Thai VI

หายากฮะ ผมว่าหลายตัวที่คุณลุง buffet ถือก็ไม่เข้าข่าย ถ้าจะเอาทุกอย่างพร้อมสรรพในตัวเดียวนะ เช่น มีความได้เปรียบเชิงแข่งขันอย่างยั่งยืน มีผู้บริหารมีธรรมาภิบาล+กึ๋น และอื่นๆ แต่ถ้าถามว่าเอาตัวใหนที่โดดเด่นในเรื่องนึงส่วนเรื่องอื่นผ่าน minimum ที่รับได้ ก็น่าจะเยอะ

ของคุณวิบูลนี่สงสัยจะเพราะมีกำแพงเมืองแข็งแกร่งละมั้ง ถูกป่าวครับ

ของคุณchatchaiนี่ก็...ไม่รู้แฮะ แต่เห็น performance ที่ผ่านมานี่ท่าจะปฏิเสธไม่ได้ว่ามีกำแพงเมืองที่หินสุดๆๆเช่นกัน (ผมเดาเอานะ)

mint อีกไง ในเรื่องความสามารถในการ copy model ที่สำเร็จแล้วจากที่นึงไปอีกที่นึง

TR นี่ไม่ทราบว่าผ้า reyon เค้านี่ copy ไม่ได้หรือไงครับ เหมือนมี DCA นะ

นึกไม่ออกและ ใหนๆใครนึกได้อีกครับ ช่วยคิดต่อที  :?

ผมว่า OHTL มีแบรด์ที่แข็งแกร่ง มีกำแพงป้องกันคู่แข่งได้อย่างดี แต่เรื่องราคา กับผู้บริหารไม่แน่ใจ

หุ้นของ buffet เน้นหนักที่
1. มีการผูกขาด ไม่ว่าจะเป็น
- ทางยี่ห้อ มาม่า เป้ปซี่
- ทางตำแหน่งที่ตั้ง มาบุญครอง รพ เอกชล นนทเวช
2. ราคาต้องถูกคุ้มพอที่จะซื้อ

ที่อยู่ในข่ายของ Warren

ผมเอา SHANG มาสู้ ครับ ...

เดี๋ยวนี้  พอร์ต ป๋าแกใหญ่ขึ้นมาก
แนวทางการลงทุนเลย น่าจะมีการปรับ

มีการลงทุนในหุ้นน้ำมันด้วย
อย่างที่คุณสุมาอี้เคยเอามา โพสไว้

ส่วนตัวผมคิดว่าถ้าบัฟเฟตลงทุนให้หุ้นกลุ่มน้ำมัน
น่าจะลงใน bcp

1. pe ต่ำสุดในกลุ่มเขา และยังมี glow จากการปรับเปลี่ยนขบวนการกลั่น
จะทำให้ จากกำไรประมาณ 2 เหรียญไปถึง ประมาณ 6  เหรียญ
ทำให้มีการเติบโต

2.  เทรดต่ำกว่า  book

3. น้ำมันน่าจะทรงตัวในระดับสูง ทำให้ค่าการกลั่นอยู่นในระดับสูง
เห็นได้ว่าผลประกอบการบริษัทดี แต่ราคากลับไหลลง
เป็นสิ่งที่เราชาว วีไอชอบมาก ๆ

4.  เทรดมูลค่าหุ้นตามบัญชี ประมาณ 1 ในสามเป็นน้ำมัน
และแน่นอนที่เหลือจากนั้นเป็นโรงกลั่น ซึ่งตอนนี้ทัวโลกมีอยู่จำนวนจำกัด


5.ได้ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่เชื่อถือได้  อย่างปตท

ซึ่งถ้าน้ำมันทรงตัวในระดับสูง  ต่อไป  ผมว่า บางจากดูจะสมบูร์แบบที่สุด
ถ้ามองจาก วีไอ

ในราคาที่เราชอบด้วยคือ มีส่วนลด
ถ้าผมเป็นกองทุนคงซื้อตัวนี้
และถ้าจะมีคนโดนตำหนิ ปตท จะเป็นแพะ
แทนผม
เพราะว่าปตท เองยังซื้อในราคา 14 บาท
ซึ่งสูงกว่าเรา

ขอบคุณครับ คุณ iambuffet ได้ความรู้อีกแล้ว...

