สปน.สั่งประหารชีวิต ITV ต้องจ่าย 7.56 หมื่นล.
โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 20, 2006 8:31 am
สปน.สั่งประหารชีวิต ITV ต้องจ่าย 7.56 หมื่นล. 'นิวัฒน์ธำรง'ขอสู้ถวยหัว ไม่ยอมตายคาคมดาบ
สปน.ระบุอัยการสูงสุดสั่งให้ ITV จ่ายค่าปรับและสัมปทานทั้งหมด บวกดอกเบี้ยทันที
จำนวน 7.59 หมื่นลบ.เริ่ม 3 ก.ค.นี้ ยืนยันเป็น ตัวเลขที่ถูกต้องโดยคำนวณตามสัญญาที่
ทำไว้ทุกอย่าง ด้าน'นิวัฒน์ธำรง'ขอสู้สุดชีวิต จะจำนนต่อเมื่อศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่ง
เท่านั้น โวยจำนวนเงินที่ถูกต้องคือปีละ 100 ลบ.ไม่ใช่ตัวเลขที่ สปน.บอก ระบุหากพ่าย
แพ้ก็พร้อมจะจ่ายไม่ว่าจะมากแค่ไหน พร้อมยืนยันดำเนินงานต่อไปไม่คืนสัมปทานแน่
นายรองพล เจริญพันธุ์ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภายหลังยื่นเรื่องให้อัยการ
สูงสุดวินิจฉัยคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง ว่ามีผลเพิกถอนคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ
โดยทันทีหรือไม่นั้น อัยการสูงสุดตอบกลับมาว่า คำพิพากษาของศาลปกครองกลางมีผลเพิกถอน
คำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการโดยทันทีและไม่ต้องรอพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด แม้ว่า
บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) (ITV) จะยื่นอุทธรณ์แล้วก็ตาม ต่อประเด็นดังกล่าวทำให้ ITV จะ
ต้องจ่ายค่าสัมปทานให้สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ตามปกติ ซึ่งจะครบวาระจ่ายค่า
ตอบแทนประจำปีในวันที่ 3 กรกฎาคม 2549 ซึ่งถือเป็นปีที่ 11 ของสัญญา โดยในสัญญาระบุว่าปี
ที่ 11-30 ไอทีวี จะต้องจ่ายค่าสัมปทานรวม 2 หมื่นล้านบาท โดยเฉลี่ยเป็นปีละ 1 พันล้านบาท
พร้อมดอกเบี้ยรวมเท่ากับปีละ 2,709 ล้านบาท
เขากล่าวต่อว่า ITV ต้องจ่ายค่าสัมปทานทันทีตามคำวินิจฉัยของศาลปกครองกลาง
ITV ที่จะต้องจ่ายคืนผลประโยชน์และค่าตอบแทนที่ค้างอยู่ทั้งหมดในระยะเวลา 11 ปีของสัญญา
ซึ่งจะครบปีที่ 11 ในวันที่ 3 กรกฎาคม 2549 โดยรวมทั้งสิ้นเป็นเงินพร้อมดอกเบี้ยค่าปรับ
75,960 ล้านบาท
'คณะกรรมการจะต้องเรียกเก็บผลประโยชน์ค่าตอบแทนที่ ITV ค้างอยู่ทั้งหมด 670
ล้านบาท บวกดอกเบี้ยระยะเวลา 651 วันในปีแรกเท่ากับ 1,797,974 ล้านบาท ส่วนในปีที่ 2 และ
ปีต่อๆ ไปจะต้องเสียค่าปรับ 770 ล้านบาท และดอกเบี้ย 286 วัน รวมเป็นเงิน 1,709,749,314
