Thai VI

เพิ่งขยายกำลังการผลิตเพิ่ม 60%
แล้วเสร็จปลายปีที่แล้ว รับรู้รายได้ปีนี้
ลงทุนไปพันกว่าล้าน แต่ตอนนี้กลับมีสถานะเป็นเงินสดสุทธิ(เงินสดมากกว่าเงินกู้)  ทุกอย่างดูดี

หันไปดูราคาหุ้นลดลงจากต้นปีเกือบๆ 30%
PE 6 นิดๆ

มีเหตุผลอะไร

ขอซื้อด้วยคนครับ

โห พี่ Jeng อ่านแค่นี้รู้แล้วหรือครับเนี่ย .... ว่าตัวไหน ซูฮก  :shock:

PTL AH TVO CITY METCO จะถูกซักตัวไหมครับ

ผมว่าคุณลูกอิสานน่าจะหมายถึง

TCB   แม่นบ่....

มีคู่แข่งภายในประเทศ 3 ราย

รายแรก มีกำลังการผลิตไม่ถึงครึ่งของบริษัทนี้
รายที่สอง กำลังการผลิต 1 ใน 5 แถมยังผลิตส่งออกส่งให้ในเครือ

สินค้าที่ผลิตเป็นวัสดุสิ้นเปลือง ใช้แล้วหมดไป ต้องซื้อใหม่ ตลอดเวลา

สาเหตุที่ราคาหุ้นตกลงมา น่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้ครับ

กำไรขั้นต้นย้อนหลัง 9 ไตรมาส


24.4------ 25.5------ 27.4------ 25.5------ 30.7------ 30.7------ 22.9-------16.7------19.4

จะเห็นได้ว่าตอนที่กำไรลดลง  ตรงกับช่วงที่เริ่มต้นการผลิตส่วนขยายพอดี ดูแนวโน้มกำไรแล้ว เหมือนจะดีขึ้น เราอาจจะคาดหวังได้หรือเปล่าว่าถ้าหากการผลิตส่วนขยายเป็นไปได้ด้วยดี มาร์จินจะกลับมาเท่าเดิม และกำไรจะเพิ่มขึ้นเท่ากับสัดส่วนที่ขยายการผลิต (60%)  โดยที่กำลังการผลิตที่เพิ่มมีออร์เดอร์รองรับไว้แล้ว

[quote="pk8"]ผมว่าคุณลูกอิสานน่าจะหมายถึง

TCB

สินค้าโภคภัณ
หลายประเทศกำลังเพิ่มกำลังผลิต
MR.MARKET  ให้ค่า pe  ไม่สูงนัก   คล้ายๆหุ้น petro  :?:  :?:  :?:

ผมคิดง่ายๆว่ากิจการที่ขยายกำลังการผลิตเพราะความต้องการสินค้าที่เพิ่มขึ้นมาก แต่ทำไมกำไรกลับลดลง ดูไม่ค่อยสมเหตุสมผล

อาจจะเป็นไปได้หรือเปล่าว่า กำไรที่ลดลง 2 ไตรมาสที่ผ่านมาเป็นเหตุการณ์ชั่วคราว

1.เพราะการเริ่มผลิตส่วนขยาย ที่ยังทำได้ไม่เต็มที่แต่ต้องตัดค่าเสื่อมเต็มไปแล้ว
2.หรืออาจจะเป็นเพราะราคาวัตถุดิบ 2 ไตรมาสที่ผ่านมาราคาเพิ่มขึ้น และยังไม่สามารถผลักภาระไปให้ลูกค้าได้

สงสัยจะมารับผม  :D

มองมา 3 ปีแล้วครับ ตั้งแต่ 15 นิดๆๆ

[quote="วัวแดง"]สงสัยจะมารับผม

เคยอ่านหนังสือว่าบริษัทที่ผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ ที่มีความได้เปรียบในการแข่งขันคือผู้ผลิตที่มีต้นทุนต่ำที่สุด เช่น

atc ใช้คอนเดนเสทในอ่าวไทย ราคาถูก มีสารอโรเมติกร์สูง

กรณี tcb น่าจะมีต้นทุนการผลิตต่ำติดอันดับโลก เหตุผลดังนี้ครับ..

