หน้า 1 จากทั้งหมด 2

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 16, 2006 9:58 pm
โดย ForrestGump
เพื่อนๆชาว Thaivi ช่วยกันอ่านข่าวนี้หน่อยนะครับ

โค้ด: เลือกทั้งหมด

พาณิชย์เตรียมหาแนวทางสกัดการขยายสาขาค้าปลีกรายใหญ่ก่อนโชห่วยสูญพันธุ์ 
Source - IQ Biz 
Wednesday, 16 August 2006 18:53 
 
นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า เร็วๆ นี้จะหารือกับกรมการค้าภายในเพื่อหามาตรการควบคุมการขยายสาขาของธุรกิจค้าปลีกค้าส่งยักษ์ใหญ่ เพราะขณะนี้มีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด จนส่งผลให้ร้านค้าปลีกรายเล็กแบบดั้งเดิม (ร้านโชห่วย) ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจนถึงกับสูญพันธุ์ 
          ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์อาจจะกำหนดหลักเกณฑ์เฉพาะขึ้นมาดูแล เช่น การเพิ่มวงเงินลงทุนให้มากขึ้น รวมทั้งกำหนดให้การขยายสาขาไปต่างจังหวัดต้องตั้งบริษัทขึ้นมาดูแลสาขาแต่ละแห่ง เพื่อให้เสียภาษีโดยตรงให้กับท้องถิ่น นอกจากที่บริษัทแม่จะเสียภาษีในส่วนกลาง
          จากการที่กรมการค้าภายในได้ติดตามสถานการณ์ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกสมัยใหม่พบว่ามีอัตราการขยายตัวสูง โดยในปี 49 มีสาขาทั่วประเทศ 3,999 สาขา เพิ่มขึ้น 119.60% จากปี 44 ที่มีเพียง 1,821 สาขา และในปี 47 มีมูลค่าการขาย 335,398 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60.60% จากปี 44 ที่มีมูลค่า 208,844 ล้านบาท 
          ผู้ประกอบการค้าปลีกรายใหญ่บางรายปรับรูปแบบธุรกิจเปิดสาขาย่อยเป็นร้านค้าขนาดเล็กเพื่อเลี่ยงกฎหมายว่าด้วยผังเมือง โดยเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมงมีสินค้าหลากหลาย กระจายไปตามแหล่งชุมชนต่างๆ ทำให้ร้านโชห่วยได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง และยังใช้กลยุทธ์ตั้งราคาขายสินค้าต่ำกว่า  
          นายปรีชา กล่าวว่า กรมการค้าภายในจะผลักดันให้นำกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่งมาบังคับใช้ เพื่อกำกับดูแลธุรกิจค้าส่ง-ค้าปลีกได้ชัดเจน เนื่องจากจะมีการกำหนดให้ขออนุญาตตั้งหรือขยายสาขา กำหนดพื้นที่ ขนาด และจำนวนธุรกิจ รวมถึงระบุระยะห่างระหว่างร้านค้า และเงื่อนไขที่จำเป็น และยังจะเสนอให้คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าเห็นชอบแนวทางการปฏิบัติทางการค้าระหว่างผู้ประกอบธุรกิจค้าส่งค้าปลีกกับซัพพลายเออร์ ซึ่งขณะนี้ได้จัดทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว  
          แต่ในระหว่างที่รอกฎหมาย ก็จะขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบธุรกิจค้าส่งค้าปลีกสมัยใหม่ แจ้งนโยบายและแผนการขยายสาขาต่อกรมการค้าภายใน และขอให้ระงับ หรือชะลอการจัดตั้งสาขาในเขตชุมชนไว้ก่อน เพื่อประเมินสถานการณ์และผลกระทบตามข้อร้องเรียนของร้านโชห่วย รวมทั้งกำหนดมาตรการที่เหมาะสมต่อไป 
          ขณะเดียวกัน จะขอความร่วมมือหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องให้ยับยั้ง หรือชะลอการพิจารณาอนุญาตการจัดตั้ง หรือขยายสาขาของผู้ขออนุญาตก่อสร้างอาคาร ที่จะใช้ประกอบกิจการค้าปลีกสมัยใหม่ในเขตชุมชนไว้ก่อนด้วย

--อินโฟเควสท์ โดย พณฦ/ศศิธร/กษมาพร โทร.0-2253-5050 อีเมล์: [email protected] 

โค้ด: เลือกทั้งหมด

จากการที่กรมการค้าภายในได้ติดตามสถานการณ์ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกสมัยใหม่พบว่ามีอัตราการขยายตัวสูง โดยในปี 49 มีสาขาทั่วประเทศ 3,999 สาขา เพิ่มขึ้น 119.60% จากปี 44 ที่มีเพียง 1,821 สาขา และในปี 47 มีมูลค่าการขาย 335,398 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60.60% จากปี 44 ที่มีมูลค่า 208,844 ล้านบาท
ท่านผู้ทรงเกียรติ ท่าน...
1. สร้างภาพหาเสียง
2. ขู่ ค้าปลีกข้ามชาติ (เพื่ออะไรบางอย่าง)
3. เอาจริง .... เมื่อเกือบสาย (มาช้ายังดีกว่าไม่มา)

