หน้า 1 จากทั้งหมด 2

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 06, 2006 4:56 pm
โดย ลูกอิสาน
ท่านเขียนอย่างจิตวิญญานที่เป็น vi เสมอนะครับ
และยังเผยแพร่ให้เราๆให้รับรู้เพื่อนำทาง

http://www.thaivi.com/content/view/401/49/
พอร์ตเล็ก-พอร์ตใหญ่      

User Rating: / 1
PoorBest
Contributed by ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร    
           นักลงทุน โดยเฉพาะที่เป็นมือใหม่บางคนชอบพูดว่า ผมมีเงินน้อย เพราะฉะนั้นต้องลงทุนในหุ้นแบบที่ให้ผลตอบแทนเร็วหน่อย สิ่งที่เขาไม่ได้พูดต่อแต่ในใจเขาคงคิดก็คือ จะมาลงทุนซื้อหุ้นแล้วนั่งรอปันผลและรอให้หุ้นค่อย ๆ ปรับตัวขึ้นไปตามกำไรของบริษัทโดยไม่ขายหุ้น พอร์ตคงจะไปไม่ถึงไหน สิ่งที่เขาอยากทำก็คือ ซื้อ แล้วรอสักพักเมื่อราคาปรับตัวขึ้นก็ขาย เสร็จแล้วก็หาหุ้นตัวใหม่ที่ราคายังถูก ซื้อ แล้วก็ขายเมื่อราคาขึ้นไป ทำแบบนี้เขาคิดว่าจะทำให้พอร์ตของเขาโตเร็วขึ้น และเมื่อพอร์ตโตพอแล้ว เขาก็จะซื้อหุ้นลงทุนแบบระยะยาวจริง ๆ สิ้นปีก็รับปันผล เสร็จแล้วก็ใช้เงินจากปันผลซื้อหุ้นพื้นฐานดี ๆ ลงทุนต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเขามีเงินมากพอที่จะเป็นอิสระทางการเงิน
           นั่นเป็นเส้นทางในฝันของนักลงทุนหลาย ๆ คน เขาคิดว่าการลงทุนนั้น เราสามารถเร่งให้ได้กำไรเร็วขึ้นได้โดยการซื้อขายหุ้นมากขึ้น แต่วอเร็น บัฟเฟตต์ บอกเป็นอุปมาอุปไมยว่า เราไม่สามารถเร่งผลิตเด็กจากการใช้เวลา 9 เดือน ให้เหลือเพียง 1 เดือน ได้โดยการใช้ผู้ชาย 9 คน  ความหมายก็คือ การลงทุนนั้นต้องใช้เวลา การซื้อมา ขายไป โดยหวังว่าจะซื้อถูก ขายแพง ได้อยู่เรื่อย ๆ นั้น โอกาสที่จะเป็นจริงนั้น อาจจะน้อยกว่าที่คิด และเมื่อคำนึงถึงต้นทุนในการเข้า-ออก จากหุ้นแล้ว มันก็อาจจะไม่คุ้มที่จะทำ ผลก็คือ ยิ่งทำ พอร์ตก็ยิ่งโตช้าลง เพราะฉะนั้น โดยทั่วไปแล้ว ถ้าคุณยังมีเงินน้อย สิ่งที่ควรจะทำก็คือ จะต้องเริ่มลงทุนเร็วหน่อย และก็พยายามทำงานหาเงินมาลงทุนเพิ่มให้มากขึ้นเรื่อย ๆ เวลาได้รับปันผลก็เอามาลงทุนเพิ่ม แต่ไม่ใช่การพยายามซื้อขายหุ้นบ่อย ๆ เพื่อทำให้มันโตเร็วขึ้น
           การที่คนมีพอร์ตลงทุนที่ยังเล็กมีความรู้สึกอยากมีพอร์ตใหญ่นั้น ผมคิดว่าเป็นเรื่องปกติ สาเหตุก็คือ เขาอาจจะไปเห็นคนที่มีพอร์ตใหญ่ซึ่งเขารู้สึกว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความภาคภูมิใจ รู้สึกถึงความมั่งคั่ง มีอิสระทางด้านการเงิน และสำหรับคนที่รักการลงทุน มันคงจะเป็นสิ่งที่มีความสุขที่สุดที่จะสามารถซื้อขายหุ้นและลงทุนในหุ้นที่ตนเองชอบโดยไม่ต้องติดปัญหาว่า ไม่มีเงิน
           ในการที่จะแก้ปัญหาเรื่องความรู้สึก พอร์ตเล็ก นั้น ผมคิดว่าเราจำเป็นต้องทำความเข้าใจใน เรื่องจริง เพื่อที่จะบอกตัวเราเองว่า การมีพอร์ตใหญ่ของคนหลาย ๆ คนนั้น อาจจะไม่ได้หมายถึงความสำเร็จหรือความภาคภูมิใจอะไรเลย ข้อแรกก็คือ เขาอาจจะเริ่มต้นด้วยเงินจำนวนมากอยู่แล้วหรือบางทีอาจจะมากกว่ามูลค่าพอร์ตที่เห็นด้วยซ้ำ อย่างที่บัฟเฟตต์เคยพูดไว้ในทำนองนี้ว่า มีพอร์ตเป็น 10 ล้านในตลาดหุ้นนั้นง่ายมาก เริ่มต้นด้วย 100 ล้านสิ เดี๋ยวมันก็เป็น 10 ล้านเอง
