"บินก่อนผ่อนทีหลัง" บทความของดร.นิเวศน์ครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 21, 2003 3:06 pm
บริษัทจดทะเบียนจำนวนมากมีกำไรหรือผลการดำเนินงานดีขึ้น อย่างน่าประทับใจ บางบริษัทมีการคาดการณ์กันว่ากำไรกำลังจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ ราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นมาสูงมาก และดูเหมือนว่าจะวิ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ จนไม่อาจจะหยุดได้ วิเคราะห์ดูแล้วค่า PE หรือราคาหุ้นเมื่อเทียบกับผลกำไรก็ดูยังต่ำอยู่ แม้ว่าค่า PB หรือราคาหุ้นต่อมูลค่าทางบัญชีจะสูงลิ่ว ถามว่าหุ้นแบบนี้น่าเข้าไปลงทุนไหม ?
คำตอบของผมก็คือ เราต้องดูว่ากำไรที่เกิดขึ้นหรือกำลังจะเกิดขึ้นนั้นเป็นกำไรที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานปกติหรือไม่ถ้าเป็นกำไรที่เกิดขึ้นจากรายการพิเศษเช่นเป็นรายได้ที่เกิดจากการปรับโครงสร้างหนี้ ค่า PE ที่ดูว่าจะต่ำนั้นไม่สามารถที่จะนำมาใช้ได้ เพราะรายได้เหล่านี้จะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ในอนาคตรายได้เหล่านี้จะหายไป กำไรจะลดลงมาก ค่า PE ก็จะกระโดดสูงขึ้น จากหุ้นราคาถูกก็จะกลายเป็นหุ้นราคาแพงในชั่วข้ามคืน
ถ้ากำไรที่เกิดขึ้นเป็นกำไรที่เกิดจากการดำเนินงานปกติสิ่งที่จะต้องวิเคราะห์ต่อไปก็คือ กำไรนั้นจะยังสามารถยืนอยู่ได้ในปีต่อ ๆ ไป และตลอดไปได้หรือไม่ถ้าคำตอบก็คือใช่ นั่นหมายความว่าเราได้พบกับหุ้นโตเร็วหรือหุ้น Growth Stock ซึ่งเป็นหุ้นที่น่าสนใจและน่าพิจารณาลงทุนโดยเฉพาะในตลาดหุ้นที่กำลังคึกคักอย่างในปัจจุบัน
แต่หุ้นจำนวนมากที่เราเห็นนั้นกำไรที่พุ่งขึ้นอาจจะไม่สามารถอยู่ได้อย่างยั่งยืนเนื่องจากธุรกิจที่บริษัททำอยู่นั้นมีลักษณะเป็นสินค้าหรือบริการที่เป็นโภคภัณฑ์ ซึ่งราคาขึ้น ๆ ลง ๆ ผันผวนมากทำให้บางช่วงบริษัทมีกำไรมากในขณะที่บางช่วงกลับขาดทุนและแน่นอน ช่วงที่ราคาสินค้าหรือบริการขึ้นสูง บริษัทก็จะมีกำไรมาก ค่า PE ก็จะดูต่ำลง การเจริญเติบโตดูเผิน ๆ เหมือนจะสูงลิ่ว หุ้นก็วิ่งเหมือนติดจรวด ทุกอย่างดูดีไปหมดและคำยืนยันคำสุดท้ายก็มาถึง นั่นก็คือโบรกเกอร์ต่างก็แนะนำให้ซื้อหุ้นตัวนั้น
การซื้อหุ้นในลักษณะดังกล่าวนั้นผมคงไม่ต้องบอกว่ามีความเสี่ยงแค่ไหนเพราะกำไรที่เติบโตขึ้นมากนั้นเกิดจากราคาสินค้าหรือบริการที่สูงขึ้นเนื่องจากการขาดแคลนในตลาดซึ่งมักจะเกิดขึ้นชั่วคราว ไม่ช้าก็เร็ว ผู้ผลิตหรือให้บริการทั้งที่มีอยู่เดิมและรายใหม่ก็จะทุ่มผลิตสินค้าเข้ามาขายในตลาดซึ่งจะทำให้ราคาสินค้าลดลงอย่างรวดเร็ว และกำไรที่เคยสูงลิ่วก็จะลดต่ำลงสู่ระดับปกติ หรือในกรณีที่เลวร้ายก็ถึงกับขาดทุนและนั่นก็คือจุดจบของหุ้นซึ่งวิ่งสูงเกินไปในวันที่ทุกอย่างกำลังดูสดใส
พฤติกรรมของกิจการและราคาหุ้นที่มีกำไรดีหรือนักลงทุนมีความสุขจากราคาหุ้นที่วิ่งขึ้นไปในช่วงแรก แต่แล้วต้องมารับภาระกำไรตก ราคาหุ้นดิ่งและเป็นทุกข์ในตอนหลังนี้ ดูไปก็คล้าย ๆ กับการซื้อสินค้าเงินผ่อนที่ผู้ซื้อมีความสุขจากการได้ใช้สินค้าก่อน จนลืมไปว่าภาระการผ่อนในอนาคตนั้น อาจจะสร้างความสุขให้มากกว่า ถ้าจะเรียกให้เข้าใจง่ายก็คือนี่คือพฤติกรรม บินก่อนผ่อนทีหลัง
หุ้นที่เข้าข่ายบินก่อนผ่อนทีหลังมีหลากหลายสามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มได้อย่างน้อย 3 4 กลุ่มดังต่อไปนี้
กลุ่มแรก็คือกลุ่มผู้ผลิตสินค้าการเกษตร เช่น กุ้ง ไก่ ปลา ยาง ฯลฯ ซึ่งราคามักจะขึ้น ๆ ลง ๆ ค่อนข้างเร็วและคาดการณ์ค่อนข้างยาก เพราะสินค้าเกษตรมีองค์ประกอบที่มากระทบมากมาย ทั้งที่เป็นเรื่องของลมฟ้าอากาศและสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น เรื่องของสารเคมี หรือยาป้องกันโรคสัตว์ ข้อจำกัดด้านการค้า เป็นต้น ดังนั้นการลงทุนในหุ้นกลุ่มเกษตรหรืออาหารที่เป็นประเภทบินก่อนผ่อนที่หลังจึงจำเป็นที่ต้องติดตามข่าวสารที่ฉับไวมากและอาจเป็นความสามารถเฉพาะตัว
กลุ่มที่สองคือสินค้าหรือบริการที่เป็นอุตสาหกรรมประเภทโภคภัณฑ์ เช่นผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับปิโตเคมี หรือบริการ เช่นการขนส่งทางทะเลซึ่งกลุ่มนี้จะแตกต่างจากสินค้าเกษตรในแง่ที่ว่าองค์ประกอบที่เข้ามากระทบส่วนใหญ่จะอยู่ที่เรื่องของกำลังการผลิตที่ขาดแคลนและทำให้สินค้าหรือบริการไม่เพียงพอ ทำให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน การที่ผู้ผลิตเดิมหรือรายใหม่จะเข้ามาขายในตลาดก็มักจะทำไม่ได้ทันทีเนื่องจากต้องใช้เวลาขยายหรือสร้างโรงงานใหม่หรือต้องใช้เวลาต่อเรือนานนับปี ดังนั้นราคาสินค้าหรือบริการมักจะคงระดับสูงอยู่เป็นช่วง และเมื่อกำลังการผลิตใหม่ออกมา ราคาสินค้าก็จะลดลง ซึ่งบางทีก็มากจนทำให้ผู้ผลิตขาดทุนกันอย่างหนักนานนับปีเช่นเดียวกันกลายเป็นวัฏจักรที่หลีกเลี่ยงได้ยาก
กลุ่มสุดท้ายที่จะพูดถึงนี้ อาจจะเรียกว่าเป็นกลุ่มบินก่อนผ่อนทีหลังจริง ๆ แต่เป็นกลุ่มผู้ให้บริการแทนที่จะเป็นผู้รับบริการนั่นก็คือ ผู้ที่ให้ซื้อสินค้าเงินผ่อนซึ่งรวมไปถึงบริษัทเช่าซื้อ ลิสซิ่ง และสถาบันการเงินที่ปล่อยเงินกู้ทั้งหลาย
การที่ผมรวมเอากลุ่มสุดท้ายเข้ามานั้น เนื่องจากธุรกิจการปล่อยเงินกู้นั้นเป็นธุรกิจที่คนปล่อยสามารถทำกำไรในวันแรกแน่นอน แต่อนาคตอาจจะขาดทุนได้ ถ้าปล่อยเงินกู้มิได้ทำอย่างระมัดระวังพอ และเกิดหนี้เสียมากกว่าที่คิดไว้ดังนั้นการวิเคราะห์หุ้นในกลุ่มนี้จึงต้องดูว่าบริษัทกำลังเล่น บินก่อนผ่อนทีหลัง หรือเปล่า
