Thai VI

จะทำให้พวกเราลงทุนได้อย่างมีความสุข

ผมอยากให้กระทู้นี้ สมาชิกที่ไม่ค่อยโพส ได้ทดลอง ลองผิดลองถูกจากการโพส

เช่น อาจจะมีสมาชิกบางท่านโพสว่า

ผมเพิ่งมาเล่นหุ้น ผมไม่รู้นะว่าผมไม่รู้อะไร

อีกคนเข้ามา แทนที่จะบอกว่า อืม ผมคิดว่าคุณไปอ่าน ร้อยคนร้อยหุ้นก่อน หรือ อ่านหนังสือดร.นิเวศน์ก่อน ซึ่งเป็นคำตอบที่ดี

แต่ถ้าจะดีกว่าหรือไม่ ถ้ามีอีกคนนึง บอกว่า จริงครับ ผมเองก็ไม่รู้นะว่า ผมต้องรู้อะไร

อีกคนตอบว่า การที่เราไม่รู้อะไร ทำไม่เราไม่เริ่มจากการตั้งคำถามว่าเราควรรู้อะไร

อีกคนเข้ามาตอบ จริงเลยครับ สำหรับก็เพิ่งเริ่มต้น ผมคิดว่าน่าจะเริ่มจาก บริษัทที่ใกล้บ้านนะ ว่ามีบริษัทไหนอยู่ในตลาดดีมั๊ย

อีกคนเข้ามาว่า เออ s&p

อีกคนเข้ามาตอบว่า s&p อยู่ในตลาดหุ้นเหรอ

อีกคนตอบว่า ผมจะไปหาข้อมูล s&p ได้ที่ไหน

แล้วก็ต่อๆ ไปเรือยๆ ต่อยอด ต่อยอด

อืม ผมว่าถ้าเราลอง โพสตอบแบบต่อยอด ประมาณว่า ทุกคนทีตอบ มีมุมมองที่ดี ตรงไหนอย่างไร แล้วเราค่อยตอบ

ไม่แน่นะครับ เราอาจจะเจออะไรบางอย่าง ทีเรารู้ได้โดยทีเราไม่รู้ตัว

ขอคนทีโพส ต่ำกว่า 100 ลองเข้ามาฝึกต่อยอดกันดีหรือไม่

เหอๆ น่าลองนา แต่ไม่รู้ใครจะเริ่มก่อน และไม่ต้องคิดมากว่า การที่เราโพสตอบนี้ ใครจะคิดไง เพราะคำตอบต่อจากนั้น จะเป็นบวกตลอด

อืม น่าหนุกนะ ลองกันมั๊ย

เชิญเลยครับ ขอเป็นเรืองเกียวๆ กับหุ้นนา เริ่มแบบไหนก็ได้ครับ หนุกๆ ลองดู

ผมก็เชื่อในเรื่อง Positive  Thinking ครับ พี่เจ๋ง .................


คนเรา ผมว่านะ ถ้าคิดแต่แง่ร้าย  มองแต่แง่ร้ายของคนอื่น ..................


คนอื่นเลวหมด ...................



ผมขออยู่ห่างๆดีกว่าครับ ...................

แล้วผมก็ไม่เชื่อ ใน Perfect  Man ...........................


ดี 100 %  ผมว่าไม่มี (แบบเดียวกับหุ้น  ยังไงผมก็หาที่ติจนได้แหละน่าไม่ว่าตัวไหน)...............................


เลว 100 %  ผมว่าไม่มี ..................................



มีแต่มนุษย์ปุถุชน  คลนกันไปคลนกันมา .......................

เอ๋พี่เล่นของแรงแล้วกระมั้ง
Positive Thinking อันนี้
ต้องบอกก่อนครับ ทุกวินาทีสมองของคนเราคิด ไม่ว่าจะทำกิริยาอาการอะไร มันก็คิดทำไม
มีวิธีอะไรที่จะหยุดให้สมองทุกส่วนมาคิดเรื่องเดียวและเป็นการคิดบวก
เอ๋แล้วการคิดลบคืออะไร

ยกตัวอย่างหุ้น
หุ้นนี้ทำไม ประกาศปันผลแล้วราคาลงอย่างแรง เอ๋มีการinsideข่าวหรือเปล่า
หุ้นทำไมไม่ไปตามที่เราคิดไว้ ลงไปไกลเลย มานั่งเศร้ากับตัวเอง

สิ่งพวกนี้คือ ท่านได้เข้าสู่วังวนแห่งการคิดลบ
แล้วคิดบวกต้องเริ่ม หยุดสิ่งพวกนั้น จะหยุดอย่างไงล่ะ
เราแบบเบาๆๆก็สวดมนต์วันละ 5-9 จบ คาถาหรือ ชินบัญชรหรือ อิติปิโสตามอายุ หรืออันไหนก็ได้ แต่ต้องยาว
ที่สำคัญคือ ในความจำต้องมีพระคาถาเหล่านี้อยู่

จากนั้นถึงได้เริ่มรู้เนื้อรู้ตัว ว่าเราคิดลบหรือบวกแล้ว
มันยากครับ ผมเองก็ยังทำไม่ได้เหมือนกัน ถึงขนาดที่หยุดคิดเรื่องลบได้ แต่บ้างครั้งก็รู้ว่าคิดลบ

มาบอกแค่นี้ล่ะกัน เดี๋ยวมันหาว่าโว้เกินไป
เราให้ท่านลองกับสิ่งเหล่านี้ครับ
แล้วท่านจะทึ้งครับ

(คนที่สอนผมคือ ดร.บุญชัย คนที่เขียนหนังสือจริต 6ครับ เป็นอาจารย์สอนที่fast englishครับ ขอบอกไว้ครับ)
กับหนังสือ สนใจทำไม ..... (จำได้แค่นี้อ่ะ) สอนมหาสติ 4 (เล่มนี้ได้อ่านตอน รักษาตัวหลังผ่าไส้ติ่งออก) รู้ว่าปวดหนอ เจ็บหนอ อันนี้คือตื่นครับ ตื่นเพราะความปวด รู้ตัวว่าเจ็บทำให้จิตเราสนใจกับร่างกายเรา ไม่สนใจภายนอก

แค่นี้ล่ะครับ

คนเรานี่ก้อแปลก ...........................


ผ้าหนึ่งผืน    มีจุดหมึกสีดํา1จุด  ..............................


ถามว่าเธอเห็นอะไร ........................



เกือบจะร้อยทั้งร้อย บอกว่าเห็นจุดสีดํา ..........................



ผ้าขาวๆเบ้อเริ่มเทิ่ม รอบจุดสีดํา    มองไม่เห็น .............................

ขอบคุณมากคับ ทั้งสองท่านที่แสดงความคิดเห็น ขอท่านอื่นด้วยครับ เอาแบบบวกๆ

อย่างที่ miracle ว่าไว้ หุ้นลง พี่ก็คิดนะ อืม หุ้นลงก็ดีซิ เดี๋ยวหาตัวดีๆ จะได้ซื้อซักที รอให้ลงมานานแล้ว

เป็นต้น

อีกคนอาจจะตอบว่า อืม งั้นเรามาหาหุ้นดีๆ ที่ยังแพง ซักกลุ่มหนึ่ง แล้วรอราคาที่มันลงมาดีหรือไม่

ขอบวกๆคับ

ง่ายมาก ลองดู ทำบ่อย ชินไปเองครับ

ใน crisis ย่อมมี โอกาศเสมอครับ
เพราะผมคิดว่าทุกอย่างเป็น หยิน หยาง หรือ ZERO- SUM GAME ครับ

มีหนังสือเล่ม 1 อ่านนานมากๆสัก6ปีแล้วชอบมาก คือ
THE MAGIC OF THINKING BIG ครับ ใครยังไม่เคยลองอ่านดูครับ

ถ้าหลักการหยินกับหยางนั้นต้องไปอ่านเต๋าครับ

อ่านแล้วจะมึนครับ ต้องค่อยๆๆที่ละหน้าสองหน้า
เพราะว่าเต๋านี้มันสุดๆๆในเรื่องสภาพว่างเปล่า ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ
ทำตัวให้เข้ากับธรรมชาติ

ถ้าอ่านจบแล้วโลกนี้น่าอยู่อีกเพียบเลย
มองอะไรเป็น สองด้านเสมอ คือ บวก กับ ลบ
เมื่อเกิดบวก อีก ด้านของมันคือลบ เป็นปฏิภาคต่อกันและกัน

Rocker เขียน:ใน crisis ย่อมมี โอกาศเสมอครับ
เพราะผมคิดว่าทุกอย่างเป็น หยิน หยาง หรือ ZERO- SUM GAME ครับ

มีหนังสือเล่ม 1 อ่านนานมากๆสัก6ปีแล้วชอบมาก คือ
THE MAGIC OF THINKING BIG ครับ ใครยังไม่เคยลองอ่านดูครับ

คิดใหญ่ไม่คิดเล็กครับ เนื้อหาดีมาก ผมก็อ่านมา 6-7 ปีแล้ว ยังจำได้ อ่านตอนนั้นเสร็จ รู้สึกว่ามีพลังมาก......................................

ตอนนี้ ก็ว่าจะหาอ่านอีกรอบหนึ่ง

คิดใหญ่ คิดบวก ดีกว่า คิดเล็กคิดน้อยครับ.................................


พี่ๆ มา post แนะนำหุ้น เวลาเราอ่าน ทำไมไม่คิดว่า เขาหาหุ้นดีๆ เจอได้อย่างไร หาข้อมูลแบบไหน มีวิธีอย่างไร เมื่อไหร่เราจะหาเจออย่างนั้นบ้าง.....................

ไม่ใช่ พอเขาแนะนำ หุ้นขึ้นก็บอกว่าเขาปั่น........................................

หุ้นลง ก็บอกว่าเขาปล่อยของมา.......................................................

คิดกันอย่างนี้เมื่อไหร่จะเก่ง..................................

ทำไมไม่คิด ถ้าเขาแนะนำมา หุ้นขึ้น เราซื้อแพงกว่าเค้า ก็คิดว่าเป็นค่าวิชาไป ...............ครั้งหน้าเราต้องหาให้ได้บ้าง

ถ้าตก .............ก็ควรจะดีใจสิ เราอาจจะซื้อถูกกว่าเขาก็ได้

ผมเป็นคนหึ่งที่ชอบอ่าน เวลาที่มีพี่ๆ มาแนะนำหุ้น เห็นด้วยบ้าง ไม่เป็นด้วยบ้าง แต่ที่ชอบคือ วิธีการหา การวิเคราะห์มากกว่า ..............

อย่าลืม เราคงอยู่ในตลาดหลักทรัพย์อีกนาน รวยตอนนี้ กำไรตอนนี้ อาจจะขาดทุนตอนแก่ก็ได้ ถ้าไม่คิดหาวิชาไว้..................................

ขอโทษครับ ที่บ่นซะยาวเชียว

แล้วไม่คิดจะมองตามความเป็นจริง
ไม่บวกหรือลบกันบ้าง...หรือครับ
ผมกำลังพยายามอยู่...

taro23 เขียน:

Rocker เขียน:ใน crisis ย่อมมี โอกาศเสมอครับ
เพราะผมคิดว่าทุกอย่างเป็น หยิน หยาง หรือ ZERO- SUM GAME ครับ

มีหนังสือเล่ม 1 อ่านนานมากๆสัก6ปีแล้วชอบมาก คือ
THE MAGIC OF THINKING BIG ครับ ใครยังไม่เคยลองอ่านดูครับ

คิดใหญ่ไม่คิดเล็กครับ เนื้อหาดีมาก ผมก็อ่านมา 6-7 ปีแล้ว ยังจำได้ อ่านตอนนั้นเสร็จ รู้สึกว่ามีพลังมาก......................................

ตอนนี้ ก็ว่าจะหาอ่านอีกรอบหนึ่ง

คิดใหญ่ คิดบวก ดีกว่า คิดเล็กคิดน้อยครับ.................................


พี่ๆ มา post แนะนำหุ้น เวลาเราอ่าน ทำไมไม่คิดว่า เขาหาหุ้นดีๆ เจอได้อย่างไร หาข้อมูลแบบไหน มีวิธีอย่างไร เมื่อไหร่เราจะหาเจออย่างนั้นบ้าง.....................

ไม่ใช่ พอเขาแนะนำ หุ้นขึ้นก็บอกว่าเขาปั่น........................................

หุ้นลง ก็บอกว่าเขาปล่อยของมา.......................................................

คิดกันอย่างนี้เมื่อไหร่จะเก่ง..................................

ทำไมไม่คิด ถ้าเขาแนะนำมา หุ้นขึ้น เราซื้อแพงกว่าเค้า ก็คิดว่าเป็นค่าวิชาไป ...............ครั้งหน้าเราต้องหาให้ได้บ้าง

ถ้าตก .............ก็ควรจะดีใจสิ เราอาจจะซื้อถูกกว่าเขาก็ได้

ผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบอ่าน เวลาที่มีพี่ๆ มาแนะนำหุ้น เห็นด้วยบ้าง ไม่เป็นด้วยบ้าง แต่ที่ชอบคือ วิธีการหา การวิเคราะห์มากกว่า ..............

อย่าลืม เราคงอยู่ในตลาดหลักทรัพย์อีกนาน รวยตอนนี้ กำไรตอนนี้ อาจจะขาดทุนตอนแก่ก็ได้ ถ้าไม่คิดหาวิชาไว้..................................

ขอโทษครับ ที่บ่นซะยาวเชียว

ชอบและเห็นด้วยกับที่คุณ taro23 บ่นมาครับ

ผมขอแนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการ คิดบวก, พลังของความคิด อีกเล่มครับ เรื่อง "The Top Secret" ของ ทันตแพทย์สม สุจีรา อ่านแล้วต้องไปปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ด้วย รับรอง Work แน่นอนครับ
มีข้อความตอนหนึ่งในหนังสือ เขียนไว้เกี่ยวกับการลงทุนน่าสนใจมากครับ ใจความคร่าวๆ ดังนี้

"ศิลปะการคิดขั้นสุดยอดคือ ดูเหมือนจะอยาก แต่ไม่คิดอยาก"
"นักลงทุนที่เล่นด้วยความอยากจะประสบความสำเร็จกับล้มเหลวในตลาดหุ้น เขาจะถามตัวเองตลอดเวลาว่า ทำไมหนอ พอซื้อปุ๊บ หุ้นก็ลง พอขายปั๊บหุ้นก็ขึ้น ราวกับถูกกลั่นแกล้ง ความอยากทำให้เขาอดทนรอไม่ได้ ไม่ว่าเวลาอยากจะซื้อหรืออยากจะขาย"

"คนเราถ้าไม่หวังให้ใหญ่ แล้วเราจะเอากำลังใจจากไหนไปปีนป่ายความฝันของเราหล่ะครับ"

(^_^)