Thai VI

ผมเพิ่งเก็บมา 10000 หุ้นที่ 8.66 (20% ของ port ผม)เพื่อนๆชอบตัวนี้ไหมครับ 2 ปีหลังปันผลปีละ 2 ครั้ง ปีที่แล้ว 60 สต. ปีนี้ 70 สต. แต่มีการันตีขั้นต่ำ 30 สตางค์ นั่นคือในกรณีเลวร้ายที่สุด ก็จะได้ปันผลประมาณ 4 เปอร์เซ็นต์ถ้าคิดจากราคาปิดวันนี้ที่ 8.66 แต่เป็นกรณีที่ตลาดโอเคเหมือน 2 ปีที่ผ่านมาจะได้ปันผลถึง 7-8 เปอร์เซ็นต์ถ้าคิดจากราคาปิดวันนี้ที่ 8.66  แถมตอนสิ้นปีที่ 10 ยังขายคืนได้ 10 บาท เท่ากับมี upside gain แน่ๆอีกเกือบ 15 เปอร์เซ็นต์
ผมว่าถ้าเพือนๆไม่คิดอะไรมากเก็บตัวนี้ไว้ซัก 5-10 %ของ port คิดซะว่าดีกว่าฝากธนาคาร ผมว่าถ้าตัวนี้มันจะลงคงไม่ลงไปถึง 5-6 บาทแน่ แต่ถ้าตลาดดีๆ อาจจะไปถึง 10 บาทอีกครั้งครับ

ปล. เพื่อนๆคนไหนช่วยอธิบายให้รู้ได้ไหมครับว่าทำไมมูลค่าหน่วยลงทุนของวายุภักษ์ของกระทรวงการคลังถึงมากกว่านักลงทุนทั่วไปเกือบ 2 เท่า

ทั้งๆที่ทั้ง 2 ประเภทได้ปันผลเท่ากัน...
เพื่อนๆในนี้เก็บตัวนี้ไว้บ้างหรือเปล่าครับ

อืมมม     น่าสนครับ

ข้อดีของตัวนี้อีกตัวที่ผมเห็นคือ ไม่มีการเพิ่มทุน ออก warrant ไม่เกี่ยวกัสิทธิพิเศษทางภาษี แถมรัฐบาลยังเป็น back ให้อีก vayu มีหุ้นดีๆต้นทุนราคาต่ำมากๆเยอะแยะเลยครับเช่น PTT, TPI, etc....

แต่ข้อเสียของมันคือมีสภาพคล่องต่ำเพราะที่ซื้อขายใน ตลท ถือว่าเป็นตลาดรองของ vayu แต่ข้อเสียข้อนี้ไม่น่าจะเป็นปัญหามากนักสำหรับเพื่อนๆชาว VI เพราะเพื่อนๆชาว VI น่าจะคุ้นเคยกับหุ้นที่มีสภาพคล่องต่ำๆอยู่แล้วใช่ไหมครับ

วิเคราะห์กองทุน ไม่เหมือนวิเคราะห์หุ้น หรือบริษัทนะครับ

กองทุนเราไม่รู้ว่าผู้จัดการกองทุนซื้อหรือขายหุ้น เมื่อไหร่ เท่าไหร่

มีความจำเป็นต้องซื้อ โอน หรือขาย อะไรบ้างหรือไม่ และมีเงื่อนไขปลีกย่อยอะไรบ้าง ถ้าจำไม่ผิด VAYU1 เคยมีคำถามเกี่ยวกับการโอนหุ้นก่อนและหลังปันผลนี่แหละครับ ลองเช็คข่าวดู

รออีกหน่อยน่าจะได้ถูกกว่านี้ 8)

หุ้นของคลังกอง ข เขาสูงกว่า เพราะเป็นค่าประกันภัยให้กับนักลงทุนกอง ก

เขาประกันให้โดย ถ้าหุ้นต่ำ 10  คลังจะประกันให้ขายคืนที่ 10 บาท  

คลังเลยใช้การแบ่งผลประโยชน์มาเป็นค่าประกันแทน โดยคลังจะได้ส่วนแบ่งในกรณีที่กำไรเป็นสัดส่วนสูงกว่า น่าจะ 90 : 10 เลย

เหมือนนักลงทุน โดนเอาเปรียบอยู่นะ 90  :  10 นี่ไม่คุ้มเลย

คัดลอกมาจาก เว็บของ set น่ะครับ

"อื่น ๆ ที่สำคัญ (ถ้ามี)              
             การคุ้มครองเงินลงทุนและผลตอบแทนขั้นต่ำให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก.
             กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง มีนโยบายให้ความคุ้มครองเงินลงทุนแก่ผู้ถือหน่วย
ลงทุนประเภท ก. โดยผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. จะได้รับเงินลงทุนคืนเมื่อครบอายุโครง
การในจำนวน ไม่ต่ำกว่ามูลค่าที่ตราไว้ของหน่วยลงทุน และได้รับการคุ้มครองอัตราผลตอบ
แทนขั้นต่ำอย่างน้อยร้อยละ 3 ต่อปี อย่างไรก็ตาม ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. อาจมีความ
เสี่ยงในการได้รับความคุ้มครองเงินลงทุนและผลตอบแทนขั้นต่ำ  หากมิได้ถือครองหน่วย
ลงทุนตั้งแต่การเสนอขายครั้งแรกไปจนครบ 10 ปี ตามอายุโครงการ โดยการคุ้มครอง
เงินลงทุนและผลตอบแทนดังกล่าวสามาถกระทำได้โดยมีนัยสำคัญของการลงทุนดังนี้
             1.      ซื้อหลักทรัพย์จากกระทรวงการคลังในราคาที่ทำให้ผู้ถือหน่วยลงทุน
ประเภท ก. ได้รับการคุ้มครองเงินลงทุนและผลตอบแทนขั้นต่ำตามที่กำหนดไว้ โดยซื้อใน
ราคาต่ำกว่าราคาตลาดร้อยละ 15
             2.      กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่งมีสิทธิขายกองทรัพย์สินซึ่งหมายถึงหลักทรัพย์
ที่ซื้อจากกระทรวงการคลังรวมทั้งทรัพย์สินอื่นที่เกี่ยวเนื่อง ให้แก่  กระทรวงการคลัง
(PUT Option) ในปีที่ 10 โดยสามารถใช้สิทธิได้เฉพาะกรณีที่ ณ วันเริ่มใช้สิทธิ มูลค่า
ทรัพย์สินสุทธิของกองทุนต่ำกว่า 70,000 บาทหรืออัตราผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีตลอดอาย
ุโครงการของผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. ต่ำกว่าร้อยละ 3 ต่อปี โดยกองทุนจะขายกอง
ทรัพย์สินให้กระทรวงการคลัง ในราคาที่ทำให้ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. ได้รับการคุ้มครอง
เงินลงทุนและผลตอบแทนขั้นต่ำเท่ากับร้อยละ 3 ต่อปี
            3.      กระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ข. ยินยอมให้ผู้ถือ
หน่วยลงทุนประเภท ก. ได้รับเงินคืนจากการเลิกกองทุนก่อน"

ผมสงสัยตรงที่เขียนเป็นตัวหนาครับ ผมสับสนว่าความหมายคือ ผู้ลงทุนจะได้รับความเสี่ยงที่เกิดจากการขายหน่วยลงทุนไปก่อนระยะเวลา 10 ปี ทำให้ไม่ได้เงินตามที่ลงไปตั้งแต่แรก

หรือว่านักลงทุนที่ถือหน่วยไม่ถึง 10 ปีจะไม่ได้รับเงินเต็มจำนวนที่กำหนดไว้คือ 10 บาท ณ เมื่อครบกำหนด 10 ปี

ความเสียงของVAYU1คือ
1. สภาพตลาดที่เอื้ออำนวยให้กองทุนนี้กำไรมากแค่ไหน
เนื่องจากกองทุนนี้เป็นกองทุนประเภทผสม มีทั้งสารตราหนี้และตราสารแห่งทุน ซึ่งตราสารแห่งทุนนี้ได้รับโอนจากกระทรวงการคลัง เมื่อสิ้นสุดกองทุนจะต้องนำหุ้นทั้งหมดคืนคลัง
2. เมื่อกำไรจากการลงทุนแล้ว กองทุนVAYU1จะแบ่งกำไรเป็นstep (จุดนี้กล่าวไว้ในหนังสือชี้ชวน) คือน้อยกว่า 3 ประเภทกได้95 กำไร3-7 ได้75 มากกว่า7 ได้5
(ถ้าผิดพลาดประการใดไปอ่านในหนังสือชี้ชวน)
3. อัตราดอกเบี้ยและการปันผล ซึ่งปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเป็นตัวกดดันอย่างมากๆๆ ฝากประจำได้ดอกเบี้ย5%ต่อปีในระยะไม่ถึงปี แต่กองทุนนี้รับประกันจากปันผลอย่างต่ำ 0.30ต่อหน่วยลงทุน
4. สภาพคล่อง(คอ) แทบจะไม่ค่อยมี ดูได้ว่าจะมีตอนจ่ายปันผลเท่านั้นที่ค่อยจะมีหน่อย
ทั้งหมดคือความเสี่ยงของVAYU1 ถ้าคุณพิจารณาครบแล้ว แล้วลังเลผมแนะนำว่าไม่ควรซื้อเพราะความลังเลมันคือการใช้สมองคิด สมองเลยกังวลครับ ถ้าตัดสินใจก็ต้องเด็ดขาด เหมือนกระบิงอิงฟ้าที่ออกจากฝักแล้วต้องมีคนตาย หรือมีเลือดนอง ครับ

อย่าแรกเลย VAYU1 ไม่ได้การันตีปันผลที่ 30 สตางค์ทุกปีนะครับ
แต่การันตีว่าปันผลตลอดอายุโครงการจะทำให้ผู้ถือหน่วยได้ผลตอบแทนไม่ต่ำกว่า 3%

อย่างที่สอง VAYU1 ไม่ได้การันตีว่าจะรับซื้อหน่วยลงทุนที่ราคา 10 บาท
แต่การันตีว่าราคารับซื้อคืนจะทำให้ผู้ถือหน่วยได้ผลตอบแทนไม่ต่ำกว่า 3% เช่นกัน

ซึ่งทั้งสองกรณีนี้มีโอกาสเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ VAYU1 มีการจ่ายปันผลมากว่า 30 สตางค์อย่างต่อเนืองมาตลอด แต่ในปีท้าย ๆ ของการลงทุนเกิดการขาดทุนอย่างมาก จนทำให้ผลตอบแทนตลอดการลงทุนของ vayu1 ต่ำกว่าอัตราปันผลที่ได้จ่ายมาตลอดในปีก่อนหน้านั้น

การที่ผลตอบแทนของ ก.การคลังสูง กว่า ผู้ถือหน่ยวธรรมดา เพราะว่า ที่อัตราผลตอบแทนที่สูงกว่า 3% ของกองทุน ก.คลังจะได้แบ่งเยอะกว่าตามลำดับ ผลตอบแทนของส่วนที่ยิ่งสูงกว่า ก.การคลังยิ่งได้เยอะ
ถ้าผมจำไม่ผิด ผลตอบแทนของผู้ถือหน่วยปกติจะไปตันอยู่ที่ประมาณ 8-9%
ไม่ว่ากองทุนจะกำไรมากมายมหาศาลเท่าไรก็ตาม

ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. อาจมีความ
เสี่ยงในการได้รับความคุ้มครองเงินลงทุนและผลตอบแทนขั้นต่ำ  หากมิได้ถือครองหน่วย
ลงทุนตั้งแต่การเสนอขายครั้งแรกไปจนครบ 10 ปี ตามอายุโครงการ

เดี๋ยวผมลองโทรไปเช็คกับกองทุนแล้วมา  Updateให้ครับ

ปล.ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นครับ