หน้า 1 จากทั้งหมด 2

Dear Economist

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ย. 10, 2006 12:59 pm
โดย ดร.โหน่ง
:pray:    ผมไปอ่านในร้อยคนร้อยเล่ม กระทู้ของคุณ bangkokwu
ก็เลยเกิดไอเดีย......ปิ๊งๆเล็กๆว่า.....น่าจะมี สมาชิกบางท่าน......อย่าง.......อย่าง....ท่านแม่ทัพสุมาอี้ไง.......ผมชอบในความรู้เศรษศาสตร์ของท่าน..... ถ้าได้ท่านมาตอบปัญหาจากผู้อ่านทางบ้านทาง
Thaivi.com สารพัดสักะบือยันเรือรบ...555  โดยใช้ทฤษฏีเศรษฐศาตร์ที่แตกฉานของท่านมาอธิบายอย่างออกแนวขำๆสนุกสนาน เป็นที่เข้าใจง่ายๆของคนทั่วไป ที่ไม่ได้เรียนวิชาที่มีการ vote เป็นคณะที่มีคนเรียนมากที่สุดใน Harvard.  แต่ก็ได้ความรู้แบบไม่น่าเชื่อทางอเมริกายังมี Tim Harford  ทาง Thaivi.com ก็มีท่านแม่ทัพเหมือนกัน.....  

     ตัวอย่างคำถามที่คุณ bangkokwu ยกตัวอย่างไว้ก็มีตั้งแต่

    ทำอย่างไรดีกับแฟนที่ไม่ยอมช่วยทำงานบ้าน

    ทำไมตั๋วหนังถึงราคาเท่ากันทุกเรื่องทั้งๆที่อาหารราคายังไม่เท่ากันทุกจานเลย

      จะไปทำงานแต่เช้าดีหรือจะกลับดึกดีเพื่อจะให้เจ้านายเห็นว่าขยันทำงาน ฯลฯ

     อ้อ!...มีคำถามแรกเข้ามาครับ...รวดเร็วจริงๆ .....  จากป้าเก่งขายกล้วยทอดข้างบ้านฝากมาถามครับ...เชิญครับคุณป้า....

    สวัสดีคะ...คุณแม่ทัพใช่ไหม...โหน่งเค้ามาบอกป้า...ว่าคุณแม่ทัพเก่งเรื่องเสดๆสาดๆอะไรนี่ละ....ป้าก็ไม่เข้าใจ.....แต่โหน่งบอกว่าคุณแม่ทัพอาจให้คำแนะนำป้าได้นะ.....ก็อี.....ขอโทษนะคะคุณ....ป้าลืมตัวเรียกซะติดปาก....ก็นังทิพย์ลูกป้านะซิ......มันติดผู้ชายไม่ยอมกลับบ้านมาหลายวันแล้ว........ป้าไม่รู้จะทำยังไงดีคะ....ขายแต่กล้วยทอด....เรื่องอื่นๆป้า out หมด... ..กลัวว่ามันจะถูกผู้ชายหลอก........ป้าควรจะบอกให้มันชวนผัวมันมาอยู่ที่บ้านเลยดีไหม รบกวนช่วยตอบป้าทีนะคะ....ป้ากลุ้มใจมากเลย....

Dear Economist

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ย. 10, 2006 3:54 pm
โดย ดร.โหน่ง
ถึง ท่านแม่ทัพคะ