ถ้าเอาจริง กิจการในตลาดหุ้นตัวไหน กระทบสุดครับ

ปล. ดูตัวเลข กรอบข้างล่างแล้ว สยองจัง ขนกำไรกลับประเทศไปปีละเท่าไหร่เอ่ย

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 16, 2006 10:12 pm
โดย สุมาอี้
ข้อ 1 เป็นคำตอบสุดท้ายครับ

จากชาเขียวสู่น้ำตาลสู่เสื้อเหลืองและล่าสุดโมเดริน์เทรดครับ คนเดิมครับ

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 16, 2006 10:17 pm
โดย nanchan
ข่าวเดียวกับผมเลย

ตอบข้อ1 เหมือนกัน

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 16, 2006 10:35 pm
โดย เพื่อน
อยากให้เป็นข้อ3.ครับ(น่าจะคิดและทำมานานแล้วด้วย)

แต่คงเป็นได้แค่ข้อ1. เหมือนกันครับ

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 16, 2006 10:49 pm
โดย por_jai
8) นักการเมืองรุ่นที่ควรจะเป็นน้ำดี แต่ ดันเป็นน้ำเน่าไปซะได้
    ตอบแบบตามอ่านข่าวหมอนี่มานานแล้วนะ

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 16, 2006 10:55 pm
โดย Boring Stock Lover
วันนั้นดูไอทีวีรายการที่มีทนายสองคนที่ดังๆจัดรับร้องทุกข์ชาวบ้าน เรื่องนี้อำนาจที่มีส่วนในการอนุญาติหรือยับยั้ง อยู่ในมือของ อบต. ท้องถิ่นด้วย

เรื่องเศร้าก็คือ มีคนของอบต.ที่มาร้องทุกข์กับรายการ แต่ไม่รู้ว่าตัวเองมีอำนาจ

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 16, 2006 11:17 pm
โดย เพื่อน
อบต. มีอำนาจก็สนุกเลยสิครับ
แต่ละคนที่ผมเจอๆมา...โอ้โห อย่าให้พูดเลยครับ
คนดีๆก็คงมีเยอะ แต่ในที่สุดก็มักจะแพ้ทางกระแสน้ำพาไป
ที่ผมเห็น หลายๆคน ที่สมัครมาเป็นอบต.นี่ เค้าคอยมองหากระแสน้ำอยู่แล้วสิครับ

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 17, 2006 5:03 am
โดย hot
โชห่วยสูญพันธุ์
ผมว่าคงไม่  เพราะเห็นคนล้ม และลุกในธุระกิจนี้
ในหลายปี หลายรายมาก อาจเพราะเสน่ห์ก็ได้คับ
ที่ทำให้เป็นอย่างนี้  การมีคู่แข่งมีข้อดีเหมือนกัน
คือ  การพัฒนา  ถ้าวันนี้ไม่มี  โลตัส bigc makro
การพัฒนาคงไม่มี  เคยดูหนังญี่ปุ่นเรื่องโอชินไหมคับ
จะเข้าใจว่า  ทำไมจำเป็นต้องมี  แต่โลกความเป็นจริง
อาจโหดร้ายกว่า  เพราะ การล้มในธุรกิจนี้หมายถึง
การสูญเงินทุน จำนวนมาก ภาษี คงค้าง  และอื่นอืน
ที่ทำได้โชห่วยต้องมี่สมาคม  ที่ร่วมจัดซื้อ  ร่วมกันขาย
ร่วมกันบริการ  ติดต่อคู่ค้าขายส่ง  ใช้ความใกล้
ลูกค้าแบบcp7-11  เป็นตัวอย่าง

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 17, 2006 7:19 am
โดย Viewtiful Investor
ข้อ 1 sure :D ความแค้นยังไม่ได้ชำระ -_-'

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 18, 2006 9:21 am
โดย NDD
อย่างนี้ พวกเราคิดไง...แสดงว่า แต่เดิม ผู้ดูแลการเปิดสาขา การลงทุน ของค้าปลีกขนาดใหญ่ ไม่คิดมาก่อนเลยหรือ (หรือว่าคิด แต่รับ...มาเต็มๆ) จนถึงปัจจุบันมีคนมาต่อต้านแล้วค่อยคิดทำ

ในแง่ผู้ลงทุนคิดอย่างไร

....ถ้าคิดว่าค้าปลีกแบบนี้ เอาเปรียบ ไม่ควรสนับสนุน ซื้อหุ้นหรือเชียร์ให้ซื้อมันทำไม หรือจะเอากำไรอย่างเดียว

....ถ้าคิดว่าค้าปลีกแบบนี้ เอาเปรียบ ไม่ควรสนับสนุน ซื้อสินค้ามันทำไม หรือจะเอาของถูกอย่างเดียว

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 18, 2006 9:34 am
โดย สุมาอี้
ที่จริงแล้วโมเดิร์นเทรดเอากำไรน้อยกว่าร้านโชว์ห่วยเสียอีก โมเดิร์นเทรดมี profit margin แค่ 3-4% เท่านั้น แต่ทำไมเขาถึงว่าเอาเปรียบก็ไม่รู้ ที่จริงน่าจะกำจัดร้านโชว์ห่วยมากกว่าเพราะ profit margin สูงกว่านะ