ผมเอง นั่งคุยกะ น้อง ๆ ที่ office ว่า บริษัทไหนมี brand บ้าง
เพราะเท่าที่สติปัญญาอันน้อยนิดของผม หาไม่เจอ
ผมคิดว่า เรื่องราคา (กลยุทธ์ทางการตลาดที่เก่าแก่และทันสมัยที่สุด)
ยังคงมีผลในเรื่องการตัดสินใจซื้อมาก ๆ
ผมเองมีความรู้ทางการตลาดอยู่บ้าง
เลยพอจะเข้าใจความได้เปรียบอันมากมายของ brand loyalty
ถึงได้พยายามหา น้อง ๆ เขาเสนอมาว่าพวกเสื้อผ้า เครื่องแต่งตัว
ผมว่าก็น่าจะเข้าข่าย กะลังดู ๆ พวกนี้อยู่เหมือนกัน

ิฺีBuffet เองถือหุ้นน้ำดำอยู่ใน port ได้ยินจากท่านแม่ทัพสุมาอี้
เมื่อเสาร์ที่ผ่านมาในงานตลาดนัดผู้ลงทุน ว่ารอซื้ออยู่เป็น 10 ปี
ไม่แน่ใจว่า pepsi หรือ coca cola

ตอนไปเรียนกับพี่ jeng นี่พี่ท่านก็บอกว่า coca cola เนียะ มี brand
ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจว่ามี brand ยังไง ไ้ด้อ่านบทความของท่าน
ดร.นิเวศ บอก brand ของ Buffet คือ สิ่งที่ผู้ซื้อคำนึงถึง brand มาก ๆ
(เข้าใจเอาเองว่า ไม่ทั้งหมด ไม่ 100%) เวลาจะซื้อ ซึ่งน้ำดำ ตาม
ความเห็นผม ไม่น่าเข้าข่าย เพราะถ้าสั่ง โค้ก แล้วเขาเอา pepsi มาให้
หรือ vice versa ผมว่าคนส่วนใหญ่ (ในเมืองไทย) คงไม่เกี่ยง
แล้วจะมี brand ได้ยังไง
หรืออาจจะเป็นอย่างท่าน ดร.นิเวศ ว่า มันมีน้อยแล้วในตลาด เลยหายาก

ถ้างั้นไอ้พวกที่เข้าข่ายมี brand นี่ ผมว่าพวก Antie Ann , Swensen นี่
จะเข้าข่ายไหมครับ เพราะจะกินไอ้แท่งม้วน ๆ ก็ไม่มีเจ้าอื่นขาย (ผูกขาด)
จะกินติมก็ต้อง swensen ติมกะทิไผ่ทองนี่เอามาเทียบกันไม่ได้

แต่ทั้ง centel และ mint นี่ pe สูงเหลือเกิน ลังเลตรงนี่แหละครับ
หรือถ้าเป็นอีกแง่ สองตัวนี่จะเหมือน walmart ที่ buffet เคยพูดประมาณว่า
ไม่เคยลงมาให้ซื้อซักที ท่านใดมีความเห็นเป็นอย่างไรบ้างครับ

อ้อ อีกตัวผมขอลอกความคิดพี่ jeng ว่าเป็น modern ทุกท่านคิดยังไงครับ

ผมมองตรงข้ามกับคุณ iambuffet นะครับ
ผมไม่คิดว่า Buffet จะสนใจซื้อ bpc
มีเหตุผลหลายข้อครับ

1.เทคโนโลยีการกลั่นล้าสมัย ทำให้ได้ผลผลิตน้ำมันเตาเป็นส่วนใหญ่ ช่วงน้ำมันขาขึ้นก็ต้องลดกำลังการผลิต เพราะได้น้ำมันเตามาก โดยที่ราคาน้ำมันเตาขึ้นน้อยกว่าน้ำมันดีเซล เบนซิน นอกจากนั้นยังเป็นโรงกลั่นน่าจะแห่งเดียวในโลก ที่อยู่ในเมืองหลวง ทำให้เสียเปรียบโรงกลั่นอื่นๆที่อยู่ในนิคมมาบตาพุดมาก เพราะไม่สามารถแชร์โครงสร้างพื้นฐาน ผลิตภัณฑ์กับโรงอื่นๆได้ ต้นทุน โลจิสติกส์การขนส่งก็สูงกว่าทั้งบนบกและทะเล

2.โครงการเพิ่มคุณภาพการกลั่น ต้นทุนการลงทุนสูงมาก เหมือนโรงกลั่นโรงเดียว แต่ต้องมีทั้งสองยูนิตเพื่อผลิตน้ำมันได้เท่าเดิม แต่นี่อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับ ปตท.และกระทรวงการคลัง(ผู้ถือหุ้นใหญ่บางจาก) เพราะหากปล่อยให้บางจากล้ม นำที่ดินไปขาย ดูจะเสียหายมากกว่าการพยายามมปรับปรุงกระบวนการผลิต  เนื่องจากผลตอบแทนโครงการนี้ค่อนข้างน้อย ทำให้ดูเหมือน ptt ไม่เต็มจะเพิ่มทุนมากนัก

ค่าการกลั่นที่สูงขึ้น จะถูกชดเชยโดยค่าเสื่อมที่เพิ่มขึ้นมาก รวมถึงหนี้ดอกเบี้ยเงินกู้ประมาณ 10,000 ล้าน (ทั้งโครงการ 16,000 ล้าน เพิ่มทุนประมาณ 5 พันล้าน)

3.กำไรที่แท้จริงไม่รวมกำไรจากสต็อคน้ำมันน้อยมากๆ เมื่อเปรียบเทียบกับยอดขาย 8-9 หมื่นล้าน ทำได้แค่ประมาณ 5-6 ร้อยล้านเท่านั้น น้อยกว่ากำไรสต็อคน้ำมันถึง 4 เท่า (กำไรสต็อคน้ำมัน 2-2.3 พันล้าน) ดังนั้น pe ที่แท้จริงของ bpc ต้องคูณ 4 น่าจะถูกต้องกว่า  กำไรจากการดำเนินงานที่แท้จริงน้อยมาก แม้ค่าการกลั่นจะสูงขึ้น และไม่ต้องสงสัยหากราคาน้ำมันเป็นขาลง

4.ผลจากการเพิ่มทุน ทั้วอร์แรนต์และตราสารอื่นๆ เข้าใจว่ามีมากพอสมควร แต่ผมไม่ได้ติดตามมากนัก

5.โรงกลั่นใหม่ขาดแคลนจริงครับ แต่ในเมืองจีนมีการเริ่มสร้างโรงใหญ่ๆหลายโรง นอกจากนั้นในไทยก็จะมี debottom nect ของ ไทยออยส์ rrc และยังมีสยามกัลป์อีก 50,000 บาร์เรล รวมๆก็มากกว่าแสนบาร์เรล โดยรวมในอนาคตก็ยังไม่ตึงตัวมากนัก


ดังนั้นผมไม่คิดว่า Buffet จะสนใจซื้อบางจากนะครับ แต่ตัวนี้ผมไม่ได้ติดตามใกล้ชิด ใครสนใจลองตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลด้วยนะครับ

ผมเดาว่าป๋าบัฟ คงไม่ซื้อหุ้นไทย
เพราะเกรงระบบบัญชีไม่ได้มาตราฐาน  :lol:

เรื่องบางจาก เห็นด้วยกับพี่ลูกอิสานครับ

ราคาสะท้อนความเป็นจริงบางอย่าง
ที่รายย่อยมองไม่เห็น

ก็พี่ Buffett บอกว่าถ้าเขาเป็นกองทุนเขาจะซื้อ BCP
พี่ลูกอิสานจะไปแย้งเจ้าตัวเขาได้เหรอครับ...
BCP  เป็นหุ้นมาตรฐาน พี่ Buffett (IamBuffet) ผมไม่มีอะไรแย้งครับ  :lovl:

(Buffett ต้องมี t 2 ตัวนะครับ   )

s3410312 เขียน:

คุณบัฟเฟตซื้อ coke ไม่ได้มองที่ brand อย่างเดียวนะครับ
มีปัจจัยอื่นๆอีกเยอะครับ เช่น สินค้านี้อีก 10 ปีจะยังขายได้อยู่หรือเปล่า
คู่แข่งเข้ามาแข่งได้ง่ายหรือไม่ เป็นสิ่งที่คนทั่วไปใช้กันหรือเปล่า

อย่าง Antie Ann อาจจะไม่เข้าข่ายสำหรับคนไทยครับ

บัฟเฟตต์ถือหุ้นเบิร์คไชร์           เบิร์คไชร์ถือหุ้นDun&Bradstreet
Dun&bradsteetถือหุ้นBOL        ถือว่ามาตรฐานเดียวกันไหมครับ

คนมองกันคนละมุม
คุณลูกอีสานอาจจะเห็นปัญหาหลายอย่าง
แต่ผมเห็นโอกาส
เพราะหลายอย่างที่คุณลูกอีสานพูด
มันก็มีทางแก้อยู่แล้ว
ผมเชื่อว่าน้ำมันจะทรงตัวในระดับสุงครับ
แต่ก่อนบางจากกำไรน้อยกว่าโรงกลั่นอื่นเพราะ
คุณภาพ  ตอนนี้ปัญหานี้ก็ได้รับการแก้ไข
และทำให้กำไรดีขึ้นในอนาคต

คงมองกันคนละมุมครับ

และเมื่อน้ำมันทรงตัวในระดับสูง
ถ้าทรงตัวในระดับนี้คาดว่า Q2
ที่ออกมางบ บริษัทก็น่าจะดีครับ

ส่วนเรื่องความเชื่อมัน
ผมยังเชื่อว่าปตท
ถือหุ้นใหญ่ เขาต้องดูแล  ตรวจสอบ
พอสมควรครับ บริษัทนี้
ทั้งก่อนเข้า และเมื่อได้เข้ามาแล้ว

ที่อเมริกาแทบจะเรียกได้ว่าแบ่งแยกทางสีผิวเลยครับ น้ำดำที่มีสีผิวของbrandต่างกันนี่มีผลมากครับ บางคนไม่เข้าร้านอาหารบางร้านที่ไม่ขายยี่ห้อที่เค้าชอบเลยครับ หรือบางสถานที่ถ้าน้ำดำยี่ห้อนึงสนับสนุนแล้ว เค้าอาจจะห้ามเอาผลิตภัณฑ์ของอีกค่ายนึง(รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่นน้ำเปล่า น้ำผลไม้ ขนม)เข้ามาในที่เค้าเด็ดขาดครับ เคยถามคนที่นั่นถ้าไม่ใช่ยี่ห้อที่ชอบแล้วเค้าก็ดื่มอย่างอื่นแทนเลยครับ

ผมอยากถามในมุมว่าถ้าน้ำมันทรงตัวในระดับสูงต่อไป

เพื่อน ๆ จะลงทุนในหุ้นตัวไปที่ให้ผลตอบแทนดีกว่านี้
และเจ้าของต้องเชื่อถือได้ด้วยนะ

ผมก็อยากจะกระจายความเสี่ยงเหมือนกัน
ช่วยแนะนำด้วยครับ

ในขณะที่หลาย ๆ คนมองเห็นปัญหานะ
ผมเห็นโอกาส

สร้างโรงกลั่นใหม่ เพิ่มรายได้4 เท่า

ดร.อนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบางจากปิโตรเคมี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การสร้างโรงกลั่นรูปแบบใหม่นี้ จะทำให้รายได้เข้ามาในบริษัทอย่างก้าวกระโดด จาก 2000 ล้านบาท/ ปี มาอยู่ที่ 8000 ล้านบาททันที เพราะ คาดการว่าต่อไปค่าการกลั่นจะอยู่ที่ 7-8 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลล์ อีกทั้งบางจากมีช่องทางการขายทั้งแบบขายส่ง และขายปลีก ตามสถานีบริการน้ำมันต่างๆ ที่กระจายทั่วประเทศ

หุ้นบางจากน่าซื้อ แต่ต้องถือยาว

สำหรับในด้านเทคนิคนั้น นักวิเคราะห์อีกแห่งเห็นว่า เมื่อเทียบกับ TOP แล้ว บางจากยังด้อยกว่า เพราะตอนนี้ราคาของ BCP ถือได้ว่ายัง under perform อยู่ แต่มีข้อดีคือไม่มี Downsize list เพราะทางคลังรับซื้อที่ราคา 13.00 บาท ถ้านักลงทุนจะเข้าไปซื้อที่ราคา 13.50 บาทก็ไม่เสียหายอะไร แต่Range ราคา BCP จะแคบกว่า TOP ดังนั้นคนทั่วไปจึงชอบเล่น Top มากกว่า