1.เป็นโรงงานเดี่ยวที่มีกำลังการผลิตสูงติดอันดับโลก อันดับ 1 จำได้เลาๆว่าเป็น Cabot Brazil อันดับ 2 ไม่แน่ใจระหว่าง Alexzandria carbon หรือ tcb ทั้งคู่อยู่ในเครือเบอร์ล่า  กำลังการผลิตที่สูงทำให้ต้นทุน fix cost ต่ำ เกิดการประหยัดจากขนาด

2.ได้รับรางวัลคุณภาพมากมาย น่าจะทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำ และสินค้ามีคุณภาพ

3.ประเด็นสำคัญมีการ synergy ระหว่างบริษัทในกลุ่มเบอร์ล่า คือในกระบวนการผลิตคาร์บอนแบล็คมีการนำน้ำมันหนืดมาเผา ได้เขม่า และพลังงานความร้อนจำนวนมาก พลังงานเหล่านี้ก็นำไปอุ่นวัตถุดิบ ที่เหลือก็นำไปผลิตไอน้ำ และไฟฟ้า ขายให้บริษัทในเครือคือ tr ที่อยู่ตรงข้ามกัน มูลค่าที่นำ by product ไปขายปีที่แล้วคือ 270 ล้าน เกือบๆครึ่งของกำไรที่ทำได้ทั้งปี ในขณะที่คู่แข่งอาจจะใช้ประโยชน์พลังงานที่เหลือนี้ได้น้อยกว่ามาก หรืออาจจะปล่อยทิ้งไป ทำให้ต้นทุนการผลิตของ tcb ต่ำกว่าคู่แข่งมาก

กรณีอย่างนี้จะเห็นได้ชัดเจน เช่น Alexzandria cabon ก็อยู่ติดกับ Alexzandria fiber เพื่อเอื้อประโยชน์กันและกัน

นอกจากนั้นการขนส่งวัถตุดิบก็มีการแชร์ค่าใช้จ่ายร่วมกันระหว่างโรงงานคาร์บอนแบล็คในกลุ่มเบอร์ล่าคืออินเดีย ไทย จีน และล่าสุดโครงการโรงงานในเม็กซิโก

คุยมามาก ฟังหูไว้หู ลองหาข้อมูลหากสนใจครับ

ได้เข้าประชุมผู้ถือหุ้นและโทรคุยกับIR

คือ  ในประเทศกำลังการผลิตทำได้ดี  แต่เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มทำให้กำไรลดลง  แม้จะมีการตั้งราคาแบบ costplus  ซึ่งลูกค้าจะรับไปบางส่วน

แต่ก็จะกระทบกำไรของบริษัทอยู่ดี

ในประเทศจีน  สายการผลิต ยังทำไม่ได้ดี เนื่องจากเป็นการซื้อ มาปรับปรุง  มิใช่  การทำซ้ำเหมือนในไทย  ทำให้ไม่สามารถคุมคุณภาพได้เต็มที่


และการที่ปีก่อนผลกำไรเพิ่มขึ้น มาก  เนื่องจากมีการปรับโครงสร้างการถือหุ้นบริษัทยอ่ยหลายแห่ง  ปีนี้จึงจะเป็นรายได้แท้จริง



เรื่องการปันผลน้อย มีสองประเด็นคือ

ผบห.ได้เล่าว่า  ต้องมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง และกำลังมองหาอยู่อาจเป็นต่างประเทศซึ่งบริษัทเข้าไปตั้งบ.ลูกเพื่อศึกษาอยู่

ที่ทำให้ไม่สบายใจคือ ดูเหมือนว่าต้องลงทุนต่อเนื่องเรื่อยๆ  เพื่อความอยู่รอดของบริษัท  ผบห บอกว่า  ผู้ถือหุ้นอยากได้ปันผลมากๆ
แล้วระยะยาวบ.อยู่ไม่รอด ก็ยิ่งแย่ไปกันใหญ่

อีกอย่างหนึ่งคือ รายได้มาจากการลงค่าทางบัญชี  ปันผล30% คิดแต่ที่มีเงินสดเข้าบริษัทจริงจากการผลิดคาร์บอนแบลคเท่านั้น




ผมถือหุ้นตัวนี้และติดตามมานานพอควร

อยากแชร์ข้อมูลและความเห็นกับคุณลูกอีสานด้วย

แต่แรกเพราะชอบใจทั้งงบ  ไม่มหนี้ บ.มีการบริหารที่ดีเยี่ยม

แต่จะผิดหลักหรือไม่ที่เป็นธุรกิจที่ต้องทยอยขยายตัวต่อเนื่อง  เพื่อให้มีความสามารถในการแข่งขัน  ทำให้เงินไม่กลับมายังผู้ถือหุ้น

และยังอิงราคาน้ำมัน  เมื่อใดที่ต้นทุนวัตถุดิบขึ้นก็จะกำไรลด

(ถ้าปีก่อน ราคาน้ำมันไม่ขึ้นสูงอย่างต่อเนื่องน่าจะมีการก้าวกระโดดของผลปวระกอบการ)

คราวนี้ราคาถุกขึ้นอีก  กลับต้องมาหามูลค่าว่า
ปีนี้ผลประกอบการจากคาร์บอนแบลคจะเป็นเท่าใด

จากบริษัทอื่นๆในเครือจะเป็นเท่าใด

แล้วทำใจว่าจะซึ้อเพิ่มหรือตัดใจ ไปหาตัวที่ไม่มีจุดอ่อนดังกล่าว

ปัจจัยพื้นฐานที่ค่อนข้างคงที่ในตัวบริษัท ข้อดีข้อเสีย คุยกันมานานแสนนานแล้วครับในไทยวีไอ ไม่ว่าจะเรื่องต้นทุนต่ำ คุณภาพ ปันผลน้อย ฯลฯ ..เชื่อว่าทุกอย่างรับรู้ในราคาอยู่แล้ว

แต่ปัจจัยที่เปลี่ยนแปลง...."ราคาน้ำมัน"

คำถามคือ ถ้าท่านเห็นผลประกอบการณ์ไตรมาส 2 จะยังกล้าซื้อกันหรือไม่

Wait and See

เหนือยครับ บริษัทแบบนี้

ได้ยินมาว่า MD ต้องติดตามราคา วัตถุดิบทุกวัน

ทำงานดึกๆทุกวัน ทั้งปี

ขอบคุณคุณ suirya ครับ

เพิ่งทราบว่ากำไรลดลง เพราะต้นทุนวัตถุดิบครับ
การผลักภาระไปให้ลูกค้า คงใช้เวลาบ้าง แต่น่าจะทำได้เพราะตลาดมีคู่แข่งแค่ 1 ราย ในขณะที่โรงงานผลิตยางรถ เพิ่มขึ้นหลายโรง

เรื่องโรงงานใoจีน คงจะเป็นอย่างที่ว่ามาครับ ผู้บริหารคาดว่าปีนี้จะทำกำไรได้ แต่ไตรมาส 1 กลับขาดทุนเพิ่ม


ช่วงนี้หุ้นดีๆ ราคาเพิ่มขึ้นมากครับ ในขณะที่หุ้นคุณภาพปานกลางถึงดีอย่าง tcb ราคาลดลงมาก จนเริ่มน่าสนใจครับ ประเด็นที่ว่าต้องใช้เงินทุนลงทุนตลอดเวลา ปันผลน้อย มองว่าเป็นการขยายกิจการซะมากกว่าครับ เพิ่มยอดขาย กำไร ไม่ได้นำไปลงทุนเพื่อรักษายอดขาย กำไรให้เท่าเดิม แต่แน่นอนว่าเป็นกิจการเน้นทุนมากไม่เหมือนการซื้อมาขายไป   นี่ล่าสุดจะไปลงทุนที่ เม็กซิโกอีกแล้วครับ :lol:

ถ้าลงทุนหุ้นในกลุ่ม suc หรือสหพัฒน์ ได้ก็น่าจะลงทุนในกลุ่มเบอร์ล่าได้ครับทั้ง tr tcb เพราะไม่แตกต่างกันในนโยบายการเงิน

ตามมาดูครับ

เพิ่งไปดูราคาตอนนี้ 14.4 แล้ว
นิวโลว์ในรอบ 3 ปีหรือเปล่าครับ

ราคาลงตามกำไรไตรมาส 2 ที่ทำได้แค่ 107 ล้าน จาก 280 ล้านปีที่แล้ว ลดลงถึงเกือบๆ 200 ล้าน!!