โมเดิร์นเทรดคือนวัตกรรมด้านการกระจายสินค้าแบบใหม่ของทศวรรษที่ 90 ที่ช่วยให้ผู้บริโภคจ่ายเงินเพื่อเป็นdistribution cost ลดลงอย่างมาก

ระบบที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าอีกระบบอย่างมาก ย่อมทำให้อีกระบบถดถอยเป็นธรรมดา เพราะสู้ไม่ได้

ถ้าเราต้องการปกป้องร้านโชว์ห่วย ด้วยการหยุดยั้งนวัตกรรมนี้ ประเทศของเราจะเจริญได้อย่างไร

ถ้ากลัวบรรณารักษ์ตกงาน เราควรจะ ban การใช้อินเตอร์เนตด้วย ท่านเห็นว่าอย่างไรล่ะ

ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้แหละ หลักวิวัฒนการของดาร์วิน ถ้าคุณสู้ไม่ได้ คุณก็ควรหาอาชีพอื่นที่คุณสู้ได้ทำ รัฐบาลควรส่งเสริมให้เขาไปทำอาชีพอื่นมากกว่าทีจะอุ้มเขาไว้ ช่วยหาช่องทางให้ ช่วย reskill ให้ จะดีกว่า

ผมพูดแนวทุนนิยมไปหน่อย ใครที่ชอบแนวเสรีนิยมคงว่าผมใจดำ

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 18, 2006 9:41 am
โดย por_jai
8) หวานเป็นลม ขมเป็นเบียร์เอ๊ย ยาครับ

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 18, 2006 10:07 am
โดย NDD
ประเด็นอยู่ที่ ทุนนิยมควร เป็นการแข่งขันกันอย่างเป็นธรรม
ที่ว่าไม่เป็นธรรมคือ...

เงินเยอะกว่า อัดเข้ามา ต่อรอง supplierได้ราคาต่ำกว่า กดราคาขายได้มากกว่า

เงินเยอะกว่า ต่อรอง ระบบจัดส่ง ได้ราคาถูกกว่า ทำให้กดราคาขายได้ต่ำกว่า

ยังไงปรับตัวโชว์ห่วยก็ สู้ไม่ได้ เพราะ เป็นการแข่งขันแบบไม่เป็นธรรม

ธุรกิจ หลายๆประเภท ยังมี กม. เพื่อป้องกันการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมแบบนี้(ไม่งั้นประเทศเราคงไม่เหลืออะไรเป็นของชาติเรา เหล็ก ปูน น้ำมัน ฯลฯ สื่อสาร เสรีเมื่อไร เสร็จ อำนาจเงินต่างชาติหมด) ประเด็นอยู่ที่ การปกป้องในธุรกิจ ค้าปลีกช้ามาก

ผมสนับสนุน เสรีนิยม ที่เป็นธรรม

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 18, 2006 10:15 am
โดย สุมาอี้
ถ้าสิ่งที่โชว์ห่วยเสียเปรียบคือเรื่องเงินทุนจริง แล้วจะช่วยโชว์ห่วยเรื่องเงินทุนอย่างไร ให้กู้เยอะๆ หรือครับ ผมคิดว่าจะยังสู้ไม่ได้อยู่ดี เพราะโมเดิร์นเทรดเป็นวิธีการกระจายสินค้าที่ดีกว่า มันผงาดขึ้นมาได้เพราะมันประหยัดเงินให้กับผู้บริโภคได้มากกว่าวิธีการแบบเดิมๆ

สิงคโปร์เปิดเสรีตั้งแต่ตอนที่ประชาชนของเขายังใส่งอบอยู่เลย ทำไมเขาถึงไม่โดนต่างชาติยึดประเทศ ทุกวันนี้สิงคโปร์ออกไปไล่ซื้อธุรกิจของประเทศอื่นรวมทั้งประเทศที่ชอบปกป้องคนในประเทศให้แข่งขันได้อย่างประเทศไทย

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 18, 2006 10:18 am
โดย สามัญชน
กฎของชาร์ล ดาร์วิน -----> natural  sellection
กฏของธุรกิจ   ------>  customer sellection

เป็นกฎธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่และสมเหตสมผลในตัวมันเอง  ถึงอยู่มาได้นานแสนนานและจะอยู่ต่อไปอีกนานแสนนาน  การเข้าไปขัดขวางกฎธรรมชาติมักจะเป็นการทำลายมากกว่าการสร้างสรรค์ ส่วนที่สร้างสรรค์ก็คงมี แต่น้อยกว่าเยอะ  และสุดท้ายก็มักจะต้านกฎธรรมชาติไม่อยู่  การปรับตัวให้ตรงกับความเป็นจริงและกฎธรรมชาติย่อมดีกว่าการฝืนธรรมชาติด้วยเหตุผลอันเป็นเท็จ

โชว์ห่วยอาจจะเจ๊ง  แต่ทุกปัญหาก็ย่อมมีทางออก  การไม่ดิ้นรนหาทางออกแล้วจะขอขี่คอผู้อื่นอยู่ร่ำไปเป็นความยุติธรรมแล้วหรือ

โชว์ห่วยเป็นกลุ่มคนขนาดเล็กๆไม่ถึง 1%ของประชากรไทยทั้งหมด
แต่ที่เหลือ 99% เป็นผู้บริโภค จะเอา 1% เป็นตัวตั้งโดยไม่สนใจ 99%อย่างนั้นหรือ ทำไมผู้บริโภคอย่างผมต้องซื้อของจากโชว์ห่วยที่ของราคาก็แพงกว่า เก่าเก็บกว่า บริการแย่กว่า ปากจัดกว่า  สินค้าคุณภาพต่ำกว่า  และอีกสารพัดปัญหาที่แย่ๆ

โชว์ห่วยที่แย่ก็ต้องสูญพันธ์ตามกฎธรรมชาติ  โชว์ห่วยที่ดีผู้บริโภคก็ย่อมจะเลือกให้อยู่รอด ซึ่งก็เริ่มพบเห็นได้มากขึ้นเรื่อยๆ ก็เป็นไปตามกฎ customer sellection

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 18, 2006 10:29 am
โดย 121
งั้น ชาวนา ชาวไร่ออ้ย ควรเลิกทำดีเปล่าครับ
ทำก็สู้ ต่างชาติไม่ได้
เราควรมองมิติ สังคม ด้วย ดีกว่าหรือเปล่า

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 18, 2006 10:42 am
โดย jaychou
โชห่วยจะเจ๊งไปก็ดีครับ

ผมโดนร้านพวกนี้ขายของหมดอายุให้แล้วเสียความรู้สึก

คืนไม่ได้ แต่ยังต้องกลับไปซื้อของอื่น เพราะมีขายอยู่ร้านเดียว

เมื่อก่อนมีกล่องชิงโชคให้ใส่ฉลาก หรือฝาลิโพ

เค้าเล่นแงะฝา ฉีกฉลาก ใส่ชื่อตัวเองลงไปก็มีครับ เห็นกันจะจะ

ถ้าจะรักษาร้านโชห่วยด้วยเงินภาษีของเรา

ก็ต้องมีมาตรการจัดการให้ดีด้วยครับ ไม่ใช่ให้ผู้บริโภคโดนเอาเปรียบ

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 18, 2006 10:54 am
โดย สามัญชน
งั้น ชาวนา ชาวไร่ออ้ย ควรเลิกทำดีเปล่าครับ
ทำก็สู้ ต่างชาติไม่ได้
เราควรมองมิติ สังคม ด้วย ดีกว่าหรือเปล่า
ช่วยกรุณาขยายความคำว่า  มิติทางสังคม ได้ไหมครับ

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 18, 2006 11:21 am
โดย ForrestGump
ผมมองว่า การแข่งขันของผู้ประกอบการทำให้ผู้บริโภคได้ประโยชน์อย่างแท้จริง

และ ถ้า สู้ไม่ได้  ก็เข้าร่วมมันซะเลย

รัฐบาลไทยน่าจะมีกฎหมาย โซนนิ่ง บังคับการถ่ายทอดเทคโนโลยี การจัดการ หรือ การบังคับให้ขายหุ้นให้คนไทย กี่เปอร์เซ็นต์ๆ

ให้ระยะยาวแล้ว ควร มีกติกาคนไทยมีโอกาสสู้ วันนี้สู้ไม่ได้ วันหน้าก็ยังพอ มีหวัง จะสู้ได้  ไม่ใช่ให้ตายไปวันนี้ สูญพันธ์ไปวันนี้  แล้วมานั่งเสียใจทีหลัง

ระยะยาว ๆ พอฝรั่งมันยึด modern trade แบบ เบ็ดเสร็จ มันรวมหัวกัน ขายของแพงๆ เราทำอะไรไม่ได้ ต้องเป็นทาสฝรั่ง ทั้งทางเศรษฐกิจ ความคิด เทคโนโลยีวัฒนธรรม โดยสมบูรณ์  

การรักความประหยัด ความสบาย ระยะสั้น ในวันนี้ โดยไม่มีกติกาให้พอมีหวังชนะเค้าได้วันหน้า ผมว่า ไม่คุ้มกัน

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 18, 2006 11:33 am
โดย สุมาอี้
ชาวนา เราควรทำครับ เพราะประเทศเราดินอุดมสมบูรณ์ ที่ได้เปรียบต่างชาติ

แต่เราควรทำแบบคิดให้ออกว่าปีนี้ผลิตผลเรา 5000 ตันต่อไร่ ทำอย่างไรปีหน้าถึงจะได้ 5500 ตันต่อไร่ ปีต่อไปทำอย่างไรถึงจะเป็น 6000 ตันต่อไร่ ต้องพัฒนาไปให้ถึงจุดที่คิดแบบนี้ให้ได้ ที่ผ่านมาเรายังสู้ไม่ได้เพราะเราทำแบบตามมีตามเกิดทั้งที่เรามีจุดได้เปรียบ ขนาดทำแบบตามมีตามเกิดแบบนี้ประเทศไทยยังผลิตอาหารได้ติดอันดับ 6 ของโลก (ข้อมูลเก่า เด๋วนี้ไม่รู้เท่าไรแล้ว) แสดงว่าเรามีข้อได้เปรียบเป็นทุนอยู่แล้ว ถ้าทำอย่างจริงจังแบบที่บอกมา เราเป็นที่ 1 ได้แน่นอน

