Thai VI

เกิดอะไรขึ้น
เดือนก่อนโบรคเชียร์หลายโบรค
ราคานี้น่าซื้อไหม
หรือเสี่ยเจริญไม่เอาแล้ว

อ้าว ก็เห็นราคาทองคำโลกขึ้นซะขนาดนั้น น่าซื้อครับ




เอ หรือหมายถึงหุ้น Golden Land ครับ :lol:

:lol:    พี่ CK ก็



ชอบอารมณ์ขันพี่จังครับ

broke ที่เชียร์ซื้อรู้สึกว่า จะเดือนก่อน
ตอนนี้ทำไม ถึงไม่เชียร์ซื้ออีก
แค่เดือนเดียว พื้นฐานเปลี่ยนเร็วจริงนะ

น่าจะมี คำแนะนำออกมาบ้าง
ว่าตอนนี้ควรทำอย่างไร
หรือว่า รอให้วิ่งไปสัก 10 กว่าบาท
ก่อนแล้วค่อยบอกว่า "น่าลงทุน"

ตอนนี้เหลือ 6.55 แล้ว

หุ้นตัวนี้เป็นหุ้นตัวเดียวในหมวด property ที่ยอดนักลงทุนอย่างคุณ นิติ โอสถานุเคราะห์ ได้มีไว้ในครอบครอง เห็นถือตัวนี้มานานแล้วด้วยทั้งๆที่ไม่มีปันผล ราคาก็แกว่งขึ้นลงจนล่าสุดเกือบๆจะทำnew low ในรอบๆ 2-3 ปี...ก็ยังเห็นถืออยู่...ไม่รู้มีไรดี

...ผมลองค้นดูใน 56-1 ทรัพย์สินส่วนใหญ่ก็เป็นพวกที่ดินที่น่าจะมีค่ามากกว่าราคาตลาดในปัจจุบัน...ยกเว้นอย่างเดียวที่กรรมสิทธิ์ครอบครองเป็นการครอบครองสัญญาเช่าระยะยาว (20-30ปี) เสียมากกว่า...

...ที่ผมสนใจก็กำไรในไตรมาสที่ผ่านมา พื้นตัว อย่างเห็นได้ชัดแต่หุ้นมันดันทำ new low ซะงั้น...  :roll:  :roll:

[quote="ลุงทีม"]...ที่ผมสนใจก็กำไรในไตรมาสที่ผ่านมา พื้นตัว อย่างเห็นได้ชัดแต่หุ้นมันดันทำ new low ซะงั้น...

จริงแล้วบริษัทนี้แทบจะเรียกได้ว่าเป็นบริษัทที่ถือครองโดยต่างชาติไปแล้วนะครับ ทั้งผถห.ใหญ่ และ ผู้บริหาร ประกอบกับข่าวด้านลบในตัวผู้บริหารตลอดช่วงที่ผ่านๆมา ผมก็ยังหาไม่เจอ

--------------------Major shareholder------------------

ลำดับ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ จำนวนหุ้น (หุ้น) % หุ้น

1 บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด  219,778,372 34.88

2 DBS VICKERS SECURITIES (SINGAPORE) PTE LTD  151,209,026 24.00

3 MORGAN STANLEY & CO INTERNATIONAL LIMITED  61,512,679 9.76

4 บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อผู้ฝาก  22,752,931 3.61

5 STATE STREET BANK AND TRUST COMPANY  18,976,657 3.01

6 CLEARSTREAM NOMINEES LTD  16,734,626 2.66

7 GOLDMAN SACHS INTERNATIONAL  14,211,567 2.26

8 SOCIETE GENERALE BANK & TRUST, SINGAPORE BRANCH  8,818,500 1.40

9 J.P. MORGAN BANK LUXEMBOURG S.A.6  8,557,633 1.36

10 GOLDMAN SACHS & CO  6,093,877 0.97

11 CHASE NOMINEES LIMITED 15  5,550,647 0.88

12 นายนิติ โอสถานุเคราะห์  4,445,300 0.71

13 นายอนันต์ ศรีกุเรชา  4,119,200 0.65

14 HSBC BANK PLC-CLIENTS GENERAL A/C  4,000,000 0.63

15 นายพรเสก กาญจนจารี  3,600,000 0.57

16 TFB FOR MFC-THAI FUND INVESTMENT PLAN  3,219,400 0.51


-----------------------------------------------------------------------------

-------------------รายชื่อผู้บริหาร------------------------------------------

คุณหญิงศศิมา ศรีวิกรม์ ประธานกรรมการ

 นายวิลเลี่ยม จอห์น วิลฟอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

 นางสาวคริสติน่า แลม ยิม คิง กรรมการ

 นายเชา ไคว เชียง กรรมการ

 นายคริสโตเฟอร์ ไมเคิล ดิลานี กรรมการ

 นายวิลเลี่ยม จอห์น วิลฟอง กรรมการ

 นายวันชัย ศรีหิรัญรัศมี กรรมการ

 นายยี เหลียง ลู กรรมการ

 ศจ.ดร.บุญเสริม วีสกุล กรรมการอิสระ

 ศาสตราจารย์ ร.อ.กฤษฎา อรุณวงษ์ ณ อยุธยา กรรมการอิสระ

 ศจ.ดร.บุญเสริม วีสกุล ประธานกรรมการตรวจสอบ

 ศาสตราจารย์ ร.อ.กฤษฎา อรุณวงษ์ ณ อยุธยา กรรมการตรวจสอบ

 ร.ต.ต.เกรียงศักดิ์ โลหะชาละ กรรมการตรวจสอบ

--------------------------------------------------------------------
จากการที่บริษัทจับกลุ่มเน้นลูกค้าระดับบน ผมคิดว่าบริษัทไม่น่าจะได้รับผลกระทบมากนะครับจากโครงสร้างรายได้ของบริษัท กับภาวะดอกเบี้ยปัจจุบัน (ถ้าดอกเบี้ย พุ่งขึ้นไปเป็น 10%กว่าเหมือนเมื่อ 10 ปีก่อนก็ว่าไปอย่าง)

http://www.goldenlandplc.com/home.asp


จะติดก็ตรงฐานะ เงินสด (400M+) และภาระหนี้ (3000M+)ที่มีอยู่ปัจจุบัน ก็ไม่รู้จะบริหารกันไหวหรือปล่าวแต่ละโครงการ...และนี่คือเหตุผลว่าทำไมต้องมีการเปลี่ยนตัว CFO มั้งครับ...

CFO คนปัจจุบัน คุณวันชัย ศรีหิรัญรัศมี คนนี้เท่าที่ทราบมาก็มาจากเนชั่นกรุ๊ป
ก็ไม่ทราบว่าผลงานเป็นไงตอนอยู่เนชั่น...

"แผ่นดินทอง" ซ่อน Land Bank 1.35 พันล้าน

เปิดโพย Hidden Asset ที่ดินในพอร์ต "แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้" (GOLD) มูลค่า 1.35 พันล้านบาท กระจายอยู่ทั้งกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ผู้บริหารเผยเป็นที่ดินรอพัฒนาได้อีกหลายปี..จับตาแผนแก้เกมพลิกคืน "กำไร" ของผู้บริหารชุดใหม่


ภายหลัง บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (GOLD) มีผล "ขาดทุน" สูงถึง 302 ล้านบาท ในงวดปี 2548 ขณะที่รายได้หดตัวลงเกือบครึ่ง เหลือเพียง 2.7 พันล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 4.1 พันล้านบาท และมีกำไร 353 ล้านบาท

นี่คือ งานหนักของ "ซีอีโอ" คนใหม่ "วิลเลี่ยม จอห์น วิลฟอง" และ "วันชัย ศรีหิรัญรัศมี" ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชี และการเงิน จะรับมือกับผลงานตกต่ำครั้งนี้อย่างไร..

