดยมองแบบนั้นก็หลงประเด็นเปล่า ๆ     สมมติว่ากันทุนต่างชาติได้ทั้งหมด  แต่มีทุนไทยทำเราจะยอมรับแต่โดยดีหรือ


BIGC : บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน)  

ผู้ถือหุ้นรายย่อย ณ วันที่ 07/04/2549

จำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free float) 781   % การถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (% Free float) 23.90



ภาพรวมข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 07/04/2549 ประเภทการปิดสมุดทะเบียน : XM

จำนวนผู้ถือหุ้นทั้งหมด 894   % การถือหุ้นแบบไร้ใบหุ้น 24.33



ลำดับ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ จำนวนหุ้น (หุ้น) % หุ้น

1 GEANT INTERNATIONAL B.V.  287,820,000 35.92

2 บริษัท เสาวนีย์โฮลดิ้งส์ จำกัด  218,280,000 27.24

3 บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด  43,829,230 5.47

4 STATE STREET BANK AND TRUST COMPANY FOR SWITZERLAND,  31,900,000 3.98

5 THE BANK OF NEW YORK (NOMINEES) LIMITED  25,902,402 3.23

6 นายทศ จิราธิวัฒน์  24,143,069 3.01

7 นายพิชัย จิราธิวัฒน์  22,368,648 2.79

8 นายสุทธิศักดิ์ จิราธิวัฒน์  22,368,648 2.79

9 น.ส.นาถยา จิราธิวัฒน์  19,119,381 2.39

10 MRS.ARUNEE CHAN  12,255,431 1.53

11 AMERICAN INTERNATIONAL ASSURANCE COMPANY, LIMITED-DI-LIFE  10,097,540 1.26

12 MRS.ARUNEE CHAN  6,593,258 0.82

13 STATE STREET BANK AND TRUST COMPANY FOR AUSTRALIA,  6,290,600 0.78

14 กองทุนเปิด อเบอร์ดีนโกรท  6,217,500 0.78

15 นายสุทธิชัย จิราธิวัฒน์  5,974,400 0.75

16 นายสุทธิลักษณ์ จิราธิวัฒน์  5,258,800 0.66

17 นายเกรียงศักดิ์ จิราธิวัฒน์  4,915,000 0.61

18 DEXIA BANQUE INTERNATIONALE A LUXEMBOURG SOCIETE ANONYME  4,100,680 0.51
 

MAKRO
MAKRO : บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน)  

ผู้ถือหุ้นรายย่อย ณ วันที่ 07/04/2549

จำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free float) 820   % การถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (% Free float) 38.39



ภาพรวมข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 24/08/2549 ประเภทการปิดสมุดทะเบียน : XD

จำนวนผู้ถือหุ้นทั้งหมด 1,018   % การถือหุ้นแบบไร้ใบหุ้น 37.20



ลำดับ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ จำนวนหุ้น (หุ้น) % หุ้น

1 บริษัท สยามแม็คโคร โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด  132,015,140 55.01

2 ORKAM HOLDING ASIA N.V.  14,898,160 6.21

3 INVESTORS BANK AND TRUST COMPANY  11,638,400 4.85

4 MELLON BANK,N.A.  7,073,677 2.95

5 SOMERS (U.K.) LIMITED  6,940,100 2.89

6 STATE STREET BANK AND TRUST COMPANY, FOR LONDON  6,472,600 2.70

7 THE BANK OF NEW YORK (NOMINEES) LIMITED  6,299,500 2.62

8 NORTRUST NOMINEES LTD.  4,764,100 1.99

9 BNP PARIBAS SECURITIES SERVICES LUXEMBOURG  4,230,000 1.76

10 กองทุนเปิด อเบอร์ดีนโกรท  3,542,500 1.48

11 บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด  3,186,927 1.33

12 AMERICAN INTERNATIONAL ASSURANCE COMPANY, LIMITED-AIA5E  2,529,700 1.05

13 CPF INVESTMENT LIMITED  2,421,262 1.01

14 STATE STREET BANK AND TRUST COMPANY FOR AUSTRALIA,  2,244,900 0.94

15 CHASE NOMINEES LIMITED 42  2,006,611 0.84

16 GOVERNMENT OF SINGAPORE INVESTMENT CORPORATION C  1,825,400 0.76

17 STATE STREET BANK AND TRUST COMPANY, FOR CANADA  1,401,347 0.58

18 STATE STREET BANK AND TRUST COMPANY  1,385,143 0.58

19 NORDEA BANK DANMARK A/S  1,287,100 0.54

20 นายปริญ เธียรวร  1,228,000 0.51

 

ทุนต่างชาติ ควรต่อต้านหรือสนับสนุนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 14, 2006 4:08 pm
โดย bsk(มหาชน)
- บ้านที่ตจว.เปิดเป็นร้านโชห่วยมา 30 กว่าปี

- มันมีเยื่อใย สายสัมพันธ์ และคุณค่าทางจิตใจระหว่างเราและลูกค้า

   เป็นความรู้สึกเสมือนเพื่อน ญาติสนิทเสียมากกว่าจะเป็นคู่ค้าธรรมดาดาษๆ

   จะว่าไป มันไม่ใช่ความรู้สึก.....มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ...