นักลงทุนหลายคนบอกว่า ตราบใดที่ราคาสินค้าหรือบริการยังสูงอยู่หรือกำไรยังเติบโตขึ้น การลงทุนในหุ้น บินก่อนผ่อนทีหลัง ก็น่าจะปลอดภัยเขามองว่าวัฎจักรยังเป็น ขาขึ้น อย่างน้อย อีก 2 3 ปี กว่าที่จะเป็น ขาลง วิธีการแบบนี้ผมเองยอมรับว่า ไม่มีความสามารถที่จะคาดการณ์สำหรับผมแล้ว ถ้าซื้อหุ้นไม่กล้าถือห้าปี ห้านาทีก็ไม่กล้าถือ
คำตอบของผมก็คือ เราต้องดูว่ากำไรที่เกิดขึ้นหรือกำลังจะเกิดขึ้นนั้นเป็นกำไรที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานปกติหรือไม่ถ้าเป็นกำไรที่เกิดขึ้นจากรายการพิเศษเช่นเป็นรายได้ที่เกิดจากการปรับโครงสร้างหนี้ ค่า PE ที่ดูว่าจะต่ำนั้นไม่สามารถที่จะนำมาใช้ได้ เพราะรายได้เหล่านี้จะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ในอนาคตรายได้เหล่านี้จะหายไป กำไรจะลดลงมาก ค่า PE ก็จะกระโดดสูงขึ้น จากหุ้นราคาถูกก็จะกลายเป็นหุ้นราคาแพงในชั่วข้ามคืน
ถ้ากำไรที่เกิดขึ้นเป็นกำไรที่เกิดจากการดำเนินงานปกติสิ่งที่จะต้องวิเคราะห์ต่อไปก็คือ กำไรนั้นจะยังสามารถยืนอยู่ได้ในปีต่อ ๆ ไป และตลอดไปได้หรือไม่ถ้าคำตอบก็คือใช่ นั่นหมายความว่าเราได้พบกับหุ้นโตเร็วหรือหุ้น Growth Stock ซึ่งเป็นหุ้นที่น่าสนใจและน่าพิจารณาลงทุนโดยเฉพาะในตลาดหุ้นที่กำลังคึกคักอย่างในปัจจุบัน
แต่หุ้นจำนวนมากที่เราเห็นนั้นกำไรที่พุ่งขึ้นอาจจะไม่สามารถอยู่ได้อย่างยั่งยืนเนื่องจากธุรกิจที่บริษัททำอยู่นั้นมีลักษณะเป็นสินค้าหรือบริการที่เป็นโภคภัณฑ์ ซึ่งราคาขึ้น ๆ ลง ๆ ผันผวนมากทำให้บางช่วงบริษัทมีกำไรมากในขณะที่บางช่วงกลับขาดทุนและแน่นอน ช่วงที่ราคาสินค้าหรือบริการขึ้นสูง บริษัทก็จะมีกำไรมาก ค่า PE ก็จะดูต่ำลง การเจริญเติบโตดูเผิน ๆ เหมือนจะสูงลิ่ว หุ้นก็วิ่งเหมือนติดจรวด ทุกอย่างดูดีไปหมดและคำยืนยันคำสุดท้ายก็มาถึง นั่นก็คือโบรกเกอร์ต่างก็แนะนำให้ซื้อหุ้นตัวนั้น
การซื้อหุ้นในลักษณะดังกล่าวนั้นผมคงไม่ต้องบอกว่ามีความเสี่ยงแค่ไหนเพราะกำไรที่เติบโตขึ้นมากนั้นเกิดจากราคาสินค้าหรือบริการที่สูงขึ้นเนื่องจากการขาดแคลนในตลาดซึ่งมักจะเกิดขึ้นชั่วคราว ไม่ช้าก็เร็ว ผู้ผลิตหรือให้บริการทั้งที่มีอยู่เดิมและรายใหม่ก็จะทุ่มผลิตสินค้าเข้ามาขายในตลาดซึ่งจะทำให้ราคาสินค้าลดลงอย่างรวดเร็ว และกำไรที่เคยสูงลิ่วก็จะลดต่ำลงสู่ระดับปกติ หรือในกรณีที่เลวร้ายก็ถึงกับขาดทุนและนั่นก็คือจุดจบของหุ้นซึ่งวิ่งสูงเกินไปในวันที่ทุกอย่างกำลังดูสดใส
พฤติกรรมของกิจการและราคาหุ้นที่มีกำไรดีหรือนักลงทุนมีความสุขจากราคาหุ้นที่วิ่งขึ้นไปในช่วงแรก แต่แล้วต้องมารับภาระกำไรตก ราคาหุ้นดิ่งและเป็นทุกข์ในตอนหลังนี้ ดูไปก็คล้าย ๆ กับการซื้อสินค้าเงินผ่อนที่ผู้ซื้อมีความสุขจากการได้ใช้สินค้าก่อน จนลืมไปว่าภาระการผ่อนในอนาคตนั้น อาจจะสร้างความสุขให้มากกว่า ถ้าจะเรียกให้เข้าใจง่ายก็คือนี่คือพฤติกรรม บินก่อนผ่อนทีหลัง