"วันชัย" มั่นใจว่า บริษัทจะสามารถพลิกฟื้นกลับมามีกำไรได้ ภายในปี 2549 นี้อย่างแน่นอน เพราะในปีนี้บริษัทจะไม่มีการบันทึกรายการพิเศษ เหมือนกับปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกันบริษัทก็มีแผนจะล้าง "ขาดทุนสะสม" ที่มีอยู่ประมาณ 119 ล้านบาท โดยจะนำกำไรจากการดำเนินงานมาล้างขาดทุนสะสมให้หมดภายในสิ้นปี 2549

โดยในปี 2549 วางเป้ารายได้ไว้ที่ 4,000 ล้านบาท

แต่ในมุมมองของนักวิเคราะห์ กลับมองต่างมุมว่า รายได้ของ GOLD ในปีนี้ จะยังคงไม่แตกต่างจากปี 2548 เนื่องจากการลงทุนก่อสร้างคอนโดมิเนียมระดับบน กว่าจะสร้างรายได้ให้บริษัท ต้องประมาณปี 2551 เพราะระยะเวลาการก่อสร้าง คอนโดมิเนียมจะต้องใช้เวลาประมาณ 2 ปี

ประกอบกับมีมุมมองที่ไม่ค่อยดีกับโครงการบ้านเดี่ยวแนวราบของบริษัท เนื่องจากทิศทางดอกเบี้ยที่กดดันการตัดสินใจซื้อบ้าน โดยมองว่าปีนี้บ้านระดับกลางจะเป็นที่นิยมของผู้ซื้อมากกว่าบ้านระดับบนซึ่งเป็นสินค้าหลักของบริษัท

ด้าน วันชัย กลับมีมุมมองที่ต่างออกไป โดยเขาเชื่อว่า ตลาดบ้านระดับล่างราคาน้อยกว่า 1-1.5 ล้านบาท และระดับบนราคาสูงตั้งแต่ 20-30 ล้านบาทขึ้นไป ยังเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคอยู่ ขณะที่บ้านระดับกลางต่างหากที่ชะลอตัว

"เราจับกลุ่มลูกค้าระดับสูง ที่ยังมีเงินฝากอยู่จำนวนมาก แสดงให้เห็นว่าคนซื้อบ้านระดับนี้มีเงิน ประกอบปริมาณบ้านที่เราทำมีจำนวนไม่มาก เฟสละไม่เกิน 100 ยูนิต และลูกค้าส่วนใหญ่ราว 50% จะจ่ายเงินดาวน์ 30% เป็นเงินสด การที่เราจับลูกค้าระดับบน และอยู่ในใจกลางเมือง เราจึงมั่นใจว่า ลูกค้ากลุ่มนี้ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว"

สำหรับแผนการลงทุนในปี 2549 บริษัทคาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 1.7-1.8 พันล้านบาท เพื่อใช้ลงทุนในโครงการ ดิอินฟินิตี้ และโครงการอื่นๆ โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากกระแสเงินสด

นอกจากนั้น บริษัทยังมีโครงการขนาดใหญ่ "โครงการสาทร วัน" บริเวณสถานีรถ ไฟฟ้าช่องนนทรี เพื่อก่อสร้างเป็นโครงการออฟฟิศ คอนโดมิเนียม และโรงแรม บนพื้นที่ 1.6 แสนตารางเมตร ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง มูลค่าประมาณ 7 พันล้านบาท โดยบริษัทได้ลงทุนไปแล้วราว 1 พันล้านบาท ส่วนเงินลงทุนที่เหลืออีก 5-6 พันล้านบาท จะใช้วิธีกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน

คาดว่าโครงการนี้จะสามารถเปิดขายได้ประมาณ ไตรมาส 4 ปีนี้ และจะรับรู้รายได้ตั้งแต่ในปี 2550 เป็นต้นไป

ขณะที่รายได้ที่ตั้งเป้าไว้ 4 พันล้านบาทในปีนี้ วันชัย กล่าวว่าจะมาจากการขายบ้านเดี่ยว 4 โครงการ ได้แก่ โครงการโกลด์ รีเจ้นท์, โครงการโกลเด้น เฮอริเทจ ,โครงการโกลเด้น นครา และโครงการแกรนด์ โมนาโค และรายได้จากโครงการคอนโดมิเนียม 2 โครงการ ได้แก่ โครงการสกาย วิลล่า และโครงการดิ อินฟินิตี้

นอกจากนั้น ยังมีโครงการเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ ได้แก่ โครงการ เมแฟร์ มาริออต เอ็กเซ็กคิวทีฟ และโครงการ ดิ แอสคอร์ท สาทร

แต่ที่น่าสนใจ ก็คือ บริษัทมีที่ดินเปล่าอยู่ในมือจำนวนมาก และมีมูลค่าสูง ซึ่ง "วันชัย" กล่าวว่า เป็นสินทรัพย์ซ่อนเร้นของ "แผ่นดินทอง" ที่เตรียมไว้สำหรับรองรับธุรกิจในระยะยาวของบริษัท...

ปัจจุบัน "แผ่นดินทอง" มีที่ดินในมือกระจายอยู่ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เช่นบนถนนรามคำแหง (บางกะปิ) จำนวน 31 ไร่ ,พระราม 2 107 ไร่ ,จ.นนทบุรี 34 ไร่ ,จ.เชียงราย 90 ไร่ ,อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ 212 ไร่ และอ.หนองทะเล จ.กระบี่ 106 ไร่ คิดเป็นมูลค่าตามราคาบัญชี 1,351 ล้านบาท

"เรามี Hidden Asset Gain มหาศาล เช่น ที่ดินที่ถนนรามคำแหง จำนวน 31 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่หายาก เพราะมีโครงการรถไฟฟ้าไปลงตรงนี้ หรืออย่างที่ จ.กระบี่ จำนวนกว่า 100 ไร่ เราซื้อมาในราคาถูกประมาณ 5 แสนบาทต่อไร่ แต่ปัจจุบันราคาซื้อขายไร่ละ 7-10 ล้านบาท ซึ่งเรามีแผนที่จะทำโครงการวิลล่า 5-10 ยูนิต เป้าหมายขายให้แก่ต่างชาติในปี 2550 ตั้งราคาขาย 5 -10 ล้านเหรียญสหรัฐ (200-400 ล้านบาท)

นอกจากนั้น เรายังมีที่ดินที่รอพัฒนาได้อีกหลายปี ซึ่งที่ดินทั้งหมดของเราราคาสูงกว่ามูลค่าทางบัญชีมาก" มือการเงินคนใหม่ของบริษัท กล่าวทิ้งท้าย

จากกราฟ กำลังเกิด tripple bottom อยู่ รึปล่าว ?? ครับ พี่คัดท้าย

ong120 เขียน:จากกราฟ กำลังเกิด tripple bottom อยู่ รึปล่าว ?? ครับ พี่คัดท้าย

แฮะๆ สารภาพ ว่ามีหุ้นตัวนี้อยู่นิดหน่อยในพอร์ต แต่ไม่ใช่ด้วยเหตุผลทางเทคนิคเป็นหลักครับ  สำหรับผมตัวนี้ค่อนข้างจะเป็นการเก็งกำไรด้านพื้นฐานนะครับ

ก่อนอื่น ต้องขอบอกก่อนนะครับ ตัวนี้เป็นการเก็งกำไร ตาดีได้ ตาร้ายเศร้า ต้องลุ้นนะครับ

