หน้า 1 จากทั้งหมด 1

ค่าเงินบาทและยอดส่งออก

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 24, 2006 8:58 pm
โดย chatchai
ช่วงก่อนหน้านี้  ตอนค่าเงินบาทเริ่มกลับมาแข็งค่าขึ้น

ผู้ส่งออกต่างออกมาพูดว่า  เงินบาทแข็งค่าเกินไป  ส่งออกไม่ได้

แต่ทำไมตัวเลขยอดส่งออกเดือนล่าสุด  ถึงได้มากสุดเป็นประวัติการณ์ละครับ

แล้วทำไมผู้ส่งออกถึงบอกว่าส่งออกไม่ได้ละครับ

จริงๆแล้ว  ผู้ส่งออกคงอยากจะพูดว่า  ค่าเงินบาทแข็งค่า  ทำให้พวกตนกำไรลดลงมากกว่า  

คงกลัวเขินอายมั๊ง  เลยอ้างผลประโยชน์ของประเทศมากกว่าของตัวเอง

ค่าเงินบาทและยอดส่งออก

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 24, 2006 9:15 pm
โดย keng56
ดีที่ธปท.ไม่บ้าจี้ตาม..ไม่งั้นหมดตัวอีกรอบแน่ 8)

Re: ค่าเงินบาทและยอดส่งออก

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 24, 2006 11:17 pm
โดย Rocker
[quote="chatchai"]ช่วงก่อนหน้านี้

ค่าเงินบาทและยอดส่งออก

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 24, 2006 11:24 pm
โดย CK
มองโลกในแง่ร้ายกันจังครับ

ค่าเงินบาทและยอดส่งออก

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 25, 2006 12:06 am
โดย pawiga
ผม เห็นด้วยน่ะ
แต่ ในปลีกย่อย พวก บริษัท เล็กๆ ที่ แข่งขัน ด้านราคาเป็นหลัก พวกนี้ อาจได้รับผลกระทบ มั้ง

ค่าเงินบาทและยอดส่งออก

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 25, 2006 11:24 am
โดย สามัญชน
เห็นด้วยกับท่านฉัตรชัยครับ  เงินแข็งเงินอ่อนมีผลดีผลเสียทั้งสองด้าน ดังนั้นในบางเวลาจึงขึ้นอยู่กับด้านไหนมีมากกว่ากัน  ถ้ามองสุดโต่งก็จะเถียงกันไม่มีวันจบ  จะต้องหาว่าจุดพอดีอยู่ตรงไหน

จุดที่พอดีคงจะทำให้พออยู่ได้ทั้งสองฝ่ายและน่าจะเกิดประโยชน์สูงสุด

แต่ในความเห็นผมนั้น  อยากจะให้ค่าเงินแข็งกว่าจุดพอดีนิดๆ นิดหน่อยนะครับ ไม่มาก(เพราะสงสารผู้ส่งออกในปัจจุบันเหมือนกัน)  ซึ่งจะทำให้กลไกการปรับตัวมุ่งไปสู่เป้าหมายที่ดีกว่า เช่นส่งเสริมให้มีธุรกิจที่แข็งแกร่ง ชนะได้แม้ไม่แข่งราคา  หรือพัฒนาเพื่อให้แข่งด้านคุณภาพมากขึ้น  หรืออื่นๆอีกมากมายอย่างที่คิดไม่ถึงเลยทีเดียว

ถ้าค่าเงินอ่อนกว่าจุดพอดีนิดๆ  ธุรกิจก็จะเดินไปในทางแข่งขันด้านราคา  กลุ่มที่แข่งราคาจะได้รางวัลและจะเติบโต  สุดท้ายประเทศเราอาจจะมีแต่ธุรกิจที่แข่งราคา ซึ่งไม่ดีในระยะยาว

ค่าเงินบาทและยอดส่งออก

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 25, 2006 11:36 am
โดย jody4003
[quote="สามัญชน"]เห็นด้วยกับท่านฉัตรชัยครับ

ค่าเงินบาทและยอดส่งออก

โพสต์แล้ว: เสาร์ ส.ค. 26, 2006 8:45 am
โดย nowkung
ค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นมีผลมากกับกำไรของหุ้นส่งออกจริงๆครับ ยกตัวอย่าง
pranda
gfm
tuf
และอื่นๆ

ค่าเงินบาทและยอดส่งออก

โพสต์แล้ว: เสาร์ ส.ค. 26, 2006 12:56 pm
โดย pawiga
เงินยูโร ก็แข็งค่า มา ตลอดหลายปี
แต่ เค้า ไม่กระทบ เลย เพราะสินค้า เค้า มี โนฮาว

