Thai VI

เคยได้ยินว่ามีกฏเหล็กห้าม VI เล่น margin

ตามความคิดผมๆว่ามี margin ข้อดีข้อเสียดังนี้

ข้อเสีย
1.ถ้าหุ้นตกจะโดนบังคับขาย  แม้เราจะคิดว่าพื้นฐานดีและไม่อยากขายแต่ก็ต้องขายเพราะเป็นกฏ เว้นเสียแต่เราจะมีเงินไปเติม

2.ราคาหุ้นในระยะสั้นอาจจะขึ้นหรือลงก็ได้  แม้จะมั่นใจว่าเลือกหุ้นดีแล้วก็ตาม  

3.หุ้นที่มีสภาพคล่องต่ำมักถูกห้ามไม่ให้เล่นมาร์จิ้น

4. จะทำให้เสียนิสัย

ข้อดี

1.ถ้าเราคิดถูกและราคาหุ้นขึ้นไปเรื่อยๆจะเท่ากับว่าเราได้กำไรเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าของที่ควรจะเป็น

2.ถ้าเรารู้ข้อเสีย เราก็ป้องกันไว้ก่อน เช่นอย่าเพิ่งซื้อเต็มวงเงิน  เราเก็บเงินเผื่อไว้สักหน่อย  เอาแบบที่ว่าราคาร่วงลงมา 20 % ก็ยังไม่โดนบังคับขาย  และถ้าราคาขึ้นไปเรื่อยๆเราค่อยตามเก็บให้ครบ

3.ดอกเบี้ยที่เราต้องเสียสำหรับการกู้เงินก็ไม่แพงมาก ประมาณ 5-7%/ปี เท่านั้นเอง

มีท่านใดมีประสบการเล่นมาร์จิ้นไหมครับ

ข้อดีก็คือ ใช้เสริมสภาพคล่องของตัวเรา บางครั้งยามที่เราต้องการลงทุนแต่เผอิญขาดเงินสด แต่เรารู้ว่าเราจะมีเงินสดเข้ามาอีกสามเดือนข้างหน้า เราก็สามารถลงทุนได้ โดยคิดเหมือนกับว่าถ้าเราถือเงินสด (ของสามเดือนข้างหน้า) วันนี้เราก็คงซื้ออยู่ดี

ไม่เคยใช้มาร์จินในแนวคิดของการเป็นทุนในการลงทุน leverage ถ้าใครใช้ในรูปแบบนั้นก็ต้องเพิ่มความระมัดระวัง

ก็เป็นเครื่องมืออีกตัว อยู่ที่การนำไปใช้และวินัยของคนใช้ Warren ใช้มาร์จินหรือเปล่าไม่รู้ แต่ใช้เงินคนอื่นด้วยแน่ๆ

Warren ใช้มาร์จินหรือเปล่าไม่รู้ แต่ใช้เงินคนอื่นด้วยแน่ๆ

อืม......ใช่จริงๆด้วย  ถ้าบัฟเฟตต์ใช้เฉพาะเงินตัวเอง เขาคงไม่มีวันนี้แน่ๆ

เมื่อเช้าผมนั่งอ่านทบทวนแนวทางการลงทุนของลุงบัฟแล้วต้องยอมรับว่า เขาคิดใหญ่(ใหญ่มากๆ)ไม่คิดเล็ก  อย่างยิ่งยวดเลยทีเดียว

ถ้าจะใช้มาร์จิ้น....ยืมคนข้างๆดีกว่าครับไม่เสียดอก.....แต่ผมว่ามีแค่ไหนลงทุนแค่นั้นสบายใจกว่าครับ 8)

มาร์จิ้นผมสงวนไว้เป็น "ไม้ตาย" เท่านั้น

ต้องใช้กับหุ้นที่เรามั่นใจสุดๆ แล้วเท่านั้น ถ้าเราซื้อแล้วมันลงไปอีก เราก็ซื้ออีก มันลงต่ออีก เราก็ซื้ออีก ซื้อจนหมดตูดแล้ว ถ้ามันยังลงต่อไปอีก ผมถึงจะควักไม้ตายนี้ออกมาใช้

และถ้ามันยังลงต่อไปอีก คราวนี้ "ไม้ตาย" ก็เลยกลายเป็น "ตาย" ไปเลย  

เล่นมาจิ้นมีโอกาสหมดตัวนะครับ
เพราะถ้าหุ้นตก เราต้องเอาหลักทรัพย์ไปค้ำ
ถ้ามันตกมากๆ หลักทรัพย์ค้ำจนหมดแล้วจะโดนบังคับขาย
เวลาโดนบังคับขาย เขาจะขายให้เร็วที่สุดโดยไม่สนเรื่องราคา

การขาดทุนจะมากมายมหาศาลเลย

ใช้มาร์จิ้นแต่พอดี อย่ามากเกินไป .....

ไม่โดนบังคับขายหรอกครับ เพราะบางทีขายก่อนโดนบังคับอีก

ความเห็นผมคิดว่าเสี่ยงเหมือนกันนะครับ

โดยเฉพาะคนที่ราคาหุ้นยิ่งลงแล้วซื้อเพิ่มไปเรื่อยๆเพราะเข้าใจว่าหุ้นราคาถูกมากแล้ว
แล้วก็หุ้น value บางตัวปีนึงราคาอาจจะไม่ขึ้นเลยก็ได้
ต้นทุนจะสูงขึ้นครับ

อยากใช้ในกรณีที่ทํา abitrage

ถ้าบอกว่าไม่เลย เหมือนทำธุรกิจแบบห้ามใช้เงินกู้เด็ดขาด

ดังนั้นช่วงดอกเบี้ยถูกๆ ผมว่าน่าเล่นมาร์จิ้นนะ

แต่ตอนนี้คงไม่ง่ะ

1.ถ้าเราคิดถูกและราคาหุ้นขึ้นไปเรื่อยๆจะเท่ากับว่าเราได้กำไรเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าของที่ควรจะเป็น

ผมมาลองคิดดูใหม่แล้วเปลี่ยนความคิดครับ

สมมติว่าเราชอบหุ้นวัฏจักรซึ่งมักจะขึ้นไปหลายๆเด้งและมักจะมีสภาพคล่องพอสมควร

สมมติเราลงเงินไปร้อยหนึ่ง เรายืมเงินเขาอีกร้อยหนึ่งซื้อที่ราคาสิบบาทเราก็จะได้ยี่สิบหุ้น

พอราคาขึ้นไปหนึ่งเด้งยี่สิบบาท พอร์ทเราจะมีค่าเป็นสี่ร้อยบาท (ถ้าเราขายตรงนี้เราจะได้กำไรสองร้อยบาทไม่ใช่หนึ่งร้อยบาท ซึ่งก็คือได้กำไรสองเท่า)แต่ถ้าเราไม่หยุดเราก็ยังเล่นได้อีกเพราะเงินของเขาที่อยู่กับเรายังเป็นร้อยบาท  ตรงนี้แหละที่ทำให้เราสามารถยืมเงินเขาได้อีกสองร้อยบาทเพื่อให้สัดส่วนเป็น50/50เหมือนเดิม

ถ้าเรายืมอีกสองร้อยบาท เราก็จะซื้อได้อีกสิบหุ้น

เมื่อหุ้นขึ้นไปอีกหนึ่งเด้งเป็นสี่สิบบาท(สมมติเฉยๆครับถ้าเป็นจริงก็ยิ่งดี555)

พอร์ทเราจะมีค่า 40บาท*30หุ้น = 1200 บาท  แล้วเราก็ขายทั้งหมด จ่ายเขาคืนสามร้อยบาท เหลือ เก้าร้อยบาท หักต้นทุนร้อยบาทก็จะเป็นกำไร 800 บาท

ถ้าเทียบกับที่เราไม่เล่นมาร์จิ้น เราจะได้กำไร400-100 = 300บาท

ซึ่งแปลว่าเราได้กำไรเป็น 2.67 เท่าไม่ใช่แค่ 2 เท่าของปกติ

คิดเล่นๆเฉยๆครับ  ผมทราบครับว่ามีความเสี่ยงสูง

ปล.ท่าน Rocker ครับ ใช้มาร์จิ้นในการทำ abitrage นั้น ทำอย่างไรครับ ผมตามไม่ทัน

[quote="สุมาอี้"]มาร์จิ้นผมสงวนไว้เป็น "ไม้ตาย" เท่านั้น

ต้องใช้กับหุ้นที่เรามั่นใจสุดๆ แล้วเท่านั้น ถ้าเราซื้อแล้วมันลงไปอีก เราก็ซื้ออีก มันลงต่ออีก เราก็ซื้ออีก ซื้อจนหมดตูดแล้ว ถ้ามันยังลงต่อไปอีก ผมถึงจะควักไม้ตายนี้ออกมาใช้

และถ้ามันยังลงต่อไปอีก คราวนี้ "ไม้ตาย" ก็เลยกลายเป็น "ตาย" ไปเลย

ตอนลงทุนแรกๆก็คิดว่าจะใช้เหมือนกัน
แล้วก็เคยขอไว้แล้วด้วย แต่พอซื้อได้2อาทิตย์
เปลี่ยนใจขายทิ้งไปเลย

เหตุผลคือ
1. ไม่สบายใจ
2. ไม่แน่ใจกับหุ้นที่ซื้อ
3. ไม่แน่ใจกับอารมณ์ตัวเอง
4. ไม่คืดว่า การเล่นมาร์จิ้น จะเสริมให้ทักษะการลงทุนเราดีขี้น
5. ไม่อยากให้ความโลภส่วนเกินเข้ามาครอบงำ
6. ไม่ประมาทดีกว่า

ส่วนเรื่องการบริหารเงินคนอื่นนั้น ผมเห็นว่าไม่เกี่ยวข้องกับการใช้มาร์จิ้นซักเท่าไร

อันนี้แล้วแต่นิสัยคนด้วย

บางคนบริหารเงินคนอื่น โดยไม่สนใจว่าเค้าจะกำไรหรือขาดทุน
แต่ของตัวเองไม่กล้ามีเยอะไป
บางคนบริหารเงินคนอื่นกลับไม่กล้า หรือเครียดเกินไป ทำให้การบริหารไม่ดีนัก

ผมว่า ปู่บัฟ เป็นคนมีความมั่นใจสูง จึงบริหารได้ทั้งคนคนอื่นและเงินตนเอง
อีกอย่าง ปู่บัฟไม่ได้ต้องการรวยตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
การบริหารเงินตนเองและคนอื่น จึงเป็นไปอย่างไม่มีความโลภเข้ามาครอบงำให้เกิดความเครียด
ทำให้ใช้เหตุผลในการลงทุนอย่างแท้จริง

ใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงดีกว่า....อย่าโลภมากเลยครับ 8)