เดี๋ยวจะค่อยๆเรียบเรียงว่าทำไมผมสนใจตัวนี้

ช่วงนี้ผมเริ่มมีโอกาสได้เริ่มศึกษาการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ครับ เลยมองข้อมูลไปเรื่อยๆ ผมมีความรู้สึก(ส่วนตัว) ว่าในอนาคต ฝรั่งจะเข้ามาเต็มบ้านเต็มเมืองเราครับ ตอนนี้ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่า ฝรั่งก็เข้ามาค่อนข้างเยอะขึ้นเรื่อยๆ

ผมมองว่า ในอนาคต มีโอกาสที่เป็นไปได้สูงที่ชาวต่างชาติจะใช้ไทย เป็นเมืองคนเกษียณอายุในอนาคต และ ชาวต่างชาติเองก็สนใจที่จะลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในไทยเป็นอย่างมาก

ตัวอย่าง ... ลองอ่านข่าวนี้ดูครับ

http://www.bangkokbizweek.com/20060601/ ... 51237.html

ต่างชาติรอการเมืองนิ่งพร้อมลุย มิลเลนเนียมบุกตลาดทุกเซ็กเมนท์

ปัจจัยทางการเมืองย่อมส่งผลกระทบต่อการเข้ามาลงทุนของต่างชาติรายใหม่ ซึ่งพร้อมเดินหน้าเข้าสู่ตลาดไทยทันทีที่สบโอกาส นักลงทุนยักษ์ใหญ่จากมาเลเซียระบุว่า ตลาดรีไทเมนท์ในไทย และการเข้าเทคโอเวอร์ตึกร้าง กำลังฮอตสุดในมุมต่างชาติ เช่นเดียวกับกลุ่มโรงแรมมิลเลนเนียม ที่อาศัยจังหวะเศรษฐกิจชะลอระลอกใหม่ บุกอสังหาฯไทยทุกเซ็กเมนท์

การประชุมอสังหาริมทรัพย์โลก หรือ งาน FIABCI World Congress ครั้งที่ 57 ที่จัดขึ้นที่ประเทศไทยเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 26 - 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยสมาพันธ์อสังหาริมทรัพย์โลก หรือ FIABCI องค์กรที่ปรึกษาพิเศษ ของสหประชาชาติ สะท้อนมุมความสนใจที่มีต่ออสังหาริมทรัพย์ไทยของนักลงทุนต่างชาติได้เป็นอย่างดี ควบคู่กับการสะท้อนมุมผลกระทบเชิงลบจากปัจจัยทางการเมืองที่ไม่ชัดเจน ทำให้ต่างชาติเกิดความไม่มั่นใจต่อการเข้ามาศึกษาตลาดในไทย

งานประชุมดังกล่าว นับเป็นเวทีสำคัญที่ต่างชาติมีโอกาสได้รู้จักประเทศไทยมากขึ้น รวมถึง ยังเป็นเวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์ทางธุรกิจ รู้จักพันธมิตรจากนานาชาติ ซึ่งการที่ FIABCI เลือกไทยเป็นประเทศเจ้าภาพ แทนประเทศเกาหลีเจ้าภาพเดิมที่ถอนตัว แม้ว่าไทยเพิ่งจะเข้าเป็นสมาชิกใหม่ของสมาคมดังกล่าวได้เพียงไม่นาน ชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยเป็นตลาดที่ทั่วโลกให้ความสนใจ ทั้งในเชิงการท่องเที่ยวและการลงทุนในด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเป้าหมายเดิมที่วางไว้คาดว่า จะมีตัวแทนจากต่างชาติมาร่วมกว่า 1,000 คน จากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก

แต่ตัวเลขของผู้เข้าร่วมงานกลับต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ถึง 30% โดยมีจำนวนผู้เข้าร่วมงาน ประมาณ 700 คน จากกว่า 40 ประเทศทั่วโลก

ปัจจัยที่ตัวแทนจากต่างชาติเข้ามาร่วมงานในไทยน้อยกว่าเป้าหมายที่วางไว้ ดาโต๊ะ อลัน ทอง ค๊อก เมา ( Dato Alan Tong Kok Mau) อดีตประธานสมาพันธ์อสังหาริมทรัพย์โลก และนักพัฒนาคอนโดมิเนียมในประเทศมาเลเซีย ยอมรับว่าเป็นผลจากภาวะทางการเมืองของไทยที่ไม่สงบนิ่ง และการเดินขบวนต่างๆ ซึ่งเป็นปัญหาที่ต่างชาติให้ความกังวลถึงความปลอดภัยมาก ทำให้มีจำนวนผู้ยกเลิกเข้าร่วมงานในสัดส่วนที่สูงมาก ในขณะที่ผู้ตกลงเข้าร่วมงานแล้ว จะสอบถามถึงความเคลื่อนไหวของการเดินขบวน เพื่อเพิ่มความมั่นใจที่จะเข้าร่วมงานในเมืองไทย

ต่างชาติพร้อมที่จะเข้ามาลงทุนในไทยถ้ามีโอกาสที่ดี และในสถานการณ์ที่บ้านเมืองมีความสงบ เพราะในมุมมองของต่างชาติแล้วประเทศไทยมีหลายพื้นที่ที่ดึงดูดความสนใจของนักลงทุนได้ดีมาก ดาโต๊ะ อลันกล่าว

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ประเภท รีไทร์เมนท์ เป็นอสังหาริมทรัพย์ที่น่าสนใจพัฒนาในเมืองไทยมาก โดยเฉพาะในภูเก็ต พัทยา หัวหิน เป็นตลาดที่ดี มีความต้องการสูง และมีราคาที่สามารถสู้กับคู่แข่งอื่นในตลาดต่างประเทศได้ อีกทั้ง ยังเป็นรูปแบบอสังหาริมทรัพย์ที่ให้เม็ดเงินลงทุนน้อยกว่าอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่น จัดเป็นการลงทุนขนาดเล็ก

แตกต่างจากอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นๆ อาทิ อาคารสำนักงาน ที่ต้องใช้เม็ดเงินลงทุนสูง เป็นการลงทุนระยะยาวที่ต้องใช้ระยะเวลาในการคืนทุนนาน ประกอบกับ กฎหมายของไทยไม่เอื้ออำนวยให้นักลงทุนต่างชาติลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ เพราะข้อจำกัดด้านกฎหมายที่เปิดให้ต่างชาติถือหุ้นในอัตราส่วน 49% ทำให้ขาดอำนาจการควบคุมทิศทางการบริหารที่เด็ดขาดได้เท่ากับการยอมให้ต่างชาติเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในอัตราส่วน 51% ได้ กลุ่มนักลงทุนส่วนใหญ่หากมาเป็นเพียงผู้ร่วมทุน ก็ไม่มีแรงจูงใจที่จะเข้ามาลงทุนในไทยอย่างกว้างขวาง

นอกจากนี้ ต่างชาติมีความสนใจทรัพย์สินประเภท อาคารร้าง จำนวนมากที่มีอยู่ในกรุงเทพฯ เพื่อนำกลับมาพัฒนาใหม่อีกครั้ง แต่ขาดข้อมูลในการติดต่อหาผู้ที่เกี่ยวข้องกับอาคารร้าง ซึ่งหากนำกลับมาพัฒนาได้ใหม่จะมีผลดีต่อเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ไทย

รวมถึง การพัฒนาชุมชนแออัด หรือ สลัม แอเรีย ในบางพื้นที่ให้กลายเป็นพื้นที่ที่ใช้ประโยชน์ได้สูงสุดกว่าในปัจจุบัน เพื่อเพิ่มมูลค่าที่ดินให้กับพื้นที่ดังกล่าวได้ โดยรัฐบาลไทยควรยกระดับพื้นที่สลัม แอเรียให้เป็นที่อยู่อาศัยประเภทอาคารสูง ซึ่งจะทำให้จำนวนครัวเรือนต่อพื้นที่เพิ่มขึ้น อาทิ พื้นที่สลัม แอเรียในกรุงเทพฯ ประมาณ 4,000 ตารางเมตร ปัจจุบันมีผู้อยู่อาศัยได้ประมาณ 20 ครอบครัว ถือว่าอัตราการใช้พื้นที่ยังไม่คุ้มค่า เมื่อเทียบกับในฮ่องกง สิงคโปร์ หรือจีนที่รัฐบาลสามารถควบคุมการใช้พื้นที่ประเภทดังกล่าวให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ อาทิ ในสิงคโปร์ พื้นที่ชุมชนแออัด 200 ตารางเมตร จะถูกบังคับให้พัฒนาอาคารสูง เพื่อสามารถอยู่อาศัยได้ 400 ครอบครัว

ทางด้านกลุ่มทุนต่างชาติที่ปูพรมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในไทยได้ระยะหนึ่งอย่าง ซีดีแอล หรือ ซิตี้ ดีเวล็อปเม้นท์ เจ้าของโรงแรมมิลเลนเนียม ทุนจากสิงคโปร์ จนแข็งแกร่งเพียงพอที่จะวางเป้าหมายไปสู่การรุกตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไทยอย่างจริงจังในเกือบทุกเซ็กเมนท์ ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจโรงแรม, อาคารสำนักงาน, คอนโดมิเนียม และค้าปลีกรูปแบบใหม่ผ่านเม็ดเงินไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาทเหรียญสหรัฐ ยังให้ความสำคัญกับการเดินหน้าลงทุนในไทยต่อ แม้ว่าช่วงนี้จะเป็นจังหวะที่ตลาดสโลว์ดาวน์

นับจากนี้กลุ่มซีดีแอลพร้อมขยายการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ไทยทั้ง 4 เซ็กเมนต์เพิ่มจากที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยสนใจทำเลทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดท่องเที่ยวอย่างภูเก็ต เชียงใหม่ เควก เล็ง เบ็ง ประธานบริหารกลุ่ม บริษัท ฮง เลียน กรุ๊ป สิงคโปร์ ซึ่งถือหุ้นหลักในซีดีแอล กล่าว

รูปแบบการเข้ามาพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในไทยในเบื้องต้นของกลุ่มซีดีแอลเริ่มจากการเข้าร่วมทุนกับกลุ่มผู้ประกอบการรายเดิมของไทย และเทคโอเวอร์โครงการอาคารทิ้งร้างที่เกิดหลังช่วงวิกฤติฟองสบู่แตกในปี 2540 แต่หลังจากนี้จะเริ่มพัฒนาโครงการใหม่ขึ้นเอง ซึ่งสเต็ปที่สองอาจอาศัยความได้เปรียบทางการเงินในภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัวอีกครั้ง เข้าเทคโอเวอร์เพื่อพัฒนาโครงการต่อจากผู้ประกอบการรายเดิมที่ไม่สามารถพัฒนาต่อจนจบโครงการได้

โดยโครงการที่ซีดีแอลเข้าลงทุนแล้ว แบ่งเป็น ลงทุนทางตรง 4 โครงการ และลงทุนผ่านกองทุน รีแคป หรือ บริษัท เรียล เอสเตท แคปปิตอล เอเชีย พาร์ทเนอร์ส จำกัด อีก 2 โครงการ เริ่มจากการลงทุนทางตรง 1. กลุ่มเอราวัณ ซึ่งซีดีแอล ร่วมกับเวสท์บรู้ก พาร์ทเนอร์ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐอเมริกัน (US Real Estate Fund) ลงทุนในหุ้นบุริมสิทธิชนิดแปลงสภาพได้ในช่วงปลายปี 2542 - 2543 มีอสังหาริมทรัพย์ที่ครอบครองโดยบริษัทฯ ได้แก่ แกรนด์ ไฮแอท, เจดับบลิว แมริออท กรุงเทพฯ และอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ในกรุงเทพฯ

2. โครงการมิลเลนเนียม ฮิลตัน กรุงเทพ ซีดีแอล ร่วมกับเวสท์บรู้ก พาร์ทเนอร์ ร่วมประมูลซื้อโรงแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยาจากบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย ด้วยมูลค่า 950 ล้านบาท ในปี 2543 โดยซีดีแอลได้ปรับปรุงและยกระดับจากมาตรฐานเดิมที่ 3 ดาว เป็นโรงแรม 5 ดาว จำนวนห้อง 543 ห้อง ภายใต้งบประมาณกว่า 1.4 พันล้านบาท ซึ่งเป็นโรงแรมแห่งที่ 3 ต่อจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และกรุงโซล ประเทศเกาหลี

3. โครงการอาคารสำนักงานเอ็กซ์เชนจ์ ทาวน์เวอร์ ที่กลุ่มซีดีแอลได้ซื้ออาคารสำนักงานเกรดเอจากอาคารพรพัฒน์ ทาวเวอร์เดิม บริเวณแยกอโศก ใกล้สถานีรถไฟฟ้าและใต้ดิน มาปรับปรุงให้มีพื้นที่เช่าประมาณ 42,000 ตารางเมตรภายใต้เงินลงทุนประมาณ 3 พันล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายนนี้

และ 4. โครงการมิลเลนเนียม สุขุมวิท ที่ลงทุนในนามบริษัท มิลเลนเนียม โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท มหาชน (M&C) ร่วมกับตระกูลศรีชวาลา ก่อสร้างโรงแรมระดับห้าดาว บนพื้นที่ 4 ไร่ ด้านหลังอาคารฟิโก้ ซอยอโศก ถ.สุขุมวิท ซึ่งได้รื้ออาคารเก่าทิ้ง เพื่อพัฒนาเป็นโรงแรม จำนวน 326 ห้อง โดยที่ดินทั้งหมดเป็นของตระกูล "ศรีชวาลา" คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณสิ้นปี 2550 และจะมีมูลค่ากว่า 3 พันล้านบาท

ด้านโครงการที่ลงทุนทางอ้อมผ่านกองทุน รีแคป ที่มีด้วยกัน 2 โครงการ ประกอบด้วย โครงการคอนโดมิเนียมมิลเลนเนียน เรสสิเด้นส์ บนพื้นที่ 15 ไร่ สามารถเชื่อมต่อกับสุขุมวิท ซ.16, 18 และ 20 จำนวน 604 ยูนิต ระดับราคา 1 แสนบาทต่อตารางเมตรขึ้นไป คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณสิ้นปี 2551 และจะมีมูลค่ากว่า 9.5 พันล้านบาท

และโครงการไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ ภูเก็ต จังซีลอน บนหาดป่าตอง ที่รีแคปได้เข้าซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นรายเดิมแล้ว 95% ตั้งแต่เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยสัดส่วนหุ้นที่คงเหลือเป็นของกลุ่มทุนเดิม รัตนกำชัย โครงการดังกล่าวมีพื้นที่ให้เช่าประมาณ 90,000 ตารางเมตร บนพื้นที่ 54.5 ไร่ คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปี 2550

สถานการณ์ทางการเมืองอาจส่งผลให้ทุนต่างชาติรายใหม่ที่เตรียมเข้ามาในไทยชะลอตัวลง แต่ทุนต่างชาติรายเดิมที่เข้ามาวางรากฐานในไทยไว้สมบูรณ์แล้ว ไม่ได้ชะลอการลงทุนลงเลย และยังพร้อมเทเม็ดเงินเพิ่มให้โครงการที่ลงทุนไปแล้วก่อนหน้านี้เพื่อเดินหน้าต่อ รอวันเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากโครงการที่ใกล้แล้วเสร็จ

อืมมม์ เจ้านายพี่ชายผม ก็วางแผนรีไทร์เมนท์ในเมืองไทยเช่นกันครับ

จริงๆ เรื่องอีกเรื่องที่ทำให้ผมสนใจกลุ่มนี้ อาจจะเกี่ยวกับการเมืองซักเล็กน้อย แต่ผมสงสัยว่า ทำไม SHIN ถูกขายออกไปแต่ SC Asset กลับยังไม่ถูกขายรวมไปด้วย นอกจากนี้ มีการกว้านซื้อที่ดินจากผู้มีอันจะกินในไทยหลายกลุ่มเข้าเก็บไว้ เป็นจำนวนมาก

เค้ามองเห็นอะไร ?

คัดท้าย เขียน:จริงๆ เรื่องอีกเรื่องที่ทำให้ผมสนใจกลุ่มนี้ อาจจะเกี่ยวกับการเมืองซักเล็กน้อย แต่ผมสงสัยว่า ทำไม SHIN ถูกขายออกไปแต่ SC Asset กลับยังไม่ถูกขายรวมไปด้วย นอกจากนี้ มีการกว้านซื้อที่ดินจากผู้มีอันจะกินในไทยหลายกลุ่มเข้าเก็บไว้ เป็นจำนวนมาก

เค้ามองเห็นอะไร ?

เค้าจะทำบ้านจัดสรรขายคนไทยหรือ ??? ทุกวันนี้สำหรับท่านที่ทำการค้า ท่านก็คงจะเห็นว่ายังอยู่ในภาวะฝืดเคือง และคนไทยก็ไม่ได้มีกำลังซื้อมากมายนัก

ดูง่ายๆ แค่ ดบ. ขึ้นนิดเดียวยอดขายบ้านจัดสรรเมืองไทยก็ฮวบแล้ว ... คนไทยมีเงินแค่ไหน ???

แล้วพวกที่ท่านๆ เค้าซื้อที่เก็บมากมายไปทำไม ?? ใครที่มีกำลังซื้อ ???

ทำไม ระยะหลังๆ มีข่าวคราวว่า จะแก้กฏหมายให้ชาวต่างชาติซื้อที่ดินได้ มันข่าวโคมลอย ข่าวจริง หรือ โยนหินถามทาง ???

คนไทยมีเงินไว้ต่อเงินครับ มีเงินไว้เก็งกำไร

เรืองบ้านเมื่อมองว่าไม่กำไร ก็ไม่ซื้อครับ เอาเงินไปทำอย่างอืน

คนไทยนี่ ก็บ้าต่อเงินครับ เพราะคนที่มีเงินจริงๆ น่าจะคนไทยเชือสายจีน

ที่ยังบ้าต่อเงินไม่หาย

กว่าจะถึงรุ่นบ้าใช้ชีวิตที่ไม่จำเป็นต้องมีเงินก็ได้ มีก็ได้ คงอีก สองสามรุ่นครับ

สมัยก่อนดอกเบี้ยแพงมาก แต่คิดแล้ว ว่าเก็งกำไรได้ ยอดขายบ้านก็เยอะมาก

ในที่สุดต้องใช้เศรษฐศาสตร์แบบเก็งกำไรครับ

หลังจากนั่งคิดอยู่พักใหญ่ ผมก็หาข้อมูลเพิ่มเติมอยู่หลายวัน จนผมพอจะมีคำตอบอยู่ในใจ ว่าฝรั่งนั่นเองคือ เป้าหมาย

รัฐบาลน่าจะดึงกลุ่มทุนอสังหาต่างชาติเข้ามา และชาวต่างชาติเองก็น่าจะชอบเมืองไทยด้วย

ผมมาลองคิดๆดู เมืองไทยนี่น่าสนใจมาก ซึ่งผมลองคิดๆก็ได้หลายข้อยู่

1. คนไทยชอบต่างชาติ รักต่างชาติ และ บูชาต่างชาติ ... ชาวต่างชาติจะไม่รู้สึกดีเชียวหรือ
2. สาวไทยเองเดี๋ยวนี้ในบางพื้นที่ ถึงกับตั้งหน้าตั้งตาจะยกระดับชีวิตโดยการหาหนุ่มต่างชาติ (อันนี้ผมไม่ได้พูดเชิงดูถูกครับ อย่าเข้าใจผิด) ซึ่งหนุ่มต่างชาติเองก็ชอบสาวไทย เป็น Win-Win ซึ่งกลุ่มนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาก ผมเคยไปเรียนคลาส InterTrader ของกรมส่งเสริมการส่งออก กรมส่งเสิรมยังต้อง Focus กลุ่มนี้เพื่อโปรโมท OTOP เลยครับ คิดดูว่ากลุ่มนี้เริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้นแค่ไหน
3. ค่าครองชีพไทยยังถูกเมื่อเทียบกับประเทศแม่ของเค้า ดังนั้นการมาใช้เงินในไทยย่อมจะมีเงินจับจ่ายมากกว่าอยู่ประเทศตนเอง รวมทั้งค่ารักษาที่จำเป็นกับชาวต่างชาติสูงอายุ  ค่าอาหารชั้นเลิศในราคาย่อมเยาว์
4. เมืองไทยมีภาค Entertainment ที่ไม่เป็นรองชาติใดในโลก เรื่องนี้ชาวต่างชาติบอกผมเอง การควบคุมต่ำ มีตังก็หาความสุขได้โดยง่าย ไม่เหมือนหลายๆประเทศที่เข้มงวด
5. เมื่องไทยมีความเจริญ ไม่ล้าหลัง มีสาธารณูปโภค และ มีความปลอดภัยอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้แล้ว และยังพัฒนาต่อไปอีกมาก เช่น เรากำลังจะมีสุวรรณภูมิ จะมีรถไฟฟ้าอีกหลายสาย ฯลฯ

หลังจากนั้น ผมก็เริ่มมองหาบริษัทที่มีศักยภาพ ตอนแรกผมมอง Raimon ครับ เพราะเห็นข่าวไทเกน เข้าไปสวมถือหุ้นใหญ่ แต่ตอนนั้นข้อมูลผมน้อย ผมกลัวๆกล้าๆ ก็เลยถือแล้วกำไรก็ขาย ไม่ได้ลงทุนอะไร คือ แค่แยบๆ ไปซะหน่อยเท่านั้นเอง ที่น่าเจ็บใจคือ ตอนนั้น ไม่ได้สนใจ GRAND เลย คือ ต้องบอกว่าผมรู้เรื่องอสังหาน้อยมากในตอนนั้น เสียดายจริงๆ

จนนานวันเข้า เริ่มศึกษามากขึ้นจนวันนึง ผมว่าเจอ GOLD ..

ผมสนใจ GOLD ที่เน้นฝรั่งเป้นหลัก และมี Land Bank ในมือมาก ทุนของ Land Bank ต่ำกว่าคู่แข่ง และข้อที่น่าสนใจหลายข้อ แต่ก็ยังมีข้อตะขิดตะขวงใจมากมาย จะค่อยๆพิมพ์ครับ

ข้อที่ผมชอบก่อน

1. ธุรกิจ เป็นธุรกิจในกลุ่มที่ผมกำลังสนใจ มีคุณภาพของงานอยู่ในเกณฑ์ดี มีทรัพย์สินในมือมากซึ่งผู้บริหารโม้ว่า สามารถพัฒนาโครงการไปได้อีก 5 ปี โดยจำเป็นต้องซื้อที่ดินใหม่ ซึ่งผมได้ตรวจดูแล้วพบว่า ที่ดินในมือน่าสนใจจริงๆ โครงการที่ผมสนใจมาก คือ โครงการ Sathrn One ครับ ผมคิดว่าถ้าเศรษฐกิจโลกไม่ลงเหวไปซะก่อน โครงการนี้น่าจะเป็นโครงการหนึ่งที่น่าสนใจที่สุดในปีหน้าเลยครับ โดยโครงการนี้ได้เริ่มตั้งแต่ปี 05 แล้ว คือ โครงการ Infinity เป็นคอนโดระดับ 6 ดาวครับ ตรงสาธร สถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี ใครผ่านก็ลองแวะไปดูครับ 108 ยูนิต ราคาขาย ตรมละ 130,000 - 170,000 ขายหมดในพริบตาอย่างกับแจก ... ฝรั่งทั้งนั้นครับ

สำหรับท่านที่สนใจเพิ่มเติม ลองอ่านได้ที่
http://skyscrapercity.com/showthread.ph ... ge=1&pp=20  
เป็นเว็บไซท์ของกลุ่มพวกบ้าตึกสูงครับ

2. ผมชอบบริษัทที่กำลังจะหายไข้ ผลประกอบการปี 48 ที่ผ่านมาขาดทุน ซึ่งจากที่ผมได้ดูในงบ เป็นการขาดทุน เป็นการขาดทุนจากตีด้อยค่า กับ การสำรองการแพ้คดี ซึ่งหากในปี 49 ไม่มีรายการพิเศษแบบนี้ ผมคิดว่าน่าจะกลับมาเป็นปกติ ... นอกจากนี้ปี 49 ยังคาดว่าจะมีรายรับเข้ามามากกว่าปี 48 ซึ่งรวมทั้งหมดแล้วอาจจะทำให้ผลประกอบการก้าวกระโดดได้ครับ

3.ผมดูรายชื่อผู้ถือหุ้น พบว่าผู้ถือหุ้นเปลี่ยนจากกลุ่ม Golden Rock ไปเป็นกลุ่มทุนสิงคโปร์(แท้หรือเทียมไม่รู้) ดูแล้วรู้สึกว่ากลุ่มทุนต่างชาติกำลังสิงสถิต

4. ผมชอบที่ราคาลงมาเยอะ มีส่วนลดเยอะ และถ้าซื้อราคาปัจจุบันราคาที่ได้เราต่ำกว่าคนอื่นค่อนข้างมาก ข้อนี้ VI อาจไม่สน แต่ผมสน ราคานี้ ต่ำกว่า Book Value ... ค่อนข้างมาก และผมคิดว่าไม่แพงสำหรับราคานี้

5. ข้อนี้ของแถม ... จริงๆมีกระทู้ใน TVI ถามว่า ธุรกิจในฝันของท่านคืออะไร ผมก็ไปนั่งไปนอนคิด ผมคิดว่าธุรกิจในฝันของผม คือ เจ้าของ Service Apartment ... ซึ่ง GOLD ทำอยู่ครับ มี Service Apartment สวยๆดีๆ หลายที ตอนนี้สัดส่วน รายได้จากการขายกับการเช่าอยู่ที่ 70-30 แต่ผู้บริหารบอกว่าจะเพิ่มเป็น 50-50 ในอนาคตครับ


ข้อที่ผมหงุดหงิด และไม่ชอบ

1. เรื่องผู้บริหารเก่าลาออก ดูมันไม่ชอบมาพากล .. และบริษัทนี้ผมยังกังขาเรื่องความโปร่งใส ทำให้ผมยังจัดบริษัทนี้เข้าไว้ในกลุ่มเก็งกำไรของผมครับ

2. บริษัทนี้เท่าที่ดู ผมคิดว่ายังต้องพึ่งพาเงินกู้ในการทำธุรกิจอีกมาก ดังนั้น ดบ น่าส่งผลกระทบกับต้นทุนของ GOLD ค่อนข้างมากครับ

3. กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีต้นทุนจากเหล็กซึ่งราคาสูงขึ้นมาก และ ต้นทุนน้ำมันด้วย แต่ผมมองว่าทุกบริษัทก็รับภาระตรงนี้เหมือนกันหมด เพียงแต่ว่าเราจะเลือกลงทุนในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์หรือไม่แค่นั้นเอง

4. ผมไม่แน่ใจว่าเศรษฐกิจโลกจะเป็นอย่างไร ฟองสบู่อสังหาของอเมริกาจะเป็นอย่างไร จะมีอะไรให้ผม Surprise หรือไม่ ข้อนี้ก็จัดเป็นความเสี่ยงที่กังวลครับ

Land Bank อันนึงที่ผมชอบที่สุดคือ โครงการนี้ครับ

One Sathorn Square ....

อยู่ตรงข้ามสาธรธานี กับ ตึก Empire ครับ ใครทำงานแถวนั้นคงรู้ว่าทำเลดีขนาดไหน .... โครงการนี้ เนื้อที่รวม 13 ไร่ครับ



ในภาพ ส่วน A คือ โครงการ Infinity ที่กำลังก่อสร้าง ส่วนที่เหลือคาดว่าจะเปิดจองปลายปีนี้ครับ (เดา)

ตึกเก่าๆ ที่เห็นในภาพข้างบน คือ สถานทูตรัสเซียเก่าครับ ซึ่งทางโครงการจะอนุรักษ์เอาไว้ในโครงการ เนื่องจากตึกนี้เป็นตึกที่สวยงามเก่าแก่ สร้างขึ้นในสมัย ร.4 ครับ

ถ้าใครอยากรู้โครงการนี้อยู่ตรงไหน ลองดูภาพประกอบเพิ่มครับ

http://img.photobucket.com/albums/v171/ ... C01010.jpg

http://img.photobucket.com/albums/v171/ ... C00784.jpg

ปล. ภาพทั้งหมดนี่มาจาก www.skyscrapercity.com ครับ

ชักน่าสนใจครับ  :o

ในหมู่นางคณิกายังมียอดคณิกา

ในกลุ่มนี้ก็มีหลายตัวน่าสนใจครับ ตัวนี้ก็เช่นกัน
แต่อาจจะเป็นหุ้น asset play ไม่ใช่หุ้น growth นะครับ


ตัว gold จำได้เลาๆว่า ไม่นานมานี้ md ลาออกหรือไงเนี่ยครับ

ผิดๆ เอาใหม่ครับ ภาพโครงการ

[quote="ลูกอิสาน"]ชักน่าสนใจครับ

อันนี้เป็นข่าวเก่าๆครับ ลองนั่งไล่อ่านดูครับ

พวกนี้เป็นข่าว PR อ่านแล้วอย่าลืมเช็คความถูกต้องนะครับ

http://gotomanager.com/news/details.aspx?id=30991
The Infinity
Palmer and Turner คือผู้รับผิดชอบออกแบบ "The Infinity" ให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีส่วนเชื่อมโยงไปยังสถานที่ที่เป็นประวัติศาตร์ในที่ดินแปลงเดียวกัน
(นิตยสารผู้จัดการ เมษายน 2548)

http://gotomanager.com/news/details.aspx?id=30989
Historical Landmark
วันเวลาที่ผ่านเลย แปรเปลี่ยนทุ่งนา และลำคลองบนถนนสาทร ให้กลายเป็นย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ แต่ท่ามกลางตึกสูงเบียดเสียดฟ้านั้น บ้านเก่าหลังหนึ่งได้ยืนหยัดอย่างสง่างามคู่กับถนนสายนี้มานานเกือบ 100 ปี
(นิตยสารผู้จัดการ เมษายน 2548)