ค่าเงินบาทและยอดส่งออก

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ส.ค. 27, 2006 1:10 pm
โดย ด๊กดิงด่าง
เคยฟังอาจารย์เศรษฐศาสตร์ท่านหนึ่งบอกว่า ถ้าเรายังคงนโยบายค่าเงินอ่อนเพื่อหวังผลการแข่งขันก็เท่ากับว่าเราเอาแรงงานและทรัพยากร(วัตถุดิบ)ในชาติไปปรนเปรอคนชาติอื่นเพราะเขาซื้อของเราได้ถูกๆกินทิ้งกินขว้างได้ แต่คนไทยเองกลับยากจนไม่สามารถซื้อหาของดีจากต่างชาติหรือแม้กระทั่งของเกรดพรีเมี่ยมที่ผลิตเองในประเทศได้ เข้าทำนองของดีส่งออกของกระจอกของเน่าเรากินเองใช้เอง แล้วเราจะแข่งขันไปทำใมเพื่อให้คนไทยลำบากเป็นเบี้ยล่างไปตลอดหรือ การปล่อยให้ค่าเงินแข็งไปตามความเป็นจริงพร้อมๆกับพัฒนาศักยภาพการแข่งขันไปด้วยน่าจะดีกว่า

(ความเห็นของผม)นโยบายครัวไทยสู่ครัวโลกถ้าสำเร็จ ทำให้อาหารไทยเป็นสินค้าชั้นสูงและมีความภักดีของผู้บริโภคในต่างประเทศได้  น่าจะยกระดับของประเทศไทยได้อย่างมาก เพราะวัตถุดิบและพ่อครัวมีที่เดียวในโลก และจากจุดเด่นที่อาหารไทยเป็นทั้งยาและอาหารในขณะที่คนมีฐานะดีบางส่วนกำลังมีปัญหาสุขภาพจากการกินดีอยู่ดี

ค่าเงินบาทและยอดส่งออก

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ส.ค. 27, 2006 7:38 pm
โดย สามัญชน
เห็นด้วยกับท่าน 3 ด. ครับ

ทุเรียนที่คนไทยกินอยู่ทุกวันนี้เป็นทุเรียนเกรดต่ำ เกรดดีๆส่งออกหมด  ผมเคยถามคนขายทุเรียน(ที่จริงควรจะถามเจ้าของสวน) ว่าทำไมให้คนไทยด้วยกันกินแต่ของเกรดรอง  ต่างชาติเป็นบรรพบุรุษเราหรืออย่างไรถึงต้องส่งของดีๆไปเป็นบรรณาการ  เขาบอกว่าของเกรดเอต้องส่งนอกเพราะขายราคาสูง  ผมบอกว่าขายแพงผมก็ซื้อ เขาบอกว่าไม่มีแล้ว  ส่งออกหมดแล้ว  คนไทยจนไม่ค่อยมีตังค์ซื้อของดีหรอก

ผมฟังแล้วหดหู่  และเรื่องนี้ก็คงจะเป็นเรื่องทำนองเดียวกันกับพวกข้าว ปลา กุ้ง ไก่ หรือทุกอย่าง

ผมก็นึกว่าเมืองนอกก็คงเป็นเหมือนเรามั้งเพราะเป็นระบบทุนนิยมเหมือนกันนี่นา ต้องเอาใจผู้บริโภคไว้ก่อน และก็เดาว่าเมืองนอกส่งของดีๆมาขายให้เราและเก็บของแย่ๆไว้บริโภคเอง ซึ่งก็โอเค  เจ๊ากันไป

แต่พอเช็คดูกลับไม่ใช่อย่างที่คิด  กลายเป็นว่าสินค้ากลุ่มยุโรปอเมริกา  ส่งแต่ของแย่ๆมาขายให้เรา ส่วนของดีเขาไว้ใช้กันเอง  ผมก็งง  เอ๊ะ.....ทำไมเป็นอย่างนั้นหละ  คำตอบง่ายๆ  ก็ประเทศเรายากจนอ่ะ  ส่งของดีมาก็ขายไม่ออก  ส่งแย่ๆราคาถูกๆถึงจะขายได้  ยิ่งพวกเราเคารพยกย่องฝรั่งอย่างนี้  แค่เห็นว่าเป็นของนอกก็ปลื้มจะแย่อยู่แล้ว  เรื่องคุณภาพวัดไม่ค่อยถูกเท่าไหร่หรอก  อุปทานมันบทบังความจริงหมด

กลับมาเรื่องค่าเงิน  ยี่สิบปีก่อน 20บาท/ดอล  ต่อมาเศรษฐกิจแย่ กลายเป็น 25บาท/ดอล ต่อมาวิกฤติเศรษฐกิจ 37-45บาท/ดอล

อนาคตถ้าเรายังอยู่ในกรอบความคิดเดิม  60บาท/ดอลก็ไม่ใช่เรื่องยาก  หรืออีกสามสิบปี  อาจจะเป็น 100บาท/ดอล  ถึงตอนนั้นปัญหาที่เรากลัวในวันนี้จะรุนแรงขึ้นอีกเยอะมาก  ประวัติศาสตร์ขะซ้ำรอยรอบแล้วรอบเล่าโดยไม่เคยเรียนรู้

เวลามีวิกฤติเรานึกถึงแต่เรื่องลดค่าเงิน  ซึ่งดูๆแล้วไม่ส่งผลดีในระยะยาวเพราะเป็นลักษณะเดียวกันกับธุรกิจที่แข่งขันด้านราคา  เวลาเล่นหุ้นเรามองหาหุ้นที่แข่งคุณภาพ  แต่ชีวิตจริงพอจะเอาจริงจะแข่งคุณภาพให้สำเร็จจริงๆก็กลัวเจ็บตัว  ทำไมไม่ยอมผ่าฝีเจ็บนิดหน่อยเพื่อหายขาดในระยะยาว  แต่เลือกที่จะหนีความเจ็บแต่แล้วก็ต้องโดนตัดขาทีหลังตอนหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว

มาคิดดูอีกทีอาจจะเป็นเพราะแบงค์ชาติมีเงินน้อยมั้งครับ  หน้าตักน้อยก็เลยต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด  ถ้าไปฝืนตลาดอาจจะเจ็บตัว

แต่ช่วงนี้ก็เห็นแบงค์ชาติจะเข้าแทรกแซงไม่ให้แข็งเกินไป  อาจจะกลัวความผันผวนที่รุนแรงตามมามั้งครับ  แบบว่าถ้าแข็งไปถึง 30 หรือ 35 แล้วเวลาอ่อนก็อ่อนมาที่42-45บาท จะทำให้เงินบาทไม่มีเสถียรภาพ ทำธุรกิจยาก

หรือจะเพราะห่วงผู้ส่งออกจริงๆ  อืม......

ค่าเงินบาทและยอดส่งออก

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ส.ค. 27, 2006 8:34 pm
โดย chatchai
ถ้าต่างประเทศจะส่งสินค้าห่วยๆมาขายให้เรา  ในราคาถูกๆ  ก็คงไม่เป็นไร

แต่ที่ร้ายกว่าก็คือ  ต่างประเทศส่งสินค้าคุณภาพธรรมดา  เพียงแต่มีภาพลักษณ์ว่าหรูหรา  ขายให้เราในราคาแพงสุดลิ่ว  คนไทยหลายคนก็ยังคงซื้อ

ค่าเงินบาทและยอดส่งออก

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 28, 2006 2:15 pm
โดย ด๊กดิงด่าง
ที่จริงนักธุรกิจที่อยู่มานานมีหน้าตักมากหน่อยหรือทำหลายอย่างกระจายความเสี่ยงไว้แล้วคงเข้าใจเรื่องนี้ดีและคงพอจะรับมือได้ และเขาก็ไม่ห่วงนะว่าถ้าค่าเงินจะค่อยๆเปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆ แต่เวลาสื่อเผยแพร่ออกมามักจะเวอร์เสมอๆ แต่ถ้าผันผวนในระยะสั้นขนาดที่ท่านสามัญชนยกตัวอย่างคงเละแน่ โดยเฉพาะระดับเอสเอ็มอีที่เป็นความหวังใหม่ของชาติรัฐบาลหรือแบ๊งค์ชาติคงต้องเป็นห่วงมากหน่อย ไม่รู้ว่าระดับความผันผวนที่นักธุรกิจวางใจควรจะเป็นเท่าไร ผมว่าแบงค์ชาติคงจะมีตัวเลขเป้าหมายอยู่แล้วในใจแต่อาจไม่เปิดเผย ถ้าสูงสุดแกว่งตัวไม่เกิน3-5%ในหนึ่งปีจะดีมั๊ย อยากฟังจากผู้รู้ครับ

ค่าเงินบาทแข็งขึ้นบางทีผมว่าก็ทำให้ศักยภาพในการแข่งขันเราดีขึ้นนะอย่างน้อยก็สามารถจัดหาสินค้าทุนเกรดดีที่เรายังไม่มีเช่นเครื่องจักรและวัตถุดิบราคาแพงและประสิทธิภาพสูงเข้ามาเสริมได้ง่ายขึ้น บางทีคิดเลยไปว่าที่อุตสาหกรรมสิ่งทอรายใหญ่ที่ล้มไปจนกลายเป็นพวกตะวันตกดินนี่มาจากเรื่องค่าเงินเราอ่อนเกินไปด้วยหรือเปล่า

เรื่องของนอกนี่ผมเคยเจอกับตัวเองตลกหรือเศร้าก็ไม่รู้ เมื่อเกือบยี่สิบปีที่แล้วน้องข้างบ้านฝากซื้อนาฬิกาสวิสจากลูเซิร์นมาอยู่เมืองไทยไม่ถึงปีเจ๊ง หน้าเหี่ยวเลยผม อีกสองสามปีต่อมาญาติซื้อมาฝากผมยี่ห้อดังระดับโลกซะด้วย ราคาหลายหมื่นบาท สองปีกว่าเจ๊งสนิท สงสัยไม่ถูกกับอากาศเมืองไทย ที่เศร้ากว่านั้นฝรั่งสวิสที่เป็นซัพพลายเออร์ของผมฟังผมเล่าแล้วมันส่ายหัว มันบอกเป็นไปไม่ได้ ผมเลยเลิกใส่นาฬิกาไปเลย