ไปดูคำชี้แจงและงบการเงิน มีสาเหตุครับ

1.กำไรขั้นต้นลดลงเหลือแค่ 14-15 % เท่านั้น เพราะวัตถุดิบราคาสูงเป็นประวัติการณ์

2.กำไรจากบริษัทร่วมลดจาก 93 เหลือ 23 ล้าน เพราะผลจากส่วนใหญ่มีวัตถุดิบจากน้ำมัน

3.บริษัทย่อยในจีนขาดทุนเพิ่มขึ้นอีกแล้ว จาก 30 ล้านไตรมาส 1 เป็น 37 ล้านไตรมาสนี้ ข่าวดีคือมีขาดทุนสะสมครึงหนึ่งของเงินลงทุนแล้ว อีกไม่นานหากยังขาดทุนคงเหมือน wg ลงทุนในแอมคอร์ ขาดทุนจนเกินส่วนทุน :lol:  :lol:    ประเด็นนี้ชี้แจงว่าเพราะเพิ่งเริ่มต้นการผลิตในส่วนขยายใหม่ครับ


ผมก็ยังเชื่อว่าเป็นหุ้นที่ดีครับ แต่ระหว่างทางนี่ซิครับ เหนื่อย..

สงสัยผมจะซื่อเพิ่มเร็วไปนิดนึง แต่ยังไงก็ตามผมไม่เคยซื้อได้ที่ จุดต่ำสุดในรอบเลยเลย ตราบใดที่ รถยังลอยไม่ได้ ปัจจัยอื่นๆผมก็คิดว่าปัจจัยชั่วคราว ที่เหลือก็คือ จะลงทุนเวลาไหนเท่านั้นเอง  ..

รู้สึกว่า บ ที่จีน จะยังขาดทุน อยู่หลังจากเพิ่มกำลังการผลิตไปแล้ว
ไม่รู้เพราะว่า  ยอดขายยังไม่เข้าเป้ารึเปล่าทำให้ยังผลิตไม่ถึงจุดคุ้มทุนหรือเปล่า  
ใครมียอด ของ บ.ที่จีน ตอน ไตรมาส 1 เทียบกับ 2 บ้างอ่ะคับ

อ้อยอด บ.ที่จีน ยอดขาย กับ กำลังการ ผลิต น่ะ ไม่ทราบว่า ใครพอมีข้อมูลบ้าง

หากแม้น้ำมันดิบแค่ย่อรอก้าวกระโดด ศึกนี้เห็นจะลำบากเป็นมั่นคง

ผมเริ่มมองซื้อได้แล้วครับ

ย่อมาให้แล้วครับ 14.4

โล รอบที่แล้ว 14 บาท ไฮ 23.7 บาท
โล-ไฮ  2.7%-64.5%

ถ้าจะให้ดี 12 บาทสวยสุดๆ

พี่ลูกอีสานอย่าว่าผมนะ หุ้นดีก็มีวันแย่ๆ เหมือนกัน แต่เดี๋ยวก็กลับมา

ขอศึกษาหุ้นตัวนี้ด้วยคนครับ เคยมองอยู่ห่างๆ เหมือนกัน แต่นานแล้ว
ถ้าหุ้นพื้นฐานดีจริง ก็น่าจะสะสมไว้ครับ

เป็นช่วงเวลาที่ลำบากจริงๆ
ทั้งต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น
อัตราแลกเปลี่ยน ค่าบาทก็แข็ง
เพิ่มกำลังการผลิต ทั้งการลงทุนและค่าเสื่อมมากขึ้น
แล้วยังการลงทุนต่างประเทศที่ขาดทุนมาฉุดอีก
อะไรจะมารุมกันขนาดนี้

แต่มีเงินสดสูงสุดตั้งแต่ปี 46 ที่มี 556 ล้าน เป็น926 ล้านบาท ใน q2 2549 และการลงทุนในไตรมาสที่2 มีเพียง 59 ล้านบาท ค่าเสื่อมเป็นของธรรมดาของการลงทุน
เริ่มต้น บริษัทโดยทั่วไปก็มักจะขยายการลุงทุน เมื่อตอนทำกำไรได้มากๆ และก็เป็นช่วงเดียวกันกับบริษัทอื่นๆมีกำไรมากๆด้วยครับ
ก็อาจจะเป็นสาเหตุของการแข่งขันสูง มาร์จินลดลง และวงจรของธุรกิจในช่วงรุ่งเรืองก็ต้องผ่านไปอีกครั้ง