Thai VI

กุ้มจริง ๆ ครับ สังเกต ล.ลิง ไม่มีเลยครับ
มันยังตกไม่ถึงจัดที่ผมรอซื้อเลยอ่ะ
ผมชอบพอร์ตแดง ๆ ดังอัญมณีมากกว่า

บริษัทดี ๆ ก็ดีจริง ๆ หุ้นตกน้อยมาก ๆ ครับ

มิได้ตั้งใจกวนนะครับ แต่ไม่แน่ใจว่าผมเป็นโรคจิตรึเปล่าเนี่ย เพื่อน ๆ พี่ ๆ เคยเป็นแบบนี้รึเปล่าครับ รบกวนแนะนำด้วยครับว่าทำไงดี

ป.ล. ห้ามตอบว่าทำใจนะครับ เพราะว่าทำอยู่ ^_^

yutarng เขียน:กุ้มจริง ๆ ครับ สังเกต ล.ลิง ไม่มีเลยครับ
มันยังตกไม่ถึงจัดที่ผมรอซื้อเลยอ่ะ
ผมชอบพอร์ตแดง ๆ ดังอัญมณีมากกว่า

บริษัทดี ๆ ก็ดีจริง ๆ หุ้นตกน้อยมาก ๆ ครับ

มิได้ตั้งใจกวนนะครับ แต่ไม่แน่ใจว่าผมเป็นโรคจิตรึเปล่าเนี่ย เพื่อน ๆ พี่ ๆ เคยเป็นแบบนี้รึเปล่าครับ รบกวนแนะนำด้วยครับว่าทำไงดี

ป.ล. ห้ามตอบว่าทำใจนะครับ เพราะว่าทำอยู่ ^_^

ไม่โรคจิตหรอกครับ ตราบใดที่ยังมีเงินสดเหลือ แต่ถ้าลองสถานการณ์กลับกันคือซื้อจนหมดกระสุนแล้วถ้ายังรู้สึกอย่างนี้ได้ก็ดีใจด้วยครับเพราะแสดงว่าได้เข้าใกล้ VI เข้าไปอีกขั้นแล้ว

คุณ woody ครับ เงินหมดแล้วจริง ๆ ครับ กำลังเร่งหาเงินอยู่ครับ

แต่ไม่ได้ใกล้ vi หรอกครับ บางครั้งก็ยังอยากเก็งกำไรอยู่ เพียงแต่ถ้าเราคิดว่าเราเป็นนัก "ลงทุน" พอวิเคราะห์แล้วเห็นว่าบริษัทนั้นอนาคตดี ฝากผีฝากไข้ได้ แล้วราคาใกล้ถึงจุดที่เราว่าใช่เลย แล้วมันขึ้น โอย มันรู้สึกแปลก ๆ เลยครับ

อย่างไรก็ตาม ยินดีที่ได้รู้จักครับผม ^_^

มันจะขึ้นจริงไหมล่ะ

หากต่างชาติยังขายไม่เลิก

เรียนคุณปรัชญา

ถูกต้องนะคร้าบ!!! นั่นแหล่ะครับที่ทำให้ยังทำใจได้อยู่

ถ้าวันนี้ขึ้นถึงสัก 670 คาดว่าวันจันทร์คงยังบวกนิดหน่อย แต่โดยรวมยังลงครับ (ความเห็นส่วนตัวนะครับ)

ปัญหาคือ ไอ้ตัวที่เรามอง ๆ เนี่ย เวลาตลาดลง มันลงน้อยกว่าตลาด เวลาขึ้นมันขึ้นเยอะขึ้นเร็ว แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่เราจะได้ซื้อเนี่ย

