Thai VI

คืออยากถามเผื่อเป็นแนวทางให้ เพื่อนๆได้เลือกหนังสืออ่านกันนะครับ
ผมก็เพิ่งลงทุนมาประมาณ  1 ปี  ตอนนี้มีหนังสือการลงทุน 33 เล่ม ครับ
(ของคุณ สุมาอี้ เล่มล่าสุดเพิ่งได้มาวันนี้ ยังไม่ได้อ่านเลย)

ที่ชอบมากๆก็

ตีแตก,กลยุทธ์หุ้นห่านทองคำ

สองเล่มนี้ชอบเพราะเป็นจุดเริ่มต้นการเล่นหุ้นของผมครับ

แล้วก็ value investing made easy,one up wall street

อ่านง่ายได้ประโยชน์ดีครับ

ที่ชอบที่ไม่ใช่ แนว VI ก็มีนะครับ

ขี่กระทิงวิ่งราวเซียน, เพิ่งรู้ว่าปั่นหุ้นสร้างราคาหุ้น ทำยังไงก็จากเล่มนี้เหละครับ

Rich Dad, Poor Dad - Cashflow Quadrant.

new Buffettology ครับ
Rich dad poor dad เหมือนเป็นหนังสือปลุกใจเสือป่ามากกว่า
(ปลุกใจให้กล้าเข้ามาลงทุนน่ะครับ  :lol:  :lol:  :lol: )

The Richest Man in Babylon
Rich Dad Poor Dad
Retire Young Retire Rich

one up on wall street
beating the street

:lol:  :lol:  :lol:  :lol:

Richdad poor dad

rich dad business school

Retire young retire rich

cashflowquadrant

richdad investment

One up wall  street

Beating the street

the new buffetology

ตีแตก

the essential buffet

from graham and buffet and beyond

ซุนวูลงทุน

งบกระแสเงินสด ดร วรศัก


etc....

One up on wall street  :!:

ผมมันคนหลายใจครับ ชอบหลายเล่มเลย อย่างของดอกเตอร์นิเวศน์นี่ชอบทุกเล่มเลยครับ ล่าสุดที่ดอกเตอร์แปลหนังสือของฟิลนี่แม้จะยังไม่ได้เห็นตัวหนังสือแต่คิดว่าเป็นหนังสือที่มีคุณค่ามากที่สุดเล่มหนึ่งสำหรับแวลยู่อินเวสเตอร์ครับ ผมเคยอ่านฉบับภาษาอังกฤษแล้ว มันค่อนข้างยากสำหรับผม เพราะภาษาอังกฤษของผมเข้าขั้นเลวร้ายครับ ที่จริงผมไม่ค่อยอยากให้ดอกเตอร์แปลหนังสือดีๆมาเยอะๆครับ เพราะเดี๋ยวจะมีคนเก่งๆเยอะเกินไป แล้วผมจะหาหุ้นดีๆถูกๆได้ยากครับ แต่ดอกเตอร์เป็นคนใจกว้างจริงๆที่แบ่งปันความรู้ให้กับพวกเราเสมอมา  :roll:  :roll:  :roll:

Rich dad poor dad เหมือนเป็นหนังสือปลุกใจเสือป่ามากกว่า
(ปลุกใจให้กล้าเข้ามาลงทุนน่ะครับ       )

ความรู้สึกเดียวกันเลยครับ :lol:  :lol:

Rich dad poor dad ได้เปิดมุมมองให้ผมอย่างมากเลยครับที่จำได้ก็เช่น

1. วิชาการเรียนการสอนในโรงเรียนและมหาลัยทั่วโลกนั้น เน้นวิชาที่ทำให้เราจบออกมาเป็นลูกจ้าง วิชาของนายจ้างและการลงทุนมีน้อยมาก