หุ้นที่เข้าข่ายบินก่อนผ่อนทีหลังมีหลากหลายสามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มได้อย่างน้อย 3 4 กลุ่มดังต่อไปนี้
กลุ่มแรก็คือกลุ่มผู้ผลิตสินค้าการเกษตร เช่น กุ้ง ไก่ ปลา ยาง ฯลฯ ซึ่งราคามักจะขึ้น ๆ ลง ๆ ค่อนข้างเร็วและคาดการณ์ค่อนข้างยาก เพราะสินค้าเกษตรมีองค์ประกอบที่มากระทบมากมาย ทั้งที่เป็นเรื่องของลมฟ้าอากาศและสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น เรื่องของสารเคมี หรือยาป้องกันโรคสัตว์ ข้อจำกัดด้านการค้า เป็นต้น ดังนั้นการลงทุนในหุ้นกลุ่มเกษตรหรืออาหารที่เป็นประเภทบินก่อนผ่อนที่หลังจึงจำเป็นที่ต้องติดตามข่าวสารที่ฉับไวมากและอาจเป็นความสามารถเฉพาะตัว
กลุ่มที่สองคือสินค้าหรือบริการที่เป็นอุตสาหกรรมประเภทโภคภัณฑ์ เช่นผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับปิโตเคมี หรือบริการ เช่นการขนส่งทางทะเลซึ่งกลุ่มนี้จะแตกต่างจากสินค้าเกษตรในแง่ที่ว่าองค์ประกอบที่เข้ามากระทบส่วนใหญ่จะอยู่ที่เรื่องของกำลังการผลิตที่ขาดแคลนและทำให้สินค้าหรือบริการไม่เพียงพอ ทำให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน การที่ผู้ผลิตเดิมหรือรายใหม่จะเข้ามาขายในตลาดก็มักจะทำไม่ได้ทันทีเนื่องจากต้องใช้เวลาขยายหรือสร้างโรงงานใหม่หรือต้องใช้เวลาต่อเรือนานนับปี ดังนั้นราคาสินค้าหรือบริการมักจะคงระดับสูงอยู่เป็นช่วง และเมื่อกำลังการผลิตใหม่ออกมา ราคาสินค้าก็จะลดลง ซึ่งบางทีก็มากจนทำให้ผู้ผลิตขาดทุนกันอย่างหนักนานนับปีเช่นเดียวกันกลายเป็นวัฏจักรที่หลีกเลี่ยงได้ยาก
กลุ่มสุดท้ายที่จะพูดถึงนี้ อาจจะเรียกว่าเป็นกลุ่มบินก่อนผ่อนทีหลังจริง ๆ แต่เป็นกลุ่มผู้ให้บริการแทนที่จะเป็นผู้รับบริการนั่นก็คือ ผู้ที่ให้ซื้อสินค้าเงินผ่อนซึ่งรวมไปถึงบริษัทเช่าซื้อ ลิสซิ่ง และสถาบันการเงินที่ปล่อยเงินกู้ทั้งหลาย
การที่ผมรวมเอากลุ่มสุดท้ายเข้ามานั้น เนื่องจากธุรกิจการปล่อยเงินกู้นั้นเป็นธุรกิจที่คนปล่อยสามารถทำกำไรในวันแรกแน่นอน แต่อนาคตอาจจะขาดทุนได้ ถ้าปล่อยเงินกู้มิได้ทำอย่างระมัดระวังพอ และเกิดหนี้เสียมากกว่าที่คิดไว้ดังนั้นการวิเคราะห์หุ้นในกลุ่มนี้จึงต้องดูว่าบริษัทกำลังเล่น บินก่อนผ่อนทีหลัง หรือเปล่า
นักลงทุนหลายคนบอกว่า ตราบใดที่ราคาสินค้าหรือบริการยังสูงอยู่หรือกำไรยังเติบโตขึ้น การลงทุนในหุ้น บินก่อนผ่อนทีหลัง ก็น่าจะปลอดภัยเขามองว่าวัฎจักรยังเป็น ขาขึ้น อย่างน้อย อีก 2 3 ปี กว่าที่จะเป็น ขาลง วิธีการแบบนี้ผมเองยอมรับว่า ไม่มีความสามารถที่จะคาดการณ์สำหรับผมแล้ว ถ้าซื้อหุ้นไม่กล้าถือห้าปี ห้านาทีก็ไม่กล้าถือ