แต่ว่าไปแล้วก็สบายใจดีครับ เงินหมด หุ้นยังมาไม่ถึงจุดซื้อเนอะ

ยินดีที่ได้รู้จักครับผม

ป.ล. หลัง ๆ ก็เริ่มรู้สึกว่าหุ้นก็เหมือนสินค้าธรรมดา ความรู้สึกดีใจมันอยู่ตอนซื้อ เพียงแต่ซื้อได้เยอะหรือน้อยเท่านั้น สุดท้ายเราก็มีหุ้นนั้นอยู่ดี ตอนนี้ที่มันทุรนทุรายเพราะยังซื้อหุ้นบริษัทนั้น ๆ ครั้งแรกไม่ได้อ่ะครับ

ปรัชญาส่วนตัวผมคือ ซื้อครั้งแรกคิดให้หนัก ๆ
เมื่อซื้อครั้งแรกแล้ว เลิกคิดว่าตัดสินใจถูกหรือผิด เพราะมันคือการตัดสินใจถูกเสมอ

หุ้นขึ้น ผมดีใจมากครับ

หุ้นลง ผมก็ดีใจมากอีกแหละ

หุ้นไม่ขึ้นไม่ลง ผมก็สบายใจครับ

555+

vi ตัวจริงต้องอย่างคุณ CK ครับ ขอตอบเป็นคำตอบสุดท้าย!!!

เวลาที่ผมกลุ้มใจที่สุดจริง ๆ คือ เวลาที่หุ้นบริษัทที่เราจ้องตกมาถึงจุดที่เราอยากซื้อแล้วไม่มีเงินซื้อหุ้นครับ มันทุรนทุรายไงก็ไม่รู้

ว่าว่าง ๆ จะไปห้องสมุดมารวย หาหนังสือเกี่ยวกับ DCF Model ไม่ทราบเพื่อน ๆ พี่ ๆ มีคำแนะนำมั้ยครับว่าเล่มไหนดีสุด โดนใจครับ (มีความตั้งใจจริงครับ แต่หลายเล่มเกินไปก็ไม่ไหวเหมือนกัน เลือกหนังสืออ่านก็ต้องเน้นคุณค่าด้วย ถึงจะเป็น vi จริง แป่ว)

วิธีวัดง่าย ๆ ว่าคุณเป็น vi หรือไม่? คุณไปดูหนังที่โรงภาพยนตร์หรือไม่? ถ้าใช่คุณไม่ใช่ vi ตัวจริง เพราะว่าซื้อแผ่นมาในราคาพอ ๆ กันคุณจะดูกี่ครั้งก็ได้ (อันนี้ทฤษฎีผมเองนะครับ ดังนั้นผมแนะนำหุ้นโรงภาพยนตร์ ว่าไปนั่น จริง ๆ ไม่เกี่ยวนะครับ เพราะว่า life style คนรุ่นใหม่ก็เปลี่ยนไปด้วย)

yutarng เขียน:555+

vi ตัวจริงต้องอย่างคุณ CK ครับ ขอตอบเป็นคำตอบสุดท้าย!!!

อืมม์

หุ้นขึ้นผมซื้อ หุ้นลงผมขาย หุ้นไม่ไปไหนก็เล่นเกม

เรียกวีไอได้เหรอครับ

CK เขียน: อืมม์

หุ้นขึ้นผมซื้อ หุ้นลงผมขาย หุ้นไม่ไปไหนก็เล่นเกม

เรียกวีไอได้เหรอครับ

แล้วเอากำไรมาจากไหนเนี่ย  :roll:  :shock:  :shock:  :shock:

Boring Stock Lover เขียน:

แล้วเอากำไรมาจากไหนเนี่ย

Capo เขียน:"เริ่ม" ขึ้น --> ซื้อ
"เริ่ม" ลง --> ขาย

เป็นเช่นนี้หรือเปล่าครับท่าน

:lol: ประมาณนั้นแหละครับ

แล้วดูยังไงว่าหุ้นขึ้นหรือหุ้นลงค่ะ

CK เขียน: อืมม์

หุ้นขึ้นผมซื้อ หุ้นลงผมขาย หุ้นไม่ไปไหนก็เล่นเกม

เรียกวีไอได้เหรอครับ

เอ่อ งั้นขอตัวช่วยตอบสองครั้ง ขอตอบ อ.ดร.นิเวศน์ครับ ^_^

yutarng เขียน: ว่าว่าง ๆ จะไปห้องสมุดมารวย หาหนังสือเกี่ยวกับ DCF Model ไม่ทราบเพื่อน ๆ พี่ ๆ มีคำแนะนำมั้ยครับว่าเล่มไหนดีสุด โดนใจครับ (มีความตั้งใจจริงครับ แต่หลายเล่มเกินไปก็ไม่ไหวเหมือนกัน เลือกหนังสืออ่านก็ต้องเน้นคุณค่าด้วย ถึงจะเป็น vi จริง แป่ว)

เท่าที่ทราบมา การคำนวน DCF เป็นอะไรที่ยากและโอกาสพลาดสูง เพียงตัวเลขเพิ่มหรือลดลงเล็กน้อยเท่านั้น

ส่วนตัวผมหันมาใช้ผลตอบแทนเมื่อเทียบกับบริษัทอื่น และการลงทุนประเภทอื่น ในการเลือกซื้อหุ้นครับ ตั้งแต่อ่านในกระทู้ต่างๆเกี่ยวกับ DCF ไปบ้างแล้ว

BHT เขียน: เท่าที่ทราบมา การคำนวน DCF เป็นอะไรที่ยากและโอกาสพลาดสูง เพียงตัวเลขเพิ่มหรือลดลงเล็กน้อยเท่านั้น

ส่วนตัวผมหันมาใช้ผลตอบแทนเมื่อเทียบกับบริษัทอื่น และการลงทุนประเภทอื่น ในการเลือกซื้อหุ้นครับ ตั้งแต่อ่านในกระทู้ต่างๆเกี่ยวกับ DCF ไปบ้างแล้ว

ผมว่าถึงมีโอกาศพลาด ก็ควรค่าอย่างยิ่งกับการศึกษาครับ
ยิ่งเข้าใจธุรกิจดีเท่าใหร่ ยิ่งคำนวน DCF ได้แม่นยำมากขึ้น
หรืออาจจะใช้ margin of safety ช่วยก็ยังได้ครับ คิดว่าเข้าใจมาก ใช้ margin of safety น้อย คิดว่าเข้าใจน้อย ก็ใช้ margin of safety มากหน่อย เท่านั้นเอง

แต่อาจจะป่วยการ ถ้าคิดจะคำนวนกับบ.ที่ไม่มีกำแพงคูเมืองเลย!!

เรียนทั่น jody4003: แล้วจะศึกษาเล่มไหนดีครับผม? ^_^

เรียนทั่น BHT: ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ

ผมเป็นเพียงแค่มือใหม่ ไม่ได้เก่งอะไร ที่โพสต์ก็เป็นแค่ความเห็นหนึ่งเท่านั้น

ถ้ามีโอกาส ก็คงได้เจอที่ห้องสมุดมารวยบ้าง เพราะผมก็แวะเวียนไปอยู่เรื่อยๆ

yutarng เขียน:เรียนทั่น jody4003: แล้วจะศึกษาเล่มไหนดีครับผม? ^_^

เรียนทั่น BHT: ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ

ผมไม่เคยอ่านจากหนังสือครับ อ่านตาม web, search goolgle เอา หรือ web board ในนี้ก็มีครับ

หรือลองดูที่

http://www.investopedia.com/articles/03/011403.asp

ที่จิงมันก็ไม่ยากอะไรครับ

ปี---------เงินสดเหลือ(Free-cash-flow, FCF)------------มูลค่า ณ.ปี 2006(discounted CF) (เพราะ 100บาทวันนี้ไม่เท่ากับ 100บาทปีหน้า)
2006-----------------100------------------------------------------------100
2007-----------------102------------------------------------------------100
2008-----------------105------------------------------------------------101
2009-----------------100--------------------------------------------------93