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 18, 2006 11:52 am
โดย สามัญชน
ระยะยาว ๆ พอฝรั่งมันยึด modern trade แบบ เบ็ดเสร็จ มันรวมหัวกัน ขายของแพงๆ เราทำอะไรไม่ได้ ต้องเป็นทาสฝรั่ง ทั้งทางเศรษฐกิจ ความคิด เทคโนโลยีวัฒนธรรม โดยสมบูรณ์
 


ผมว่ามันยึดไม่ได้ง่ายๆหรอกครับ  modern trade ส่วนใหญ่เป็นของไทยนะครับ ของต่างชาติก็มีบ้าง  อย่างคาร์ฟูของฝรั่งเศษนี่ก็ขาดทุนนะครับไม่ได้รุ่งอย่างที่เห็นภายนอก และอาจจะเจ๊งอีกไม่นาน  โอชองก็เจ๊ง  ยังเหลือโลตัสที่กำไรดี

ที่ประเทศอื่นก็เหมือนกัน วอลล์มาร์เจ๊งที่ญี่ปุ่น ต้องหนีกลับอเมริกาแบบขายขี้หน้าสุดๆเพราะเป้นยักษ์ใหญ่เบอร์หนึ่งของโลก

และก็กำลังซ้ำรอยที่จีนและเกาหลี

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 18, 2006 11:54 am
โดย สามัญชน
สุมาอี้ บอกว่า
ผมพูดแนวทุนนิยมไปหน่อย ใครที่ชอบแนวเสรีนิยมคงว่าผมใจดำ
ผมว่าไม่ใจดำหรอกครับ

หยินหยางบอกว่าใจดำหรือใจดียากที่จะแยก  และทั้งคู่ก็มีดีมีเสียอยู่ในตัวเอง  

ใจดำในเรื่องเล็กแต่พอเป็นภาพใหญ่กลายเป็นใจดีก็มีเยอะ......

เราไล่ลูกจ้างออกหนึ่งคน(ใจดำ) แต่ทำให้ประชาชนเป็นพันคนหมื่นคนได้บริการที่ดี(ใจดี)

ใจดีในจุดเล็กๆแต่ส่งผลกระทบเป็นใจดำในเรื่องใหญ่ก็มีแยะ........


เรางดเว้นการลงโทษลูกจ้างที่แย่(ก็เราเป็นคนใจดีนี่นา เราเลยไม่ไล่ออก) แต่ก็ทำให้ประชาชนเป็นพันๆคนซวยไปด้วยเพราะเจอบริการที่แย่จากคนๆนี้(ก็เท่ากับเราเป็นคนใจดำใช่ไหม?????)

ก็ต้องถามกลับว่า  การอุ้มโชว์ห่วย 1% แต่ทำให้ผู้บริโภค 99% ซวยไปด้วย เป็นความใจดีมีใจเป็นธรรมแน่หรือ  หรือแค่อ้างเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของกลุ่มโชว์ห่วยตัวเอง โดยไม่สนใจคนยากคนจนที่เป็นผู้ซื้อและผู้บริโภคคนอื่นๆ

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 18, 2006 11:57 am
โดย สามัญชน
ผมมองว่า การแข่งขันของผู้ประกอบการทำให้ผู้บริโภคได้ประโยชน์อย่างแท้จริง

และ ถ้า สู้ไม่ได้  ก็เข้าร่วมมันซะเลย

รัฐบาลไทยน่าจะมีกฎหมาย โซนนิ่ง บังคับการถ่ายทอดเทคโนโลยี การจัดการ หรือ การบังคับให้ขายหุ้นให้คนไทย กี่เปอร์เซ็นต์ๆ

ให้ระยะยาวแล้ว ควร มีกติกาคนไทยมีโอกาสสู้ วันนี้สู้ไม่ได้ วันหน้าก็ยังพอ มีหวัง จะสู้ได้  ไม่ใช่ให้ตายไปวันนี้ สูญพันธ์ไปวันนี้  แล้วมานั่งเสียใจทีหลัง
เห็นด้วยครับ

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 18, 2006 1:24 pm
โดย สุมาอี้
ที่จริงเมื่อตอนงบออกผมก็แอบซุ้มเอางบ BIGC มาดูเหมือนกัน เพราะมองว่าธุรกิจนี้น่าจะยังโตได้อีก น่าจะดี

แต่พอวิเคราะห์ดูแล้วก็ตกใจ เพราะถ้าตัด "รายได้อื่นๆ" ออกไป EBIT จะติดลบครับ นั้นคือ ธุรกิจนี้กำลังขาดทุนอยู่ ก็เลยลังเล เลยขอถอยมาตั้งหลักก่อน ช่วงนี้กลัวขาดทุนครับ

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 18, 2006 1:29 pm
โดย สุมาอี้
ไม่รู้ว่ารายได้อื่นๆ คืออะไร ไม่เห็นบอกไว้ในงบการเงิน (ถ้าเป็นค่าเช่าหรือค่าบริการก็ถือว่าโอเคนะครับ)

