......... ริเวอร์ไซด์เครือสหวิริยาล้มละลาย !!
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 08, 2006 9:02 am
ริเวอร์ไซด์เครือสหวิริยาล้มละลาย! เจ้าหนี้รายย่อยช็อกหวั่นสูญเงินดาวน์
เจ้าหนี้รายย่อยช็อก โครงการคอนโดฯริมน้ำ "ริเวอร์ไซด์" ในเครือสหวิริยาถูกศาลสั่งล้มละลายแบบไม่รู้ตัว หวั่นสูญเงินดาวน์ห้องชุดย่านพระราม 3 วงเงินรวมเกือบ 200 ล้าน เจ้าหนี้ร่วม 87 รายฮึดสู้อีกรอบ หลังศาลชี้ทางออกยื่นฟ้องคดีอาญาได้ถ้าพบว่าลูกหนี้ไม่สุจริต
ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานว่า เมื่อวันที่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมา ศาลล้มละลายกลางได้นัดไต่สวนเปิดเผยคดีที่นายแสวง เจียรไพทูรย์ โจทก์ที่ 1 กับพวก ยื่นฟ้องบริษัท สหวิริยา ริเวอร์ไซด์ จำกัด หรือบริษัท การ์เด้นทาวเวอร์ จำกัด ในฐานะลูกหนี้ โดยมีเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และเจ้าหนี้ร่วม ซึ่งเป็นผู้ซื้อห้องชุดคอนโดฯริมน้ำ โครงการริเวอร์ไซด์ร่วมไต่สวน ขณะที่บริษัทได้ส่งตัวแทนซึ่งเป็นกรรมการมาชี้แจง
ทั้งนี้ ในการไต่สวน เจ้าหนี้ร่วมต่างพากันแปลกใจที่ได้ทราบข่าวว่าบริษัทสหวิริยา ริเวอร์ไซด์ ได้ถูกศาลพิพากษาล้มละลายไปเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2549 ที่ผ่านมา โดยที่เจ้าหนี้ร่วมทุกรายไม่เคยทราบล่วงหน้า และหวั่นเกรงว่าอาจจะไม่ได้รับชำระหนี้ที่ยื่นขอรับชำระไว้กับเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ กรมบังคับคดี และมองว่าการรวมตัวกันเรียกร้องให้บริษัทชำระหนี้ที่ค้างชำระมาตั้งแต่ปี 2537 อาจจะไม่เป็นผล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการไต่สวน เจ้าหนี้ร่วมมุ่งเน้นในประเด็นการถ่ายโอนทรัพย์สิน และการที่บริษัทระบุว่ามีภาระหนี้จำนวนมาก เนื่องจากเจ้าหนี้แต่ละรายจ่ายเงินดาวน์ห้องชุดไปจำนวนมาก มีตั้งแต่รายละ 5 แสน-2 ล้านบาท จนถึงขณะนี้บริษัทก็ยังไม่ได้ก่อสร้างโครงการ จึงขอให้ตัวแทนบริษัทชี้แจงปัญหาเรื่องภาระหนี้ และเรียกร้องขอเงินดาวน์คืน
ขณะที่ตัวแทนบริษัทสหวิริยา ริเวอร์ไซด์ ชี้แจงข้อไต่สวนของศาลว่า บริษัทมีภาระหนี้ตั้งแต่ปี 2540 จนถึงปัจจุบัน ประมาณ 1,600 กว่าล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบมาจากช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้ไม่สามารถก่อสร้างโครงการและส่งมอบให้กับลูกค้าได้ อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการโอนทรัพย์สินชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้รายอื่นๆ และมีการโอนที่ดินชำระหนี้ให้กับธนาคารกรุงศรีฯไปก่อนหน้าแล้ว
ขณะเดียวกัน บริษัทมีสิทธิเรียกร้องจากลูกหนี้ ซึ่งเป็นบริษัทต่างชาติ วงเงิน 10 กว่าล้านบาท แต่ไม่ทราบรายละเอียด นอกจากนี้ก็เคยมีข้อพิพาทในทางแพ่ง และถูกฟ้องร้องในคดีล้มละลาย ซึ่งไม่เคยมีการติดต่อขอเจรจาประนอมหนี้ในกระบวนการพิจารณาคดี
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อไปว่า ในการไต่สวน เจ้าหนี้ร่วมซึ่งเป็นผู้ซื้อห้องชุดหลายราย ได้สอบถามถึงสาเหตุที่บริษัทขาดทุนจากการดำเนินการ 1,600 กว่าล้านบาท เนื่องจากสงสัยว่าอาจจะดำเนินการโดยไม่สุจริต แต่ตัวแทนบริษัทปฏิเสธที่จะชี้แจง โดยแจ้งว่าเพิ่งเข้ามาเป็นกรรมการบริษัทในปี 2546 รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เจ้าหน้าที่ของบริษัทเคยชี้แจงกับเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไปแล้ว
ก่อนจะสิ้นสุดกระบวนการไต่สวน ศาลได้แจ้งต่อเจ้าหนี้ร่วมว่า ถ้าหากผู้ซื้อห้องชุดซึ่งเป็นเจ้าหนี้ร่วมทั้ง 87 รายยังมีข้อสงสัยหรือต้องการจะเรียกร้องสิทธิจากการที่โครงการไม่คืนเงินดาวน์ห้องชุด ให้ยื่นฟ้องได้ในคดีอาญาได้
สำหรับขั้นตอนหลังจากบริษัทถูกคำพิพากษาสั่งล้มละลายแล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะรวบรวมทรัพย์สินมาเฉลี่ยชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ แต่กรณีนี้ทรัพย์สินของบริษัทริเวอร์ไซด์ไม่มีอะไรเหลืออีกแล้ว เนื่องจากที่ดินและทรัพย์สินอื่นได้โอนชำระหนี้ไปก่อนหน้าแล้วนั่นเอง
นางนพวรรณ ดุสิตนานนท์ ตัวแทนเจ้าหนี้ร่วม กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า กลุ่มเจ้าหนี้ร่วมจะรวมตัวกันเรียกร้องสิทธิและเรียกเงินค่าเงินดาวน์ห้องชุดคืนวงเงินรวม 100 กว่าล้านบาท แม้บริษัทจะถูกสั่งล้มละลายไปแล้ว จากนี้ไปจะพยายามรวบรวมเอกสารหลักฐานทั้งหมด โดยชี้ให้เห็นถึงความไม่ชอบมาพากลในการดำเนินการของบริษัทลูกหนี้
อนึ่ง ในกลุ่มเจ้าหนี้ร่วมที่ยื่นขอชำระหนี้จากบริษัท ริเวอร์ไซด์ จำกัด รวมจำนวนเงินทั้งสิ้นประมาณ 1,300 ล้านบาท แบ่งเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ 2 รายคือ บริษัท พระราม 3 แลนด์ จำกัด (เป็นบริษัทในเครือสหวิริยา) จำนวน 22 ล้านบาท และบริษัท สหวิริยาซิตี้ จำกัด (มหาชน) จำนวน 1,100 กว่าล้านบาท ที่เหลือเป็นเจ้าหนี้ร่วมที่เป็นกลุ่มเจ้าหนี้รายย่อยอีกเกือบ 200 ล้านบาท
ที่มา : หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 08 มิถุนายน พ.ศ. 2549 ปีที่ 30 ฉบับที่ 3799 (2999)
เจ้าหนี้รายย่อยช็อก โครงการคอนโดฯริมน้ำ "ริเวอร์ไซด์" ในเครือสหวิริยาถูกศาลสั่งล้มละลายแบบไม่รู้ตัว หวั่นสูญเงินดาวน์ห้องชุดย่านพระราม 3 วงเงินรวมเกือบ 200 ล้าน เจ้าหนี้ร่วม 87 รายฮึดสู้อีกรอบ หลังศาลชี้ทางออกยื่นฟ้องคดีอาญาได้ถ้าพบว่าลูกหนี้ไม่สุจริต
ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานว่า เมื่อวันที่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมา ศาลล้มละลายกลางได้นัดไต่สวนเปิดเผยคดีที่นายแสวง เจียรไพทูรย์ โจทก์ที่ 1 กับพวก ยื่นฟ้องบริษัท สหวิริยา ริเวอร์ไซด์ จำกัด หรือบริษัท การ์เด้นทาวเวอร์ จำกัด ในฐานะลูกหนี้ โดยมีเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และเจ้าหนี้ร่วม ซึ่งเป็นผู้ซื้อห้องชุดคอนโดฯริมน้ำ โครงการริเวอร์ไซด์ร่วมไต่สวน ขณะที่บริษัทได้ส่งตัวแทนซึ่งเป็นกรรมการมาชี้แจง
ทั้งนี้ ในการไต่สวน เจ้าหนี้ร่วมต่างพากันแปลกใจที่ได้ทราบข่าวว่าบริษัทสหวิริยา ริเวอร์ไซด์ ได้ถูกศาลพิพากษาล้มละลายไปเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2549 ที่ผ่านมา โดยที่เจ้าหนี้ร่วมทุกรายไม่เคยทราบล่วงหน้า และหวั่นเกรงว่าอาจจะไม่ได้รับชำระหนี้ที่ยื่นขอรับชำระไว้กับเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ กรมบังคับคดี และมองว่าการรวมตัวกันเรียกร้องให้บริษัทชำระหนี้ที่ค้างชำระมาตั้งแต่ปี 2537 อาจจะไม่เป็นผล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการไต่สวน เจ้าหนี้ร่วมมุ่งเน้นในประเด็นการถ่ายโอนทรัพย์สิน และการที่บริษัทระบุว่ามีภาระหนี้จำนวนมาก เนื่องจากเจ้าหนี้แต่ละรายจ่ายเงินดาวน์ห้องชุดไปจำนวนมาก มีตั้งแต่รายละ 5 แสน-2 ล้านบาท จนถึงขณะนี้บริษัทก็ยังไม่ได้ก่อสร้างโครงการ จึงขอให้ตัวแทนบริษัทชี้แจงปัญหาเรื่องภาระหนี้ และเรียกร้องขอเงินดาวน์คืน
ขณะที่ตัวแทนบริษัทสหวิริยา ริเวอร์ไซด์ ชี้แจงข้อไต่สวนของศาลว่า บริษัทมีภาระหนี้ตั้งแต่ปี 2540 จนถึงปัจจุบัน ประมาณ 1,600 กว่าล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบมาจากช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้ไม่สามารถก่อสร้างโครงการและส่งมอบให้กับลูกค้าได้ อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการโอนทรัพย์สินชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้รายอื่นๆ และมีการโอนที่ดินชำระหนี้ให้กับธนาคารกรุงศรีฯไปก่อนหน้าแล้ว
ขณะเดียวกัน บริษัทมีสิทธิเรียกร้องจากลูกหนี้ ซึ่งเป็นบริษัทต่างชาติ วงเงิน 10 กว่าล้านบาท แต่ไม่ทราบรายละเอียด นอกจากนี้ก็เคยมีข้อพิพาทในทางแพ่ง และถูกฟ้องร้องในคดีล้มละลาย ซึ่งไม่เคยมีการติดต่อขอเจรจาประนอมหนี้ในกระบวนการพิจารณาคดี
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อไปว่า ในการไต่สวน เจ้าหนี้ร่วมซึ่งเป็นผู้ซื้อห้องชุดหลายราย ได้สอบถามถึงสาเหตุที่บริษัทขาดทุนจากการดำเนินการ 1,600 กว่าล้านบาท เนื่องจากสงสัยว่าอาจจะดำเนินการโดยไม่สุจริต แต่ตัวแทนบริษัทปฏิเสธที่จะชี้แจง โดยแจ้งว่าเพิ่งเข้ามาเป็นกรรมการบริษัทในปี 2546 รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เจ้าหน้าที่ของบริษัทเคยชี้แจงกับเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไปแล้ว
ก่อนจะสิ้นสุดกระบวนการไต่สวน ศาลได้แจ้งต่อเจ้าหนี้ร่วมว่า ถ้าหากผู้ซื้อห้องชุดซึ่งเป็นเจ้าหนี้ร่วมทั้ง 87 รายยังมีข้อสงสัยหรือต้องการจะเรียกร้องสิทธิจากการที่โครงการไม่คืนเงินดาวน์ห้องชุด ให้ยื่นฟ้องได้ในคดีอาญาได้
สำหรับขั้นตอนหลังจากบริษัทถูกคำพิพากษาสั่งล้มละลายแล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะรวบรวมทรัพย์สินมาเฉลี่ยชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ แต่กรณีนี้ทรัพย์สินของบริษัทริเวอร์ไซด์ไม่มีอะไรเหลืออีกแล้ว เนื่องจากที่ดินและทรัพย์สินอื่นได้โอนชำระหนี้ไปก่อนหน้าแล้วนั่นเอง
นางนพวรรณ ดุสิตนานนท์ ตัวแทนเจ้าหนี้ร่วม กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า กลุ่มเจ้าหนี้ร่วมจะรวมตัวกันเรียกร้องสิทธิและเรียกเงินค่าเงินดาวน์ห้องชุดคืนวงเงินรวม 100 กว่าล้านบาท แม้บริษัทจะถูกสั่งล้มละลายไปแล้ว จากนี้ไปจะพยายามรวบรวมเอกสารหลักฐานทั้งหมด โดยชี้ให้เห็นถึงความไม่ชอบมาพากลในการดำเนินการของบริษัทลูกหนี้
อนึ่ง ในกลุ่มเจ้าหนี้ร่วมที่ยื่นขอชำระหนี้จากบริษัท ริเวอร์ไซด์ จำกัด รวมจำนวนเงินทั้งสิ้นประมาณ 1,300 ล้านบาท แบ่งเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ 2 รายคือ บริษัท พระราม 3 แลนด์ จำกัด (เป็นบริษัทในเครือสหวิริยา) จำนวน 22 ล้านบาท และบริษัท สหวิริยาซิตี้ จำกัด (มหาชน) จำนวน 1,100 กว่าล้านบาท ที่เหลือเป็นเจ้าหนี้ร่วมที่เป็นกลุ่มเจ้าหนี้รายย่อยอีกเกือบ 200 ล้านบาท
ที่มา : หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 08 มิถุนายน พ.ศ. 2549 ปีที่ 30 ฉบับที่ 3799 (2999)