เรื่องเล่าของสำราญ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ มิ.ย. 09, 2006 2:04 pm
สมัยที่ผมเรียนอยู่มหาวิทยาลัย ชีวิตผมก็ไม่ต่างจากคนที่อยู่ในรั่วมหาวิทยาลัยเดียวกันมากนัก ดูหนัง ฟังเพลง ขี่มอเตอร์ไซต์เล่น ร่ำสุรา อ่านหนังสือ และก็คงเหมือนหลายๆคนที่จะรู้สึกทะนงตน และมุ่งมั่นกับการแสวงหาจุดยืนของตัว ผมมีคู่หูอยู่คนหนึ่งชื่อ วันชัย เรามีเรื่องคุยกันทุกวัน เรื่องความฝัน สิ่งที่ผ่านเข้ามาในความคิด การวิพากษ์วิจารณ์เรื่องราวของสังคม แต่เรามักมีมุมมองต่อเรื่องต่างๆไม่เหมือนกัน
วันหนึ่ง เราเดินเล่นกันที่ถนนเดิมที่เราไปทานข้าวกันบ่อยๆ ผ่านห้องค้าหุ้นแห่งหนึ่ง ซึ่งปกติเราก็เดินผ่านหลายครั้งหลายครา แต่เราไม่เคยสนใจ ยกเว้นวันนั้นที่ต่างออกไป
“วันชัย เราเล่นหุ้นกันไหม” ผมบอกความคิดให้เพื่อนได้รู้
“อย่าเลย มันเสี่ยง นายไม่เคยได้ยินข่าวคนฆ่าตัวตายเพราะเจ๊งหุ้นเหรอ” วันชัยแย้ง
“ไม่เห็นเป็นไรเลย เราน่าจะขอยืมเงินพ่อแม่เรามาเล่นซักห้าหกหมื่นเป็นไง ถือซะว่าเป็นประสบการณ์” ผมพยายามต่อ
แต่ไม่ว่าวันชัยจะคิดอย่างไร เราทั้งคู่ก็เดิมดุ่มๆเข้าไปในห้องค้าหุ้น เสียงพูดคุยหัวเราะกันอื้ออึง ดูเหมือนจะเป็นวันที่หุ้นขึ้นแรง
เย็นวันนั้น เราพูดคุยกันถึงประสบการณ์ของการเข้าไปสัมผัสห้องค้า นับเป็นเรื่องแปลกใหม่ที่สนุกดี ได้เห็นคนบางคนดีใจจนออกนอกหน้า เพราะได้กำไรมากโข บางคนบ่นพึมพำ เพราะเสียดายที่ซื้อหุ้นไม่ทัน เราแลกเปลี่ยนความคิดกันอยู่นาน ก็ยังไม่เข้าใจนักว่าความพิเศษของการเล่นหุ้นคืออะไร แต่ตอนนั้นเราต่างเชื่อว่า เราคงไม่กลับมายังห้องค้านี้อีก
แต่เราคิดผิด เราทั้งคู่กลายเป็นขาประจำ
ตอนแรกๆเราก็นั่งดูความเคลื่อนไหวของหุ้นข้างๆกัน เล่นด้วยกัน ช่วยกันวิเคราะห์คาดเดาทิศทางของหุ้นที่น่าสนใจ แต่ไม่นานนัก เราก็ต่างคนต่างเล่น ต่างคนต่างไป บางครั้งก็เดินสวนกัน ก็มีเพียงคำทักทาย เรามีเรื่องคุยกันน้อยลง ราวกับว่าแต่ละคนกำลังอยู่ในสนามรบของตัวเอง
ผมชอบหุ้นแปลกๆที่คนมักไม่สนใจ ราคาจะไม่เคลื่อนไหวรุนแรง แต่จะขึ้นทีละเล็กทีละน้อย ราวกับว่ามีใครบางคนกำลังพยายามสะสมอย่างใจเย็น มันทำให้รู้สึกได้ถึงความลี้ลับ และสุขุม ส่วนวันชัยนั้น เขาสนใจในความเด็ดเดี่ยว หุ้นที่เขาเล่นต้องเป็นหุ้นที่คนกำลังเป็นที่นิยม ราคากำลังพุ่งราวกับแม่ทัพที่บุกตะลุยข้าศึกอย่างไม่กลัวเกรงข้าศึก เขาหลงไหลในความเร้าใจของเกมที่ชิงไหวชิงพริบ และการรู้ผลแพ้ชนะภายในวันเดียว
วันชัยมักถามผมว่า ผมอดทนกับหุ้นที่อืดอาดเช่นนั้นได้อย่างไร ทำไมถึงไม่เล่นเกมที่รู้ผลแพ้ชนะได้อย่างรวดเร็ว แต่แน่หละ เรามักคิดต่างกันเสมอ และนี่คือมิตรภาพของเรา
วันชัยเล่าให้ผมฟังว่า เวลาที่หุ้นเริ่มซื้อขาย เขาได้ยินเสียงความฝัน ความหวัง ความโลภ และความกลัวของนักเล่นหุ้น ที่ส่งผ่านมาจากราคาที่ขึ้นๆลงๆ มันทำให้เขารู้สึกตื่นเต้น และต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ในวันที่หุ้นขึ้นแรง เขาได้ยินเสียงหัวเราะครื้นแครง ทุกคนหน้าตาเบิกบาน แต่วันที่หุ้นตก ห้องค้ามีแต่ความหม่นหมอง เงียบเหงา บางครั้งมันทำให้เขาซึมเศร้า แต่ความหลากหลายก็ทำให้เขาค่อยๆชาชินความโหดร้ายของตลาดหุ้นไปได้
วันนี้เป็นวันแรกในรอบ 20 กว่าปี ที่ผมได้กลับมาเมืองไทย ผมไม่พลาดที่จะได้เข้าไปเยี่ยมเยือนถิ่นเก่าอย่างห้องค้าหุ้นที่ผมเข้าไปใช้ชีวิตวัยหนุ่มเป็นปี ในเวลาที่ว่างหรือตั้งใจจะให้ว่างจากการเรียน ตอนนี้บรรยากาศของห้องค้าหุ้นดูทันสมัยมากขึ้น แต่กลิ่นไอของความโลภและความกลัวยังคงคละคลุ้ง
ภายหลังจากที่ผมเรียนจบมหาวิทยาลัย ผมก็เดินทางไปช่วยน้าชายทำร้านอาหารไทยที่ออสเตรเลีย และผมก็ไม่ได้ติดต่อกับวันชัยอีกเลย ไม่รู้แม้กระทั่งว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า ส่วนการเล่นหุ้นนั้น ผมยังคงถือหุ้นที่เคยซื้อไว้ก่อนไปเมืองนอกจนกระทั่งบัดนี้ แต่ก็ไม่ได้ซื้อเพิ่มอีกเลย
ผมแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ผมเห็นวันชัยนั่งจ้องหน้าจอมอนิเตอร์ เขาแก่ลงไปมาก หัวหงอก สวมแว่นตา แต่กริยาท่าทางยังคงเหมือนเดิม นั่งนิ่งๆดูความเคลื่อนไหวของราคา และปริมาณซื้อขาย มีรอยยิ้มเล็กน้อยราวกับว่า เขาได้ล่วงรู้ถือจิตใจของนักเล่นหุ้นที่กำลังเข้ามาซื้อขายหุ้นที่เขาสนใจอยู่
“วันชัยใช่หรือเปล่า” ผมเรียกพร้อมๆกับเดินเข้าไปหา เขาแหงนหน้ามองและยิ้มเล็กน้อย เขาจำผมได้ ผมนั่งคุยกับเขาสักพัก รื้อฟื้นความหลังในอดีต แต่ท่าทางของวันชัยก็ไม่ได้บ่งบอกว่าเขาแปลกใจหรือดีใจที่ได้พบกับผมเลย ราวกับว่าเป็นคนแปลกหน้ากันไปแล้ว จากนั้นวันชัยก็หันไปดูจอหุ้น อยู่ในสนามรบของเขาอีกครั้ง
นับตั้งแต่วันแรกที่เริ่มเล่นหุ้นกัน ผมเดาว่าวันชัยยังเล่นหุ้นอยู่ตลอด โลกของเขาคงมีอยู่ 5 วัน อีก 2 วันเป็นเพียงเวลาของการรอคอย ซึ่งมันคงเป็นการรอคอยที่หนักอึ้งน่าดู ผมเป็นคนชวนเขาเล่นหุ้น แต่ผมเล่นอยู่เพียงปีกว่า ส่วนเขากลับเล่นต่อเนื่องกันมานับยี่สิบปี และก็คงเล่นไปจนตาย วันนี้เขามีอายุมากขึ้น และนับวันที่เขามีอายุมากขึ้น ผมเดาไม่ออกว่าสุขภาพร่างกายของเขาจะย่ำแย่เพียงไร ความคิดความอ่านของเขาตอนนี้ยังคงเชียบคม ท่าทางยังคงนิ่ง สุขุมลุ่มลึก เหมือนแม่ทัพที่กรำศึกมานาน แต่อีกไม่กี่สิบปีเขาก็จะไม่ต่างจากแม่ทัพเฒ่าซึ่งแทบไม่เหลือกำลังวังชา และกลายเป็นเศษซากในสนามรบที่ค่อยๆผุพัง โดยไม่มีใครสนใจใยดี วันชัยไม่ใช่คนรวยอะไรมากมาย มีเพียงสมบัติเล็กน้อยจากพ่อ เขาไม่มีครอบครัว และไม่ได้ประกอบอาชีพอะไรนอกจากเล่นหุ้น ผมคาดว่าเขาก็คงมีกำไรบ้าง ขาดทุนบ้าง แต่ก็คงพอเลี้ยงตัวเองได้ หุ้นเป็นสิ่งเดียวที่เหนี่ยวรั้งชีวิตของเขา เป็นลมหายใจที่ทำให้เขาดำรงอยู่บนโลกนี้ต่อไป
จริงๆแล้วผมก็ไม่ได้เลิกเล่นหุ้น เพราะอย่างน้อยผมก็ยังถือหุ้นที่ผมผมเคยซื้อไว้อยู่ แต่ตลาดหุ้นของผมมันกว้างขวางกว่าเดิมมาก ผมได้ตัดสินใจขยายขอบเขตของการเล่นหุ้นไปเป็นการลงทุนในโลกกว้าง ผมเลือกลงทุนในการศึกษาเพิ่มเติม เลือกลงทุนในการให้เวลากับสังคม เพื่อผสมผสานชีวิตส่วนตัวกับโลกภายนอก และผมยังลงทุนด้วยหัวใจกับลูกและภรรยาที่ผมรัก พวกเรามีความสุขกันดี ผมได้เลือกที่จะเดินทัพด้วยความระมัดระวัง แม้จะมองไม่เห็นอันตรายใดๆ
วันหนึ่ง เราเดินเล่นกันที่ถนนเดิมที่เราไปทานข้าวกันบ่อยๆ ผ่านห้องค้าหุ้นแห่งหนึ่ง ซึ่งปกติเราก็เดินผ่านหลายครั้งหลายครา แต่เราไม่เคยสนใจ ยกเว้นวันนั้นที่ต่างออกไป
“วันชัย เราเล่นหุ้นกันไหม” ผมบอกความคิดให้เพื่อนได้รู้
“อย่าเลย มันเสี่ยง นายไม่เคยได้ยินข่าวคนฆ่าตัวตายเพราะเจ๊งหุ้นเหรอ” วันชัยแย้ง
“ไม่เห็นเป็นไรเลย เราน่าจะขอยืมเงินพ่อแม่เรามาเล่นซักห้าหกหมื่นเป็นไง ถือซะว่าเป็นประสบการณ์” ผมพยายามต่อ
แต่ไม่ว่าวันชัยจะคิดอย่างไร เราทั้งคู่ก็เดิมดุ่มๆเข้าไปในห้องค้าหุ้น เสียงพูดคุยหัวเราะกันอื้ออึง ดูเหมือนจะเป็นวันที่หุ้นขึ้นแรง
เย็นวันนั้น เราพูดคุยกันถึงประสบการณ์ของการเข้าไปสัมผัสห้องค้า นับเป็นเรื่องแปลกใหม่ที่สนุกดี ได้เห็นคนบางคนดีใจจนออกนอกหน้า เพราะได้กำไรมากโข บางคนบ่นพึมพำ เพราะเสียดายที่ซื้อหุ้นไม่ทัน เราแลกเปลี่ยนความคิดกันอยู่นาน ก็ยังไม่เข้าใจนักว่าความพิเศษของการเล่นหุ้นคืออะไร แต่ตอนนั้นเราต่างเชื่อว่า เราคงไม่กลับมายังห้องค้านี้อีก
แต่เราคิดผิด เราทั้งคู่กลายเป็นขาประจำ
ตอนแรกๆเราก็นั่งดูความเคลื่อนไหวของหุ้นข้างๆกัน เล่นด้วยกัน ช่วยกันวิเคราะห์คาดเดาทิศทางของหุ้นที่น่าสนใจ แต่ไม่นานนัก เราก็ต่างคนต่างเล่น ต่างคนต่างไป บางครั้งก็เดินสวนกัน ก็มีเพียงคำทักทาย เรามีเรื่องคุยกันน้อยลง ราวกับว่าแต่ละคนกำลังอยู่ในสนามรบของตัวเอง
ผมชอบหุ้นแปลกๆที่คนมักไม่สนใจ ราคาจะไม่เคลื่อนไหวรุนแรง แต่จะขึ้นทีละเล็กทีละน้อย ราวกับว่ามีใครบางคนกำลังพยายามสะสมอย่างใจเย็น มันทำให้รู้สึกได้ถึงความลี้ลับ และสุขุม ส่วนวันชัยนั้น เขาสนใจในความเด็ดเดี่ยว หุ้นที่เขาเล่นต้องเป็นหุ้นที่คนกำลังเป็นที่นิยม ราคากำลังพุ่งราวกับแม่ทัพที่บุกตะลุยข้าศึกอย่างไม่กลัวเกรงข้าศึก เขาหลงไหลในความเร้าใจของเกมที่ชิงไหวชิงพริบ และการรู้ผลแพ้ชนะภายในวันเดียว
วันชัยมักถามผมว่า ผมอดทนกับหุ้นที่อืดอาดเช่นนั้นได้อย่างไร ทำไมถึงไม่เล่นเกมที่รู้ผลแพ้ชนะได้อย่างรวดเร็ว แต่แน่หละ เรามักคิดต่างกันเสมอ และนี่คือมิตรภาพของเรา
วันชัยเล่าให้ผมฟังว่า เวลาที่หุ้นเริ่มซื้อขาย เขาได้ยินเสียงความฝัน ความหวัง ความโลภ และความกลัวของนักเล่นหุ้น ที่ส่งผ่านมาจากราคาที่ขึ้นๆลงๆ มันทำให้เขารู้สึกตื่นเต้น และต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ในวันที่หุ้นขึ้นแรง เขาได้ยินเสียงหัวเราะครื้นแครง ทุกคนหน้าตาเบิกบาน แต่วันที่หุ้นตก ห้องค้ามีแต่ความหม่นหมอง เงียบเหงา บางครั้งมันทำให้เขาซึมเศร้า แต่ความหลากหลายก็ทำให้เขาค่อยๆชาชินความโหดร้ายของตลาดหุ้นไปได้
วันนี้เป็นวันแรกในรอบ 20 กว่าปี ที่ผมได้กลับมาเมืองไทย ผมไม่พลาดที่จะได้เข้าไปเยี่ยมเยือนถิ่นเก่าอย่างห้องค้าหุ้นที่ผมเข้าไปใช้ชีวิตวัยหนุ่มเป็นปี ในเวลาที่ว่างหรือตั้งใจจะให้ว่างจากการเรียน ตอนนี้บรรยากาศของห้องค้าหุ้นดูทันสมัยมากขึ้น แต่กลิ่นไอของความโลภและความกลัวยังคงคละคลุ้ง
ภายหลังจากที่ผมเรียนจบมหาวิทยาลัย ผมก็เดินทางไปช่วยน้าชายทำร้านอาหารไทยที่ออสเตรเลีย และผมก็ไม่ได้ติดต่อกับวันชัยอีกเลย ไม่รู้แม้กระทั่งว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า ส่วนการเล่นหุ้นนั้น ผมยังคงถือหุ้นที่เคยซื้อไว้ก่อนไปเมืองนอกจนกระทั่งบัดนี้ แต่ก็ไม่ได้ซื้อเพิ่มอีกเลย
ผมแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ผมเห็นวันชัยนั่งจ้องหน้าจอมอนิเตอร์ เขาแก่ลงไปมาก หัวหงอก สวมแว่นตา แต่กริยาท่าทางยังคงเหมือนเดิม นั่งนิ่งๆดูความเคลื่อนไหวของราคา และปริมาณซื้อขาย มีรอยยิ้มเล็กน้อยราวกับว่า เขาได้ล่วงรู้ถือจิตใจของนักเล่นหุ้นที่กำลังเข้ามาซื้อขายหุ้นที่เขาสนใจอยู่
“วันชัยใช่หรือเปล่า” ผมเรียกพร้อมๆกับเดินเข้าไปหา เขาแหงนหน้ามองและยิ้มเล็กน้อย เขาจำผมได้ ผมนั่งคุยกับเขาสักพัก รื้อฟื้นความหลังในอดีต แต่ท่าทางของวันชัยก็ไม่ได้บ่งบอกว่าเขาแปลกใจหรือดีใจที่ได้พบกับผมเลย ราวกับว่าเป็นคนแปลกหน้ากันไปแล้ว จากนั้นวันชัยก็หันไปดูจอหุ้น อยู่ในสนามรบของเขาอีกครั้ง
นับตั้งแต่วันแรกที่เริ่มเล่นหุ้นกัน ผมเดาว่าวันชัยยังเล่นหุ้นอยู่ตลอด โลกของเขาคงมีอยู่ 5 วัน อีก 2 วันเป็นเพียงเวลาของการรอคอย ซึ่งมันคงเป็นการรอคอยที่หนักอึ้งน่าดู ผมเป็นคนชวนเขาเล่นหุ้น แต่ผมเล่นอยู่เพียงปีกว่า ส่วนเขากลับเล่นต่อเนื่องกันมานับยี่สิบปี และก็คงเล่นไปจนตาย วันนี้เขามีอายุมากขึ้น และนับวันที่เขามีอายุมากขึ้น ผมเดาไม่ออกว่าสุขภาพร่างกายของเขาจะย่ำแย่เพียงไร ความคิดความอ่านของเขาตอนนี้ยังคงเชียบคม ท่าทางยังคงนิ่ง สุขุมลุ่มลึก เหมือนแม่ทัพที่กรำศึกมานาน แต่อีกไม่กี่สิบปีเขาก็จะไม่ต่างจากแม่ทัพเฒ่าซึ่งแทบไม่เหลือกำลังวังชา และกลายเป็นเศษซากในสนามรบที่ค่อยๆผุพัง โดยไม่มีใครสนใจใยดี วันชัยไม่ใช่คนรวยอะไรมากมาย มีเพียงสมบัติเล็กน้อยจากพ่อ เขาไม่มีครอบครัว และไม่ได้ประกอบอาชีพอะไรนอกจากเล่นหุ้น ผมคาดว่าเขาก็คงมีกำไรบ้าง ขาดทุนบ้าง แต่ก็คงพอเลี้ยงตัวเองได้ หุ้นเป็นสิ่งเดียวที่เหนี่ยวรั้งชีวิตของเขา เป็นลมหายใจที่ทำให้เขาดำรงอยู่บนโลกนี้ต่อไป
จริงๆแล้วผมก็ไม่ได้เลิกเล่นหุ้น เพราะอย่างน้อยผมก็ยังถือหุ้นที่ผมผมเคยซื้อไว้อยู่ แต่ตลาดหุ้นของผมมันกว้างขวางกว่าเดิมมาก ผมได้ตัดสินใจขยายขอบเขตของการเล่นหุ้นไปเป็นการลงทุนในโลกกว้าง ผมเลือกลงทุนในการศึกษาเพิ่มเติม เลือกลงทุนในการให้เวลากับสังคม เพื่อผสมผสานชีวิตส่วนตัวกับโลกภายนอก และผมยังลงทุนด้วยหัวใจกับลูกและภรรยาที่ผมรัก พวกเรามีความสุขกันดี ผมได้เลือกที่จะเดินทัพด้วยความระมัดระวัง แม้จะมองไม่เห็นอันตรายใดๆ