- มันมีความเอื้อเฟื้อเอื้ออาทร ห่วงใยกันและกัน

   ทุกครั้งที่กลับไปตจว. ยังพบว่าความรู้สึกเป็นจริงนั้นดำรงอยู่

- สิ่งเหล่านี้เราไม่สามารถตีค่าเป็นตัวเลขการเงินได้

    และอธิบายกันสั้นๆก็ยากจะเข้าใจหากไม่เคยสัมผัส
หรืออยู่ในบรรยากาศเช่นนั้นมาก่อน........

- แต่ถ้าหากจะต้องวัดกันด้วยมูลค่าทางเศรษฐกิจ

     โชห่วยก็อาจเป็นภาระในที่สุด..แต่......แน่ใจแล้วหรือ??

- แล้วเราก็มาอยู่ในสังคมหุ่นยนต์กัน

 ผู้ซื้อหุ่นยนต์ พนักงานหุ่นยนต์ ในห้างค้าปลีกหุ่นยนต์.....

* ไม่จำเป็นต้องปกป้องหรือกีดกันทุนข้ามชาติ

* ไม่ถึงกับต้องอนุรักษ์โชห่วยชั่วลูกสืบหลาน

** แต่ควรต้องให้ทั้ง 2 ระบบ/ฝ่ายอยู่ร่วมกันได้ อย่างเอื้อประโยชน์กันและกัน

***จุดสมดุลอยู่ตรงไหน?


หมายเหตุ ;

                  เอ่อ.. :roll:  ลืมไปว่าตอนนี้อยู่ห้องนักลงทุน...

ทุนต่างชาติ ควรต่อต้านหรือสนับสนุนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 14, 2006 4:24 pm
โดย jaychou
โถๆๆๆๆ


ไม่ได้ตั้งใจจะทั่งกระตู๊ทำลายความรู้สึกใครนะครับ

อยากให้หาวิธีแก้ไขให้อยู่รอดได้ตะหาก

ทุนต่างชาติ ควรต่อต้านหรือสนับสนุนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 14, 2006 7:06 pm
โดย Viewtiful Investor
คนไทยชอบ cheer คนเสียเปรียบมั้งครับ เหมือนในละครน้ำเน่า ต้องให้นางเอกโดนนังร้ายแกล้งสารพัด ไม่งั้นไม่ได้ใจคนดู
ดูง่ายๆ อย่างตลาดหุ้นบ้านเรา ทั้งนักลงทุน นักวิเคราะห์จะดี๊ด๊า ถ้าฝรั่งซื้อ
แต่ถ้าซื้อมากเกินไป อย่าง SHIN ก็จะมีเสียงประนามเข้ามา
อันนี้คงเพราะเป็น Singapore คนเลยชัง ลองเป็น Norway ตาน้ำข้าว คนคงไม่โกรธขนาดนี้ มี "ราดสะดอนอาวุโส" บอกว่า ชื่อกองทุนนี้เป็นชื่อเดียวกับกองทัพนรกเคยชนะไทยด้วย บังอาจมาตัดไม้ข่มนาม จะไม่ให้เกลียดได้ไง

ไม่รู้แกไปขุดเรื่องนี้มาจากหลุมไหน -_-'

ผมก็สงสาร โชวห่วย นะ แต่โลกมันก็ต้องเปลี่ยนไปนะครับ คนทำงานก็โดนไล่ออกได้ แล้วก็ไปเริ่มที่ใหม่ มีชีวิตใหม่ ทำไมเจ้าของ โชวห่วยจะทำไม่ได้ แต่ไม่อยากทำมากกว่า

ตอนผมไปเรียน ที่ยุโรป ก็ไม่มีร้านพวกนี้ แต่มี ตลาดสด เปิดช่วงเช้าๆ คนมาซื้อของ มาเข้าสังคมกัน ของก็ขายแพงกว่าแต่คนรวยๆก็ชอบมาซื้อเพราะหาว่าตาม Discount store ของไม่สดเท่า ทำไมบ้านเราจะทำไม่ได้?

เรื่องนี้มันเป็นการแย่งผลประโยชน์กัน เราก็ควรอยู่ข้างคนที่ให้ประโยชน์สูงสุดกับพวกเรานี่แหละ

ผมเลือกคนที่จ่ายภาษีถูกต้อง คนที่ขายถูกกว่า คนที่ทำชีวิตคนดีขึ้น ผมไม่ได้ลงทุนในหุ้นพวกนี้แต่ cheer ให้ขยายกิจการได้ครับ

ทุนต่างชาติ ควรต่อต้านหรือสนับสนุนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 14, 2006 7:41 pm
โดย chatchai
[quote="bsk(มหาชน)"]- บ้านที่ตจว.เปิดเป็นร้านโชห่วยมา 30 กว่าปี

- มันมีเยื่อใย สายสัมพันธ์ และคุณค่าทางจิตใจระหว่างเราและลูกค้า

ทุนต่างชาติ ควรต่อต้านหรือสนับสนุนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 14, 2006 7:55 pm
โดย สุมาอี้
ร้านยงยุทธพาณิชย์จะรอดมั้ยเนี่ย... :roll:

ทุนต่างชาติ ควรต่อต้านหรือสนับสนุนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 14, 2006 8:45 pm
โดย ปรัชญา
สุมาอี้ เขียน:ร้านยงยุทธพาณิชย์จะรอดมั้ยเนี่ย... :roll:

เรื่องห้างกับร้านค้า  เล่าเท่าไหร่ก็ไม่จบ

เท่าที่จำได้  หลายปีก่อนโลตัสมาเปิดสาขา
ภาษีจ่ายส่วนกลางสมัยนั้น

เทศบาล  ต้องเข้าไปดูแลเก็บขนขยะ  วันละหลายตันช่วงเช้า  ช่วงเย็น
จนฝ่ายรับผิดชอบและพวกเรา  ต้องระดมความคิด

สุดท้ายการแก้ปัญหาครั้งนั้น
ทางเทศบาลเรียกร้องขอรถเก็บขยะจากทางโลตัส3คัน
เงินเดือนพนักงานเก็บขยะและคนขับรถ9คน
ค่าน้ำมันรถ  ที่ขอความร่วมมือไป  ได้มาเดือนละ3หมื่น
ก็แก้ปัญหากันไปเป็นเหตุการเฉพาะหน้า

ทุกอย่างมีต้นเหตุ  ต้องมีการจัดการวางระบบใหม่
ทุกคนต้องสนใจการเมืองระดับท้องถิ่น
เพื่อดำรงรักษาคนท้องถิ่นที่เสียประโยชน์  เพื่อความอยู่รอด

พูดได้คำเดียว  พ่อค้ารายย่อยถึงขนาดกลาง  ไม่พร้อมกับการแข่งขันตัดราคา
ทำต้นทุนให้ต่ำ  แผนการตลาดและอื่นๆ  แล้วแม็คโครก็มา  บิ๊กซีก็มา

เมื่อบิ๊กซีมา  เซ็นทรัล  ก็จะมากับบิ๊กซีในพื้นที่และโครงสร้างผู้ถือหุ้น

กำหนดยุทธศาสตร์ของ  ส่วนต่างจังหวัด
ต้องเริ่มต้นจาก  เรื่องการขออนุญาตก่อสร้าง

ฝ่ายเทศบาล  ต้องขยายการพิจารณาแบบก่อสร้าง
ไม่ให้ผ่าน  นี่ก็หลายปีแล้ว  ตอกเสาเข็มไม่ได้สักที
แต่สุดท้ายเชื่อเถอะ  เงินมันปิดตาคนได้หมดล่ะ

แล้วที่เมืองเลย  

โลตัส  สาขาเลย

คงต้องให้คุณนริศ  มาเล่าซะล่ะมั่ง
ว่ากลุ่มท้องถิ่น  ต่อสู้กับทุนใหญ่อย่างไร
ริ่มต้น  ตั้งแต่ก่อสร้าง  แล้วเปิดไม่ได้  
เพราะทุกคนเสียประโยชน์

พวกชาวไร่ชาวนาจนๆ  ไม่เคยเข้าไปหรอกห้างเหล่านี้

ห้างเหล่านี้รับใช้คนระดับกลางถึงระดับสูง
คือคนพอมีเงินเดือน  เจ้าของกิจการ  และเศรษฐี

ผมในฐานะพ่อค้า  ไม่เคยรับเงินเดือนจากทางราชการ  หรือบริษัท
เลยไม่ค่อยชอบ  รัฐบาลที่โรยยาหอม
ที่มาออกทีวีเรื่องนี้  เพราะใกล้เลือกตั้ง

ไม่นานหรอกเลือกตั้งเสร็จ  เรื่องก็จะจบแบบเงียบๆ  เหมือนคลื่นกระทบฝั่ง

ตามตัวจังหวัด  แม้แต่อำเภอ  ก็มีกำลังซื้อน้อย
ข้างรั้วมหาลัยขอนแก่นห่างกัน10เมตร  มีเซเว่น2สาขา  ตั้งหน้าเข้าหากัน
ก็เพราะแฟรนด์ชายน์ไม่ถึง3ล้าน  ก็เปิดบริการได้

เรื่องความคิดว่าชอบไม่ชอบ  ก็มาเล่ากันตามทัศนคติ
อ่านแล้วก็จบ  อย่านำไปเป็นอารมณ์


แต่เรื่องปรับตัว  ในความคิดเท่าที่เห้นเปลี่ยนอาชีพ  
อย่าค้าขายสินค้าที่ทางห้างขาย  ไปทำอย่างอื่น

ทุนต่างชาติ ควรต่อต้านหรือสนับสนุนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 14, 2006 8:55 pm
โดย ปรัชญา
:oops: http://www.google.co.th/search?hl=th&q= ... ogle&meta=

ลองอ่านของเก่าดูกันครับ

ทุนต่างชาติ ควรต่อต้านหรือสนับสนุนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 14, 2006 9:10 pm
โดย สุมาอี้
แหะๆ ผมแค่เข้ามาป่วนเล่นเฉยๆ นะครับพี่ปรัชญา คือพอดีพ่อพระเอกเรื่อง season change เป็นเจ้าของร้านโชว์ห่วยชื่อ ยงยุทธพาณิชย์

สงสารคนที่ลงทุนเปิดร้านเน็ต ตามโครงการ Good Net ของรัฐบาลน่ะครับ ตอนนี้เจ็งกันหมดแล้วครับ รัฐบาลไม่เอาจริงก็ไม่บอก :oops:

ทุนต่างชาติ ควรต่อต้านหรือสนับสนุนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 14, 2006 11:33 pm
โดย phongphet
ปัญหาคือ รัฐได้ปกป้องธุรกิจคนไทยได้ดีแค่ไหน
ผมก็สงสาร โชวห่วย นะ แต่โลกมันก็ต้องเปลี่ยนไปนะครับ คนทำงานก็โดนไล่ออกได้ แล้วก็ไปเริ่มที่ใหม่ มีชีวิตใหม่ ทำไมเจ้าของ โชวห่วยจะทำไม่ได้ แต่ไม่อยากทำมากกว่า

ตอนผมไปเรียน ที่ยุโรป ก็ไม่มีร้านพวกนี้ แต่มี ตลาดสด เปิดช่วงเช้าๆ คนมาซื้อของ มาเข้าสังคมกัน ของก็ขายแพงกว่าแต่คนรวยๆก็ชอบมาซื้อเพราะหาว่าตาม Discount store ของไม่สดเท่า ทำไมบ้านเราจะทำไม่ได้?

เรื่องนี้มันเป็นการแย่งผลประโยชน์กัน เราก็ควรอยู่ข้างคนที่ให้ประโยชน์สูงสุดกับพวกเรานี่แหละ

ผมเลือกคนที่จ่ายภาษีถูกต้อง คนที่ขายถูกกว่า คนที่ทำชีวิตคนดีขึ้น ผมไม่ได้ลงทุนในหุ้นพวกนี้แต่ cheer ให้ขยายกิจการได้ครับ
บางที เรามองที่ผลประโยชน์ที่เราได้งัยครับ มองว่าร้านโชห่วยขายของแพง แพงเพราะอะไร เพราะเราไปเห็นอีกที่ขายถูกกว่างัย เราถึงมองว่าอีกที่มันแพง
แล้วทำมัย อีกที่ถูก เราก็น่าจะรู้กันว่าเขาก็ไปบีบซัพพลายเออร์ ให้ขายของให้เขาถูกๆ เขาก็กำไรไม่ได้ลดลง แล้วร้านโชห่วยมีอำนาจจะไปต่อรองกับซัพพลายเออร์ได้มั้ย เขาก็ใช่กำไรอะไรมากมาย แต่เขาไม่มีอำนาจอย่างนั้น  ผมเองก็โตมากับร้านโชห่วย ขอเรียนว่ากำไรไม่ได้เยอะแยะอะไรหรอกครับ แต่ที่ท่านว่าแพง ก็เพราะท่านไปเห็นของถูกนั้นเอง

บางทีการที่จะให้ร้านโชห่วยปรับตัว มันก็เป็นเรื่องยากนะครับ โชห่วย คือ อาซิ้มอาซ้อ ชาวบ้านที่มานั่งขาย คือชาวบ้านทั่วๆไป ความรู้ ความสามารถ ทุนรอนหาเท่าคนในห้องนี้ไม่ หากเป็นท่านๆประกอบกิจการอยู่ ผมก็เชื่อว่าท่านๆ มีกลยุทธ์ มีหนทางที่จะรับมือกับโลกาภิวัฒน์ที่เปลี่ยนแปลงไปได้ แต่คนทั่วไป ไม่ใช่อย่างนั้น เขายังขายหลายสิ่งหลายอย่าง ทุนอย่างเดียว ก็หาใช่ไปสู้กับทุนนิยมที่เข้ามาได้ ความรู้ เทคโนโลยีก็เป็นสิ่งจำเป็น

ดังนั้น ผมจึงฝากไปยังรัฐ ใช่ว่าจะห้ามทุนนิยมอย่างโน้นอย่างนี้ แต่น่าจะคุ้มครองกิจการคนไทยหน่อย และชี้ให้สมาชิกห้องนี้เห็นใจโชห่วยบ้าง ถึงสิ่งที่เขาเรียกร้อง

ทุนต่างชาติ ควรต่อต้านหรือสนับสนุนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 15, 2006 1:02 am
โดย Onokung
phongphet เขียน:ปัญหาคือ รัฐได้ปกป้องธุรกิจคนไทยได้ดีแค่ไหน
บางที เรามองที่ผลประโยชน์ที่เราได้งัยครับ มองว่าร้านโชห่วยขายของแพง แพงเพราะอะไร เพราะเราไปเห็นอีกที่ขายถูกกว่างัย เราถึงมองว่าอีกที่มันแพง
แล้วทำมัย อีกที่ถูก เราก็น่าจะรู้กันว่าเขาก็ไปบีบซัพพลายเออร์ ให้ขายของให้เขาถูกๆ เขาก็กำไรไม่ได้ลดลง แล้วร้านโชห่วยมีอำนาจจะไปต่อรองกับซัพพลายเออร์ได้มั้ย เขาก็ใช่กำไรอะไรมากมาย แต่เขาไม่มีอำนาจอย่างนั้น

ทุนต่างชาติ ควรต่อต้านหรือสนับสนุนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 15, 2006 5:42 am
โดย bsk(มหาชน)
"โชห่วย" ...ใครห่วย !

