คำเฉลย "ทำไมคนเราถึงชอบเก็งกำไรกันนัก?"
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 14, 2003 10:39 pm
คุณเป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ชอบดูหุ้น Most Active, Top Gain, Top Lose หรือไม่?
นักลงทุนส่วนใหญ่มักจะตอบว่า "ใช่" ซึ่งนั่นแหละเป็นที่มาของการเก็งกำไร
นักลงทุนส่วนใหญ่มักจะถามว่า "เกิดอะไรขึ้นกับหุ้น...?" "ทำไมหุ้น...ถึงขึ้น?" "ทำไมหุ้น...ถึงลง?" คำถามเหล่านี้แหละที่เป็นที่มาของการเก็งกำไร
นักวิเคราะห์หรือโบรกเกอร์จำเป็นต้องหาคำตอบมาให้แก่นักลงทุน ทั้งๆ ที่หุ้นในตลาดประเทศเกิดใหม่ซึ่งถือว่ายังมีขนาดเล็กและมีนักลงทุนจำนวนไม่มากเมื่อเทียบกับฐานเงินออมหรือประชากรนั้น มีหุ้นจำนวนมากที่ราคาขึ้นลงโดยไม่จำเป็นต้องมีปัจจัยรองรับ โดยเฉพาะหุ้นที่มีสภาพคล่องไม่มากนัก หรือมีสภาพคล่องมากระดับหนึ่งแต่เผอิญมี "ผู้ดูแลตัวใหญ่" พอที่จะดูแลราคาหุ้นนั้นได้
บางครั้งนักวิเคราะห์หรือโบรกเกอร์ก็รู้ทั้งรู้ว่า สิ่งที่อธิบายไปนั้นเป็นการทำย้อนกลับจาก "คำตอบไปหาโจทย์" หรือ "จากผลย้อนมาหาเหตุ" ซึ่งจะอธิบายยังไงก็ได้ เช่น หาปัจจัยบวกมาสนับสนุนหุ้นที่ราคาขึ้นไปแล้ว หรือหาปัจจัยลบมาสนับสนุนหุ้นที่ราคาลดลงมาแล้ว แต่นักลงทุนส่วนมากก็ยินดีที่จะรับฟังและเชื่อเหตุผลเหล่านั้นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ตนเองให้กล้าที่จะเข้าไปซื้อหรือขายหุ้นดังกล่าว (โดยเฉพาะกรณีการซื้อหุ้นเก็งกำไร)
ที่เลวร้ายยิ่งไปกว่านั้น คือ การปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับราคาเป้าหมาย ทำให้นักลงทุนประเภท "หน่วยกล้าตาย" ทั้งหลาย พร้อมที่จะกระโจนเข้าสู่สมรภูมิทันทีที่ราคาในกระดานขณะนั้นยังต่ำว่าราคาเป้าหมายที่ถูก "ใครบางคน" สร้างขึ้นมา ทั้งๆ ที่บางครั้งยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า หุ้นที่ซื้อตามเป้าหมายนั้น เป็นหุ้นกิจการอะไร หรืออยู่ในหมวดอะไร (VI อาจบอกว่า ไม่น่าเชื่อ แต่ก็ต้องเชื่อ สามารถหาดูได้ตามห้องค้าทั่วไป)
ยิ่งถ้าเคยทำกำไรสำเร็จด้วยวิธีนี้ครั้งหนึ่งแล้ว ยิ่งยากที่จะเลิก มันคล้ายกับการพนัน ตอนแรกเล่นมักจะได้ พอเพิ่มเงินพนันขึ้นเรื่อยๆ มักจะเริ่มเสีย พอเสียมักจะทุ่มเข้าไปอีกเพื่อเอาคืน (คนเรามีนิสัยชอบเอาชนะ ไม่ชอบยอมแพ้) แต่ร้อยทั้งร้อยครับ "การพนันไม่เคยทำให้ใครรวย" ฉันใดก็ฉันนั้น "การเก็งกำไรก็เช่นกัน"
ลองตรวจสอบดูสิว่า ตัวคุณเองเป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ว่านี้รึเปล่า?
นักลงทุนส่วนใหญ่มักจะตอบว่า "ใช่" ซึ่งนั่นแหละเป็นที่มาของการเก็งกำไร
นักลงทุนส่วนใหญ่มักจะถามว่า "เกิดอะไรขึ้นกับหุ้น...?" "ทำไมหุ้น...ถึงขึ้น?" "ทำไมหุ้น...ถึงลง?" คำถามเหล่านี้แหละที่เป็นที่มาของการเก็งกำไร
นักวิเคราะห์หรือโบรกเกอร์จำเป็นต้องหาคำตอบมาให้แก่นักลงทุน ทั้งๆ ที่หุ้นในตลาดประเทศเกิดใหม่ซึ่งถือว่ายังมีขนาดเล็กและมีนักลงทุนจำนวนไม่มากเมื่อเทียบกับฐานเงินออมหรือประชากรนั้น มีหุ้นจำนวนมากที่ราคาขึ้นลงโดยไม่จำเป็นต้องมีปัจจัยรองรับ โดยเฉพาะหุ้นที่มีสภาพคล่องไม่มากนัก หรือมีสภาพคล่องมากระดับหนึ่งแต่เผอิญมี "ผู้ดูแลตัวใหญ่" พอที่จะดูแลราคาหุ้นนั้นได้
บางครั้งนักวิเคราะห์หรือโบรกเกอร์ก็รู้ทั้งรู้ว่า สิ่งที่อธิบายไปนั้นเป็นการทำย้อนกลับจาก "คำตอบไปหาโจทย์" หรือ "จากผลย้อนมาหาเหตุ" ซึ่งจะอธิบายยังไงก็ได้ เช่น หาปัจจัยบวกมาสนับสนุนหุ้นที่ราคาขึ้นไปแล้ว หรือหาปัจจัยลบมาสนับสนุนหุ้นที่ราคาลดลงมาแล้ว แต่นักลงทุนส่วนมากก็ยินดีที่จะรับฟังและเชื่อเหตุผลเหล่านั้นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ตนเองให้กล้าที่จะเข้าไปซื้อหรือขายหุ้นดังกล่าว (โดยเฉพาะกรณีการซื้อหุ้นเก็งกำไร)
ที่เลวร้ายยิ่งไปกว่านั้น คือ การปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับราคาเป้าหมาย ทำให้นักลงทุนประเภท "หน่วยกล้าตาย" ทั้งหลาย พร้อมที่จะกระโจนเข้าสู่สมรภูมิทันทีที่ราคาในกระดานขณะนั้นยังต่ำว่าราคาเป้าหมายที่ถูก "ใครบางคน" สร้างขึ้นมา ทั้งๆ ที่บางครั้งยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า หุ้นที่ซื้อตามเป้าหมายนั้น เป็นหุ้นกิจการอะไร หรืออยู่ในหมวดอะไร (VI อาจบอกว่า ไม่น่าเชื่อ แต่ก็ต้องเชื่อ สามารถหาดูได้ตามห้องค้าทั่วไป)
ยิ่งถ้าเคยทำกำไรสำเร็จด้วยวิธีนี้ครั้งหนึ่งแล้ว ยิ่งยากที่จะเลิก มันคล้ายกับการพนัน ตอนแรกเล่นมักจะได้ พอเพิ่มเงินพนันขึ้นเรื่อยๆ มักจะเริ่มเสีย พอเสียมักจะทุ่มเข้าไปอีกเพื่อเอาคืน (คนเรามีนิสัยชอบเอาชนะ ไม่ชอบยอมแพ้) แต่ร้อยทั้งร้อยครับ "การพนันไม่เคยทำให้ใครรวย" ฉันใดก็ฉันนั้น "การเก็งกำไรก็เช่นกัน"
ลองตรวจสอบดูสิว่า ตัวคุณเองเป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ว่านี้รึเปล่า?