     

http://www.manager.co.th/mgrWeekly/View ... 0000108029

หวังว่าชาว vi คงไม่มีใคร ขาย short ไปนะครับ
เป็นห่วงจริง ๆ นะ
ผมเคยคิดจะใช้วิธี dsm เหมือนกัน
แต่ก็ไม่กล้าครับ

[quote="iambuffet"]คนมองกันคนละมุม
คุณลูกอีสานอาจจะเห็นปัญหาหลายอย่าง
แต่ผมเห็นโอกาส
เพราะหลายอย่างที่คุณลูกอีสานพูด
มันก็มีทางแก้อยู่แล้ว
ผมเชื่อว่าน้ำมันจะทรงตัวในระดับสุงครับ
แต่ก่อนบางจากกำไรน้อยกว่าโรงกลั่นอื่นเพราะ
คุณภาพ

ตอนที่เราพยุงราคาน้ำมันไว้ครั้งแรก
ทางรัฐบาลก็คิดว่ามันขึ้นแล้วมันก็ลง

แต่มันไม่ลง  

เวลาจะบอกเองว่าใครที่คาดถูกคาดผิด

แล้วถึงเวลาจะรู้กันครับ
ผมอาจจะผิดก็ได้  
แต่อย่าลืมว่าไฮเดิมน้ำมันคือประมาณ 90 เหรียญ
ครับเมื่อกี่สิบปีมาแล้ว
ผมถึงคิดว่า  มันน่าจะยังไม่จบครับ

แต่สิ่งที่ไม่ควรทำคือการฝืนแนวโน้ม
ไม่งั้นอันตรายมากครับ

ถ้าผมคาดเดาแนวโน้มผิดผมยอมรับความจริงครับ

ผมอาจจะคาดเดาผิดก็ได้นะ
แต่ถ้าผิดผมก็ดีใจ เพราะหลาย ๆ คนจะได้ใช้น้ำมันในราคาถูก
และต้นทุนธุรกิจจะได้ถูกลง

แต่จริง ๆ เราควรจะหันมาประหยัดกันมากกว่าครับ
ไม่ใช่มานั่งโบ้ยกัน  นั่นแหละผมว่าทางแก้ปัญหาที่ดีที่สุด

อืมมมม  
มี bcp-dr1 ครับต่ำกว่าราคารับประกันคุณภาพนิดหน่อย เลยมาฟัง
ท่านผู้รู้คุยกันครับ  เพิ่งรับมาด้วยความสุก.........ก กึ่งดิบครับ

ถ้ามีทางเลือกผมก็ไม่อยากลงทุนในกลุ่มนี้นะ
แต่แนวโน้มมันมาแบบนี้ ผมก็เลยไม่มีทางเลือกครับ
เพื่อน ๆ ลองสังเกตุดูได้หุ้นแบงค์ปีนี้กำไรเป็นไงกันบ้าง
บ้าน หรืออะไร ๆ มันก็แย่ไปตาม ๆ กันเพราะน้ำมันมันแพง
มันมาเป็นต้นทุนของทุก ๆ ธุรกิจ
ในเมื่อแนวโน้มว่าน้ำมันจะทรงตัวในระดับสูงต่อไป
เพราะการกลั่นมันตึงตัวอยู่ตอนนี้
การสร้างโรงกลั่นใหม่ก็ต้องใช้เวลา
การลงทุนก็สูง ถ้ามาโดนอย่างเมืองไทย
จะมาโดนกดราคาการกลั่นกันอีก



ก็ขอให้น้ำมันไม่แพง และขอให้ผมคิดผิดแล้วกันครับ

สิ่งที่ผมอยากพูดคือ
การแก้ปัญหาน้ำมันแพงคือ
ทุกคนควรหันมาประหยัดการใช้

ในเมื่อของมันแพงเราก็ควรใช้กันอย่างประหยัดไม่ใช่หรือ

เพราะโรงกลั่นเขามีวิธีการคิดของเขา
คืออิงราคาน้ำมันตลาดโลก
คิดในทางกลับกันถ้าน้ำมันตลาดโลกลงล่ะ