           คือหนูชื่อมะขวิดนะคะ เป็นคนใช้บ้านคุณโหน่งคะ หนูเห็นป้าเก่งมาหาคุณโหน่งเมื่อกี้นี้..แล้วคุยกันเรื่องถามปัญหาอะไรนี่แหละคะ  ตอนนี้ตาโหน่งขี้บ่นไม่อยู่คะ เดินออกไปซื้อก๋วยเตี๋ยวข้างนอก เดินไปมั่งซิคะ ใช้แต่มะขวิด เมื่อยไปหมดแล้ว เงินเดือนก็แค่ 2500 ใช้มันทุกอย่างสารพัด ตั้งแต่รีดผ้า เลี้ยงน้อง ล้างจาน ขัดห้องน้ำ โอ๊ย....คือหนูอยากจะให้สอนหนูว่าไอ้ตามหลักเสดสาดนี่มันคุ้มกับเงินเดือนที่หนูได้ไหมคะ ตอนนี้หนูกินนอนที่บ้านคุณโหน่ง แต่ถ้าหนูอยากไปอยู่ข้างนอกกับแฟน แล้วขอเงินเดือนขึ้นนี่...จะขอสักเท่าไรดีคะ แฟนหนูบอกให้ย้ายไปอยู่ด้วยกันแบบถาวร แฟนหนูเป็นคนดีมาก เป็นคนผิวดำคะ ปีหน้ากะว่าจะมีลูกผิวดำหัวหยิกให้สาวๆพากันอิจฉามะขวิดคะ ถ้าสามีไม่ดีจริง คนศรีษะเกศขาวๆ สวยๆ อย่างหนูไม่เอามาทำสามีหรอกคะ....ตอนนี้ตาโหน่งกลับมาแล้ว หนูต้องไปแล้วคะ แล้วหนูจะเขียนมาเล่าเรื่องคุณโหน่งขี้บ่นให้ฟังนะคะ แบบเจาะลึกเลย อย่าลืมตอบหนูด้วยนะคะ ขอบคุณหลายคะ

                                    มะขวิด

Dear Economist

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ย. 10, 2006 8:03 pm
โดย สุมาอี้
ถึง หนูมะขวิด

หนูแน่ใจนะว่าหนูจะถามนักเสดสาดอย่างพี่ นักเสดสาดเลือดเย็นทุกคนนะจ๊ะพี่บอกก่อน...

การที่หนูยังทำงานอยู่ที่นี่เดี๋ยวนี้ ก็เป็นสัญญาณที่แสดงว่าเงินเดือน 2500 ไม่ได้น้อยเกินไปสำหรับหนูแล้วล่ะจ๊ะ ถ้าหากหนูใจแตกอยากจะย้ายออกไปอยู่ข้างนอก หนูก็เรียกเงินเดือนเพิ่มได้จ๊ะ เพราะคุณผู้ชายโหน่งจะมีค่าใช้จ่ายเรื่องกินอยู่ของหนูน้อยลง แกน่าจะยอมขึ้นเงินเดือนให้ แต่ต้องระวังด้วยนะ ถ้าเรียกซี้ซั้วมากเกินไป คุณผู้ชายเขาอาจจะเลือกลอยแพหนูแทนก็ได้

เมื่อย้ายออกไปแล้ว เวลาทำงานหนูเคยขี้เกียจขนาดไหน หนูก็กะว่าจะขี้เกียจให้ได้เท่าเดิมใช่มั้ยจ๊ะ ถ้าเป็นอย่างนั้น Marginal Value ของหนูในสายตาของคุณผู้ชายจะยังเท่าเดิมอยู่ แต่ตอนนี้ Marginal Cost ของคุณผู้ชายเปลี่ยนไป ถ้าจะให้ทุกอย่างยังเหมือนเดิม หนูก็ต้องขอขึ้นเงินเดือนให้ได้เท่ากับ Marginal Cost ที่ลดลงของคุณผู้ชายพอดี ถ้าหนูไม่รู้ว่า Marginal Cost ของคุณผู้ชายเปลี่ยนไปเท่าไร ก็ลองถามคุณผู้ชายเอาดื้อๆ เลยก็ได้

แต่ที่พี่เป็นห่วงก็คือ Marginal Cost ที่เปลี่ยนไปของตัวหนูเองมากกว่า ไม่รู้ว่า Marginal Cost ที่เปลี่ยนไปของคุณผู้ชายจะ cover ค่ารถไปกลับ ฯลฯ ของหนูเองหรือเปล่า

-สุมาอี้

Dear Economist

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ย. 10, 2006 8:12 pm
โดย por_jai
8) ชอบกระทู้อย่างนี้มั่กๆครับ

Dear Economist

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 11, 2006 11:11 am
โดย น้องโม
เรียน คุณอาสุมาอี้ ที่เคารพ

