พาณิชย์จับค้าปลีกลงนาม"เอ็มโอยู" เบรกขยายสาขา
Source - เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ (Th)
Friday, September 08, 2006 10:16
34328 XTHAI XFRONT XECON FRNT/P V%NETNEWS P%WKT
พาณิชย์คุมกำเนิดค้าปลีก ดึงห้างยักษ์ลงนามเอ็มโอยูสัปดาห์หน้า ชะลอขยายสาขาจนกว่ามีกฎหมายชัดเจน ขู่ใช้พ.ร.บ.ควบคุมโภคภัณฑ์ลงโทษหากไม่ร่วมมือ ด้านเอกชนค้าปลีกชี้รัฐต้องมีกฎหมายเฉพาะมาดูแลหวังปิดช่องโหว่ และแก้ปัญหาระยะยาว
หัวรับ : โชห่วยทั่วประเทศนัดรวมพล 20 ก.ย.
นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังประชุมปัญหาค้าปลีก โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ร่วมประชุม ซึ่งประเด็นการประชุมหลักคือ การแก้ปัญหากรณีที่สมาคมต่อต้านการค้าปลีกข้ามชาติร้องเรียนว่า ได้รับผลกระทบจากการขยายสาขาของห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ข้ามชาติ
สำหรับผลการประชุมได้กำหนดแนวทางแก้ไขในระยะสั้น จะขอความร่วมมือให้ห้างต่างๆ ที่มีแผนขยายสาขาในแหล่งชุมชนระงับโครงการไว้ก่อนทุกกรณีรวมถึงห้างที่กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างก็จะขอความร่วมมือให้ชะลอออกไปด้วยเช่นกัน โดยให้กระทรวงมหาดไทยไปดำเนินการชะลอแผนการขยายสาขาแต่ละห้างได้ เพราะในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ไม่มีกฎหมายบังคับใช้
สัปดาห์หน้าเรียกค้าปลีกเซ็นเอ็มโอยู
นายปรีชา กล่าวอีกว่า ในสัปดาห์หน้าจะเชิญผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ทั้งหมดมาลงนามข้อตกลงร่วมกัน (เอ็มโอยู) ว่า ในการก่อสร้างห้างต่างๆ จะต้องได้รับการเห็นชอบผ่านการทำประชาพิจารณ์จากคนในพื้นที่ เช่น องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) องค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) หรือเทศบาล รวมถึงผู้เกี่ยวข้อง เช่น เจ้าของพื้นที่หรือร้านค้าที่ได้รับผลกระทบว่าจะสามารถก่อสร้างได้หรือไม่
นอกจากนี้ จะประสานกระทรวงมหาดไทย ให้เข้มงวดในการยื่นขอใบอนุญาตก่อสร้างในพื้นที่ชุมชน โดยนำกฎหมายผังเมืองมาใช้ ขณะเดียวกัน ให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าและสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ลงพื้นที่อบรมผู้ประกอบการรายย่อยปรับปรุงการทำธุรกิจให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
รอรัฐบาลใหม่คลอดกฎหมาย
ส่วนแนวทางแก้ปัญหาระยะยาวกรมการค้าภายในจะไปปรับปรุงพระราชบัญญัติการค้าปลีกที่เคยร่างไว้เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา โดยให้ร่างหลักเกณฑ์กฎหมายใหม่ให้มีความทันสมัยกับระบบการค้าในปัจจุบันก่อนเสนอให้ครม.ใหม่พิจารณาต่อไป
"ขณะนี้ คงต้องใช้อำนาจบริหารในการควบคุมการขยายสาขาของห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ก่อน ทั้งการขอความร่วมมือและการทำประชาพิจารณ์ แต่หากมีห้างขนาดใหญ่รายใดฝ่าฝืนและเปิดสาขาใหม่จะใช้อำนาจกฎหมายควบคุมโภคภัณฑ์บังคับใช้ลงโทษไปก่อน" นายปรีชากล่าว
สำหรับการขยายสาขาของแต่ละห้าง โดยตัวเลขในปี 2548 มีห้างค้าปลีกและมินิมาร์ททั่วประเทศจำนวน 3,709 แห่ง และคาดว่าในปี 2551 จะเพิ่มขึ้นเป็น 4,629 แห่งด้วยกันสำหรับหน่วยงานที่เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ อาทิเช่น กรมโยธาธิการและผังเมืองกรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมการปกครอง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
ขู่ใช้ก.ม.โภคภัณฑ์ลงโทษหากไม่ร่วมมือ