http://gotomanager.com/news/details.aspx?id=46864
"โกลเด้นแลนด์"ยันไม่ขายหุ้นให้เจ้าสัวเจริญ
นายวันชัย ศรีหิรัญรัศมี กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท โกล์เด้นแลนด์ จำกัด (มหาชน)กล่าวถึงกระแสข่าวการเข้ามาเทคโอเวอร์บริษัท จากกลุ่มทุนใหม่ว่า กระแสข่าวการขายหุ้นที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมานั้น ไม่เป็นความจริง และบริษัทขอยืนยันว่ายังไม่มีการขายหุ้นของบริษัทให้กลุ่มทุนใหม่และบริษัทเองก็ไม่มีนโยบายในเรื่องดังลก่าวด้วย และจนถึงขณะนี้ผู้ถือหุ้นทุกรายก็ยังคงถือหุ้นในสัดส่วนและจำนวนเท่าเดิมโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงการถือหุ้นแต่อย่างใด
(ผู้จัดการรายวัน 24 มีนาคม 2549)

http://gotomanager.com/news/details.aspx?id=41854
โกลเด้นฯ เฟ้นผู้บริหารใหม่ ยันแผนธุรกิจไม่สะดุด-โชว์แลนด์แบงก์ในมือ2หมื่นล.
"โกลเด้นแลนด์" เตรียมผู้บริหารชุดใหม่แทนผู้บริหาร ชุดเก่าที่ลาออกไป 3 คน คาดสรุป ได้ใน 2 สัปดาห์ หวังให้สานต่องานในปี 49 ชี้เป็นมือการเงินคนไทย 1 คนและผู้บริหารจากยุโรป 2 คน ยันการดำเนินงานไม่สะดุด เปรยยอดขายบ้านเดี่ยวตามเป้า 3,500 ล้านบาท คาดปีนี้รับรู้รายได้ เกือบ 2,600 ล้านบาท
(ผู้จัดการรายวัน 2 พฤศจิกายน 2548)

http://gotomanager.com/news/details.aspx?id=33589
โกลเด้นแลนด์เล็งออกบอนด์ 1,500 ล้าน ระบุ Q3 ช่วงเวลาเหมาะสมหวังรีไฟแนนซ์หุ้นกู้เดิม
โกลเด้นแลนด์ เตรียมออกหุ้นกู้ 1,500 ล้านบาท ไตรมาส 3 ปีนี้ เพื่อนำมารีไฟแนนซ์หุ้นกู้เดิม พร้อมเดินแผนพัฒนาตึกสูงย่านใจกลางเมืองภายใน 2 ปี ก่อนปรับเป้ารายได้จากเช่าและขายโครงการเป็น 50 ต่อ 50 ภายใน 5 ปีข้างหน้า แจงมีโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ 22,900 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 7,700 ล้านบาท
(ผู้จัดการรายวัน 2 มิถุนายน 2548)

http://gotomanager.com/news/details.aspx?id=42185
บ้านหรูขยายตัวรับสุวรรณภูมิ
*จัดสรรรายใหญ่ไม่หวั่นกำลังซื้อบ้านแพงหด *ลุยโครงการหรูตั้งแต่รอบสุวรรณภูมิ ยันชลบุรี พัทยา และระยอง รับกำลังซื้อเจ้าของกิจการ พนักงานสายการบิน *ด้านรายเล็กปรับตัวหนีตาย หันแบ่งพื้นที่เช่า ป้องกันความเสี่ยงหากยอดขายอืด

http://positioningmag.com/prnews/prnews.aspx?id=41991
โกลเด้นแลนด์นั่งแท่นสุดยอดบริษัทฯ อสังหาลูกค้าเชื่อมั่นโครงการเลิศ ฐานะการเงินแกร่ง
แผ่นดินทองพร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ เผยการปรับโครงสร้างองค์กร ภาพรวมทางธุรกิจ และฐานะทางการเงิน ยืนยันการปรับองค์กร และบุคลากรไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินการทางธุรกิจ มั่นใจทีมผู้บริหารชุดใหม่มีศักยภาพสูง สามารถนำพาบริษัทฯ สู่ความเป็นเลิศในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทุกด้าน
(124 คอมมิวนิเคชั่นส 3 พฤศจิกายน 2548)
(ผู้จัดการรายสัปดาห์ 10 พฤศจิกายน 2548)

http://positioningmag.com/prnews/prnews.aspx?id=41850
โกลเด้นแลนด์ แถลงข่าวการปรับโครงสร้างองค์กร ภาพรวมทางธุรกิจ และฐานะทางการเงิน
คุณหญิงศศิมา ศรีวิกรม์ ประธานกรรมการ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ โกลเด้นแลนด์ แถลงข่าวการปรับโครงสร้างองค์กร ภาพรวมทางธุรกิจ และฐานะทางการเงิน
(124 คอมมิวนิเคชั่นส์ 27 ตุลาคม 2548)

http://positioningmag.com/prnews/prnews.aspx?id=37998
โกลเด้นแลนด์เผยโฉมเดอะ ปาล์ม
การให้สิ่งที่ดีที่สุดกับลูกค้าเป็นความตั้งใจสูงสุดของโกลเด้นแลนด์เสมอมา ล่าสุดเตรียมเอาใจลูกค้าระดับพรีเมี่ยมอีกครั้งด้วยบ้านโซนใหม่หรูหราแบบคลาสสิคสไตล์เบเวอร์รี่ฮิลส์ภายใต้ชื่อ เดอะ ปาล์ม (The Palms)
(124 คอมมิวนิเคชั่นส์ 18 สิงหาคม 2548)

ธุรกิจ mlm เข้าใจยาก

ธุรกิจ delveloper หิวเงิน

ธุรกิจ insurance คนปฎิเสธ

ธุรกิจ investment ไม่มีใครเก่งจริงๆ

เรื่องที่ผู้บริหารลาออกครับ มีข่าวได้คนมาแทน

ปล. ขอเน้นว่าข่าวเหล่านี้เป็นข่าว PR นะครับ ต้องเช็คความถูกต้องด้วย

http://www.siamturakij.com/book/index.p ... &Itemid=75

โกลเด้นแลนด์ฯรื้อใหญ่ทีมบริหาร ดึงมือโปรยุโรปเสริมทัพสู้ศึกปี 49

วันศุกร์ที่ 04 พฤศจิกายน พ.ศ.2548  
อาคารโกลเด้น พาวิลเลี่ยน - โกลเด้นแลนด์ ระดมทีมผู้บริหารชุดใหม่ แทนชุดเก่าที่ลาออกไป 3 ตำแหน่ง โดยเฉพาะตำแหน่ง COO และ CEO สั่งตรงมาจากประเทศยุโรป  ส่วนตำแหน่ง CFO จะเป็นคนไทย หวังสานต่องานชุดเก่า  เผยมีแลนด์แบงก์ในมือว่า  1,000 ไร่ มูลค่ากว่า 2 หมื่นล้าน พร้อมพัฒนาได้ถึง 5 ปี ม มั่นใจปีนี้ทำยอดขายถึง  3,500  ล้านแน่ และยะมีเงินเข้ากระเป๋า 2,600 ล้านบาท
คุณหญิงศศิมา ศรีวิกรม์ ประธานกรรมการ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ โกลเด้นแลนด์ กล่าวว่า หลังจากที่ได้มีการปรับเปลี่ยนองค์กรทีมผู้บริหารใหม่ ปัจจุบันทางบริษัท ฯ ได้ทีมบริหารชุดใหม่ ซึ่งจะมีแทนทีมบริหารงานชุดเก่าที่ได้ลาออกไป 3  ตำแหน่ง ได้แก่ 1. นายแดนจี้ เลียแค็ท ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ส่วน 2. นาย จอห์น โลแกน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน (CEO) และสุดท้ายนายธงชัย คุณากรปรมัตถ์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาโครงการ (CEO)  ซึ่ง ปัจจุบันได้มานั่งในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุงเทพบ้านและที่ดิน จำกัด (เคแลนด์) อยู่ขณะนี้