             หนูได้อ่าน ไทวี.คอม บ่อยๆ เพราะที่ร้านเนทที่หนูไปเล่น มีพี่อยู่คนหนึ่งไปทีไรก็เจอ และพี่เค้าก็ชอบอ่านเว็ปนี้เป็นประจำ  กระทู้ของคุณอามีสาระดีมากๆค่ะ หนูจะขอพี่เค้าเปิดอ่านทุกกระทู้ ตั้งแต่หน้าแรกจน
หน้าสุดท้ายเลยค่ะ หนูมีเรื่องอยากจะขอให้คุณอาช่วยค่ะ

               ตอนนี้หนูอยู่ ม. 6 ถ้าหนูอยากจะไปเรียนต่อต่างประเทศปีหน้า หนูจะต้องทำอย่างไรบ้างค่ะ

            ขอความกรุณาคุณอาช่วยตอบด้วยนะค่ะ เพราะช่วงปิดเทอมนี้ หนูจะหางานทำ  แต่คงอีกนานกว่าหนูจะได้ไป เพราะที่บ้านหนูมีฐานะยากจน

      หนูจะลองขอแม่เรียนพิเศษภาษาอังกฤษ แต่ถ้าแม่ไม่มีเงินให้เรียน หนูอยากขอให้คุณอาเปิดกระทู้สอนภาษาอังกฤษในเว็ปด้วยค่ะ ถ้าหนูเก่งภาษาอังกฤษ หนูคงจะมีอนาคตที่ดีกว่านี้ คนอื่นจะได้ไม่ดูถูกว่าหนูจน

             หนูขอขอบพระคุณ คุณอาและพี่ๆทีมงานทุกคน ขอให้คุณอาและพี่ๆมีสุขภาพแข็งแรง
อยู่คู่เว็ปนี้ตลอดไปค่ะ

                                                                  ขอบคุณค่ะ
       
                                                                         โมนิก้า

Dear Economist

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 11, 2006 11:26 am
โดย 121
ทำอย่างไรดีกับแฟนที่ไม่ยอมช่วยทำงานบ้าน  :shock:  :shock:
         :lol:  :lol:   อ่านมากชักเบลอ...อิ...อิ
 ผมก็ว่าดีด้วยตาม กระทู้

Dear Economist

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 11, 2006 12:55 pm
โดย por_jai
8) ระดับท่านแม่ทัพ
    ที่มีหลานชื่อสุมาเอี๋ยน(ลูกของสุมาเจียวซึ่งเป็นลูกของสุมาอี้อีกทอดหนึ่ง)
    เป็นปฐมกษัตริย์ราชวงศ์จิ้นเชียวนะครับ
    จะให้มาตอบคำถามร้อยแปดคนเดียวเนี่ยนะครับ
    ผมว่าดร.โหน่งแหละคลุกคลีกับชาวบ้านดีนัก
    แถมยังเห็นและรู้ในสิ่งที่ชาวบ้านไม่เห็นไม่รู้กัน
    เหมาะที่จะมาร่วมตอบเป็นพิธิกรคู่อย่างที่กะลังฮิตอยู่
    แฮ่.....

Dear Economist

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 11, 2006 6:45 pm
โดย ดร.โหน่ง
[quote="por_jai"]8) ระดับท่านแม่ทัพ

Dear Economist

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 11, 2006 9:02 pm
โดย ดร.โหน่ง
Dear Economist,

             เวลาลูกสาวคนโตอายุ 5 ขวบของผม ขอซื้อขนมหรือของเล่น ผมมักจะให้ลูกทำงานแลกกับเงินเพื่อไปซื้อของที่เค้าอยากได้ อย่างต้องช่วยล้างรถ  รดน้ำต้นไม้ กวาดบ้าน ล้างจาน ฯลฯ อะไรประมาณนี้  ไม่ทราบผมเป็นพ่อใจร้ายเกินไปไหมครับ.....