           คนพอร์ตใหญ่บางคนเป็นคนที่มีเงินมากอยู่แล้วจากการทำธุรกิจหรือทำงานอย่างอื่นหรือรวยจากมรดก เขาจึงเอาเงินนั้นมาลงทุนซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ หลายคนซื้อหุ้นพื้นฐานดีเพื่อลงทุนระยะยาว หุ้นหลายตัวนั้นดูเหมือนว่าจะเป็นที่ชื่นชอบของ Value Investor ด้วย คนที่ร่ำรวยจากกิจกรรมอื่นอีกบางคนก็เอาเงินเข้ามา เล่นหุ้น แบบเป็น ขาใหญ่ มีพอร์ตเป็น พันล้าน แต่จริง ๆ แล้วเราไม่รู้หรอกว่าเขาสามารถทำผลตอบแทนได้ปีละกี่เปอร์เซ็นต์ ทบต้น เราอาจจะรู้สึกอิจฉาในความมั่งคั่งและอิจฉาที่เขามีพอร์ตใหญ่มีหุ้นมาก แต่เราไม่ควรอิจฉาเขาในแง่ของความสำเร็จจากการลงทุน เหตุผลก็คือ เราไม่รู้ว่าเขาได้ผลตอบแทนเท่าไร นอกจากนั้น ถ้าเขาทำผลตอบแทนได้ดีจริง ๆ เราก็ไม่รู้ว่า ความสำเร็จนั้น เกิดจากความสามารถของการลงทุนหรือการเก็งกำไร หรือเกิดจากการปฏิบัติในสิ่งที่ผิดกฎหมายหรือขาดคุณธรรมหรือไม่
            เรื่องของพอร์ตที่จะใหญ่ได้หรือไม่มากน้อยแค่ไหนนั้นหรือในอนาคตจะใหญ่ไปได้แค่ไหน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง แต่ที่แน่นอนและมีผลไม่น้อยก็คือ เงินลงทุนเริ่มต้นและเงินที่เพิ่มเติมจาก ภายนอก เช่นเงินเดือนหรือรายได้จากแหล่งนอกตลาดหลักทรัพย์ และเรื่องนี้ บางที มันขึ้นอยู่กับโชคชะตา เช่น ถ้าคุณเป็นคนรวยอยู่แล้ว การที่พอร์ตจะใหญ่นั้นก็คงจะง่ายกว่าคนที่ไม่มีทรัพย์สมบัติและต้องเริ่มลงทุนด้วยเงินที่น้อยมาก เรื่องของฝีมือในการลงทุนนั้นก็เป็นปัจจัยที่สำคัญมากที่จะทำให้พอร์ตนั้นจะสามารถเติบโตหรือรักษาขนาดของพอร์ตไว้ได้มากน้อยแค่ไหน แต่สิ่งที่เราพอจะรู้ก็คือ ในระยะยาวเป็น 15-20 ปีขึ้นไป โอกาสที่จะได้ผลตอบแทนทบต้นปีละถึง 20% มีน้อยมาก และโอกาสที่จะได้ 30% แทบจะเป็นไปไม่ได้ เรื่องสำคัญมากที่สุดอีกอย่างหนึ่งก็คือ คุณเริ่มต้นลงทุนเมื่ออายุเท่าไรและคุณจะลงทุนต่อไปได้อีกกี่ปี การที่พอร์ตจะใหญ่หรือเล็กในอนาคตนั้นขึ้นอยู่กับเวลาที่ลงทุนว่ายาวแค่ไหน  ดังนั้น โดยทั่วไป ถ้าคุณยังมีอายุน้อย โอกาสที่พอร์ตของคุณจะใหญ่นั้นมีอยู่สูงมากถ้าคุณศรัทธาและทุ่มเทให้กับการลงทุนจริง ๆ
           ข้อสรุปทั้งหมดของผมก็คือ ในการลงทุนนั้น อย่าไปคิดว่าพอร์ตของเราจะใหญ่หรือเล็ก อย่าไปคิดอิจฉาหรือพยายามวิ่งตามคนอื่น พอร์ตของเราจะใหญ่หรือเล็กนั้นนอกจากจะขึ้นกับฝีมือแล้วก็ยังขึ้นอยู่กับโชคชะตาด้วย วิธีการลงทุนของเรานั้น ไม่ควรไปผูกกับขนาดของพอร์ต เพราะนั่นจะทำให้การลงทุนของเราผิดพลาดมากกว่าที่จะประสบความสำเร็จ ฝีมือนั้นช่วยเสริมโชคชะตาได้ แต่ฝีมือนั้น น้อยครั้งที่จะสามารถฝืนโชคชะตา ยอมรับและลงทุนอย่างมีความสุขจะดีกว่า


