Thai VI

สรุปผลการดำเนินงานของบจ.และรวมของบริษัทย่อยไตรมาสที่1(F45-3)15/05/2549 19:50

     SSC : สรุปผลการดำเนินงานของบจ.และรวมของบริษัทย่อยไตรมาสที่1(F45-3)
               สรุปผลการดำเนินงานของบจ.และรวมของบริษัทย่อยไตรมาสที่1(F45-3)
                       บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน)

                                                         สอบทาน
                                                     (หน่วย : พันบาท)
                                           สิ้นสุดวันที่  31 มีนาคม
                                               ไตรมาสที่ 1
              ปี                            2549           2548

     กำไร (ขาดทุน) สุทธิ                    149,518          215,885
     กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท)          0.56             0.82

 ประเภทรายงานของผู้สอบบัญชีในงบการเงิน
     ไม่มีเงื่อนไขและไม่มีข้อสังเกต


 หมายเหตุ : 1. โปรดดูรายละเอียดงบการเงิน รายงานของผู้สอบบัญชี และหมายเหตุ
               ประกอบงบการเงินจากระบบบริการข้อมูลตลาดหลักทรัพย์

  ข้าพเจ้าขอรับรองว่าข้อมูลที่รายงานข้างต้นนี้ถูกต้องทุกประการ พร้อมกันนี้บริษัทได้จัดส่งงบ
  การเงินฉบับเต็มผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ของตลาดหลักทรัพย์และส่งต้นฉบับให้กับสำนักงาน
  ก.ล.ต.เรียบร้อยแล้ว

                              ลงลายมือชื่อ _______________________
                               (                                )
                              ตำแหน่ง
                                    ผู้มีอำนาจรายงานสารสนเทศ

ชี้แจงผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ปี 254915/05/2549 19:53

     SSC : ชี้แจงผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2549

ที่ สนญ      3012/138/49
                 15 พฤษภาคม  2549

เรื่อง       ชี้แจงผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2549
เรียน       กรรมการและผู้จัดการ
     ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

     บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน)  ขอแจ้งผลกำไรสุทธิประจำไตรมาส
สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2549 จำนวน 149.5 ล้านบาท ลดลงจากกำไรสุทธิในปีก่อน
เป็นจำนวนเงิน 66.4 ล้านบาท หรือร้อยละ 31 โดยมีการเปลี่ยนแปลงที่เป็นสาระสำคัญ
ดังนี้
1)      รายได้สุทธิจากการขายเพิ่มขึ้น 688.6 ล้านบาท หรือร้อยละ 18 โดยมี
รายได้จากการขายน้ำอัดลมและเครื่องดื่มอื่นทุกชนิดเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว
ซึ่งนอกจากการผลักดันยอดขายผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ แล้ว ส่วนหนึ่งของรายได้ที่เพิ่มขึ้นยังเกิด
จากการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ท้องตลาด เช่น เป๊ปซี่ลาเต้ มิรินด้ารสองุ่น รวมทั้งการ
เป็นตัวแทนจัดจำหน่าย ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เพิ่มขึ้นด้วย เช่น ชาเขียวโออิชิ เป็นต้น
2)      ต้นทุนขายเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 671.7 ล้านบาท หรือร้อยละ 26 โดยสาเหตุ
ส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการผลิตสินค้า  อันได้แก่  ค่าเชื้อเพลิงในการผลิต
ค่าวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้นทุนน้ำตาลทรายที่เพิ่มขึ้น และค่าเสื่อมราคา
ที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนขยายเครื่องจักรการผลิต
3)      ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 111.9 ล้านบาท หรือร้อย
ละ 12  สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการขึ้นราคาของน้ำมันดีเซลที่ใช้สำหรับรถขายและรถลำเลียง
ของบริษัทฯและค่าเสื่อมราคาที่สูงขึ้นจากการซื้อรถขายและรถลำเลียง

     จากการที่ต้นทุนขายเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขาย จึง
เป็นเหตุให้กำไรสุทธิของบริษัทฯ ลดลง  อย่างไรก็ตาม บริษัทฯได้ใช้มาตรการเพิ่มรายได้
และควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง อนึ่ง จากการที่กรมการค้าภายในได้อนุมัติการขึ้น
ราคาสินค้าของบริษัทฯ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป บริษัทฯประมาณการว่าผลการดำเนิน
งานในระยะเวลาที่เหลือของปี จะมีแนวโน้มดีขึ้น

     จึงเรียนมาเพื่อทราบ
                              ขอแสดงความนับถือ



                               (สมชาย  บุลสุข)
                            ประธานกรรมการบริหารฯ

โห ไรกันนี่ ขายๆ

PEPSI รสชาติของคนรุ่นใหม่ครับ  รุ่นเก่าๆๆก็ต้องถอยไป.......

ต้องคอยดูว่าการได้รับอนุญาตให้ขึ้นราคาขวดละ 1 บาทจะช่วยกำไรได้แค่ไหนในไตรมาสต่อๆไป

จงลง จงลง จงลง

Raphin Phraiwal เขียน:ต้องคอยดูว่าการได้รับอนุญาตให้ขึ้นราคาขวดละ 1 บาทจะช่วยกำไรได้แค่ไหนในไตรมาสต่อๆไป

ไตรมาสหน้าก็จะชีแจงงบการเงิน

กำไรเกิน20%  แน่เยย

โดนทั้งน้ำมันกะน้ำตาล

ผมว่าพ่อค้าจะปรับราคาทั้งทีคงไม่ยอมให้กำไรน้อยกว่าเดิมแน่ครับ เพราะปรับแต่ละทีทั้งลำบากและใช้เวลาถึง8ปี ปรับบาทนึงน่าจะเผื่อเงินเฟ้อไปหลายปีเหมือนกันน่ะครับ  :evil:

พี่ปรัชญาพูดน่าคิดเหมือนกันน่ะนี่

สงสัยว่า
ต้นทุนการขายนี้รวมน้ำมันเข้าไปด้วยไหม

เพราะว่า ค่าน้ำตาลมันรวมอยู่แล้ว น่าสงสัย

งบออกมาค่อนข้างน่าตกใจเล็กน้อย แสดงว่าราคาน้ำมันกับน้ำตาลมีผลมากจริงๆ ถึงแม้จะมี growth ที่น่าพอใจแต่ก็ไม่พอ offset ราคาวัตถุดิบ

แต่จะว่าไปถ้างบออกมาดี กรมการค้าภายในคงงอนเล็กน้อยนะครับ

ดูดีๆๆครับ
ถ้าหารค่าใช้จ่ายกับรายได้
จะเห็นอะไรดีๆๆครับ
ว่า ถ้าจับค่าใช้จ่ายออกเป็นสองตัว
มันจะเจออะไรดีๆๆครับ
ว่าอัตราการเพิ่มของ 1 บาทรายได้จะเป็นค่าใช้จ่ายการดำเนินงานลดลง
แสดงว่า มีแนวโน้มที่ดีครับ

แต่ต้นทุนการขายเพิ่ม อันนี้คือ น้ำตาล แต่ว่าน้ำมัน ไปคิดที่ตัวไหน
น่าสนใจไหมครับ