Dear Economist

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 11, 2006 10:45 pm
โดย สุมาอี้
[quote="น้องโม"]เรียน คุณอาสุมาอี้ ที่เคารพ

Dear Economist

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 11, 2006 10:47 pm
โดย สุมาอี้
[quote="ดร.โหน่ง"]Dear Economist,

Re: Dear Economist

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 13, 2006 9:07 am
โดย สุมาอี้
[quote="ดร.โหน่ง"]

Dear Economist

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 13, 2006 9:31 am
โดย ดร.โหน่ง
Dear Economist,

         ผมอยากทราบจริงๆ การที่ผมจะมีเมียน้อยนี่ ตามมุมมองนักเศรษฐศาสตร์ ถือว่าเป็นการ optimize ทรัพยากรที่ยังขันของผมอยู่ใช่หรือไม่ครับ ผมจะได้เอาไว้เป็นข้ออ้างกับแฟนได้
                                     
                                       ขอบคุณครับ
                                       
                                        ผู้ชนะสิบ

Dear Economist

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 13, 2006 10:07 am
โดย ดร.โหน่ง
Dear Economist,

             เพื่อนสมัยเรียนชายล้วน เป็นคนเดินสายกลาง ไม่อยากเผยความในใจ
แต่สุดท้าย...พ่อแม่จับแต่งกับผู้หญิง...... แต่งมา 3 เดือน  ถามแล้วทำการบ้านไหม
บอกว่าทำ.... แต่ไม่รู้ตัว จะบอกแฟนก็ไม่กล้า ชอบมาระบายกับผม อย่างนี้แนะนำยังไงดี

Dear Economist

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 13, 2006 1:02 pm
โดย MarginofSafety
Dear Economist,

ผมเป็นพนักงานบริษัทหรือกลุ่มคนจำพวก White-collar ผมมักจะเดินทางไปทำงานและไปยังสถานที่ต่างๆ ด้วยรถไฟฟ้าสาธารณะ
เมื่อเร็วๆนี้ผมได้ยินนโยบายหาเสียงว่าด้วยเรื่องรถไฟฟ้า เช่นพรรคโน้นจะทำ 7 สาย พรรคนี้จะทำ 10 สาย พรรคนั้นจะทำ 15 บาทตลอดสาย
ผมมีความสงสัยและอยากจะเรียนถามดังนี้

1. ค่าโดยสาร 15 บาทตลอดสายมีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด
เนื่องจาก BMCL เพิ่งเปิดจองหุ้น IPO เร็วๆนี้ ซึ่งแน่นอนที่สุดว่า
ผู้ถือหุ้นก็คงต้องการผลตอบแทนจากการลงทุน
ทางภาครัฐจะจัดสรรเงินในส่วนไหนมาชดเชย
และนโยบายดังกล่าวหากมองภาครวม มีผลดีผลเสีย อย่างไรในมุมมองของแต่ละฝ่ายเช่น
ผู้ใช้บริการเป็นประจำ ชาวบ้านที่อยู่ต่างจังหวัด ผู้ที่เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว ตลอดรวมถึง BMCL
และความเห็นส่วนตัวของท่าน Economist ท่านเห็นด้วยหรือไม่

2. การกู้เงินจาก JBIC มาลงทุนในโครงการขนาดใหญ่เช่นนี้
มีผลดี ผลเสียอย่างไร ต่อประเทศไทยในอนาคต

ขอบคุณครับ
White-collar

Dear Economist

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 13, 2006 8:31 pm
โดย สุมาอี้
[quote="ดร.โหน่ง"]Dear Economist,

Dear Economist

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 13, 2006 9:30 pm
โดย jaychou
เรื่องเมียน้อย ผมมีข้อสังเกตดังนี้ครับ

กรณีที่ครอบครัวต้องผลิตบุตรซึ่งบางวัฒนธรรมถือว่าบุตรเป็นสินทรัพย์ เป็นปัจจัยในการสร้างรายได้ เป็นกำลังหาเลี้ยงครอบครัว เช่น สิงโต ต้องผลิตตัวผู้เพื่อเป็นผู้คุ้มครองฝูง จึงมีตัวเมียในฝูงมาก หรือครอบครัวคนจีนเก่าๆ ที่ต้องการแรงงาน ก็ยอมให้มีอนุภรรยาได้