รายงานข่าวแจ้งว่าหากค้าปลีกใดเพิกเฉยและไม่ให้ความร่วมมือต่อความร่วมมือชะลอแผนขยายสาขาก็จะใช้พ.ร.บ.ควบคุมโภคภัณฑ์ พ.ศ. 2495 มากำกับดูแลและควบคุมการขยายสาขาของค้าปลีกขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นกฎหมายควบคุมการวางระเบียบการค้าวางระเบียบการจำหน่าย และคุมควบสถานที่จำหน่ายกำหนดเวลาจำหน่ายและกำหนดกิจกรรม ซึ่งผู้ฝ่าฝืนจะมีความผิดจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับและในกรณีที่กระทำความผิดซ้ำจะมีโทษทวีคูณ
สำหรับความคืบหน้าการจัดทำกฎหมายค้าปลีกนี้ ในส่วนของกรมการค้าภายในจะดำเนินการ 2 ส่วนคือ 1.แนวทางปฏิบัติสำหรับร้านค้าปลีก (ไกด์ไลน์) ที่อยู่ระหว่างการปรับปรุง ซึ่งคาดว่าจะเสนอคณะกรรมการแข่งขันทางการค้าภายใน 2 สัปดาห์นี้ เพื่อให้มีผลบังคับใช้และจะเร่งผลักดันดำเนินการกฎหมายค้าปลีก
หอการค้าจี้รัฐแก้กฎหมายมีผลโดยเร็ว
ด้านนายบุญชัย โชควัฒนา รองประธานและกรรมการฝ่ายค้าปลีกสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ได้ขอให้กระทรวงพาณิชย์เร่งดำเนินการแก้ไขและเร่งรัดกฎหมายที่มีอยู่เดิม หรือจัดทำให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว จะทำให้เกิดผลโดยตรงต่อการชะลอตัวและคุมกรอบของการขยายสาขาของค้าปลีกขนาดใหญ่ไม่ให้เข้าถึงชุมชมได้อย่างดี เพราะกฎหมายที่มีอยู่นั้นหลายประเด็นมีช่องโหว่และไม่ได้คุมกรอบการค้าปลีกต่างชาติจริง เช่น พ.ร.บ.ผังเมืองแม้จะมีการกำหนดข้อปฏิบัติห้ามขนาดหรือรัศมีการเปิดสาขาแต่ก็ยกเว้นได้ทั้งหมด ซึ่งหากอบต.หรืออบจ.ของจังหวัดนั้นๆ พิจารณาแล้วเห็นควรเปิดสาขาได้ หรือพ.ร.บ.การประกอบการของธุรกิจต่างด้าวเปิดช่องให้ก็สามารถลงทุนได้เลย
"ควรดูว่ากฎหมายที่มีอยู่ตรงใดซ่อนเร้นก็ให้เร่งแก้ไขและปิดช่องโหว่นั้นเพิ่มกติกาไกด์ไลน์คุมอีกส่วนหนึ่งก็สามารถระงับการเปิดสาขาถี่ของห้างยักษ์ใหญ่ได้มากแล้วค่อยมีการเร่งการออกกฎหมายค้าปลีกมาดูแลในระยะยาวอีกครั้ง ซึ่งไกด์ไลน์ก็ควรเร่งออกโดยเร็วและเชื่อว่าจะช่วยลดปัญหาแรงกดดันของห้างขนาดใหญ่ต่อร้านค้าและผู้ผลิตสินค้าได้อย่างมาก" นายบุญชัยกล่าว
รัฐในฐานะกรรมการต้องเป็นธรรม
นายธนภณ ตังคณานันท์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า รัฐในฐานะกรรมการต้องเป็นธรรมต่อคู่กรณีในปัญหาต่างๆ อย่างเช่น การขยายตัวของร้านขนาดเล็กของผู้ค้าปลีกรายใหญ่นั้นเป็นผลมาจากกฎหมายซึ่งระบุให้เปิดได้ ขณะที่มาตรา 10 (2) ที่เป็นปัญหาว่าเปิดช่องว่างให้รายใหญ่เข้าเปิดบริการในท้องถิ่นได้นั้น ขึ้นอยู่กับรัฐท้องถิ่นเช่นกัน
"ในกรณีที่มีข้อขัดแย้ง 2 ฝ่าย ก็ต้องให้ทั้ง 2 ฝ่ายมีส่วนชี้แจง เพื่อให้แฟร์ แต่นี่กลายเป็นฟังความข้างเดียวโดยไม่มีโอกาสชี้แจงแต่อย่างใด เหมือนคนก็มี 2 ด้าน ทั้งดีและเสียต่างกันแต่จะบาลานซ์ให้เกิดประโยชน์อย่างไร" นายธนภณกล่าว
เซเว่นอีเลฟเว่น-เอ็กซ์เพรส ตัวการบุกชุมชน
แหล่งข่าวจากผู้บริหารระดับสูงในธุรกิจค้าปลีก กล่าวกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า หากพิจารณาในข้อเท็จจริงของธุรกิจค้าปลีกที่ส่งผลกระทบต่อร้านขนาดย่อยในระดับรากหญ้ามากที่สุดน่าจะเป็นรูปแบบร้านสะดวกซื้อ "เซเว่นอีเลฟเว่น" และ "เทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส" มากกว่าร้านขนาดใหญ่ จากนี้ไปโชห่วยหรือผู้ค้ารายย่อยสามารถใช้ประโยชน์จากการเข้ามาของร้านโมเดิร์นเทรดขนาดใหญ่สร้างประสิทธิภาพให้กับกิจการได้
ทั้งการเลือกซื้อสินค้าที่หลากหลายนำมาขายต่อในส่วนต่างจากราคาที่บางรายการต่ำกว่าซื้อจากยี่ปั๊ว-ซาปั๊ว ทั้งนี้ รูปแบบร้านเซเว่นอีเลฟเว่น หรือเอ็กซ์เพรส ก็คือโชห่วยติดแอร์ที่เป็นคู่แข่งทางตรงในการช่วงชิงลูกค้าในชุมชนบริเวณนั้น ที่มีโชห่วยเปิดบริการอยู่ เพราะเน้นจำหน่ายสินค้าประเภทเดียวกัน
โชห่วยทั่วประเทศนัดรวมพล 20 ก.ย.