ผมเห็นด้วย 98% แต่ก็มีบางส่วนที่มองต่างออกไป เพื่อนๆมองอย่างไรครับ

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 06, 2006 5:04 pm
โดย jaychou
ผมมีบางส่วนเห็นต่างออกไปครับ คนมีผอร์ตล้านเดียวกับสิบล้าน ความคล่องตัวห่างกันเยอะครับ

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 06, 2006 5:08 pm
โดย s3410312
ผมเองคิดว่า อะไรที่เร่งรัด น้อยนักจะได้ผลดี
และสนใจฟัง 2% ของคุณลูกอิสาน ครับ

ต้องคอยบอกตัวเองแหละครับ ให้ใจเย็น ใจเย็น และรอ
อาจจะมีตกรถบ้าง แต่ดีกว่าติดดอย เงินทองไม่ใหญ่โต
จะคิดอ่านทำอะไร ต้องรอบคอบครับ

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 06, 2006 5:08 pm
โดย por_jai
ฝีมือนั้นช่วยเสริมโชคชะตาได้ แต่ฝีมือนั้น น้อยครั้งที่จะสามารถฝืนโชคชะตา ยอมรับและลงทุนอย่างมีความสุขจะดีกว่า
8) ฝีมือหรือจะสู้ดวงดาว
    กับ
    ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะคน

    คุณว่าใครชนะ

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 06, 2006 5:10 pm
โดย MarginofSafety
ผมเห็นต่างในประเด็น
"ฝีมือนั้นช่วยเสริมโชคชะตาได้ แต่ฝีมือนั้น น้อยครั้งที่จะสามารถฝืนโชคชะตา"
เพราะผมไม่เชื่อในเรื่องโชคชะตา ผมเชื่อในเรื่องกรรม หรือ การกระทำ

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 06, 2006 5:18 pm
โดย สุมาอี้
ผมเห็นด้วยกับดร.หมดครับ และพอร์ตของดร. เองก็เป็นสิ่งที่พิสูจน์อยู่แล้ว