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 18, 2006 1:34 pm
โดย jaychou
พี่สามัญชนพูดได้ตรงใจมากครับ

ใจดีใจดำนั้นควรจะพิจารณาประโยชน์สุขของมหาชนเป็นที่ตั้ง

เรื่องใจดีเรื่องเล็ก กลายเป็นใจดำเรื่องใหญ่ มีหลายเรื่องครับ

ทั้งเรื่องการให้เงินขอทาน เรื่องซื้ออาหารเลี้ยงช้าง รวมทั้งโชห่วยด้วย

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 18, 2006 1:57 pm
โดย น้ำครึ่งแก้ว
คิดว่า    ถูกทุกข้อครับ  

ตามหลักความอยู่รอดในโลกทุนนิยม คือ ใครทุนหนาบวกสมอง ก็จะกินพวก ทุนหนาสมองไม่มาก และพวกทุนน้อย อยู่แล้ว แต่ถ้ามองเรื่องของการอยู่รอด
ของประชาชนในประเทศแล้ว  ควรจะต้องมีการควบคุมไว้ตั้งแต่ Discount
store ข้ามชาติ แบบนี้ เริ่มรุกมาตั้งแต่แรกๆแล้วครับ เพราะถ้าไม่กันไว้ก่อน
มาแก้ตอนนี้ผมว่า มันสายไปหมดแล้วครับ ตอนนึ้จะไล่ก็ไม่ได้แล้วเพราะเท่า
ที่เห็น ตามเมืองใหญ่ เกือบทั้งนั้น ถูกเข้าถึงและจับจองไปหมดแล้วครับ

ใครมีเวลาลองเดินตามร้านริมถนน แล้วสังเกตุนะครับ โชว์ห่วยไทย เหมือน
ปลาขาดน้ำรอวันตายยังไงไม่รู้ ดูก็รู้ว่ารายได้คงลดลงไปชนิดมหาศาลทีเดียว

ตาม clip เรื่อง อาร์เจนติน่า  ดร.นิติภูมิ เคยพูดไว้ว่า carefure นี่ ที่ฝรั่งเศสมี
กฏหมายห้ามเรื่องการเข้าไปตั้งในชุมชนท้องถิ่นหลายพื้นที่ เพราะไม่ต้องการ
ให้ร้านเล็กๆ หรือ พวกร้านค้าท้องถิ่นต้องล้มหายตายจากไป

สำหรับเมืองไทยผมว่า ถ้ามีผู้นำที่คิดแล้วค่อยพูด พูดแล้วทำให้ได้ แล้วมอง
ถึงประเทศชาติมาก่อนสิ่งอื่น รวมถึงวางแผนพัฒนาในระยะสั้นและยาว ที่ดี
เราอยู่ได้แน่นอนครับ

เกี่ยวกับเรื่องรายได้อื่นๆ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 18, 2006 3:27 pm
โดย hutz
เห็นคุณสุมาอี้พูดถึงเรื่อง EBIT ติดลบถ้าตัดรายได้อื่นๆ ออกไป
แล้ว ผมเลยไปดูในหมายเหตุประกอบงบการเงินของงบเก่าๆ เค้าอธิบายถึงรายได้อื่นๆ ว่า
รายได้อื่นส่วนใหญ่ประกอบด้วยรายได้รับจากยอดซื้อตามเป้า ซึ่งคิดจากยอดซื้อในอัตราร้อยละที่ตกลงร่วมกันระหว่างบริษัทฯและผู้ขาย รายได้รับค่าโฆษณาซึ่งเรียกเก็บจากผู้ขายโดยคิดตาม                   การลงโฆษณาในแผ่นพับโฆษณาของบริษัทฯและค่าธรรมเนียมแรกเข้า
อันนี้เป็นคำอธิบายจากงบของปี 2005 นะครับ ซึ่งผมถ้าดูสัดส่วน
ของรายได้อื่นๆ เทียบกับรายได้รวม จะเห็นว่าสัดส่วนของรายได้อื่นๆต่อรายได้รวม จะมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี

เฮ้อ... ดูๆ ไปแล้วรายได้ตรงนี้กระมังที่หล่อเลี้ยง BIGC อยู่
แต่ก็แปลกดีนะครับ ว่ารายรับจากการโฆษณาในแผ่นผับ กับซื้อของตามเป้าจะสูงขนาดนี้ ถ้าดูจากไตรมาสล่าสุด (2/06) นี่คิดเป็น ประมาณ 7.46% ของรายได้รวมเลย

จบเรื่องหุ้นแล้วขอแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่อง Modern Trade บ้างนะครับ
ตั้งแต่เป็นสมาชิกมาก็ไม่ค่อยได้โพสเลย มัวแต่เสพความรู้อยู่จนเพลิน
อันนี้ผมขอแสดงความรู้สึกในฐานะคนต่างจังหวัดนะครับ (ถึงปัจจุบันจะอยู่ กทม ก็เถอะ)