นายสุรพงษ์ วิริยานนท์ แกนนำต่อต้านค้าปลีกข้ามชาติที่เกาะสมุย กล่าวว่า วันที่ 20 กันยายนนี้ จะมีการนัดแกนนำทั้งหมดหารือการเคลื่อนไหวต่อต้านค้าปลีกข้ามชาติ โดยเป้าหมายที่จะนัดรวมตัวกับผู้ประกอบการค้าปลีกท้องถิ่นทั่วประเทศ ที่หน้ากระทรวงพาณิชย์ โดยสาเหตุที่ต้องไปรวมตัวกัน เนื่องจากที่ผ่านมา การเคลื่อนไหวในพื้นที่ไม่ได้รับความสนใจจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ด้านนายจุมพล ไลยโฆษิต ประธานหอการค้าจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า การที่เทสโก้ โลตัส จะเปิดเพิ่มอีก 2 สาขา จากที่มีอยู่แล้ว 1 สาขาบนเกาะสมุยนั้นถือว่าไม่เหมาะสม เพราะจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจค้าปลีกท้องถิ่น และขณะนี้ หอการค้าได้ประสานให้ทางแกนนำและตัวแทนชาวบ้าน ทำหนังสือแจ้งไปยังหอการค้าจังหวัด เพื่อนำเสนอต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้หาทางช่วยเหลืออีกทางหนึ่ง
ขอนแก่นยื่นค้านเทศบาลเมืองพล
นางสาวอรุณวรรณ ธีรอำพล แกนนำชมรมผู้ประกอบการค้า อ.พล จ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า ชมรมได้ยื่นหนังสือไปยังเทศบาล เพื่อขอให้เปิดประชุมสมัยวิสามัญ พิจารณาปรับลดขนาดการก่อสร้างอาคารจำหน่ายสินค้าและพื้นที่ขายของเทสโก้ โลตัส ที่จะสร้างใน อ.พล ลดลงจากเดิม 1,000 ตารางเมตร เหลือ 500 ตารางเมตร เพราะเชื่อว่าเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะชะลอการเปิดกิจการของเทสโก้ โลตัส
นอกจากนี้ ตัวแทนชมรมได้หารือกับนายนิรุตธ์ วัชรพิชาติ ตัวแทนสมาพันธ์ต้านค้าปลีกข้ามชาติ เพื่อกำหนดแนวทางการจัดกิจกรรม กระตุ้นให้ผู้บริโภคหันมาซื้อสินค้าจากท้องถิ่น รวมทั้งประสานงานกัน เพื่อที่จะนำผู้ประกอบการในอ.พล ไปรวมตัวกันที่กระทรวงพาณิชย์ในวันที่ 20 กันยายนนี้ด้วย
ดิสเคาท์สโตร์จ่อเปิดที่ลพบุรีเพิ่มอีก 3 จุด
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดลพบุรี ว่า ขณะนี้ มีข่าวว่าค้าปลีกข้ามชาติเตรียมที่จะเปิดสาขาที่จังหวัดลพบุรี อีก 3 จุด โดยเทสโก้ โลตัส ได้ติดต่อของเช่าอาคารห้างสรรพสินค้าลพบุรีอินน์ พลาซ่า ของนายยงยุทธ์ กิจวัฒนานุสนธ์ เจ้าของโรงแรมลพบุรีอินน์ สัญญาเช่ารวม 30 ปี นอกจากนี้ คาร์ฟูร์ก็ได้ติดต่อขอเช่าที่ดินบริเวณเขต ต.ท่าศาลา จากนายจาตุรงค์ เจริญทรัพย์ ประชาสัมพันธ์สภาอุตสาหกรรมจังหวัดลพบุรี ขณะเดียวกัน ก็มีข่าวกระจายออกมาว่า แม็คโครก็กำลังจะเปิดสาขาในเขต อ.เมือง--จบ--
ที่มา:
http://www.bangkokbiznews.com