Thai VI

สมมติหุ้นตัวหนึ่งเราซื้อมาต้นทุน 5 บาท ตอนนี้มันวิ่งไป 20 บาท เราคิดว่ามันขึ้นมาแรงพอสมควรแล้วแต่ก็อาจจะขึ้นได้อีกกลายเป็นสัก 25 บาท เราจะกล้าซื้อเฉลี่ยที่ 20 บาทมั้ย

แล้วถ้าเดิมเราไม่มีหุ้นนี้ที่ต้นทุน 5 บาท การตัดสินใจของเราจะเหมือนเดิมมั้ย?

เวลาเพื่อนๆ คิดถึงต้นทุน เพื่อนๆ คิดแยกเป็นครั้งๆ ไปหรือว่าคิดต้นทุนเฉลี่ย

กรณีแบบนี้เคยเกิดกับpsl
หรือเปล่าคับ

ชีวิตจริงเลยนะครับ

ซื้อแถวๆ 13 - 14 บาท

แล้วซื้อให้แม่ยายที่ 30 บาท ครับ

แต่จากตัวอย่างคุณสุมาอี้  ราคาเป้าหมายที่ 25 บาท  ราคาตลาดที่ 20 บาท  ผมคงไม่ซื้อ Margin of Safety ต่ำไปครับ

ผมวิเคราะห์ไม่ค่อยเก่ง  เลยขอ Margin of Safety เยอะๆหน่อย  กันพลาด  :)

แต่จากตัวอย่างคุณสุมาอี้  ราคาเป้าหมายที่ 25 บาท  ราคาตลาดที่ 20 บาท  ผมคงไม่ซื้อ Margin of Safety ต่ำไปครับ

ผมวิเคราะห์ไม่ค่อยเก่ง  เลยขอ Margin of Safety เยอะๆหน่อย  กันพลาด  

Margin of safety 20% นี่ ต่ำไปเหรอครับพี่
   

chatchai เขียน: แล้วซื้อให้แม่ยายที่ 30 บาท ครับ

เป็นผมคงไม่กล้า กลัวพลาดแล้วแม่ยายขอลูกสาวคืน

เป็นผมคงไม่ซื้อเพิ่มแล้วล่ะครับ take profit ไปเลยดีกว่า ได้ upside มา 15 บาทแล้ว คงไม่เอาไปแลกกับ upside อีก 5 บาทที่เหลือซึ่งเราอาจคาดผิดก็เป็นได้

เรื่องต้นทุนนี่ผมคิดแยกเป็น lot ไปครับ ดังนั้นจากคำถามว่าถ้าเดิมไม่มีหุ้นอยู่มาก่อน ผมก็จะซื้อหุ้นตัวนี้

แฮ่ ความจริงเคยคิดหลายครั้งว่าจะปรับความคิดตัวเองใหม่ให้คิดแบบต้นทุนเฉลี่ย เพราะน่าจะช่วยให้เห็นภาพรวมได้ดีกว่า ไม่ยึดติดกับการซื้อ lot เก่าๆ แต่ทำไม่เคยได้ซักกะที  8)

คิดเป็นครั้งๆไปครับ
ลืมของเก่าไปให้หมด
เหมือนว่าเริ่มซื้อใหม่
แล้วซื้อที่ราคาที่อยากได้จริงๆ
(ทำยาก)

เวลาหุ้นขึ้นเราจะเห็นแต่ข้อดี
เวลาหุ้นลงเรากลับเห็นข้อเสียเยอะ
ผมต้องพยามข่มใจอยู่บ่อยๆครับ
นึกถึง Mr.Market เข้าไว้

ต้องมีวินัย อย่าไปอยากได้หุ้นมากๆ
(อันนี้ยิ่งทำยาก )

สุมาอี้ เขียน:สมมติหุ้นตัวหนึ่งเราซื้อมาต้นทุน 5 บาท ตอนนี้มันวิ่งไป 20 บาท เราคิดว่ามันขึ้นมาแรงพอสมควรแล้วแต่ก็อาจจะขึ้นได้อีกกลายเป็นสัก 25 บาท เราจะกล้าซื้อเฉลี่ยที่ 20 บาทมั้ย

แล้วถ้าเดิมเราไม่มีหุ้นนี้ที่ต้นทุน 5 บาท การตัดสินใจของเราจะเหมือนเดิมมั้ย?