บาท ทั้งหมดรวมกับค่าปรับผังรายการ ซึ่งฝ่ายเลขาธิการจะคิดตามสัญญาที่ระบุว่าให้คิดค่าปรับ
10% ต่อวัน ซึ่งรวมทั้งสิ้นแล้วค่าสัมปทาน ดอกเบี้ย และค่าปรับทั้งหมดที่ ITV จะต้องจ่ายคืนเท่า
กับ 75,960 ล้านบาท'
ทั้งนี้ สปน. เตรียมทำหนังสือชี้แจงจำนวนเงินค่าปรับค่าสัมปทานและดอกเบี้ยทั้งหมด
ที่ ITV จะต้องจ่ายคืนแก่รัฐตามระยะสัญญา 11 ปี ที่ยังคงค้างอยู่ถึง ITV ภายใน 2-3 วันนี้ โดย
ITV จะต้องพิจารณาผลประโยชน์ที่รัฐเรียกเก็บและตอบเป็นหนังสือกลับมาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อยืนยัน
ความชัดเจนและความเข้าใจในการจ่ายผลประโยชน์ที่ยังคงค้างอยู่ หลังจากที่อัยการสูงสุดมีคำ
วินิจฉัยยืนตามคำชี้ขาดของศาลปกครองกลางแล้ว
ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ยืนยัน สปน. ได้คิดค่าสัมปทาน ดอกเบี้ย และค่าปรับกับ
ITV ไปตามสัญญาที่ทำไว้ทุกประการ โดยสัญญาได้ระบุว่า ITV จะต้องจ่ายผลประโยชน์ให้กับรัฐ
ตามระยะเวลา 30 ปี โดยชำระแบบรายปี ซึ่งที่ผ่านมาภายหลัง ITV มีการปรับผังรายการตามคำ
สั่งของอนุญาโตตุลาการทำให้รัฐสูญเสียรายได้
' หลังจากนี้ ITV จะต้องเสียค่าปรับตามคำสั่งของอัยการสูงสุดที่มีคำวินิจฉัยยืนตามคำ
สั่งของศาลปกครองกลาง ให้เพิกถอนคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการโดยทันที ซึ่ง สปน.จะคิดค่า
ตอบแทนทั้งหมดที่ ITV ยังค้างอยู่ตามสัญญาทุกประการ' นายรองพล กล่าว
ด้านนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอทีวี จำกัด
(มหาชน) (ITV) ยืนยันว่า จะยังไม่จ่ายค่าสัมปทานให้แก่ สปน. ในทันที เนื่องจากยังไม่มีความ
ชัดเจนในจำนวนเงินค่าปรับที่จะต้องจ่ายทั้งหมด และยึดตามมาตรา 70 วรรค 2 ที่ระบุว่าศาล
ปกครองชั้นต้นและชั้นกลางแม้จะมีคำสั่งให้มีผลปฎิบัติแต่ยังจะต้องรอไว้ก่อน เพื่อให้พ้นเวลา
อุทธรณ์หรือเมื่อคดีสิ้นสุดทันทีที่มีคำสั่งของศาลปกครองสูงสุดเป็นผู้ตัดสิน
เขากล่าวว่า สปน. ใช้วิธีการคิดค่าตอบแทนและค่าปรับคนละวิธีกับ ITV แม้ทาง
สปน.จะยืนยันว่าคิดค่าปรับตามสัญญาเดียวกัน แต่ตัวเลขออกมาต่างกันเนื่องจากใช้วิธีคิดที่ต่าง
กันจึงทำให้ค่าปรับที่ ITV ต้องจ่ายให้แก่รัฐสูงกว่ามากกว่าที่บริษัทฯ ได้คำนวณไว้ โดย สปน.ใช้วิธี
คิดต่างกันจากสัญญา โดย ITV คิดค่าปรับรายวัน 10% บวกสัมปทาน 1 พันล้านบาทตามสัญญา
เดิมตกแล้วต้องเสียค่าปรับ 3 แสนบาทต่อวัน คิดเป็นรายปีก็ประมาณ 100 ล้านบาท ส่วนที่ สปน.
คิดค่าปรับ 10% หรือ 100 ล้านบาทต่อวัน 365 วันเท่ากับ 36,500 ล้านบาท บวกค่าสัมปทานเข้า
ไปอีกตัวเลขจึงออกมาต่างกันมาก
' หากเกิดข้อพิพาทระหว่าง 2 ฝ่ายที่ไม่สามารถตกลงกันได้อาจต้องนำกลับไปสู่
กระบวนการไต่สวนความผิดและคำพิพากษาของอนุญาโตตุลาการอีกครั้ง เพื่อวิเคราะห์ข้อเท็จจริง
ทั้งหมด ในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารของ ITV ซึ่งน่าจะมีเรื่องค่าสัมปทาน
นี้ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่จะต้องนำเข้าที่ประชุมเพื่อหารือกัน'
เขากล่าวต่อว่า ขณะนี้ไม่มีแนวคิดที่จะคืนสัมปทานให้กับสปน. โดยยังคงยืนยันที่จะ
ดำเนินธุรกิจต่อไป ส่วนประเด็นการจ่ายเงินหากในที่สุด ITV แพ้ ทางบริษัทมั่นใจว่าจะสามารถหา
เงินมาชำระได้ ซึ่งบริษัทก็มีเงินอยู่มาก โดยขณะนี้บริษัทมีกระแสเงินสดประมาณ 1 พันล้านบาท
และหาก บริษัท ฯจะต้องจ่ายค่าสัมปทาน ก็จะนำเงินมาจากกระแสเงินสดส่วนหนึ่ง รวมทั้งต้องหา
เงินจากแหล่งอื่นมาเสริม ซึ่งเป็นเรื่องที่บริษัทจะต้องจัดหามา โดยแหล่งเงินทุนก็มีหลายแหล่งด้วยกัน
สำหรับการปรับผังรายการของบริษัท ฯ นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวว่า ในขณะนี้ยังไม่ได้มี
การปรับผังรายการใหม่จนกว่าจะมีคำพิจารณาจากศาลปกครองสูงสุด ส่วนการปรับผังรายการเล็ก
น้อยก็มีบ้างตามธุรกิจ ซึ่งที่ผ่านมายังไม่มีการปรับผังรายการ 50:50 โดยขณะนี้สัดส่วนข่าวสาร
และสาระอยู่ที่ 65% และรายการบันเทิงอยู่ที่ 35%
' บริษัทฯยังคงรอคำพิพากษาพิจารณาจากศาลปกครองสูงสุด โดยขณะนี้บริษัทฯได้ยื่น
อุทธรณ์ และอยู่ระหว่างการรอขบวนการต่อไปจากศาลว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร สำหรับใน
เรื่องของทาง สปน.นั้น ตอนนี้บริษัทฯรอจดหมายจากทางสปน.ว่าจะมีข้อคำถามอย่างไร และบริษัท
จะนำมาพิจารณาเพื่อตอบกลับไปอีกครั้ง'ประธานกรรมการบริหาร ITV กล่าวในที่สุด
สปน.ระบุอัยการสูงสุดสั่งให้ ITV จ่ายค่าปรับและสัมปทานทั้งหมด บวกดอกเบี้ยทันที
จำนวน 7.59 หมื่นลบ.เริ่ม 3 ก.ค.นี้ ยืนยันเป็น ตัวเลขที่ถูกต้องโดยคำนวณตามสัญญาที่
ทำไว้ทุกอย่าง ด้าน'นิวัฒน์ธำรง'ขอสู้สุดชีวิต จะจำนนต่อเมื่อศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่ง
เท่านั้น โวยจำนวนเงินที่ถูกต้องคือปีละ 100 ลบ.ไม่ใช่ตัวเลขที่ สปน.บอก ระบุหากพ่าย
แพ้ก็พร้อมจะจ่ายไม่ว่าจะมากแค่ไหน พร้อมยืนยันดำเนินงานต่อไปไม่คืนสัมปทานแน่
นายรองพล เจริญพันธุ์ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภายหลังยื่นเรื่องให้อัยการ
สูงสุดวินิจฉัยคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง ว่ามีผลเพิกถอนคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ
โดยทันทีหรือไม่นั้น อัยการสูงสุดตอบกลับมาว่า คำพิพากษาของศาลปกครองกลางมีผลเพิกถอน
คำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการโดยทันทีและไม่ต้องรอพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด แม้ว่า
บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) (ITV) จะยื่นอุทธรณ์แล้วก็ตาม ต่อประเด็นดังกล่าวทำให้ ITV จะ
ต้องจ่ายค่าสัมปทานให้สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ตามปกติ ซึ่งจะครบวาระจ่ายค่า