คอลัมน์ สามัญสำนึก

โดย ทวี มีเงิน


เพิ่งจะตื่นจากภวังค์... เมื่อกระทรวงพาณิชย์เพิ่งคิดจะคุม "ค้าปลีกต่างชาติ" หลังจากที่ปล่อยให้รุกคืบเข้าไปอาละวาดโชห่วยในกรุงเทพฯ หัวเมืองใหญ่ๆ ตอนนี้คืบเข้าไปหารากหญ้าระดับอำเภอ กระทั่งต้องแสดงพลังออกมาต่อต้านอย่างเอาจริงเอาจัง

หลังจากปล่อยให้ "ค้าปลีกต่างชาติ" รุกคืบยึดพื้นที่ในระดับจังหวัดเรียบร้อยแล้ว


ฮือฮาที่สุดตรงที่กรมการค้าภายใน สั่งหยุดแผนการขยายสาขาของกลุ่มผู้ประกอบการค้าปลีกรายใหญ่ทุกรูปแบบในการกระจายสาขาทั่วประเทศ พร้อมทั้งบอกว่าเตรียมที่จะเรียกผู้ประกอบการค้าปลีกขนาดใหญ่มาทำบันทึกความเข้าใจเบื้องต้น (เอ็มโอยู) เพื่อยุติแผนขยายสาขา และหากขยายต้องทำประชาพิจารณ์

ทราบว่าขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการหาข้อสรุป แนวปฏิบัติทางการค้า เพื่อเป็นการต่ออายุ "โชห่วย" ที่ยังรอดตายและกำลังรอวันตาย

เพิ่งตื่นตัว หลังจากที่ปล่อยให้ค้าปลีกต่างชาติรุกคืบโดยอาศัยช่องว่างของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ว่ากันตามจริง หากบรรดาเจ้าของโชห่วยในอำเภอต่างๆ ไม่รุกขึ้นมาต่อต้าน หน่วยงานรัฐก็คงยังไม่รู้สึกรู้สาอะไร การต่อต้านค้าปลีกต่างชาติให้ได้ผล มีทางเดียว คือ ต้องออกกฎหมายควบคุมและต้องควบคุมอย่างเคร่งครัด

งานนี้ใช้กลไกประชาพิจารณ์อย่างเดียวไม่ได้ เนื่องจากมันเกี่ยวพันกับผลประโยชน์ของคน กลุ่มหนึ่ง

นั่นคือ กลุ่มผู้บริโภคที่ได้ผลประโยชน์จากการขยายสาขาของ "ค้าปลีกต่างชาติ" และค้าปลีกขนาดใหญ่ เพราะพื้นที่ขนาดใหญ่โตโอ่โถงแต่ขายของราคาถูกกว่าโชห่วย ผู้บริโภคไปทีเดียวได้ของครบ สะอาดกว่าเดินซื้อของในตลาดสด หรือโชห่วย

ที่สำคัญมาตรฐานตาชั่งเที่ยงตรง ไม่โดนโกงเหมือนพ่อค้าในตลาดและโชห่วย มีสินค้าให้เลือกมากมายตามใจชอบ และเหตุผลอื่นๆ อีกมากมายที่ผู้บริโภคเลือกที่จะไปซูเปอร์มาร์เก็ต, ดิสเคานต์สโตร์ มากกว่าตลาดสดและโชห่วย

เคยมีงานวิจัยเมื่อสามสี่ปีก่อน ยุคที่ดิสเคานต์สโตร์เข้ามายึดพื้นที่ในเมืองไทยใหม่ๆ โดยสอบถามความเห็นของผู้บริโภค

ถึงผลกระทบที่โชห่วยได้รับ

ผลการสำรวจผู้บริโภคส่วนใหญ่บอกว่า รู้สึกเห็นใจและให้กำลังใจในการต่อสู้ แต่ถ้าจะให้เลือกแล้ว ยังจะเลือกไปซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ตและดิสเคานต์สโตร์มากกว่า

เหตุผลคงเป็นไปตามที่กล่าวมาข้างต้น

หากยึดแนวคิดของผู้บริโภคเป็นมาตรฐานเหมือนกับที่เราปล่อยปละละเลยให้มีการขยายสาขาเป็นบ้าเลือด โดยอ้าง "ผู้บริโภค" คงไม่ได้

ในสังคมมีองค์ประกอบหลายๆ ส่วน ทั้งผู้บริโภค ซัพพลายเออร์ โชห่วย ค้าปลีกขนาดใหญ่

หน้าที่ของรัฐจะต้องทำให้ทุกส่วนอยู่ร่วมกันได้ โดยยึดถือผลประโยชน์ของ "คนไทย" และ "ประเทศไทย" เป็นหลัก

ตัวเลขกระทรวงพาณิชย์บอกว่า ระยะเวลา 10 ปี นับตั้งแต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ค้าปลีกจากต่างชาติรุกเข้ามายึดพื้นที่ในบ้านเราเกือบทุกตารางนิ้วด้วยรูปแบบต่างๆ ทั้งในรูปแบบคอนวีเนี่ยนสโตร์ เอ็กซ์เพรสซูเปอร์มาร์เก็ต ดิสเคานต์สโตร์ ทำให้ "โชห่วย" ที่มีอยู่ถึง 300,000 ราย ปัจจุบันเหลือแค่ 1 แสนรายเท่านั้น