จริงๆ ผมว่าปัญหาเรื่องนี้ในความเห็นของผมมันสายไปแล้วที่จะแก้น่ะครับ
ตอนนี้ก็คงต้องเป็นไปตามกระแสของทุน อาจจะเน้นแก้ปัญหาเฉพาะจุดที่ยังพอเยียวยาได้

เพราะว่า Modern Trade มันได้เปลี่ยนวัฒนธรรมการจับจ่ายใช้สอยของครอบครัวส่วนใหญ่ไปแล้ว ที่ผมเรียกว่าวัฒนธรรมเพราะว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ต้องใช้เวลานานมาก (ผมคิดว่าเกิน 10 ปีที่เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง) แล้วมันส่งผลถึงคนรุ่นหลังด้วย

มองจากครอบครัวของผมเองก็ไปซื้อของตามห้างพวกนี้อย่างน้อยก็เดือนละ 2 ครั้ง ซื้อทีนึงก็ล้นรถเข็น เพราะของอะไรขาดเราก็จำๆ ไว้แล้วก็มาซื้อที่เดียวได้ครบทุกอย่าง เว้นแต่จะต้องการด่วนจริงๆ ถึงจะซื้อที่ร้านโชว์ห่วยแถวบ้าน

ตัวผมเองพอมาอยู่กรุงเทพฯก็ติดพฤติกรรมแบบนี้มา แล้วก็มองว่าเด็กๆ ที่พ่อแม่พาไปห้างพวกนี้ อนาคตเวลาที่เค้าต้องการจะซื้ออะไร เค้าก็คงเลือกที่ความเคยชินและความสะดวกสบายก่อน ก็คงหนีไม่พ้น บิ๊กซี โลตัส คาร์ฟู
แล้วโชว์ห่วยในอนาคตจะไปเหลืออะไรถ้าไม่เปลี่ยนแปลง แค่ปัจจุบันก็จะไม่รอดแล้ว

ในมุมมองของผมผมคิดว่าการจะแก้ปัญหาจากจุดตรงนี้ ก็ควรจะเยียวยาในจุดที่มันยังไม่เสียหายมากนัก นั่นก็คือในชุมชนจริงๆ ชุมชนที่ผมว่านี่ไม่ได้หมายถึงชุมชนในเมืองที่มีห้างเหล่านี้เปิดอยู่ในพื้นที่นะครับ แต่เป็นชุมชนที่อยู่ตามอำเภอ หรือหมู่บ้านต่างๆ ซึ่งปัจจุบันชาวบ้านที่อยู่ในชุมชนเหล่านี้ (ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ หรือที่เรียกว่ารากหญ้า) ก็ยังไม่ได้มีการจับจ่ายตาม Modern Trade มากนัก เพราะติดปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายและความไม่สะดวกในการเดินทาง ดังนั้นเค้าจึงยังคงซื้อของกินของใช้ จากร้านค้าท้องถิ่นอยู่

วิธีที่ผมคิดว่าน่าจะทำก็คือ เสริมสร้างให้ร้านค้าดั้งเดิมในชุมชนที่ผมกล่าวถึงข้างต้น
มีความรู้และเทคโนโลยีที่จะพัฒนาร้านให้ทันสมัย และช่วยลดต้นทุนด้านต่างๆ ให้กับพวกเค้า
อาจจะทำได้โดยการส่งเสริมให้มีการอบรมให้ความรู้ให้เค้าพัฒนาเกี่ยวกับ
การจัดการพวกสินค้าคงคลัง, การจัดแสดงสินค้า,  การออกแบบและปรับปรุงหน้าร้าน, ฯลฯ  หรือมีแหล่งเงินทุนที่ต้นทุนต่ำ หรือมีเงื่อนไขพิเศษให้เค้าปรับปรุงร้าน

ในด้านการลดต้นทุน ผมเข้าใจว่าต้นทุนส่วนใหญ่เป็นต้นทุนค่าสินค้า
และร้านค้าดั้งเดิมเดี๋ยวนี้ก็ซื้อของจากห้างมาขายกันทั้งนั้น
จะเป็นไปได้หรือไม่ ที่รัฐจะขอความร่วมมือแกมบังคับ จาก Modern Trade ทั้งหลาย
ในการให้ราคาลดพิเศษ สำหรับร้านค้าดั้งเดิมเหล่านี้ ซึ่งผมคิดว่ากำไรที่ Modern Trade จะเสียไป คงน้อยมากเพราะลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่ทำรายได้ให้พวกห้างจริงๆ ไม่ใช่ร้านโชว์ห่วยแน่นอน
วิธีนี้ถ้า Modern Trade ยอม ผมว่ามันจะ Win-Win เลยเพราะ
1. ร้านโชว์ห่วยก็มีต้นทุนถูกลง
2. ตัว Modern Trade เองก็ได้ชื่อว่าเป็นห้างที่ตอบแทนสังคม เพราะพวกนี้เค้าต้องมีงบประมาณในการตอบแทนต่อสังคมอยู่แล้ว เค้าก็สามารถเอาเรื่องเหล่านี้ไปโฆษณา สร้างภาพลักษณ์ที่ดีได้อีก

ถ้าร้านดั้งเดิมปรับปรุงใหม่ให้สะอาด ดูดีขึ้น สินค้าได้มาตรฐาน
ต้นทุนสินค้าต่ำลง บวกกับความเป็นกันเองในชุมชน ผมคิดว่าร้านในชุมชนนั้นก็คงจะอยู่ได้