ส่วนตำแหน่งที่ได้ลาออกไปทางบริษัทได้ผู้ที่จะมาแทนในตำแหน่งดังกล่าวแล้ว ซึ่งคาดว่าจะสรุปได้ในอีก 2 สัปดาห์นี้  และทีมผู้บริหารงานชุดใหม่นี้จะเข้ามาเริ่มงานในช่วงต้นเดือนมกราคม 2549 นี้ ซึ่งในการปรับเปลี่ยนทีมงานใหม่นี้ไม่ได้มีผลกระทบต่อการดำเนินงานของทางบริษัทแต่อย่างใด สำหรับในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาโครงการจะเป็นผู้บริหารต่างชาติ ส่วนประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงินจะเป็นผู้บริหารคนไทยหรือต่างชาติ นอกจากนี้ทีมผู้บริหารชุดใหม่ทั้ง 3 คน ตำแหน่ง CFO จะเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการเงินที่มาจากสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง ส่วนตำแหน่ง CEO และCOO จะเป็นผู้บริหารที่สั่งตรงมาจากประเทศยุโรป

ในด้านแผนในการดำเนินงานของบริษัท  ยังคงเป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากแผนที่วางไว้เมื่อต้นปีโดยในส่วนของการพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว ซึ่งปัจจุบันมีด้วยกัน 4 โครงการ ได้แก่ โครงการโกลเด้น เลเจ้นท์ สาทร ที่จะเปิดบ้านเดี่ยวเฟสใหม่ในชื่อเดอะ ปาล์ม โดยคาดว่าจะสามารถทำยอดขายในปีนี้ ได้ถึง 650 ล้านบาท , โครงการโกลเด้น นครา ศรีนครินทร์ คาดว่าจะทำยอดขายได้ประมาณ 500 ล้านบาท , โครงการแกรนด์ โมนาโค บางนา ที่กำลังจะเปิดเฟสใหม่อีกจำนวน 22 ยูนิต คาดว่าจะสามารถทำยอดขายในปีนี้ ได้ประมาณ 650 ล้านบาท และโครงการโกลเด้น เฮอริเทจ ปิ่นเกล้าที่ทำยอดขายรายได้ให้กับทางบริษัทไปแล้วกว่า 800 ล้านบาท

      ส่วนคอนโดมิเนียมทางบริษัทมีโครงการ ณ ปัจจุบันนี้ ได้แก่ โครงการคอนโดมิเนียมดิ อินฟินิตี้ สาทร จำนวน 108 ยูนิต ราคาขายตารางเมตรละ1.35 แสนบาท มูลค่า 2,000 ล้านบาท ขณะนี้ปิดการขายไปแล้ว แต่ยังไม่สามารถรับรู้รายได้ได้  เพราะเนื่องจากโครงการดังกล่าวยังไม่ได้ดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในช่วงต้นปีหน้านี้ และจะสามารถโอนได้ทั้งหมดภายในปี 2550 นอกจากนี้ ทางบริษัทยังเตรียมที่จะพัฒนาพื้นที่ในเฟสต่อไปในส่วนของโรงแรมและชอปปิ้ง พลาซ่า One Sathorn Square ขณะที่โครงการเดอะเมย์ แฟร์ มาริออท และโครงการดิแอสคอท ซึ่งเป็นโครงการเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์มีรายได้จากการเช่า 100 ล้านบาท และ 300 ล้านบาท ด้วย

ทั้งนี้ ในปี 48 รายได้จากการขายและการรับรู้รายได้มาจากโครงการในแนวราบเป็นหลัก โดยคาดว่าจะมียอดขายรวมประมาณ 3,500 ล้านบาท เป็นยอดรับรู้รายได้ประมาณ 2,300-2,600 ล้านบาท ในขณะที่บริษัทยังมีที่ดินรอการพัฒนาอีกนับ 1,000 ไร่ มูลค่ารวมประมาณ 20,000 ล้านบาทซึ่งสามารถพัฒนาโครงการไปได้อีก 5 ปี จึงยังไม่จำเป็นต้องซื้อที่ดินใหม่ นอกจากนี้บริษัทอยู่ในระหว่างวางแผนพัฒนาคอนโดมิเนียม บนเนื้อที่ 34ไร่ ย่านรามคำแหงอีก 1 โครงการ แต่อาจจะเริ่มดำเนินการไม่ทันปีหน้า

คุณหญิงศศิมา กล่าวว่า ทางบริษัทมีความแข็งแกร่งทางด้านที่ดินสำหรับพัฒนาที่ดินและด้านการเงิน ซึ่งในส่วนของที่ดินที่ได้ซื้อมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัท มากว่า 11 ปี  อยู่ในทำเลดีหลายแปลง ซึ่งมีมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท โดยจะสามารถการพัฒนาไปได้อีก 5 ปี ในส่วนทางด้านการเงินนั้น ทางบริษัทมีวงเงินที่สถาบันการเงินพร้อมให้การสนับสนุนอีกไม่ต่ำกว่า 2,600 ล้านบาท โดยมีต้นทุนทางด้านการเงินที่ประมาณ 4.69% เท่านั้น และเงินดังกล่าว สามารถเปลี่ยนเป็นบอนด์ได้เมื่อบริษัทต้องการ ปัจจุบัน บริษัทมีหนี้สินต่อทุน 1/1 ส่วนผู้ถือหุ้นในปัจจุบันประกอบด้วย กองทุนทีซีไอ 24.5% กองทุนนิวเวิลด์ 24.5% และกองทุนรายย่อยในต่างประเทศอีก 16% ที่เหลือเป็นผู้ถือหุ้นเดิมและผู้ถือหุ้นรายย่อยคนไทย

คัดท้าย เขียน: ผมมีความรู้สึก(ส่วนตัว) ว่าในอนาคต ฝรั่งจะเข้ามาเต็มบ้านเต็มเมืองเราครับ ตอนนี้ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่า ฝรั่งก็เข้ามาค่อนข้างเยอะขึ้นเรื่อยๆ

ผมมองว่า ในอนาคต มีโอกาสที่เป็นไปได้สูงที่ชาวต่างชาติจะใช้ไทย เป็นเมืองคนเกษียณอายุในอนาคต และ ชาวต่างชาติเองก็สนใจที่จะลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในไทยเป็นอย่างมาก

ผมก็เคยสงสัยว่าทำไม เริ่มมีฝรั่งในเมืองไทยเยอะมากขึ้น
แม้แต่แถวบ้านผมไม่น่าจะมีเยอะ ก็มีเยอะ

ข้างบ้านแม่ยายผมก็มีคนญี่ปุ่นมาซื้อบ้านอยู่ครับ อายุมากแล้ว

ฐิติ เขียน: ผมก็เคยสงสัยว่าทำไม เริ่มมีฝรั่งในเมืองไทยเยอะมากขึ้น
แม้แต่แถวบ้านผมไม่น่าจะมีเยอะ ก็มีเยอะ

ข้างบ้านแม่ยายผมก็มีคนญี่ปุ่นมาซื้อบ้านอยู่ครับ อายุมากแล้ว

ครับ ตอนนี้ผมมองหาหุ้นที่เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อยู่ครับ มีตัวไหนน่าสนก็อย่าลืมแนะนำนะครับ  :D