ผมว่าบัฟเฟตและดร.นั้นไม่เหมือนกับนักลงทุนทั่วไปอยู่อย่างหนึ่งก็คือ ทั้งสองคนรู้จักรอคอยที่จะซื้อเฉพาะแต่โอกาสที่ดีจริงๆ เท่านั้น ในชีวิตหนึ่งถ้าคนเราได้เจอโอกาสแบบนั้นเพียงสักสามครั้งก็เป็นเศรษฐีได้แล้วครับ

ผมรอของผมอยู่ครับ  :D

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 06, 2006 5:21 pm
โดย javoel
บทความนี้ปลอบใจ(ให้กำลังใจ) คนอย่างผม (หวังว่าจะโตซักวัน)
   
  เพราะ port ผม เล็กมากครับ   โดยเฉพาะเมื่อเทียบ(คิดว่า)กับพี่ๆ ใน web นี้

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 06, 2006 5:51 pm
โดย chatchai
ความสำเร็จนั้นไม่ได้มาอย่างง่ายดาย

ผมว่านักลงทุนมือใหม่ในเวบนี้  มีไม่น้อยที่อิจฉาผม  เห็นควาสำเร็จในการลงทุนของผมในทุกวันนี้

แต่กว่าที่ผมจะมาถึงวันนี้ได้  ผมก็ผ่านมาเยอะ

ผมเริ่มเล่นหุ้นตั้งแต่ช่วงกลางปี 33  เริ่มต้นก็ขาดทุนแทบหมด  เพราะเจอซัดดัม

แต่ก็เล่นหุ้นมาเรื่อยๆ  โดยอาศัยเงินทุนจากเงินเดือน  ได้บ้างเสียบ้าง  จนถึงกลางปี 39  

6 ปีผ่านไป  ยังไม่ประสบความสำเร็จแม้แต่น้อย  ท้อใจก็มีบ้าง  จากความมั่นใจในช่วงเริ่มเล่นหุ้น  จนเริ่มเห็นภาพที่แท้จริงว่า  ความสำเร็จย่อมไม่ง่ายดาย  ไม่งั้นผู้คนคงร่ำรวยไปหมดแล้ว

ผมเลิกเล่นหุ้นตั้งแต่กลางปี 39 จนถึง ปีกลางปี 42  รวม 3 ปี  ที่อดทนรอโอกาส

หลังจากนั้น  ผมก็เริ่มต้นลงทุนใหม่  ด้วยเงิน 6 แสนบาท  และก็ประสบความสำเร็จมาจนทุกวันนี้

จากช่วงแรกที่ยังไม่ประสบความสำเร็จ  เป็นระยะเวลา 9 ปีทีเดียวครับ

ที่เขียนมาก็เพื่ออยากให้กำลังใจเพื่อนๆที่ปัจจุบันนี้ยังไม่ประสบความสำเร็จในการลงทุน  แต่ถ้าเรามีใจรัก  ความสำเร็จก็จะรอคอยเราอยู่ข้างหน้า  ถ้าเราไม่สิ้นหวังไปซะก่อน

แข่งฟุตบอล  ยังไม่ยอมแพ้จนกว่าจะกรรมการจะเป่านกหวีดหมดเวลา

แต่การลงทุน ไม่มีกรรมการมาคอยเป่าหมดเวลานะครับ  มีแต่เราหมดเวลาของเราเอง   ดังนั้นเราก็ควรที่จะรักษาสุขภาพกาย  สุขภาพใจ  ของเราให้ดี  เพื่อที่จะมีเวลานานๆ

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 06, 2006 6:20 pm
โดย Viewtiful Investor
คุณ chatchai ยอดเลยครับ :cheers:

ผมจะพยายามค่อยๆตามไป

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 06, 2006 6:46 pm
โดย naris
:man:

:cool:

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 06, 2006 6:49 pm
โดย CK
:cheers: ขอบคุณคุณ chatchai ครับ

น่าจะแต่งอัตชีวประวัติสักเล่มนะครับ น่าจะขายดี :cheers:

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 06, 2006 6:59 pm
โดย BHT
CK เขียน::cheers: ขอบคุณคุณ chatchai ครับ