ดังนั้น เจ้าของบริษัทนี้จะมีเงินเหลือหากดำเนินธุรกิจไป 4 ปี (2006-2009) เทียบได้กับมูลค่าของเงินปัจจุบัน = 100+100+101+93 = 394

ซึ่งเงินนี้จะเอาไปใช้ทำไรก็ได้ ( นี่หักค่าใช้จ่ายทั้งหมดเพื่อ maintain ความสามรถในการรักษากำไรใว้ได้ต่อไปแล้วนะ )

คุณก็ต้องคิดดูเองแล้วครับว่าคุ้มมั้ยที่จะซื้อบริษัทนี้ เช่น บริษัทนี้ทั้งบริษัทขาย 400 บาท ก็แปลว่าใช้เวลา 4 ปีนิดหน่อยก็คืนทุนแล้ว (ได้กิจการมาฟรี)

คราวนี้จะเห็นว่า ไอ้ที่ยากเนี่ยคือการประมาณ FCFแต่ละปีนี่แหล่ะครับ ยากมากๆๆ ผมถึงบอกว่าเราต้องเข้าใจกิจการจิงๆๆๆๆถึงจะประเมินได้แม่น
ดังนั้นจึงควรใช้"ส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัย"หรือ margin of safety เช่น คุณประมานว่า FCF ปีนี้ = 100 แต่ไม่ชัวเพราะบ.นี้เค้ามี brand ไม่แกร่ง ยอดขายอาจตกได้ด้วยปัจจัยมากมาย ก็เผื่อไปเลยซัก 50% ประมาณว่า FCF จะเหลือแค่ 50 และก็ลองคำนวนใหม่ดู คุ้มไม่คุ้มค่อยว่ากันอีกที

ส่วน discount CF ก็ไม่ยาก ผมจำสูตรไม่ได้แล้วแต่ปกติใช้ excel คำนวนเอา มันขึ้นอยู่กับ rate ที่เราคาดหวังครับ หลักการก็คือ ถ้าคุณมีวิธีทำให้เงินงอกเงยด้วยrisk=0 และได้ growth ที่ 5% ต่อปีละก็ ก็ใช้ 5% นั่นแหล่ะ เค้าเรียก IRR ครับ Interest Rate of Return

ลองหาอ่านตาม web ดู ไม่ยากครับ จิงๆมันอาจจะยากอ่ะนะถ้าจะศึกษากันลึกๆ แต่ผมใช้แค่นี้ผิวเผนกับการลงทุนของผม ผมว่ามันพอแล้ว

โอ้ว ขอบพระคุณคุณ jody4003 มาก ๆ ครับ

อ่านเท่าที่ทั่น jody4003 post ไว้ เข้าใจครับ (แต่แบบผิวเผินนะ)

เดี๋ยวของลองไปดูที่ web ที่คุณ jody4003 ให้ไว้ก่อนครับ ได้เรื่องยังไงจะกลับมาถามอีกที

ป.ล.1. FCF ท่าจะยากจริง ๆ แฮะ มัน swing เหลือเกิน (เหมือนเอากราฟเดียวกันให้คน 10 คนดูก็คงวิเคราะห์ไม่เหมือนกัน) --"
2. ส่วน IRR สงสัยจะใช้ดอกเบี้ยพันธบัตร 10 ปีได้มั้งครับ?

yutarng เขียน:กุ้มจริง ๆ ครับ สังเกต ล.ลิง ไม่มีเลยครับ
มันยังตกไม่ถึงจัดที่ผมรอซื้อเลยอ่ะ
ผมชอบพอร์ตแดง ๆ ดังอัญมณีมากกว่า

บริษัทดี ๆ ก็ดีจริง ๆ หุ้นตกน้อยมาก ๆ ครับ

มิได้ตั้งใจกวนนะครับ แต่ไม่แน่ใจว่าผมเป็นโรคจิตรึเปล่าเนี่ย เพื่อน ๆ พี่ ๆ เคยเป็นแบบนี้รึเปล่าครับ รบกวนแนะนำด้วยครับว่าทำไงดี