ตอบแทนประจำปีในวันที่ 3 กรกฎาคม 2549 ซึ่งถือเป็นปีที่ 11 ของสัญญา โดยในสัญญาระบุว่าปี
ที่ 11-30 ไอทีวี จะต้องจ่ายค่าสัมปทานรวม 2 หมื่นล้านบาท โดยเฉลี่ยเป็นปีละ 1 พันล้านบาท
พร้อมดอกเบี้ยรวมเท่ากับปีละ 2,709 ล้านบาท
เขากล่าวต่อว่า ITV ต้องจ่ายค่าสัมปทานทันทีตามคำวินิจฉัยของศาลปกครองกลาง
ITV ที่จะต้องจ่ายคืนผลประโยชน์และค่าตอบแทนที่ค้างอยู่ทั้งหมดในระยะเวลา 11 ปีของสัญญา
ซึ่งจะครบปีที่ 11 ในวันที่ 3 กรกฎาคม 2549 โดยรวมทั้งสิ้นเป็นเงินพร้อมดอกเบี้ยค่าปรับ
75,960 ล้านบาท
'คณะกรรมการจะต้องเรียกเก็บผลประโยชน์ค่าตอบแทนที่ ITV ค้างอยู่ทั้งหมด 670
ล้านบาท บวกดอกเบี้ยระยะเวลา 651 วันในปีแรกเท่ากับ 1,797,974 ล้านบาท ส่วนในปีที่ 2 และ
ปีต่อๆ ไปจะต้องเสียค่าปรับ 770 ล้านบาท และดอกเบี้ย 286 วัน รวมเป็นเงิน 1,709,749,314
บาท ทั้งหมดรวมกับค่าปรับผังรายการ ซึ่งฝ่ายเลขาธิการจะคิดตามสัญญาที่ระบุว่าให้คิดค่าปรับ
10% ต่อวัน ซึ่งรวมทั้งสิ้นแล้วค่าสัมปทาน ดอกเบี้ย และค่าปรับทั้งหมดที่ ITV จะต้องจ่ายคืนเท่า
กับ 75,960 ล้านบาท'
ทั้งนี้ สปน. เตรียมทำหนังสือชี้แจงจำนวนเงินค่าปรับค่าสัมปทานและดอกเบี้ยทั้งหมด
ที่ ITV จะต้องจ่ายคืนแก่รัฐตามระยะสัญญา 11 ปี ที่ยังคงค้างอยู่ถึง ITV ภายใน 2-3 วันนี้ โดย
ITV จะต้องพิจารณาผลประโยชน์ที่รัฐเรียกเก็บและตอบเป็นหนังสือกลับมาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อยืนยัน
ความชัดเจนและความเข้าใจในการจ่ายผลประโยชน์ที่ยังคงค้างอยู่ หลังจากที่อัยการสูงสุดมีคำ
วินิจฉัยยืนตามคำชี้ขาดของศาลปกครองกลางแล้ว
ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ยืนยัน สปน. ได้คิดค่าสัมปทาน ดอกเบี้ย และค่าปรับกับ
ITV ไปตามสัญญาที่ทำไว้ทุกประการ โดยสัญญาได้ระบุว่า ITV จะต้องจ่ายผลประโยชน์ให้กับรัฐ
ตามระยะเวลา 30 ปี โดยชำระแบบรายปี ซึ่งที่ผ่านมาภายหลัง ITV มีการปรับผังรายการตามคำ
สั่งของอนุญาโตตุลาการทำให้รัฐสูญเสียรายได้
' หลังจากนี้ ITV จะต้องเสียค่าปรับตามคำสั่งของอัยการสูงสุดที่มีคำวินิจฉัยยืนตามคำ
สั่งของศาลปกครองกลาง ให้เพิกถอนคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการโดยทันที ซึ่ง สปน.จะคิดค่า
ตอบแทนทั้งหมดที่ ITV ยังค้างอยู่ตามสัญญาทุกประการ' นายรองพล กล่าว
ด้านนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอทีวี จำกัด
(มหาชน) (ITV) ยืนยันว่า จะยังไม่จ่ายค่าสัมปทานให้แก่ สปน. ในทันที เนื่องจากยังไม่มีความ
ชัดเจนในจำนวนเงินค่าปรับที่จะต้องจ่ายทั้งหมด และยึดตามมาตรา 70 วรรค 2 ที่ระบุว่าศาล
ปกครองชั้นต้นและชั้นกลางแม้จะมีคำสั่งให้มีผลปฎิบัติแต่ยังจะต้องรอไว้ก่อน เพื่อให้พ้นเวลา
อุทธรณ์หรือเมื่อคดีสิ้นสุดทันทีที่มีคำสั่งของศาลปกครองสูงสุดเป็นผู้ตัดสิน
เขากล่าวว่า สปน. ใช้วิธีการคิดค่าตอบแทนและค่าปรับคนละวิธีกับ ITV แม้ทาง
สปน.จะยืนยันว่าคิดค่าปรับตามสัญญาเดียวกัน แต่ตัวเลขออกมาต่างกันเนื่องจากใช้วิธีคิดที่ต่าง
กันจึงทำให้ค่าปรับที่ ITV ต้องจ่ายให้แก่รัฐสูงกว่ามากกว่าที่บริษัทฯ ได้คำนวณไว้ โดย สปน.ใช้วิธี
คิดต่างกันจากสัญญา โดย ITV คิดค่าปรับรายวัน 10% บวกสัมปทาน 1 พันล้านบาทตามสัญญา
เดิมตกแล้วต้องเสียค่าปรับ 3 แสนบาทต่อวัน คิดเป็นรายปีก็ประมาณ 100 ล้านบาท ส่วนที่ สปน.