2.โดยเฉพาะคณะยอดฮิตทั้งหมอและวิศวะนับเป็นวิชาของลูกจ้างโดยแท้ทั้งๆที่เป็นแหล่งรวมของเด็กหัวกะทิ  แต่พอจบไปแล้วกลับต้องไปเป็นลูกจ้างของใครก็ไม่รู้  ซึ่งจบอะไรมาก็ไม่รู้ ฉลาดมากน้อยแค่ไหนก็ไม่รู้  ทุกวันนี้ผมก็เป็นลูกน้องคนที่เรียนจบรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์เพราะเขาเป็นผู้ว่าฯ เป็นนายอำเภอ เป็นผู้พิพากษา อัยการ เจอหน้าก็ต้องทำความเคารพ  ทั้งๆที่วิชาเหล่านี้เรียนง่ายมากครับ  แล้วคนเหล่านี้ก็มาเป็นระดับผู้นำของประเทศและกำหนดทิศทางของประเทศ  ดังนั้น จริงๆแล้วผมจึงโง่กว่าเขาเยอะ.........

3.เมื่อเป็นวิชาลูกจ้างดังนี้  ถ้าเราอยากได้เงินมาก เราก็ต้องเอาแรงกายแรงใจไปแลกเงินมา ต้องเปิดคลินิค  ต้องรับอยู่เวรเอกชน  ต้องวิ่งรอก  ต้องอดหลับอดนอน   ต้องเสี่ยงต่อการฟ้องร้อง เสี่ยงติดโรคเอดส์ ต้องๆๆๆๆ สารพัด.....เฮ้อ......เพื่อเงินจำนวนไม่เท่าไหร่เอง...

4.หนังสือเล่มนี้สอนให้รู้จักวิชาของนายจ้าง  การลงทุน  การใช้เงินทำงาน  สอนให้รู้จักทุนนิยมและหลีกเลี่ยงหรือลดขนาดของแรงงานนิยม

5. หนังสือเล่มนี้สอนให้รู้ว่าการทำงานด้วยใจรักเนื่องจากมีอิสรภาพทางการเงิน  ได้ประสิทธิภาพสูงกว่าการทำงานเพื่อเงินด้วยใจที่ไม่รักและเบื่อหน่าย

สามัญชน เขียน:Rich dad poor dad ได้เปิดมุมมองให้ผมอย่างมากเลยครับที่จำได้ก็เช่น

1. วิชาการเรียนการสอนในโรงเรียนและมหาลัยทั่วโลกนั้น เน้นวิชาที่ทำให้เราจบออกมาเป็นลูกจ้าง วิชาของนายจ้างและการลงทุนมีน้อยมาก  

ก็คนสอนก็ยังเป็นลูกจ้างกินเงินเดือนอยู่เลยนิครับ  แล้วจะมีความรู้ของนายจ้างและการลงทุนมาสอนได้อย่างไร  สอนไปก็อาจจะสอนแบบผิดๆซะด้วย  วิชาการลงทุนในหลักสูตร MBA เป็นวิชาที่ผมใช้ประโยชน์น้อยที่สุด

สามัญชน เขียน:2.โดยเฉพาะคณะยอดฮิตทั้งหมอและวิศวะนับเป็นวิชาของลูกจ้างโดยแท้ทั้งๆที่เป็นแหล่งรวมของเด็กหัวกะทิ

หนังสือการลงทุนที่ประทับใจของผม ก็คงเป็น Once Up On Wallstreet

เพราะเป็นหนังสือการลงทุนเล่มแรกที่ผมอ่าน  สมัยยังเรียนปริญญาตรี ปีแรกๆ   อ่านแล้วทำให้ผมสนใจการลงทุน  เป็นเล่มที่ทางเนชั่นรวบรวมบทความที่แปลลงในหนังสือพิมพ์  ถึงแม้จะแปลไม่ดีเท่า Version ปัจจุบัน

ไม่เคยอ่าน rich dad poor dad เลยครับ
เห็นทีต้องไปหามาอ่านมากแล้ว

แต่ beating the street ผมอ่านแล้วจับใจความไม่ถูกครับ เลยไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ อ่านมา 2 รอบแล้วยัง งง งง อยู่เลย

เอ่อ ผมก็จบ วิศวะ เหมือนกัน แล้วก็ทำงานเป็นลูกจ้างเหมือนกันครับ

Plan ไว้ว่า อายุ 45 ขอมีเงินลงทุนใน port สัก 10 ล้าน, ได้ปันผลปีละล้าน
ก็คงจะลาออก จากการเป็นลูกจ้าง
แต่ก็คงไม่วายต้องมาเป็นลูกจ้างภรรยาที่บ้านอีกเหละครับ :lol:  :lol:  :lol:

ผมชอบอยู่หลายเล่ม ทั้งแนว VS และ VI

แต่อ่านแล้วสนุกที่สุด คล้ายอ่านนิยามก็น่าจะเป็น

Reminisence of stock operator

ถ้าใครพอมีเวลาอยากแนะนำให้อ่านครับ

[quote="Dr.T"]new Buffettology ครับ
Rich dad poor dad เหมือนเป็นหนังสือปลุกใจเสือป่ามากกว่า
(ปลุกใจให้กล้าเข้ามาลงทุนน่ะครับ

พ่อรวยสอนลูกเล่มแรก และ เงินสี่ด้านเล่มสอง
ออมก่อนรวยกว่า
   สองเล่มนี้ทำให้รู้ว่าต้องทำอะไรมากกว่ารับเงินเดือนไปเรื่อยๆ
ตีแตก
the  new  buffetologyเล่มแปลของคุณweb
เหนือกว่าwallstreet
ลงทุนแบบปีเตอร์  ลินซ์
และ
โลกในมุมมองของvalue  investorทุกวันอังคารในกรุงเทพธุรกิจ
(อันนี้updateสุด)

ในใจ ไม่มีที่ว่างให้หนังสือครับ ให้แฟนผมอยู่คนเดียว ( 8) .........อึ๊ยยยยยย)

เรื่องลงทุนของผมขอยกความดีให้แฟนผมคนเดียวครับ

ถ้าเธอไม่ลากผมไปเปิดพอร์ต และสั่งซื้อ สผ. ราคาหลังจากคุณวิบูลย์นิดหน่อย

ป่านนี้เป็นยังไงก็ไม่รู้

ถึง ณ ปัจจุบันชอบ One up on wall street
ชอบตอนไปจูบหินบาร์นนี่ บันทึกจากไอร์แลน
คลาสสิคสุดๆ  :D

jaychou เขียน:ในใจ ไม่มีที่ว่างให้หนังสือครับ ให้แฟนผมอยู่คนเดียว ( 8) .........อึ๊ยยยยยย)

เรื่องลงทุนของผมขอยกความดีให้แฟนผมคนเดียวครับ

ถ้าเธอไม่ลากผมไปเปิดพอร์ต และสั่งซื้อ สผ. ราคาหลังจากคุณวิบูลย์นิดหน่อย

ป่านนี้เป็นยังไงก็ไม่รู้

ยินดีด้วยครับ.......
ไม่ใช่เรื่องพี่เทพนะ

the right stock at the right time....
ขอส่งเล่มนี้เข้าประกวด

คู่มือมนุษย์ โดยท่านพุทธทาสภิกขุ

ผมก็เริ่มลงทุนเพราะอ่านหนังสือ rich dad นี่แหละครับ

จากนั้นก็เริ่มหาข้อมูลโดยอ่านจากห้องอาจารย์ IH. แล้ว

ก็มีกระทู้แนะนำให้อ่าน ตีแตก ตามด้วยแนะนำให้มาหา

ความรู้ที่ thaivi.com หลังจากนั้นก็ซื้อทุกเล่มที่ web

แนะนำเลยครับ ที่อ่านจบไปแล้วรู้สึกชอบที่สุดคือ ของปี

เตอร์ลินซ์ เล่มดำที่ดอกเตอร์แปลครับ