นี่แค่จำนวนตัวเลขที่ทางการระบุ เหลืออยู่จริงไม่รู้เท่าไหร่ อาจไม่ถึงและยังไม่นับว่า 1 แสนรายที่เหลือนั้นรายได้ "หดหาย" จากเดิม อยู่ไปแบบวันๆ

เคยมีเจ้าของโชห่วยรายหนึ่งให้สัมภาษณ์นักข่าวว่า แต่เดิมรายได้โชห่วยเลี้ยงลูกได้ 6-7 คนสบายๆ แต่ทุกวันนี้ รายได้แทบไม่พอเลี้ยงตัวเอง

ถ้าคิดคำนวณว่าโชห่วย 2 แสนรายหายไป กระทบถึงชีวิตคนที่อยู่ในธุรกิจนี้เท่าไหร่ ถ้าเฉลี่ยโชห่วยหนึ่งร้านดูแลสมาชิก 3 คน จะเห็นว่าคนที่ได้รับผลกระทบทันที 6 แสนคนเป็นอย่างน้อย

นี่ยังไม่นับรวมถึงบรรดาผู้ประกอบการธุรกิจที่เกี่ยวข้องนับแสน ซัพพลายเออร์อีกหลายหมื่นราย โดนบรรดา "ค้าปลีกต่างชาติ" กดขี่ทุกรูปแบบ ไม่ว่าการกดราคาซื้อแทบจะต่ำกว่าต้นทุน ทำ สินค้าเฮาส์แบรนด์ออกมาแข่ง

สินค้าจะเข้าไปขายต้องจ่ายค่าธรรมเนียมแรกเข้า จ่ายใต้โต๊ะ หากต้องการวางในชั้นที่เป็นจุดสนใจ ก็ต้องจ่ายแพงยิ่งขึ้น แถมในช่วงที่มีรายการโปรโมชั่น ก็บีบขอสินค้าจากผู้ผลิตและซัพพลายเออร์มาร่วมรายการฟรีๆ

ตรงนี้เป็นความขมขื่นของผู้ค้าส่งและผู้ประกอบการของไทยที่เคยเล่าให้ฟัง ที่เขียนจดหมายร้องเรียนก็มีไม่น้อย

ภาครัฐที่เคยทำเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ โดยอ้างประโยชน์ตกอยู่กับผู้บริโภคเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว เพราะประโยชน์ของคนกลุ่มหนึ่ง มันเป็นความขมขื่นเจ็บปวดของผู้ประกอบการและซัพพลายเออร์กลุ่มหนึ่งมาตลอด

ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีคนนับแสนนับล้านที่อยู่ในธุรกิจเหล่านี้

เพียงแต่ที่ผ่านมารัฐมองไม่เห็น หรือแกล้งมองไม่เห็น

http://www.matichon.co.th/prachachart/p ... 2006/09/14
* ไม่จำเป็นต้องปกป้องหรือกีดกันทุนข้ามชาติ

* ไม่ถึงกับต้องอนุรักษ์โชห่วยชั่วลูกสืบหลาน

** แต่ควรต้องให้ทั้ง 2 ระบบ/ฝ่ายอยู่ร่วมกันได้ อย่างเอื้อประโยชน์กันและกัน

***จุดสมดุลอยู่ตรงไหน?

ทุนต่างชาติ ควรต่อต้านหรือสนับสนุนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 15, 2006 11:16 am
โดย สามัญชน
***จุดสมดุลอยู่ตรงไหน?
เป็นคำถามที่น่าสนใจครับ  เพราะสุดขอบฝั่งซ้ายหรือขวาก็ไม่น่าจะเหมาะ

จุดสมดุลมีหลายลักษณะและหลายจุดได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่อไปนี้

1.จุดสมดุลตามธรรมชาติ   โดยไม่มีการแทรกแซงจากอำนาจต่างๆ
2.จุดสมดุลผิดธรรมชาติ  ที่เกิดจากความพยายามในการแทรกแซงของรัฐ  ของม็อบ  ของอื่นๆ

ผมคิดว่าจุดสมดุลตามธรรมชาติจะเหมาะที่สุด  เพราะธรรมชาตินั้นยิ่งใหญ่  ใครจะล้มก็ยากและก็คงทนกว่ากระบวนการอื่นๆ

แต่ก่อนที่จะถึงจุดนั้น อาจจะต้องค่อยๆปรับเพื่อลดความรุนแรงของการเปลี่ยนแปลง  และเพื่อให้เวลาในการปรับตัว

ดังนั้นคำตอบจึงเป็นว่า  รัฐเข้ามาแทรกแซงในช่วงแรกโดยการอุ้มโชห่วยไปสักระยะหนึ่ง  หรือจะช่วยโชห่วยด้วยวิธีใดๆก็ตามสักระยะหนึ่งเพื่อลดความรุนแรงของการเปลี่ยนแปลงลงบ้าง(และก็ดีกว่าไม่ช่วยอะไรเลย  ขั้นตอนนี้ผู้บริโภคก็อาจจะต้องยอมอดทนไปก่อน  คงพอจะทนไหวเพราะก่อนหน้านี้ก็หนักกว่านี้นี่นา  ท่องไว้คำเดียวว่า อดทนๆๆๆๆ)

ผ่านระยะนี้ไปแล้วก็จะต้องยุติบทบาทการอุ้ม เพราะไม่อย่างนั้นก็จะต้องอุ้มกันตลอดไป  และเป็นการยืนอุ้มบนหลังแอ่นๆของผู้บริโภคบนความทุกข์ทรมานของผู้บริโภค  ผู้บริโภคไม่สมควรจะต้องแบกทั้งรัฐทั้งโชห่วย

ผ่านระยะนี้ไปแล้วควรจะยกเลิกข้อกีดกัน  ควรเปิดให้มี modern trade ขนาดเล็กและขนาดจิ๋วแทรกตัวไปทุกอำเภอทุกตำบลโดยเจ้าของอาจจะเป็นโชห่วยเดิม หรือรายใหม่ก็ได้   และก็เชื่อว่าโชห่วยจะปรับตัวให้อยู่รอดได้มากขึ้นพอสมควรแทนที่จะตายเรียบทั้งหมดแบบเดิมๆ

ทุนต่างชาติ ควรต่อต้านหรือสนับสนุนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 15, 2006 11:43 am
โดย MarginofSafety
ผมคิดว่าโชว์ห่วยก็ควรปรับตัว
Modern Trade ไม่ว่าจะใหญ่จะเล็กก็ควรมีกฎหมายมาควบคุม
เช่นกฎหมายผังเมือง หรือป้องกันการผูกขาด

เมื่อก่อนมีคำพูดที่ว่า "Bigs eat Smalls"
ปัจจุบันบอกว่า "Fasts eat Slows"
แล้วถ้าทั้งเล็ก ทั้งช้าอย่างโชว์ห่วยล่ะ จะไปสู้บริษัทข้ามชาติ
ที่มีระบบบริหารจัดการอย่างนั้นได้อย่างไร

ก็ปล่อยให้สูญพันธ์ไปซะ อย่างนั้นเหรอครับ
แล้วถ้าคนเขาเคยมีวิถี ชีวิต เคยมีวัฒนธรรมการดำรงชีวิตแบบนั้น
เขาจะไปทำมาหากินอะไร หรือปล่อยไปอีกหน่อยก็ปรับตัวได้
เราต้องตามกระแสไปซะทุกเรื่องหรือเปล่า
อาจจะไม่ถึงขนาดต้านกระแส แต่บางทีก็ควรรู้จักทวนกระแส เพื่อให้เหมาะสมกับสังคม วัฒนธรรม ที่เหมาะสมกับเรา

ปัจจุบันชาวบ้านเขาใช้ชีวิตอย่างทรมาน ถ้าไม่มี modern trade หรือเปล่า
เค้าไม่ได้อยู่ในกระแสบริโภคนิยม อย่างคนเมือง บางทีเอาความรู้สึกของคนเมือง ไปตัดสินไม่ได้หรอก

ผมเคยถามพี่คนนึงว่าทำไมไม่ไปซื้อร้าน convenient store สะดวกดีออก
เขาตอบว่า ร้านพวกนั้นเขามีลูกค้าเยอะอยู่แล้ว เขารวยแล้ว ไปซื้อร้านชาวบ้านดีกว่า
อืม... เข้าท่าดีแฮะ จากนั้นมาผมเลยเอาด้วย ถ้าจะซื้ออะไรเล็กๆน้อยๆ ก็อุดหนุดคุณป้าคุณยาย นี่แหละ

ทุนต่างชาติ ควรต่อต้านหรือสนับสนุนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 15, 2006 12:20 pm
โดย สามัญชน
แต่ก่อนที่จะถึงจุดนั้น อาจจะต้องค่อยๆปรับเพื่อลดความรุนแรงของการเปลี่ยนแปลง  และเพื่อให้เวลาในการปรับตัว
เวลาที่ว่าอาจจะ 5 ปี หรือ 10 ปี หรือสุดๆ 20 ปีน่าจะพอดีๆ 1-2 ปีก็สั้นเกินไป

แต่ถ้าจะขอร้อยปีสองร้อยปีหรือตลอดกาล  ผมว่าก็เกินไปหน่อย

มีกระแสอะไรมาเราก็ต่อต้านไว้ก่อนอย่างนั้นหรือ ?????  :cry:

ถามว่าเราจำเป็นต้องต่อต้านไปทุกเรื่องหรือเปล่า ????? :cry:

เมื่อไหร่คนจนๆตามบ้านนอกถึงจะมีโอกาสซื้อของดีๆมีคุณภาพราคาถูกๆบ้าง ????   :cry:

รัฐบาลจะตั้งหน้าตั้งตาอุ้มแต่โชห่วยอีกนานแค่ไหน ????? :cry:

มือหนึ่งอุ้มโชห่วยแต่อีกขาหนึ่งก็เหยียบผู้บริโภคอยู่หรือไม่  ????? :cry:

เขาอยากซื้อของดีของถูก รัฐก็ออกกฏหมายกีดกัน  ให้เขาซื้อแต่ของโชห่วยอย่างนั้นหรือ ????? :cry:

แล้วเขาต้องเสียสละเพื่ออุ้มโชห่วยไปอีกนานเท่าไหร่กัน ????? :cry:

โชห่วยที่ดีๆหลายแห่งเขาก็ดูแลลูกค้าดีขึ้น ของใหม่ขึ้น ราคาถูกลง ลูกค้าก็โอเค เขาก็อยู่รอด ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย

โชห่วยที่เอาเปรียบ บริการแย่ ของเก่าเก็บ แล้วเรียกร้องให้รัฐอุ้มอย่างเดียว  เป็นเรื่องสมควรแล้วหรือ

สุดท้าย.....เจ้าของร้านโชห่วยกับชาวไร่ชาวนาคนซื้อของร้านโชห่วย ใครรวยกว่ากัน ใครสมควรจะได้รับการโอบอุ้มมากกว่ากัน ???? :cry:

ทุนต่างชาติ ควรต่อต้านหรือสนับสนุนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 15, 2006 1:25 pm
โดย MarginofSafety
ออกตัวก่อนนะครับว่าแค่อยากจะแสดงความคิดเห็นอย่างเสรี
ไม่ได้ต้องการที่จะกระทบกระทั่งกับใคร ถ้าอ่านแล้วไม่ชอบใจก็ต้องขออภัยด้วยครับ ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นแล้วกัน
โดยเฉพาะพี่หมอศรราม เพราะผมจะหยิบคำถามบางคำถามของพี่หมอในประเด็นที่สนใจมาตอบ ...  :D
มีกระแสอะไรมาเราก็ต่อต้านไว้ก่อนอย่างนั้นหรือ ?????  
ถามว่าเราจำเป็นต้องต่อต้านไปทุกเรื่องหรือเปล่า ?????
ผมถามกลับว่ามีกระแสอะไรมาเราก็ต้องยอมรับไว้ก่อนอย่างนั้นหรือ ?
คำตอบของสองคำถามนี้ก็คงเหมือนกัน ว่าไม่ใช่ทั้งคู่
จะต่อต้านหรือจะรับมันขึ้นอยู่กับว่ามันเหมาะกับเรามากน้อยแค่ไหน มันมีประโยชน์จริงหรือเปล่า มันมีโทษอะไรบ้าง
ศึกษาให้รอบคอบ แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะรับหรือปฏิเสธกระแส
หรือจะนำมาปรับปรุง แก้ไขเพื่อให้เหมาะสมกับเรา
รัฐบาลจะตั้งหน้าตั้งตาอุ้มแต่โชห่วยอีกนานแค่ไหน ?????
สมมติว่ารัฐบาลทำด้วยความจริงใจ จริงๆ ไม่ใช่เพราะต้องการหาเสียงแล้วเงียบนะครับ ผมว่าเป็นเรื่องที่ดี น่าทำและควรจะมีการทำมาตั้งนานแล้ว
อย่าเรียก "อุ้ม" เลยครับ แต่เรียกว่าพยายามหากฎกติกา ที่พอเหมาะพอดี
เพื่อให้ทั้งสองฝั่งอยู่ร่วมกันได้จะเหมาะสมกว่า
พอมีกฎกติกาที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับได้แล้ว คงไม่มีโชว์ห่วยที่ไหนออกมาประท้วงอีกแม้ว่าร้านตัวเองจะเจ๊ง
เพราะเป็นการสู้กันบทกฎเกณฑ์กติกาที่เป็นธรรมและเป็นที่ยอมรับของทั้งสองฝ่ายแล้ว ...

ทุนต่างชาติ ควรต่อต้านหรือสนับสนุนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 15, 2006 1:37 pm
โดย CK
ขอมองไปข้างหน้าสัก 30 ปี...


ยักษ์ค้าปลีก ตอนแรกมา ก็แข่งกันเปิดสาขา

แข่งจนรายเล็กตายหมด

และรายใหม่ไม่มีปัญญาเข้า เพราะกำแพงสองชั้น
คือเงินทุน และกฎหมายที่จำกัดจำนวนห้างต่อเมือง

เมื่อตลาดอิ่มตัวแล้ว ยุคฮันนี่มูนกับผู้บริโภคก็จบลง

สี่ยักษ์ใหญ่ก็จะเริ่มจับมือกัน "แข่งขัน" แบบไม่เต็มที่

การตัดราคากันจะเริ่มลดลงเรื่อยๆ ของเริ่มแพงขึ้น

เมื่อเศรษฐกิจทรุด 4 ยักษ์ใหญ่ก็จะเริ่มรวมตัวกัน
เหลือ 3 และ 2 ในที่สุด

กลายเป็นการผูกขาดเต็มรูปแบบ

ทั้ง suppliers และ consumers ไม่ได้เป็นผู้กำหนดราคาอีกต่อไป


อีก 30 ปีให้หลัง ...................

(เดาไปเรื่อยๆ)

ทุนต่างชาติ ควรต่อต้านหรือสนับสนุนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 15, 2006 1:39 pm
โดย Jeng
สไตคนไทย ตอนไม่มีทุนต่างชาติก็สนับสนุน พอมีมากๆก็ต่อต้าน

อยากแก้อะไรก็คงทำได้ยาก ถ้ายังใช้นิสัยเดิมๆ

เวลาขาด ก็ไปเรียกเขามา เวลาดีแล้ว ไม่เห็นหัว นี่แหละครับ พี่ไทย น่าจะเจริญยาก