[quote="investor009"]บัฟเฟตต์ถือหุ้นเบิร์คไชร์

CK เขียน:เรื่องบางจาก เห็นด้วยกับพี่ลูกอิสานครับ

ราคาสะท้อนความเป็นจริงบางอย่าง
ที่รายย่อยมองไม่เห็น

อืม... เป็นเรื่องที่ผมสงสัยอยู่เหมือนกันนะ จะดันก็แล้วจะเชียร์ก็แล้วก็ยังนิ่ง..

เทรดกันที่ pe ต่ำกว่าเพื่อนๆในกลุ่ม ถือตัวนี้ไว้ มันก็เสียโอกาสทำกำไรในตัวอื่นมากเลยนาท่านไอแอมบัฟ....

หุ้นชาว VI ปี 2006 ทำไมชื่อแปลกจัง ที่ยังคุ้นอยู่ก็ BOL

การที่ bcp มี margin ดีขั้นเกิดจาก bcp ไ้ด้ประกันความเสี่ยงเอาไว้ในระดับสูงก่อนหน้านี้

bcp เองไม่ได้มีแหล่งน้ำมันทีจะทำให้ได้กำไรสูงขึ้นเมื่อน้ำมันมีราคาสูงขึ้น
สิ่งที่บริษัทโรงกลั่นมีกำไรสูขึ้นเมื่อน้ำมันสูงขึ้นก็เป็นแค่กำไรจากสต็อก

เมื่อราคาน้ำมันนิ่งในระดับสูงนานๆ(แล้วมันก็จะกลายเป็นราคาปกติอีกครั้ง)
ระดับกำไรก็กลับมาเหมือนเดิม

บทสรุปเลย สำหรับกำไรที่ยั่งยืน ก็ต้องได้ค่าการกลั่นอยู่ในระดับสูง กำไรดี พอถึงจุดพีคของธุรกิจและราคาหุ้นขึ้นไปสูงมากก็ขายไป เพราะผมคิดว่าคงสูงได้ไม่นาน ธุรกิจพลังงานในระดับโลกแล้วคู่แข่งเยอะนะที่กำลังสร้างโรงกลั่นกันอยู่

s3410312 เขียน:ถ้างั้นไอ้พวกที่เข้าข่ายมี brand นี่ ผมว่าพวก Antie Ann , Swensen นี่
จะเข้าข่ายไหมครับ เพราะจะกินไอ้แท่งม้วน ๆ ก็ไม่มีเจ้าอื่นขาย (ผูกขาด)
จะกินติมก็ต้อง swensen ติมกะทิไผ่ทองนี่เอามาเทียบกันไม่ได้

coke เป็น brand นะครับผม ขอย้ำอีกที เป็น brand ที่ทรงพลังมาก

brand ที่ดีไม่ไช่ ขายสินค้าที่คนอื่นไม่ขายแล้ว = ผูกขาดนะครับ

antie ann ขายแท่งม้วนๆ พูดง่ายๆก้คือ แป้งขนมปัง แปลรูปแบบที่ใหม่ที่ความโดดเด่ดที่ design แต่ยังไง ขนมปังก้คือขนมปัง
ต้องคำถึงถึง ความเสี่ยงของสินค้าทนแทนของ ต่อ antie anne ด้วยนะครับ เพราะอย่างงั้นเราจึงสรุป ว่าbrand ไหนดีจาก สินค้าที่ขายไม่ได้นะครับ

brand ไม่ไช่สิ่งที่เรา อยากบอกกับผู้บริโถคว่ามันคืออะไร
brand คือสิ่งที่ ผู้บริโถคบอกเราว่ามันคืออะไรนะครับ

ต้องทำความเข้าใจกับ brand ใหม่นะครับ ต้องถามตัวเองก่อนนะครับว่า ความหมายของ brand ที่เราเข้าใจมันคืออะไร? brand คืออะไรกันแน่ ? ทำไมต้องมี brand

หลักการคิดแบบนี้ไช่ได้กับการ วิเคราะหุ้นนะครับ