ป.ล. ห้ามตอบว่าทำใจนะครับ เพราะว่าทำอยู่ ^_^

เมื่อวานซืนซื้อจนตังหมด เมื่อวานลงมาหน่อยๆ เริ่มเครียดนิดๆ เห็นวันนี้แล้วสบายใจขึ้นหน่อย เอาเป็นว่าอย่าไปยากครับที่จะซื้อจุดต่ำสุดละ ไงก็ซื้อไปทีละนิดๆ ได้ไม่เสียดายครับ

เรียนคุณ phobenius ครับ

แบบกระสุนเหลือไม่มากครับ จริง ๆ คือหมดแล้ว กะลังปั๊มตังค์อยู่
ปัญหาคือ คงยิงได้อีกสักครั้งสองครั้ง ต้องแม่นเรื่องจังหวะ ซึ่งอันนี้แหล่ะปัญหาครับ --"

ยินดีที่ได้รู้จักครับ ^_^

ยินดีได้รู้จักครับ ผมก็ยิงวันที่มันตกเยอะๆนี้แหละครับ
ตังก็หมดเหมือนกันครับ แต่ขอให้ยิงถูกตัวเป็นใช้ได้ครับผม

ยังไม่ได้ถาม ว่าเล็งตัวไหนไว้บ้างครับ

เมื่อวานยิงนกไป 1 ตัว
วันนี้เอานกไปขายที่ตลาดแล้ว ครับ
พร่งนี้จะเอาตังไปที่  ตลาด  หาซื้อข้าวกินครับ
อิอิอิ

2 วันนี้ ยิงนกได้ 2 ตัวเลยครับ

ขึ้นๆลงๆแบบนี้ผมชอบนะ

เรียนคุณ BHT ครับ ขออนุญาตไม่อ้างอิงชื่อหุ้นดีกว่าครับ

แบบเลือกหุ้นมันเป็นความชอบเฉพาะบุคคล ความสามารถในการรับความเสี่ยงแต่ละคนไม่เท่ากันอ่ะครับ

ขอกระทู้นี้เป็นกลยุทธ์การซื้อขายหุ้นดีกว่ามั้ยครับผม?

คำถามเช่น มีหลักในการซื้อเฉลี่ยอย่างไร เป็นต้นครับผม ^_^

yutarng เขียน:เรียนคุณ BHT ครับ ขออนุญาตไม่อ้างอิงชื่อหุ้นดีกว่าครับ

แบบเลือกหุ้นมันเป็นความชอบเฉพาะบุคคล ความสามารถในการรับความเสี่ยงแต่ละคนไม่เท่ากันอ่ะครับ

ขอกระทู้นี้เป็นกลยุทธ์การซื้อขายหุ้นดีกว่ามั้ยครับผม?

คำถามเช่น มีหลักในการซื้อเฉลี่ยอย่างไร เป็นต้นครับผม ^_^

ตามสะดวกครับ ไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร

goi เขียน:แล้วดูยังไงว่าหุ้นขึ้นหรือหุ้นลงค่ะ

อยากรู้คำตอบด้วยเหมือนกันอ่ะครับ

goi เขียน:แล้วดูยังไงว่าหุ้นขึ้นหรือหุ้นลงค่ะ

หุ้นขึ้น = ราคาหุ้นสูงขึ้น

หุ้นลง = ราคาหุ้นลดลง


มีแบบซับซ้อนกว่านี้หรือเปล่าครับ

CK เขียน: หุ้นขึ้น = ราคาหุ้นสูงขึ้น

หุ้นลง = ราคาหุ้นลดลง


มีแบบซับซ้อนกว่านี้หรือเปล่าครับ

ขอแก้นิดนึงนะครับ

เป็น

แล้วดูยังไงว่าราคาหุ้นจะขึ้นหรือราคาหุ้นจะลง