น่าจะแต่งอัตชีวประวัติสักเล่มนะครับ น่าจะขายดี :cheers:
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ ถ้าทำนะ ไม่ต้องไปขายตามร้านเลย ขายผ่านเว็บหาเงินเข้าเว็บ แบ่งรายได้ให้เจ้าของเรื่อง ตามสัดส่วนที่เหมาะสม

รูปเล่ม ใช้พิมพ์ออกมาแล้วถ่ายเอกสารเย็บเล่มง่ายๆก็ได้ครับ ประหยัดต้นทุนไดเยอะ

รับรองขายดีเป็นเททิ้ง :cheers:

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 06, 2006 7:35 pm
โดย น้ำครึ่งแก้ว
อืมม ครับ :cheers:  :cool:  :bow:  :pray:

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 06, 2006 7:59 pm
โดย นายสต็อก
บัฟเฟตต์เคยพูดไว้ในทำนองนี้ว่า มีพอร์ตเป็น 10 ล้าน
ในตลาดหุ้นนั้นง่ายมาก เริ่มต้นด้วย 100 ล้านสิ เดี๋ยวมันก็เป็น 10 ล้านเอง
คนพูดแนวนี้...เรียกว่าพูดแบบทุนนิยมครับ (Capitalism)
อย่างว่าแหละครับ อเมริกาเค้าเป็นต้นแบบของระบบทุนนิยมอยู่แล้ว

"ใครลงทุนน้อยก็ได้ส่วนแบ่งชิ้นเนื้อไปน้อย...ใครลงทุนมากก็ได้ส่วนแบ่งชิ้น
เนื้อไปมาก!!!" :idea:

ลงทุนตามอัตภาพ "แสนเดียว"...จะได้แบบพวก ลงทุน "100 ล้าน" ได้ยังไง?
มันถึงเกิดปัญหาเรื่องชนชั้นทางสังคม อย่างทุกวันนี้ไงครับ
- ชนกรรมาชีพ!
- ชนชั้นกลาง!
- ชนชั้นปกครอง!
- ชนชั้นปัญญาชน!
และอีกมากมาย...:?:

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 06, 2006 8:10 pm
โดย mey
[quote="chatchai"]

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 06, 2006 8:10 pm
โดย phobenius
การลงทุนอย่างมีความสุข ผมคิดว่า ทำได้มันจะดีมากเลยครับ อยากเป็นอย่างนี้ตลอดไป

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 06, 2006 8:20 pm
โดย Capo
วันนี้ได้อ่านบทความนี้ของท่าน ดร. เหมือนกัน
แล้วได้มาอ่านประสบการณ์ของพี่ฉัตรชัยอีก

เลยมีแรงฮึดขึ้นมาอีกเยอะเลยครับ  :bow:

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 06, 2006 8:35 pm
โดย ปรัชญา
jaychou เขียน:ผมมีบางส่วนเห็นต่างออกไปครับ คนมีผอร์ตล้านเดียวกับสิบล้าน ความคล่องตัวห่างกันเยอะครับ
:oops: คนมีพอท์ตหญ่ายๆ  รับหุ้นไม่ให้ลงแบบดูแลอย่างดีน่ะ :wink:

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 06, 2006 8:36 pm
โดย WIN
I love P'Chatchai's article !!

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 06, 2006 8:43 pm
โดย Raphin Phraiwal
นับถือพี่ฉัตรชัยครับ

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 06, 2006 8:55 pm
โดย สามัญชน
ผมเห็นต่างในประเด็น
"ฝีมือนั้นช่วยเสริมโชคชะตาได้ แต่ฝีมือนั้น น้อยครั้งที่จะสามารถฝืนโชคชะตา"
เพราะผมไม่เชื่อในเรื่องโชคชะตา ผมเชื่อในเรื่องกรรม หรือ การกระทำ
นี่มันคำพูดของผมชัดๆ  คุณHVI เอาคำพูดผมมาโพสท์ก่อนได้ยังไง.... :lovl:

แต่เอาหละๆ  งั้นผมดัดแปลงนิดหนึ่งก็ได้เพื่อให้แตกต่าง

ผมเห็นต่างในประเด็น
"ฝีมือนั้นช่วยเสริมโชคชะตาได้ แต่ฝีมือนั้น น้อยครั้งที่จะสามารถฝืนโชคชะตา"