ส่วนเรื่องของการแก้ปัญหาในเมืองมันน่าจะสายไปแล้วแหละครับ ทำอะไรไม่ได้มาก
เรื่องแบบนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับสินค้าอุปโภคบริโภคเท่านั้น แต่กับธุรกิจอย่างอื่นก็เช่นเดียวกัน อย่างตอนนี้ทางด้าน วัสดุก่อสร้าง, เฟอร์นิเจอร์ พวก HyperMart เกิดขึ้นมาก ขายของถูก มีของครบ ราคาแน่นอนเชื่อถือได้
ยังไงลูกค้าก็ต้องไปอยู่แล้ว คงไม่มีใครอยากเลือกสิ่งที่ไม่ดีให้กับตัวเอง

บ้านผมขายวัสดุก่อสร้างอยู่ในอำเภอเล็กๆ วันดีคืนดีก็ต้องต่อกรกับ
Hypermart ใหญ่ๆ พร้อมๆ กันหลายเจ้า เฉพาะตอนนี้ก็มี
Cementhai HomeMart ที่เน้นเปิดขนาดใหญ่มากขึ้น, GlobalHouse ห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างคล้ายโฮมโปร, แล้วที่กำลังจะเปิดอีกแห่งก็ HomePro
พักหลังลูกค้าก็เริ่มไปลองใช้บริการกันเยอะขึ้น แล้วเค้าก็ค่อนข้างชอบกันด้วย
ถึงกับบอกว่า "ถึงค่าน้ำมันรถไปจะแพง แต่ก็คุ้ม"
มันน่ากลัวจริงๆ น๊อ... ซักวันนึงอาจจะมีข่าวเรื่องรัฐเข้าช่วยโชว์ห่วยวัสดุก่อสร้างก็ได้  :(
ตอนนี้ที่ทำได้อยู่ก็คือต้องใช้ Niche Strategy รักษาลูกค้าเอาไว้ แล้วก็รีบพัฒนาร้านให้ทันสมัยต่อไป ... สู้ตาย :evil:

Re: เกี่ยวกับเรื่องรายได้อื่นๆ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 18, 2006 4:12 pm
โดย สุมาอี้
[quote="hutz"]เห็นคุณสุมาอี้พูดถึงเรื่อง EBIT ติดลบถ้าตัดรายได้อื่นๆ ออกไป
แล้ว ผมเลยไปดูในหมายเหตุประกอบงบการเงินของงบเก่าๆ เค้าอธิบายถึงรายได้อื่นๆ ว่า

[quote]รายได้อื่นส่วนใหญ่ประกอบด้วยรายได้รับจากยอดซื้อตามเป้า ซึ่งคิดจากยอดซื้อในอัตราร้อยละที่ตกลงร่วมกันระหว่างบริษัทฯและผู้ขาย รายได้รับค่าโฆษณาซึ่งเรียกเก็บจากผู้ขายโดยคิดตาม

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์แล้ว: เสาร์ ส.ค. 19, 2006 7:40 am
โดย por_jai
8) ขออนุญาติเอาที่หมอEyoreตั้งกระทู้ไว้ข้างๆกันมาให้อ่าน

     
Eyore เขียน:ไหนๆก็จะคุมค้าปลีกแล้ว เพราะทำให้โชห่วยสูญพันธุ์

ผมขอเสนอให้คุมกำเนิดรถไฟฟ้าด้วยครับ เพราะทำให้แท็กซี่หมดอาชีพ
แต่พูดอย่างนี้ ขสมกอาจบอกว่า ผมนี่แหละกระทบที่สุด
รถเขียวอาจบอกว่า ขสมก นั่นแหละตัวดี ถือว่ามีรัฐบาลหนุนหลัง ขาดทุนทุกปีก็ยังวิ่งได้(ขายของต่ำกว่าทุน?)

แต่ก็ไม่แน่ เลิกปตทไปเลย ชาวบ้านจะได้กลับมาใช้สามล้อปั่น, รถลาก เหมือนสมัยโบราณ
เป็นการช่วยเหลือคนจนให้มีอาชีพไปในตัว

กฟผ ก็ตัวดี ใช้ทุนหนามาขยายจนครอบคลุมทั่วประเทศแล้ว
รู้รึเปล่า ไม่มีใครใช้ไม้ขีดไฟ ใช้เทียนกันแล้ว ขายได้แต่วัด
เห็นใจคนทำตะเกียงบ้างรึเปล่า?

มือถือก็อีก ไม่มีใครใช้โทรศัพท์บ้านกันแล้ว ยิ่งโทรทางไกลราคาถูกกว่าโทรบ้านอีก
แล้วใครจะใช้องค์การโทรศัพท์เนี่ย
ที่แย่ไปกว่านั้น องค์การโทรเลขจะโดนปิดอยู่แล้ว เพราะแทบไม่มีคนใช้เลย

แล้วใครจะรับผิดชอบ
ปล่อยให้กลุ่มทุนขนาดใหญ่เหล่านี้มาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตเราแบบนี้?
?