อีกตัวอย่างหนึ่งจากประวัติศาสตร์ก็คือ นางพญาชีบา แห่งเอธิโอเปีย เดินทางมายังเยรูซาเล็มเพื่อขอให้พระเจ้าโซโลมอนให้ดำเนินการผลิตบุตรในครรภ์ของนาง เพื่อกลับไปเป็นรัชทายาท นี่เห็นได้ว่าหากบุตรนั้นมีค่ามาก แม้แต่ระดับนางพญาผู้ปกครองยังจำเป็นต้องหาวัตถุดิบที่มีคุณภาพยังต่างแดน

ดังนั้นหากถือว่าบุตรเป็นสินทรัพย์แล้ว เรื่องการหาแหล่งผลิตที่มีความสามารถทั้งปริมาณและคุณภาพ ถือเป็นเรื่องจำเป็นครับ ในกรณีนี้หากแหล่งผลิตแรกไม่สามารถผลิตสินทรัพย์ออกมาได้ ด้วยความจำเป็นก็จะยอมให้ผู้ประกอบการณ์ทำการสำรวจแหล่งผลิตใหม่ หรือบางทีก็ช่วยสำรวจให้ก็มี

เรื่องใกล้ตัวอย่างในวัฒนธรรมนักลงทุนเน้นคุณค่า.. ถือว่าลูกไม่ได้เป็นเครื่องมือหาเลี้ยงชีพตอนแก่ เป็นแต่สายใยความรักและผูกพันของครอบครัว

Dear Economist

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 13, 2006 9:55 pm
โดย สุมาอี้
[quote="ดร.โหน่ง"]Dear Economist,

Dear Economist

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 13, 2006 10:17 pm
โดย สุมาอี้
HVI เขียน:Dear Economist,

ผมเป็นพนักงานบริษัทหรือกลุ่มคนจำพวก White-collar ผมมักจะเดินทางไปทำงานและไปยังสถานที่ต่างๆ ด้วยรถไฟฟ้าสาธารณะ
เมื่อเร็วๆนี้ผมได้ยินนโยบายหาเสียงว่าด้วยเรื่องรถไฟฟ้า เช่นพรรคโน้นจะทำ 7 สาย พรรคนี้จะทำ 10 สาย พรรคนั้นจะทำ 15 บาทตลอดสาย
ผมมีความสงสัยและอยากจะเรียนถามดังนี้

1. ค่าโดยสาร 15 บาทตลอดสายมีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด
เนื่องจาก BMCL เพิ่งเปิดจองหุ้น IPO เร็วๆนี้ ซึ่งแน่นอนที่สุดว่า
ผู้ถือหุ้นก็คงต้องการผลตอบแทนจากการลงทุน
ทางภาครัฐจะจัดสรรเงินในส่วนไหนมาชดเชย
และนโยบายดังกล่าวหากมองภาครวม มีผลดีผลเสีย อย่างไรในมุมมองของแต่ละฝ่ายเช่น
ผู้ใช้บริการเป็นประจำ ชาวบ้านที่อยู่ต่างจังหวัด ผู้ที่เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว ตลอดรวมถึง BMCL
และความเห็นส่วนตัวของท่าน Economist ท่านเห็นด้วยหรือไม่

2. การกู้เงินจาก JBIC มาลงทุนในโครงการขนาดใหญ่เช่นนี้
มีผลดี ผลเสียอย่างไร ต่อประเทศไทยในอนาคต

ขอบคุณครับ
White-collar
ตอบ คุณ HVI
Sir John Templeton เขียน:"Politicians who are willing to spend too much are the ones who get reelected."
ประชาชนชอบรัฐบาลที่เอาเงินภาษีมาใช้มากๆ เพราะประชาชนคิดว่าภาษีเป็นเงินของรัฐ ที่จริงแล้วภาษีคือเงินของประชาชนเอง เป็นเรื่องตลกเหมือนกันที่พวกเรารู้สึกขอบคุณคนที่เอาเงินของเรามาให้เรา