คิดค่าปรับ 10% หรือ 100 ล้านบาทต่อวัน 365 วันเท่ากับ 36,500 ล้านบาท บวกค่าสัมปทานเข้า
ไปอีกตัวเลขจึงออกมาต่างกันมาก
' หากเกิดข้อพิพาทระหว่าง 2 ฝ่ายที่ไม่สามารถตกลงกันได้อาจต้องนำกลับไปสู่
กระบวนการไต่สวนความผิดและคำพิพากษาของอนุญาโตตุลาการอีกครั้ง เพื่อวิเคราะห์ข้อเท็จจริง
ทั้งหมด ในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารของ ITV ซึ่งน่าจะมีเรื่องค่าสัมปทาน
นี้ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่จะต้องนำเข้าที่ประชุมเพื่อหารือกัน'
เขากล่าวต่อว่า ขณะนี้ไม่มีแนวคิดที่จะคืนสัมปทานให้กับสปน. โดยยังคงยืนยันที่จะ
ดำเนินธุรกิจต่อไป ส่วนประเด็นการจ่ายเงินหากในที่สุด ITV แพ้ ทางบริษัทมั่นใจว่าจะสามารถหา
เงินมาชำระได้ ซึ่งบริษัทก็มีเงินอยู่มาก โดยขณะนี้บริษัทมีกระแสเงินสดประมาณ 1 พันล้านบาท
และหาก บริษัท ฯจะต้องจ่ายค่าสัมปทาน ก็จะนำเงินมาจากกระแสเงินสดส่วนหนึ่ง รวมทั้งต้องหา
เงินจากแหล่งอื่นมาเสริม ซึ่งเป็นเรื่องที่บริษัทจะต้องจัดหามา โดยแหล่งเงินทุนก็มีหลายแหล่งด้วยกัน
สำหรับการปรับผังรายการของบริษัท ฯ นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวว่า ในขณะนี้ยังไม่ได้มี
การปรับผังรายการใหม่จนกว่าจะมีคำพิจารณาจากศาลปกครองสูงสุด ส่วนการปรับผังรายการเล็ก
น้อยก็มีบ้างตามธุรกิจ ซึ่งที่ผ่านมายังไม่มีการปรับผังรายการ 50:50 โดยขณะนี้สัดส่วนข่าวสาร
และสาระอยู่ที่ 65% และรายการบันเทิงอยู่ที่ 35%
' บริษัทฯยังคงรอคำพิพากษาพิจารณาจากศาลปกครองสูงสุด โดยขณะนี้บริษัทฯได้ยื่น
อุทธรณ์ และอยู่ระหว่างการรอขบวนการต่อไปจากศาลว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร สำหรับใน
เรื่องของทาง สปน.นั้น ตอนนี้บริษัทฯรอจดหมายจากทางสปน.ว่าจะมีข้อคำถามอย่างไร และบริษัท
จะนำมาพิจารณาเพื่อตอบกลับไปอีกครั้ง'ประธานกรรมการบริหาร ITV กล่าวในที่สุด