เพราะผมไม่เชื่อในเรื่องโชคชะตา ผมเชื่อในเรื่องเหตุและผล หรือ ผลย่อมเกิดมาแต่เหตุทั้งนั้น  

เหตุหลายอย่างเรารู้ชัดๆ  เหตุหลายอย่างเรายังบอกไม่ได้ก็จริงแต่ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีตัวตนอยู่


ถ้าดร.จะเรียกเหตุที่เรายังไม่รู้ว่าโชคชะตา ก็ไม่ว่าอะไรครับ

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 06, 2006 9:08 pm
โดย chatchai
[quote="mey"]นี่คือตัวอย่างของ......นักลงทุนที่มีความมุ่งมั่น

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 06, 2006 9:37 pm
โดย ong120
ขอบคุณ chatchai  ที่เป็นตัวอย่างที่ดี (และอยากฟังประวัติของพี่ๆอีกหลายคนในwebนี้ เพื่อศึกษาและเป็นตัวอย่างในการดำรงชีวิต)
และเห็นด้วยกับคุณ ck,BHT ที่แต่งอัตชีวประวัติของคุณ chatchai ผมเป็นคนหนึ่งที่ซื้ออ่าน

ส่วนบทความข้าบนผมเป็นด้วยครับ เพราะ
ส่วนตัวผมเอง ก็เริ่มจากพอร์ตเล็กเหมือนกัน
เมื่อสองปีที่แล้วอายุ 22  เริ่มต้น port ด้วยสองพันกว่าบาท ไม่มี account ของตัวเอง ฝากพี่ชายซื้อ จำได้เลยว่าได้เงินจากแต๊ะเอีย
ต่อมา อดมื้อกินมื้อ (จริงๆ) เพื่อมีเงินเหลือเก็บ 2-3พันกว่าบาทต่อเดือน เก็บมาเรื่อยๆ port ใหญ่โตเป็น สองหมื่นบาท ก็ไปเปิด seamico account ก็มี port ของตนเอง

ตอนนี้อายุ 24 (เดือนหน้า อายุ 25แล้ว )เป็น  intern 1 port เป็น หกหลักต้นๆ (ขอบคุณ KH se-ed อิอิ)

สิ่งที่ได้สองปีจากการลงทุน คือความรู้ ที่เติบโตมาพร้อมกับ port , และ ......
ความสุขที่ ไม่หวั่นไหวไปกับอารมณ์คนส่วนใหญ่
หุ้นลงก็ดีที่ทำให้จำนวนหุ้นเพิ่มได้(ถ้าซื้อในจำนวนเงินที่เท่ากันๆ) หุ้นขึ้นก็ดีที่ทำให้จำนวนเงินเพื่มได้
และ เราให้เวลากับ port น้อยมาก นานๆครั้งดูก็ได้

พอเปรียนเทียบกับคนใกล้ชิดผม port เจ็ดหลัก เก็งกำลัย อืมม เครียดตาย......

สรุป ขอ port เล็ก แต่มีความสุข ดีกว่า ครับ

ต้องขอบคุณ บทความดีๆ และเพื่อนๆ ที่ทำให้มีกำลังใจขึ้นเยอะครับ

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 06, 2006 9:41 pm
โดย MarginofSafety
สามัญชน เขียน:
นี่มันคำพูดของผมชัดๆ

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 06, 2006 9:42 pm
โดย ลูกอิสาน
ส่วนที่ผมเห็นต่างไปคือพอร์ตเล็ก & พอร์ตใหญ่ ควรมีกลยุทธิ์เทคนิคที่ต่างกันครับ

คือพอร์ตเล็กควรเน้นหุ้น(VI) ที่มี่ความผันผวนสูงหรือ high beta เช่นอาจจะเป็นหุ้นตัวเล็ก หุ้นเติบโตสูง หรือหุ้นพื้นฐานดีที่มีการ manipulate ราคาบ้าง เพราะโอกาสที่จะทำกำไรมีสูงกว่า การลงทุนในหุ้นปันผลและเติบโตช้า ซึ่งผมมองว่าน่าจะเหมาะกับพอร์ตค่อนข้างใหญ่ และต้องการความมั่นคงสูง