การที่รัฐจะสร้างรถไฟฟ้า ผม"อาจ"เห็นด้วยครับ แม้ว่าผลตอบแทนการลงทุนของรัฐเองจะไม่ดีนัก อาจขาดทุน แต่ต้นทุนการขนส่งที่ต่ำลงของทุกคนรวมๆ กันแล้วอาจจะมากกว่าเงินที่รัฐขาดทุนก็ได้ครับ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ต้องถือว่าเป็นสิ่งที่ควรกระทำ

แต่ในแง่ความยุติธรรมของสังคม ไม่ยุติธรรมแน่นอนครับ ถ้าจะเอาภาษีมาอุดหนุน เพราะเป็นการเอาเงินของทุกคนมาจ่ายให้เฉพาะคนที่เดินทางมากๆ ในกรุงเทพเท่านั้น จะว่าไปการสร้างถนนสร้างสะพานด้วยเงินภาษีทุกโครงการก็เป็นแบบนี้ เป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

การที่รัฐจะกู้เงินมากๆ มาสร้าง สุดท้ายแล้วก็ต้องจ่ายด้วยภาษีอยู่ดี การกู้เป็นเพียงการ delay payment ออกไปให้รัฐบาลชุดต่อไปรับผิดชอบแทนเท่านั้น ในภาวะที่ดอกเบี้ยในตลาดสูงอยู่แล้ว การกู้จะ crowd-out การลงทุนของภาคเอกชนด้วย

ถ้ากู้จาก JBIC ก็เป็นวิธีเดียวกันกับ สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งมีข้อดีตรงที่ญี่ปุ่นเขายินดีให้กู้ดอกเบี้ยต่ำ ถ้าทำแบบโปร่งใสก็น่าจะดีครับ ผู้รับเหมาควรจะเป็นใครก็ได้ทีเหมาะสมไม่จำเป็นต้องเป็นบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นอย่างในกรณีของสนามบินสุวรรณภูมิ แต่ถ้าทำได้อย่างนั้น JBIC คงไม่ยอมให้กู้

-Economist

Dear Economist

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 14, 2006 10:09 am
โดย ดร.โหน่ง
Dear Economist,

ในวันครบรอบแต่งงานทุกปี ผมจะซื้อแหวนเพชรให้แฟนเป็นอย่างนี้มา 4 ปีแล้ว พาไปกินข้าว ดูหนัง ดอกกุหลาบสีขาวหนึ่งดอก อะไรประมาณนี้ ..... และดูเหมือนว่าผู้หญิงเกือบทุกคนก็จะต้องชอบแหวนเพชรกันซะส่วนใหญ่  ถึงแม้แฟนผมจะบอกว่า โธ!...ไม่ต้องซื้ออะไรแพงๆมาก็ได้ตัวเอง ... แต่เธอจะยิ้มซะจนปากถึงหูก็ว่าได้  .........ปีนี้จะครบรอบ 5 ปี อีกไม่กีวันแล้วครับ.......  พิเศษหน่อย  ถ้าบังเอิญผม... ที่รักจ๊ะครบรอบ 5 ปี แล้วนะ  เค้าซื้อมะม่วง 3 โลร้อยมาให้ตัวเองจ๊ะ  ถึงแม้จะไม่พูดอะไร แต่ผมว่ามีคิดนะ  สงสัยปีนี้ไม่มีตังค์  ผมคิดว่า.......การที่เราตั้งค่าอะไรมีมาตรฐานสูงๆ  บางทีก็เหมือนขี่หลังเสือ มันลงไม่ได้  ... และบางทีมันก็กลายเป็นว่าเราจะแบกโลกทั้งใบไว้คนเดียวทำไม  ออกจากคอกแล้วมองดูรอบๆซะ โลกเราเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แล้วเราจะมาถืออะไรเป็นจีรังยั่งยืน.......... Can you Advise?

