(ไม่ได้ส่งเข้าประกวดนะครับ แต่ส่งเข้ามาประกอบกระทู้)

ผมเริ่มเข้าลงทุนในตลาดหุ้น จาก...คนที่รู้จักกันมาชวน
ว่า..การลงทุนในหุ้น จะมีสภาพคล่อง ดีกว่าเล่นที่ดิน เล่นแสตมป์
เล่นพระ เล่นของเก่า เล่นไม้ เล่นหิน หรือของสะสมชนิดอื่น
ผมได้รับการแนะนำให้รู้จักกับมาร์เก็ตติ้งคนแรก
โดย........เธอนำเอาเอกสารมาให้เซ็นต์ที่บ้าน
และได้ทำหน้าที่ เป็นผู้ดูแลลูกค้า
ตอนแรกเราก็นึกว่าเธอเก่ง เธอสามารถหาหุ้นมาแนะนำให้เรา
ได้ทุกวันเมื่อไปถึงห้องค้า บางวันไม่ได้ไปเธอก็โทรศัพท์มาให้สั่งซื้อสั่งขายถึงบ้าน ช่วงนั้นหุ้นขึ้นจากระดับแถว400จุด วิ่งขึ้นไปหา1,700จุด
กองทุนหุ้น มาเกิดขึ้นทีหลังผมเล่นหุ้น สมัยเขาขายกองทุน
เขาจะให้พนักงานธนาคารมาขายให้กลุ่มลูกค้ากลุ่มเป้าหมายถึงบ้าน
ด้วยว่าเราเป็นลูกค้าเขา มีบ/ช OD กับทางแบ๊งก์ ก็ซื้อกันด้วยความเกรงใจ กองทุนที่ผมซื้อเขาไปเป็นกองทุนไทยออร์คิด1ของกองทุนที่เสนอขายของธนาคารกรุงไทย ได้เงินปันผลมา2บาทและขายกองทุนจำนวนนั้นไปในตลาดได้ราคามา12บาท ด้วยต้นทุน10บาท
ได้กำไรครับ
และไม่ได้เข้าไปซื้อกองทุนอีกเลย
เนื่องจาก นักลงทุนรุ่นพี่เก่าแก่
เขาสมมุติให้ผมฟังว่า.....
ถ้าเขาเป็นผู้บริหารกองทุนใดกองทุนหนึ่ง
เขาจะให้พ่อ-แม่-พี่-น้อง-เครือญาติ
เปิดบัญชีซื้อหุ้นไว้รอขายให้กองทูนที่เขาบริหารอยู่
เรียกว่ารู้ทางลมหรือจะเรียกอินไซด์ก็ว่า....กันไป
ซื้อมา แล้วปล่อยให้กองทุนไล่เก็บหุ้นขึ้นไปได้กำไรสัก20-40%
ก็มาตั้งออฟเฟ่อร์ให้กองทุนของเขาเป็นผู้มารับช่วงซื้อต่อ
ผมกลับมาคิดเออ...
ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่
มันก็มีโอกาสเป็นไปได้ ถึงจะมีโอกาสน้อยคนเรา100คน
คงชั่วไม่กี่คน ถ้าเราเจอคนชั่วคงแย่
ผมเลยคิดว่าเราลงทุนเองนี่ล่ะ
หมดให้มันหมดกับมือเรา ความคิดของเรา
อย่าเอาเงินที่เก็บออมทำงานทั้งชีวิตไปฝากเขาเล่นหุ้นเลย
เล่นได้หรือเล่นเสีย ผู้บริหารกองทุนก้ได้เงินเดือนได้โบนัส
เราต้องไปรับความเสี่ยงเองเต็มๆ
นึกขึ้นมา.........
คิดถึงลุงช่วย อยู่ท่ามะกา
ที่เอาอึ ราดตัวเอง ประชดชีวิต
ในความรู้สึกผมเชื่อคำที่ลุงช่วยบอกว่าพนักงานมาเสนอขาย
หน่วยลงทุนแบบนั้น หลอกชาวบ้านเป็นความจริง
คือ...คนมาขายหน่วยลงทุน
ก็ไม่เคยลงทุน ไม่มีความรู้ความเสี่ยง
รู้อย่างเดียว คือ..
ทำยอดขายให้ได้ตามที่ได้รับโควต้ามา
ก็ต้องพูดทุกวิถีทางเพื่อให้มีคนซื้อ
(
จบแค่เรื่องขายกองทุนแค่นี้ชักนอกเรื่อง)
หลังจากหุ้นขึ้นไปผ่านดัชนี1,700จุดและเริ่มย่อตัวลงมา
ผลประกอบการลงทุนในพ๊อท์ตผมก็ขาดทุน และขาดทุน
จนทนดูไม่ได้ จากเงินที่มีอยู่ตอนเข้าตลาด3แสนบาท
เล่นเด้งหน้าเด้งหลัง เก็งกำไรไปกับเขาจนได้เกือบ2ล้านบาท
สุดท้ายออกจากตลาดขายหุ้นล้างพอท์ต
เหลือเงินกลับมาแค่3หมื่นกว่าบาท
สงสารตัวเอง ได้แล้วไม่รู้จักเลิกไปเชื่อแต่คำแนะนำของ
ผู้อำนวยการ เชื่อมาร์เก็ตติ้ง ไม่รู้จักคิดเองทำตามเขาบอกทั้งหมด
แต่แท้ที่จริงเราโง่เอง
ลงทุนแบบนั้น เชื่อมาร์เก็ตติ้ง
ก็มารู้ทีหลังว่าเธอจบการศึกษา
มาจากวิทยาลัยนาฏศิลป์..........
แต่ไม่มีงานทำเลยมาสมัครเป็นมาร์เก็ตติ้ง
มาร์เก็ตติ้ง...ก็ไม่เป็นเรื่องการลงทุนเช้าสำนักงานใหญ่แฟกซ์มามี
หุ้นเด่น-หุ้นดับ แนวรับ-แนวต้าน ก็ซื้อๆขายๆไปวันๆ
โถ...ลูกค้าล่ะเจ๊ง แต่พวกมาร์ได้วอลุ่ม
เลิกมาสงบจิตสงบใจตั้งหลักใหม่
ไปหาซื้อหนังสือเกี่ยวกับบริษัทจดทะเบียนทั้งตลาดมา
พยายามจำอักษรย่อ ว่าบริษัทนี้ทำมาค้าขายอะไร
การศึกษาเราน้อยเรื่อง แกะงบบัญชีไม่เป็น
แต่หลงตัวเอง ว่าข้าพัฒนาแล้ว ก็เป็นหนึ่งในตองอู
ไปซื้อหนังสือจิตวิทยามวลชนมาอ่านและเข้าตลาดเล่นหุ้นอีก
เพราะผี(พนัน)ไม่เคยลืมหลุม
สุดท้าย....แฮ่ะ แฮ่ะ
เงินทีกำเข้าไปลงทุนอีก3แสนหมด
ตอนดัชนีไหลลงจาก1,100จุดมาถึง700จุด
สุดท้ายก็เลิกเล่นอีกกลับมาหลบเลียแผลใจ
ค้นหาตัวเอง
ด้วย1สมองและ2มือ
ก่อนที่จะกลับเข้าลงทุนด้วยเงิน3แสนบาทเป็นรอบที่3
ตอนดัชนี250กว่าจุด
รอบ3 ไม่เล่านะครับเดี๋ยวผิดกติกา
ขอเป็นส่วนประกอบส่วนเล็กน้อยของกระทู้ครับ
ขอบคุณที่อ่านเรื่องไร้สาระจนจบ