กรณีของพี่ฉัตรชัย ผมก็เข้าใจว่าตอนเริ่มแรกก็ลงทุนในหุ้น high beta เช่นกัน จำได้ว่าน่าจะเป็น s-one-w3

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหุ้นเหล่านี้ก็ต้องมีพื้นฐานรองรับที่ดี เป็นหุ้นที่มีคุณค่าเหมือนกัน ไม่ใช่ให้ลงทุนในหุ้นที่เค้าทำราคากันนะครับ


ฝีมือนั้นช่วยเสริมโชคชะตาได้ แต่ฝีมือนั้น น้อยครั้งที่จะสามารถฝืนโชคชะตา
ไม่แน่ใจว่าท่านต้องการสื่ออย่างไรครับ :D  แต่ผมชื่ออย่างนี้ครับ..

ความสำเร็จที่โดดเด่น ต้องอาศัยทั้งฝีมือและโชคครับ

หลายท่านที่ประสบความสำเร็จโดดเด่นวันนี้ นอกจากฝีมือแล้ว ก็เติบโตมาหลังวิกฤติเศรษกิจครั้งที่ผ่านมาเกือบทั้งนั้นครับ ทำให้ได้ซื้อหุ้นที่ราคาถูกๆ

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 06, 2006 9:53 pm
โดย por_jai
[quote="HVI"]
เอาอีกแล้วคุณหมอ เมื่อก่อนเห็นลอกการบ้านพี่พอใจไปรอบนึงก็พูดแบบนี้
คราวนี้มาลอกการบ้านผม ยังพูดเหมือนเดิมอีก
คราวหลังถ้าจะลอกการบ้าน เปลี่ยนมุขบ้างก็ได้นะคร้าบบบ...

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 06, 2006 9:55 pm
โดย riname
.....ใหญ่  เล็ก  มิน่าสน....................
.....มาก   น้อย  มิประสา..................
.....เหตุผล ปัญญา  เป็นหนึ่ง ...........
.....เส้นทาง  ทิศทาง  เป็นพอ...........

แมงเม่า VI

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 06, 2006 10:10 pm
โดย นายสต็อก
ความสำเร็จที่โดดเด่น ต้องอาศัยทั้งฝีมือและโชคครับ

หลายท่านที่ประสบความสำเร็จโดดเด่นวันนี้ นอกจากฝีมือแล้ว ก็เติบโตมา
หลังวิกฤติเศรษกิจครั้งที่ผ่านมาเกือบทั้งนั้นครับ ทำให้ได้ซื้อหุ้นที่ราคาถูกๆ

แมงเม่า VI อย่างผม..
ช่วงตกต่ำขีดสุดนั้น ผมวิ่งเต้นขายตึกแถว 2 ห้อง ย่านศาลเจ้าพ่อเสือให้
สหกรณ์ครูอาชีวะไป กว่าจะเจรจาต่อรองจนปิด Case ได้ เล่นเอาเหนื่อย
เลย พอได้เงินก้อนใหญ่เข้ามา ถึงได้พอช่วยที่บ้านให้ยืนอยู่ได้

เงินที่ได้มาก็ต้อง วิ่งไปเจรจาต่อรองกับ ธ.กรุงเทพ สำนักงานใหญ่
เรื่อง การคำประกันเงินกู้ ของกิจการพี่สาว ช่วงที่ผมอยู่อเมริกาอีก
กว่าจะปิดเรื่องได้ ก็เล่นเอา เหงื่อตกเหมือนกัน คุณก็รู้...คุยเรื่อง
หนี้กับธนาคารนั้น คุยกันง่ายซะที่ไหนหล่ะครับ

แม้ว่าเราเจรจาแล้วจะได้ส่วนลดดอกเบี้ยหลายแสนก็ตามที
อย่างว่าแหละครับ ผมชอบเป็นไท...ไม่ชอบเป็นหนี้ใคร! :roll:

ถ้าผมมีความรู้เรื่องหุ้นมากๆ...
ช่วงนั้น ผมคงกว้านซื้อหุ้นได้ถูกมากๆ เลยอาจซื้อได้
ณ ดัชนี 2-300 จุด ด้วยซ้ำไป!!! เชื่อว่า น่าจะทำกำไรได้ไม่ต่ำกว่า
3-4 เท่า อย่างแน่นอน 8)

ผมเริ่มเข้าซื้อ ณ ดัชนีราว 350-400 จุด แค่นั้น แต่ชั่วโมงบินยังไม่สูง
เลยไม่ได้ลงทุนจริงๆ จังๆ อะไร!!! (ยังวัยรุ่นก็เล่นเอามันส์ ไม่ได้หวังร่ำรวย!) :twisted:

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 06, 2006 10:20 pm
โดย สามัญชน
ของคุณHVI เรียกว่าลอกการบ้านครับ เพราะผมดัดแปลงด้วย  ลอกแบบมีศิลปะอ่ะ

ของพี่พอใจไม่เรียกว่าลอกการบ้านครับ
เรียกว่าxerox แล้วเติมชื่อตัวเองลงไปเลยหล่ะ  :lovl:  :lovl:  :lovl:

งั้นผมทำการบ้านเองมั่งก็ได้

ลูกอิสานบอกว่า
ส่วนที่ผมเห็นต่างไปคือพอร์ตเล็ก & พอร์ตใหญ่ ควรมีกลยุทธิ์เทคนิคที่ต่างกันครับ

คือพอร์ตเล็กควรเน้นหุ้น(VI) ที่มี่ความผันผวนสูงหรือ high beta เช่นอาจจะเป็นหุ้นตัวเล็ก หุ้นเติบโตสูง หรือหุ้นพื้นฐานดีที่มีการ manipulate ราคาบ้าง เพราะโอกาสที่จะทำกำไรมีสูงกว่า การลงทุนในหุ้นปันผลและเติบโตช้า ซึ่งผมมองว่าน่าจะเหมาะกับพอร์ตค่อนข้างใหญ่ และต้องการความมั่นคงสูง
ตรงนี้ผมเห็นแย้งกับลูกอิสาน

1.ผมว่าพอร์ทเล็กได้เปรียบพอร์ทใหญ่เพราะคล่องตัวกว่า เก็บหุ้นได้ครบเร็วกว่า ขายหมดง่ายกว่า  ถ้าพอร์ทใหญ่กว่าจะเก็บได้ครบราคาก็ถูกดันขึ้นไปสูง  กว่าจะขายหมดราคาก็ร่วงติดดิน

2.พอร์ทเล็กไม่จำเป็นต้องเลือก high beta เผลอๆจะยิ่งทำให้พอร์ทโตช้าลงอีก

3.เช่นเดียวกับพอร์ทใหญ่ก็ไม่จำเป็นต้องเลือกหุ้นปันผลและเติบโตช้า

4.ขนาดของพอร์ทไม่มีผลต่อการเลือกหุ้น เพียงแต่ความสะดวกสบายต่างกันเท่านั้นเอง  ซึ่งคุณค่าของหุ้นที่เราเลือกย่อมอยู่เหนือความสะดวกสบายอยู่แล้ว

ปล.พอร์ทใหญ่ในที่นี้ผมนับตั้งแต่ร้อยล้านขึ้นไป พอร์เล็กนับจากหนึ่งล้านลงมา

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 06, 2006 10:43 pm
โดย iambuffet
ขอบคุณคุณฉัตรชัยครับ
เป็นกำลังใจได้ดีครับ

จริง ๆ แม้แต่บัฟเฟต
เองแม้แกจะศึกษากับเกรแฮม
จนมั่นใจแล้ว
ก็ก็ยังพลาดครับ

เช่นการลงทุนในสิ่งทอ

ขอให้ทุกคนเข้มแข็งครับ
อย่ากลัวความล้มเหลว
ถึงล้มเหลวแต่เราก็จะได้บทเรียน

เอดิสันกว่าจะผลิตหลอดไฟได้
ล้มเหลวมามาก  จนนับครั้งไม่ถ้วนครับ