                                          -ขอบคุณครับ

Dear Economist

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 15, 2006 8:31 pm
โดย สุมาอี้
[quote="ดร.โหน่ง"]Dear Economist,

ในวันครบรอบแต่งงานทุกปี ผมจะซื้อแหวนเพชรให้แฟนเป็นอย่างนี้มา 4 ปีแล้ว พาไปกินข้าว ดูหนัง ดอกกุหลาบสีขาวหนึ่งดอก อะไรประมาณนี้ ..... และดูเหมือนว่าผู้หญิงเกือบทุกคนก็จะต้องชอบแหวนเพชรกันซะส่วนใหญ่

Dear Economist

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 15, 2006 11:30 pm
โดย ดร.โหน่ง
Dear Economist,

       ผมได้ยินหลายคนพูดว่าฮวงจุ้ยเป็นวิทยาศาสตร์  การลงทุนเน้นคุณค่าในความคิดผม.....ก็เป็นวิทยาศาสตร์เหมือนกัน.... ไม่ทราบผมจะจับศาสตร์ทั้งสองตัวนี้มารวมกันได้หรือไม่ครับ ถ้ารวมแล้วเราจะเอาไปใช้ในทางปฏิบัติได้อย่างไร

                                     ขอบคุณครับ

Dear Economist

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 16, 2006 12:23 am
โดย ShexShy
ขอแจมด้วยคนครับ

Dear Economist

      ทำไม เห็นแต่คนขอหวยจัง เพราะ อะไร ถ้าไม่มีหวยแล้ว ข้าวของมันจะถูกลงบ้างไม๊ ถ้ามันถูกลงจริง จะได้รณรงค์ให้ คนบ้าหวย เลิกซื้อหวย
     
      กลับบ้านนอกเห็นทุ่งนา ข้าวเขียวขจี ดี ทำไง มันยังจะคงอยู่อย่างนี้เรื่อยไปได้น้อ

ขอบคุณครับ
:o

Dear Economist

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 16, 2006 2:02 am
โดย Jeng
ไม่ได้อ่าน แต่ว่า เดีย กิ๊กใหม่พี่นะ

Dear Economist

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 16, 2006 9:44 am
โดย Muffin
ผมชอบกระทู้นี้จังเลย

เชิญพี่ม้าเฉียว ดร.โหน่ง และพี่สุมาอี้ มาเป็นพิธีกรสามหนุ่มสามมุม รับตอบปัญหาเศรษฐศาสตร์แบบมันๆแบบนี้ ไม่ดังให้มันรู้ไป

Dear Economist

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 16, 2006 7:41 pm
โดย สุมาอี้
[quote="ดร.โหน่ง"]Dear Economist,

Dear Economist

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 16, 2006 8:34 pm
โดย สุมาอี้
[quote="ShexShy"]ขอแจมด้วยคนครับ

Dear Economist

Dear Economist

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 16, 2006 8:53 pm
โดย Mon money
ท่าทางอ.โหน่งจะหยอกผมเล่นเรื่องหวงจุ้ย และเรื่องลงทุน

สำหรับผมเอาหวงจุ้ยล้วนๆที่อธิบายทางวิทยาศาสตร์ได้ เช่นทิศทางลม ร่มเงาไม้ อีกประการหนึ่งหวงจุ้ยดีนั้นจะต้องมีดีอีกสองประการนำหน้าคือ
1 เป็นคนดี
2 มีกรรมดีมาก่อน
3 ที่อยู่อาศัยดี

คนดีนั้นเป็นผู้สร้างให้สังคมดี ซึ่งเป็นการลดต้นทุนทางสังคม
มีกรรมดีมาก่อนก็คือไม่เคยสร้างภาระสังคม
ที่อยู่อาศัยดีก็คือสร้างให้ดี เป็นการกระจายรายได้

เป็นไง ลากเข้าเศรษฐศาสตร์อันเลือดเย็นจนได้

Dear Economist

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ย. 17, 2006 2:22 pm
โดย MarginofSafety
ว่าด้วยเหรียญสลึงและห้าสิบสตางค์

Dear Economist

หลังจากที่เหลือบไปเห็นเหรียญสลึงและห้าสิบสตางค์เกือบเต็มขวดกาแฟแล้ว เนื่องจากได้มาก็เก็บอย่างเดียว ไม่เคยพกติดตัวไว้ใช้ ผมลองมาคิดเล่นๆ สมมติว่าคนไทยมีพฤติกรรมการเก็บเหรียญสลึง ห้าสิบสตางค์ ไม่ต้องมาก แค่มูลค่ารวมกันคนละ 2 บาทก็พอ นั่นหมายถึงจะมีปริมาณเงินในระบบมากกว่า 100 ล้านบาท ที่ถูกตัดออกไปจากวงจรเศรษฐกิจ เหมือนเอาเงินใส่ตุ่มแล้วเอาไปฝังดินรวมกัน 100 ล้านยังไงยังงั้น

นอกจากนี้คนไทยนิยมบริโภคผ่านบัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือบัตรแทนเงินสดกันมากขึ้น โอกาสที่จะได้ใช้เหรียญพวกนี้ยิ่งน้อยลงไปอีก ผมอยากจะถามท่าน Economist ว่าเราจะส่งเหรียญพวกนี้กลับเข้าสู่ระบบเหมือนเดิมได้อย่างไรครับ

ถ้าผมเอาไปฝากธนาคาร เขาจะมองหน้าด่าบรรพบุรุษผมในใจหรือเปล่าครับ
หรือเวลาผมขึ้นรถเมล์ ผมจ่ายเหรียญห้าสิบสตางค์ไปทั้งหมด เขาจะฟาดผมด้วยกระบอกแท่งยาวๆหรือเปล่า
หรือถ้าผมจะเอาไปซื้อของที่ร้านขายของชำ ร้านสะดวกซื้อ หรือซุปเปอร์มารเก็ต เขาจะขายให้ผมหรือเปล่าครับ

ขอบคุณครับ

Dear Economist

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ย. 17, 2006 4:47 pm
โดย jam
HVI เขียน:ว่าด้วยเหรียญสลึงและห้าสิบสตางค์

Dear Economist

หลังจากที่เหลือบไปเห็นเหรียญสลึงและห้าสิบสตางค์เกือบเต็มขวดกาแฟแล้ว เนื่องจากได้มาก็เก็บอย่างเดียว ไม่เคยพกติดตัวไว้ใช้ ผมลองมาคิดเล่นๆ สมมติว่าคนไทยมีพฤติกรรมการเก็บเหรียญสลึง ห้าสิบสตางค์ ไม่ต้องมาก แค่มูลค่ารวมกันคนละ 2 บาทก็พอ นั่นหมายถึงจะมีปริมาณเงินในระบบมากกว่า 100 ล้านบาท ที่ถูกตัดออกไปจากวงจรเศรษฐกิจ เหมือนเอาเงินใส่ตุ่มแล้วเอาไปฝังดินรวมกัน 100 ล้านยังไงยังงั้น

นอกจากนี้คนไทยนิยมบริโภคผ่านบัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือบัตรแทนเงินสดกันมากขึ้น โอกาสที่จะได้ใช้เหรียญพวกนี้ยิ่งน้อยลงไปอีก ผมอยากจะถามท่าน Economist ว่าเราจะส่งเหรียญพวกนี้กลับเข้าสู่ระบบเหมือนเดิมได้อย่างไรครับ

ถ้าผมเอาไปฝากธนาคาร เขาจะมองหน้าด่าบรรพบุรุษผมในใจหรือเปล่าครับ
หรือเวลาผมขึ้นรถเมล์ ผมจ่ายเหรียญห้าสิบสตางค์ไปทั้งหมด เขาจะฟาดผมด้วยกระบอกแท่งยาวๆหรือเปล่า
หรือถ้าผมจะเอาไปซื้อของที่ร้านขายของชำ ร้านสะดวกซื้อ หรือซุปเปอร์มารเก็ต เขาจะขายให้ผมหรือเปล่าครับ

ขอบคุณครับ

อยากจะแนะนำอีกวิธี เห็นสถานีวิทยุ สวพ.91ของคุณไจตนย์ เค้ามีมูลนิธิเหรียญสลึง รับบริจาคเหรียญสลึงที่คนเก็บสะสมเพราะไม่ได้ใช้แบบคุณ hvi นำไปช่วยเหลือทางด้านการศึกษาเด็กด้อยโอกาส ก็น่าสนใจนะค่ะ