เวลาเพื่อนๆ คิดถึงต้นทุน เพื่อนๆ คิดแยกเป็นครั้งๆ ไปหรือว่าคิดต้นทุนเฉลี่ย

อันแรก  ผมคงต้องมาคำนวน ตามหลักการวัดมูลค่าหุ้นด้วยตัวคุณเองก่อนครับ  หากว่ายังต่ำกว่าราคาแท้จริง พอสมควร คงซือครับ

กรณี ที่ไม่มีต้นทุน ที่ 5 บาท ก็คงซื้อตามคำตอบแรกครับ

ส่วนข้อสุดท้าย ผมคิดต้นทุนเป็นครั้งครับ ไม่ค่อยใช้ต้นทุนเฉลีย เนื่องจาก การ ทยอยซื้อ ของผม ไม่ได้ซื้อในจำนวนเท่ากัน ทุกงวดครับ

bennn เขียน:เวลาหุ้นขึ้นเราจะเห็นแต่ข้อดี
เวลาหุ้นลงเรากลับเห็นข้อเสียเยอะ

เออจริง อันนี้ผมก็เป็น เหอๆ

ปกติ เวลาหุ้นโชว์ในพอร์ท ดิฉันจะลงราคาต้นทุนเฉลี่ยฝั่ง buy

(แต่บางตัวที่เอามาเล่นซื้อๆขายๆบ้าง จะลงรายละเอียดแยกต่างหากให้รู้ต้นทุนในเชิงเทรดดิ้งเฉพาะรายตัวหุ้นด้วย เช่นบางตัวที่ได้ทำ คลายเครียดเรโชแล้ว หรือบางตัวที่มีการปรับพอร์ทออกบางจังหวะ ,แต่ไม่ยึดเป็นหลักมากมายอะไร แค่ให้รู้ไว้ว่า ผลงานการเทรดดิ้งตัวนี้จริงๆลบหรือบวก)

สำหรับกำไร(ขาดทุน)ในส่วนตัวที่ขายออกแล้วจะนำไปลงในยอด กำไร/ขาดทุนสะสม ของพอร์ท
ดังนั้นขนาดต้นทุนพอร์ทจะคงเป็น ต้นทุนเงินสดๆแท้ๆจริงๆ ที่ใส่ลงไป

ส่วนวิธีคิดว่า จะ buy หรือไม่ที่ราคาไหนนั้นจะต้องระวังให้ราคาเฉลี่ยฝั่งซื้อ อยู่ในจุดที่"คิดว่า"น่าจะปลอดภัยด้วย

แต่ก็...ไม่ใช่คำตอบสุดท้ายที่จะ buy หรือไม่ เสมอไป

ต้องดูราคาใหม่ที่จะซื้อด้วย ว่าทำไมจึงต้องซื้อ ...หลักๆก็คือ ตอบรวมๆให้ได้ว่า มันน่าซื้อ คือ อย่างน้อยๆ มันควรเป็นราคาที่เหมาะสมกับอัตราการเติบโตของกำไรที่คาดว่าน่าจะเป็นค่ะ

แต่บางทีก็คาดผิด ...อันเนี้ยอ่ะสำคัญกว่า  
ดังนั้นจึงเป็นที่มาของการต้องดูราคาทุนเฉลี่ย ว่าถ้าร่วงลงมากกว่าคาด เละๆเลยนี่ จะเอาอยู่มั๊ย
:lol: