หน้า 1 จากทั้งหมด 1

VI......ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มิ.ย. 23, 2006 11:53 pm
โดย 24
แล้วเราจะรู้ได้ไงครับว่าพื้นฐานเปลี่ยน

VI......ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 24, 2006 1:18 am
โดย akekarat
ก่อนจะรู้ว่าพื้นฐานเปลี่ยนหรือยัง ต้องรู้ก่อนว่า "พื้นฐาน" ที่ว่า คืออะไร

ว่าแต่พื้นฐานของคุณ 24 ก็คงไม่เหมือนกับคนอื่น ๆ ของอย่างนี้ บางทีขึ้นอยู่กับความพอใจ หรือการจำกัดความเสี่ยง ของแต่ละคนครับ

VI......ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 24, 2006 8:35 am
โดย chansaiw
temporary or permanent

VI......ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 24, 2006 1:20 pm
โดย CK
พื้นฐานเปลี่ยน


อย่าง CEI ราคาไม่เคยต่ำกว่า 8.95 ก่อนปี 2004
พอต่ำกว่า ก็แสดงว่าพื้นฐานเปลี่ยน
ใช่ไหมครับ

VI......ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 24, 2006 1:25 pm
โดย nanchan
พื้นฐานบริษัท CEI ไม่เคยเปลี่ยน

แต่ที่เปลี่ยน คือ ความคิดของคนที่ถือหุ้น CEI

VI......ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 24, 2006 1:32 pm
โดย MarginofSafety
ความคิดของผู้ที่ถือหุ้น CEI เปลี่ยน --> สะท้อนมาที่ราคา
มาจากพื้นฐานเปลี่ยน  :?:  (ขาดทุนหลักร้อยล้าน 2 ปีติดต่อกัน)

If the answer is :
Yes --> Good timing to buy.
No --> Just ignore it.

VI......ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 24, 2006 1:44 pm
โดย Raphin Phraiwal
หลักการนี้ผมก็ฟังมาจากพี่ๆในบอร์ดนี้อีกที

เราอาจสนใจหุ้นที่พื้นฐานใดเช่น บริษัทมีความสามารถในการแข่งขันสูง ไม่สามารถมีคู่แข่งเข้ามาแย่งชิงตลาดได้ง่าย อาจเป็นเพราะเหตุผลใดก็ตาม (มี Barrier of Entry สูง) แล้วจู่ๆ ปัจจัยนั้นเกิดเปลี่ยนไป เช่นรัฐบาลออกกฎหมายใหม่ที่เอื้ออำนวยต่อการเข้ามาของคู่แข่ง ซึ่งจะทำให้ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทที่เรามองหรือถือหุ้นอยู่ลดลง ทำให้ปัจจัยพื้นฐานที่เคยเป็นจุดแข็งเปลี่ยนไป

การเปลี่ยนไปของปัจจัยพื้นฐานอาจจำแนกได้เป็นทั้งแบบ temporary (ชั่วคราว) หรือแบบ permanent (ค้างคืน ..เอ้ย ถาวร) ตามที่พี่ chansaiw ได้บอกไว้ สำคัญคือเราต้องมองให้ออกว่าเป็นแบบไหน เราจะได้ตัดสินใจอย่างถูกต้อง
เช่น แบบ temporary บริษัทแจ้งว่ามีกำไรลดลงเพราะมียอดขายลดลง เนื่องมาจากปัจจัยการเมืองที่อึมครึม ทำให้ประชาชนรัดเข็มขัดกันแน่นขึ้น เราก็ต้องมองให้ออกว่าภาวะนี้เป็นภาวะชั่วคราวหรือไม่ ผู้คนจะกลับมาใช้สอยเหมือนเดิมหลังจากบรรยากาศดีขึ้นหรือไม่ เราอาจพิจารณาจุดแข็งจุดอื่นประกอบดู เช่นบริษัทนี้มีสินค้าที่ประชาชนทั่วไปใช้ อัตราการเติบโตของความต้องการของสินค้านี้ยังมีอยู่อีกมากในระยะยาว มีสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศตามแหล่ง modern trade ทั่วไป ฯลฯ เหตุการณ์นี้อาจทำให้หุ้นตก เราอาจถือโอกาสนี้เข้าไปลงทุนเพิ่มเพราะเรามั่นใจว่าปัจจัยพืนฐานจะกลับมาดีเหมือนเดิม (เราจะได้โอกาสเก็บหุ้นดีในราคาถูก)

ส่วนแบบ permanent บริษัทเคยมีกำไรดีมากแต่มีลูกค้ารายใหญ่ (ประมาณ 90 %) รายเดียวซึ่งซิ้อสินค้าจากบริษัทในราคาดี (สินค้าที่ผลิตก็เป็นสินค้าที่ไม่ต้องการ Know how อะไรมาก ใครๆก็ผลิตได้) ส่วนผู้บริหารบริษัทก็คุยไว้ว่ามีสายสัมพันธ์อันดีกับลูกค้ารายนี้ แล้วจู่ๆ วันดีคืนดีลูกค้ารายนี้ก็เลิกซื้อสินค้าแถมฟ้องร้องบริษัทอีกต่างหาก อย่างนี้คือปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยนแปลงอย่างแรง ต้องรีบขายหนีตายครับ

ความเห็นส่วนตัวนะครับ พี่ๆท่านอื่นช่วยเสริม/แก้ไขด้วยครับ ความรู้ผมยังน้อยอยู่

VI......ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 24, 2006 1:44 pm
โดย CK
nanchan เขียน:พื้นฐานบริษัท CEI ไม่เคยเปลี่ยน

แต่ที่เปลี่ยน คือ ความคิดของคนที่ถือหุ้น CEI
อยู่ๆ บอกว่า ลูกค้ารายใหญ่เลิกสัญญา
แถมจะฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นพันล้านบาท

พื้นฐานบริษัทไม่เคยเปลี่ยนจริงๆ หรือครับ

VI......ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 24, 2006 1:49 pm
โดย Raphin Phraiwal
อ้อ.. ตัวอย่างแรก (temporary) SE-ED ครับ
ตัวอย่างสอง (permanent) CEI ครับ

โปรดใช้วิจารณญาณครับ ผมอาจจะผิดก็ได้

VI......ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 24, 2006 3:15 pm
โดย yoyo
จะบอกว่า VI ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยนนี่เหมือนมองด้านเดียวไปรึเปล่าครับ
เพราะพื้นฐานก็เปลี่ยนไปในด้านดีได้เช่นกัน
เช่นแต่เดิมธุรกิจขายของอย่างนึงอยู่ แล้วหันมาขายของอีกอย่างปรากฎว่าขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
ไอ้แบบนี้ผมว่าถ้าพื้นฐานเปลี่ยนแบบยั่งยืนไปในทางที่ดีขึ้น แบบนี้ต้องซื้อครับ  8)

VI......ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 24, 2006 3:25 pm
โดย nanchan
CK เขียน: อยู่ๆ บอกว่า ลูกค้ารายใหญ่เลิกสัญญา
แถมจะฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นพันล้านบาท

พื้นฐานบริษัทไม่เคยเปลี่ยนจริงๆ หรือครับ
พี่CK ว่าเปลี่ยนรึเปล่าหละครับ
บริษัทก็ยังทำธุรกิจเหมือนเดิม
มีลูกค้ารายใหญ่รายเดี่ยว
ถ้าพรุ่งนี้ได้ลูกค้ามาเป็นรายใหญ่มาอีกซักครั้งพื้นฐานก็ยังเหมือนตอนนี้อยู่นั่นแหละ
พื้นฐานเหมือนเดิม

ความคิดตอนแรกของคนลงทุนก็คือว่า
บริษัทมีปันผลสูง
แต่มีลูกค้ารายใหญ่รายเดียวซึ่งเป็นความเสี่ยงที่สูงมากไม่คิด

ที่อยากจะบอกก็คือ พื้นฐานมันแย่มาตั้งนานแล้วหละ

บริษัทนี้ยืนอยู่บนเส้นด้ายบางๆมาตั้งนานแล้ว
ยังไม่ได้เปลี่ยนเลย
เพียงแต่ระยะเวลายังไม่ได้พิสูจน์ตัวมันออกมาเท่านั้นเอง
พึ่งจะมาแสดงผลเมื่อเร็วๆนี้เอง

อันนี้ก็อยู่ที่คนคิดพื้นฐานมั้งครับ

VI......ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 24, 2006 3:36 pm
โดย สามัญชน
mcs ก็มีลูกค้ารายใหญ่รายเดียวเหมือน cei  เพียงแต่ยังไม่เกิดเหตุเหมือน cei และหลายๆท่านบอกว่าโอกาสเกิดน้อย

อย่างนี้แปลว่าพื้นฐานเหมือน cei ไหมครับ

VI......ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 24, 2006 3:55 pm
โดย CK
อย่างนี้ pttep ไม่แย่เหรอครับ

ลูกค้ารายเดียวเหมือนกัน.....

VI......ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 24, 2006 5:01 pm
โดย 24
:D มีพี่เก่งๆมาตอบทั้งนั้นเลย :D

VI......ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 24, 2006 5:21 pm
โดย BHT
ผมคิดว่า พื้นฐานหมายถึงการดำเนินธุรกิจตามปกติแล้วทำกำไรได้สม่ำเสมอ

ถ้าธุรกิจปกติที่ดำเนินอยู่จากที่ทำกำไรได้ กลายเป็นไม่ได้ นี่คือพื้นฐานเปลี่ยนไปในทางแย่ ก็ขายหุ้น

กรณีของคุณ yoyo ที่ว่าเปลี่ยนจากธุรกิจอย่างหนึ่งไปทำอีกอย่างหนึ่ง ถ้าเรามองออกว่าจะเป็นผลดีต่อรายได้และกำไรของบริษัท อย่างนี้พื้นฐานน่าจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีกว่า ถือต่อ หรือซื้อเพิ่มได้

VI......ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 24, 2006 5:39 pm
โดย MarginofSafety
ขอแก้ไขหน่อยนะครับ
ก่อนหน้านี้ comment สลับกัน เดี๋ยวอ่านแล้วจะงง ขอแก้เป็น

[quote="HVI"]ความคิดของผู้ที่ถือหุ้น CEI เปลี่ยน --> สะท้อนมาที่ราคา
มาจากพื้นฐานเปลี่ยน

VI......ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 25, 2006 11:07 pm
โดย nanchan
ผมว่า mcs มีความใกล้เคียงกับ cei นะครับ

1.ลูกค้ารายใหญ่น้อยราย(ไม่รู้รายเดี่ยวรึเปล่า)
2.ลูกค้าต่างประเทศ(ความเสี่ยงค่าเงิน)

แล้วก็น่าจะเพิ่มอีกนิด คือ
ความเสี่ยงจากการปกป้องการค้าภายในประเทศของญี่ปุ่นเอง
ถ้าบริษัทที่ญี่ปุ่นไม่สามารถอยู่รอดได้ตอนนั้น
อาจต้องหาวิธีการต่างๆนานามาช่วยเช่นเพิ่มภาษีขาเข้า

ผมว่าผู้บริหารก็คงรู้อนาคตตัวเองหละครับ
ถึงได้พยายามให้ตัวเองมีหุ้นน้อยลง
เพื่อกระจายความเสี่ยงการลงทุน

แต่ผมว่าผู้บริหารก็ดูไม่ได้ทอดทิ้งบริษัทนะครับ
ก็เห็นว่ามีความพยายามไปร่วมทุนกับเมืองจีน
ซึ่งอาจจะเป็นผลดีต่อไปก็ดี
ที่สามารถไปทำการผลิตในเมืองจีนและขายในเมืองจีน
ซึ่งน่าจะลดความเสี่ยงลงไปได้เยอะ


ส่วนpttep นี่ไม่ทราบว่าเค้าเป็นลูกค้าหรือพ่อลูกกันครับ

ยังไงความเสี่ยงของลูกค้ารายเดียวก็คงต้องดูปัจจัยอื่นประกอบด้วยเช่นกัน
ว่าเสี่ยงมากมากหรือน้อยขนาดไหน

ถ้าญี่ปุ่นมีนโยบายไม่ผลิตเหล็กในประเทศแล้วหละก็
ผมว่าตรงนี้ก็อาจจะลดความเสี่ยงไปได้มาก


ยังไงถ้าความคิดเห็นผมไม่ถูกต้องนัก ก็แย้งได้เลยนะ
ผมก็ไม่ได้เจาะลึกข้อมูลทั้งmcsและpttep หรอกครับ

VI......ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 26, 2006 7:19 am
โดย คัดท้าย
ผมว่าทั้งหลายในโลกมันไม่มีจีรัง

บริษัท ทีมีลูกค้ารายเดียว ทำเงินให้ผู้ถือหุ้นมาก็มาก
บรษิท ที่มีลูกค้าแสนราย ทำผู้ถือหุ้นชีช้ำ มาก็เยอะ

CEI เอง ทำผู้ถือหุ้นได้ตังเป๋าตุง มาในช่วงเวลานึง .... และก็ทำเป๋าฉีก ในอีกช่วงระยะเวลานึง

MCS ตอนนี้ทำเงินให้ผู้ถือหุ้น แล้วต่อไปละ ?

SIAM คาดว่าจะทำเงินให้ผู้ถือหุ้น แล้วต่อไปละ ?

ILINK ทำเงินให้ผู้ถือหุ้นที่ผ่านมายิ้มแย้ม แล้วต่อไปละ?

PTTEP ทำเงินให้ผู้ถือหุ้นยิ้มแย้ม ... แล้วต่อไปแน่ใจหรือ?

ผมว่าการติดตามข้อมูลเป็นเรื่องจำเป็น ต้องรู้ว่าทำอะไรอยู่ และรู้ตัวเองด้วยว่าสิ่งที่ทำตรงหน้า เป็นการลงทุน หรือ การเก็งกำไรกันแน่ หรือว่าเป็นลูกครึ่ง เพราะถ้าหลอกตัวเอง ผมว่าอันตรายที่สุด

VI......ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 26, 2006 9:30 am
โดย HI.ผมเอง
ใครน่าจะเป็นคนแรกๆที่รู้ว่า พื้นฐานของธุรกิจเปลี่ยน :roll:

VI......ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 26, 2006 10:36 am
โดย สามัญชน
ผมก็เห็นคล้ายๆกับท่าน CK กับท่าน nanchan นะครับแม้จะฟังดูเหมือนเห็นไม่ตรงกัน

เป็นเพราะคำว่า qualitative กับ quantitative

คือว่าการที่บริษัทมีลูกค้ารายเดียว ถ้าถามในแง่ qualitative แค่ว่าดีหรือไม่ดี
ผมก็ว่าไม่ดี ท่าน ckก็ว่าไม่ดี ท่านnanchan บอกว่าไม่ดีแน่ๆ  การมีลูกค้าหลายรายย่อมมีความเสี่ยงน้อยกว่าโดยธรรมชาติอยู่แล้ว

แต่ถ้าถามเพิ่มว่าไม่ดีมากน้อยแค่ไหน(quantitative ) คำตอบก็คงขึ้นกับความเสี่ยงว่ามีอยู่มากน้อยแค่ไหน  ถ้าพี่เทพซึ่งเป็นพ่อลูกกันก็ถือว่าความเสี่ยงน้อย ถ้าcei ก็ถือว่าเสี่ยงสูงเพราะผูกพันกันด้วยผลประโยชน์ เมื่อผลประโยชน์ไม่ลงตัวอะไรก็เกิดขึ้นได้

กรณี mcs ผมก็ว่าผูกพันกันด้วยผลประโยชน์ เพียงแต่ความเสี่ยงที่ว่ายังไม่เกิดขึ้นเหมือน cei แต่ในอนาคตก็มีโอกาสเช่นเดียวกัน

VI......ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 26, 2006 10:53 am
โดย ต.หยวนเปียว
อ้างพื้นฐานเปลี่ยน
เพื่อกลบฝั่งความรู้สึกผิดแต่แรก
เมื่อเลือกลงทุน  :lol: