หน้า 1 จากทั้งหมด 1

มีใครซื้อทองเก็บไว้กันมั่งครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 14, 2006 7:59 pm
โดย ขงเบ้ง
มาเดากันสนุกสนุกดีกว่าฟองสบู่ทองคำแตก ไม่แตก
ผมว่า แตก เหตุผลเพราะคนส่วนใหญ่คิดว่าไม่แตก
ผมก็มั่วครับ ช่วยเพิ่มratingให้web site มีเรื่องคุยซานุก ซานุกครับ
สงสัยโดนย้ายแน่เลย ไม่รู้อญู่หมวดไหนเหมือนกัน งง อยู่หมวดการลงทุนอ่ะเปล่า  แบ่งเงินไปซื้อทองเก็บไว้เหมือนกันครับ ซื้อตอน9000 บาทครับ ซื้อตามเซียนดร.สุวรรณครับ

มีใครซื้อทองเก็บไว้กันมั่งครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 14, 2006 8:10 pm
โดย ปรัชญา
555

ผมซื้อตามเซียนhotครับ

ตอนนั้นคุณhot  โพท์สว่าจะเห็นหนึ่งหมื่นบาท
ผมเลยซื้อตอนเส้น200วัน  ราคา7,250บาท
ได้มา2xบาท  อิอิ   สงสัยเก็บไว้เป็นสินสอดให้ลูกชายครับ  ท่านขงเบ้ง

มีใครซื้อทองเก็บไว้กันมั่งครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 14, 2006 8:33 pm
โดย นายสต็อก
เห็นคนอื่นเค้ารวยจากทองแล้ว...คอตก เพราะตัวเองมีสร้อยทองห้อย
เหรียญ ร.9 ติดคอเส้นเดียวเอง แค่ 3 บาท!!!

แถมราคาทองขึ้น-ลงเท่าไหร่ เราก็ไม่ได้ขายเก็งกำไรกับเค้าอีกต่างหาก
(เศร้า...เศร้า....) :evil:

มีใครซื้อทองเก็บไว้กันมั่งครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 14, 2006 8:53 pm
โดย คัดท้าย
ผมมายกมือครับ มีอยู่ครับ นี่ว่าจะเอาเพิ่มนิดหน่อย  :D

มีใครซื้อทองเก็บไว้กันมั่งครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 14, 2006 8:57 pm
โดย ขงเบ้ง
ผมว่าปันผลที่ได้ คือ เอาไว้ขอสาวแต่งงานครับ :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:

มีใครซื้อทองเก็บไว้กันมั่งครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 14, 2006 9:14 pm
โดย hot
ฮิ  


คนซื้อแถวราคาพี่ปรัชญา  คงยิ้ม

แต่คนซื้อแถว
12000 ขึ้นนี้  ต้องบอกตัวเอง


ต้องขึ้น  ลงไม่ได้นะ

ไม่งั้นหนาวว

มีใครซื้อทองเก็บไว้กันมั่งครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 14, 2006 10:06 pm
โดย Capo
เดี๋ยวนี้ราคาในไทยขึ้นลงทีละ 50-200 บาท
วันนึงเปลี่ยนราคาประมาณ 3 รอบ

โอย.....เหมือนนั่งเฝ้าหน้าจอ Real-Time เลยครับ

มีใครซื้อทองเก็บไว้กันมั่งครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 14, 2006 10:24 pm
โดย thana99
ผมซื้อเก็บตอนราคาบาทละ 8300  ..(50 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ตลงทุน)
แต่ถ้า่ให้เลือกได้..ตอนนั้นซื้อสังกะสีดีกว่า
รู้งี้.. เชื่อหมอดีกว่าเชื่อเมีย :lol:  :lol:  :lol:

มีใครซื้อทองเก็บไว้กันมั่งครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 14, 2006 10:37 pm
โดย kan_k
ซื้อทองแท่งครับ ที่ 9,150
ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมารู้สึกอยากซื้อเพิ่ม
แต่ไม่ซื้อ เพราะกลัวติดดอย
ไปๆมาๆ เสียดายจัง ตอนมันอยู่ 10,000 นานๆ ไม่รู้จักซื้อ
ว่าแต่ดูเทคนิกแล้วเหมือนจะยังซื้อได้อยู่นะครับ
แต่สงสัยถ้าซื้อแล้วต้องติดตามรายวันเลย วันละ 2 ครั้ง เช้า-เที่ยง
เพราะไม่รู้จะลงเมื่อไร 555

มีใครซื้อทองเก็บไว้กันมั่งครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 14, 2006 11:06 pm
โดย คัดท้าย
[quote="hot"]ฮิ

มีใครซื้อทองเก็บไว้กันมั่งครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 15, 2006 7:21 am
โดย hot
ดูเหมือนเงินเยน จะแข็งไม่หยุดเอาเสีย
เลียนแบบราคาทองโลก  ด้วยแฮะ

ดูดอกเบี้ยดีกว่าฮิ

น่าลุ้นกว่า

คัดมาให้อ่านคับ วันนี้คง13000บาทเพราะค่าเงินบาทอ่อนค่า

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 15, 2006 8:01 am
โดย hot
"แมลงเม่า"ในตลาดทองคำ
« เมื่อ: วันนี้ เวลา 03:13:12 »  

--------------------------------------------------------------------------------
"ราคาทองคำ" ยังคงดีกรีความร้อนแรงเอาไว้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย แม้ว่า Fundamentals เคยนำเสนอเรื่องทองคำไปแล้ว 2 ครั้ง แต่ด้วยความฮอตฮิตติดลมบนของทองคำ ทำให้ต้องหยิบเรื่องนี้มารีวิวกันอีกครั้ง เพื่อตอกย้ำความแรง

ในปี 2548 ทั้งปีราคาทองคำปรับตัวขึ้นมา 18.30% แต่ผ่านปี 2549 ไปเพียง 4 เดือน ราคาทองคำปรับขึ้นมาแล้ว 26.51% เรียกว่า แรงข้ามปีเลยทีเดียว จนมีกระแสคาดการณ์ว่าผลตอบแทนจากทองคำในปี 2549 นี้ไม่น่าจะน้อยกว่าปี 2548 อย่างแน่นอน

บนแนวโน้มขาขึ้นของราคาทองคำ แม้จะเต็มไปด้วยความผันผวน แต่ราคาที่หวือหวาทำให้นักลงทุนหลายคน กระโจนเข้าไปเล่นทองคำกันมากขึ้น มีทั้งพวกที่มากประสบการณ์บ้าง ขาดประสบการณ์บ้าง ปรากฏการณ์"แมลงเม่า"ในตลาดทองคำจึงเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้

สัปดาห์นี้ มาดูเรื่องราวความร้อนแรงของราคาทองคำกันอีกครั้ง และถ้าไม่อยากเป็นแมลงเม่าในตลาดทองคำ ต้องทำอย่างไรบ้าง Fundamentals มีคำตอบมานำเสนอ

.......................

"ทองคำ" โลหะมีค่าที่นักลงทุนเชื่อว่ามี "ราคา" และมี "คุณค่า" ในตัวเอง ซึ่งกลับมาได้รับความสนใจจากนักลงทุนอีกครั้งในฐานะที่เป็นอีกหนึ่งช่องทางของการออมและการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่ตลาดมีความผันผวนมีความไม่แน่นอน หรือสภาพเศรษฐกิจมีความไม่ชัดเจน อัตราเงินเฟ้อและราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นเช่นในปัจจุบัน เพราะทองคำเองจัดเป็นสินทรัพย์ที่สามารถต่อสู้กับเงินเฟ้อได้เป็นอย่างดี

"โดยปกติแล้วราคาทองคำจะปรับขึ้นเฉลี่ย 8-10% ต่อปี เพราะราคาทองมีมูลค่าเพิ่มขึ้นโดยปกติมากกว่าการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้ออยู่แล้ว แต่ในปี2548 ราคาทองโลกบวกขึ้นมาแล้ว 18.30% จากระดับ 437.20 ดอลลาร์สหรัฐ/เอานซ์ เมื่อสิ้นปี 47 เพิ่มขึ้นเป็น 517.20 ดอลลาร์สหรัฐ/เอานซ์ เมื่อสิ้นปี48 และยังคงทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่องผ่านเข้าปี2549 ได้เพียง 4 เดือน(สิ้นสุด 28 เม.ย.)ราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวขึ้นมาเป็น 654.30 ดอลลาร์สหรัฐ/เอานซ์ หรือเพิ่มขึ้น 26.51% สูงกว่าผลตอบแทนของทองคำตลอดทั้งปี 2548 เสียอีก"

การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมานั้น เป็นแรงกระตุ้นที่ทำให้นักลงทุนบางส่วนหันเข้ามาลงทุนในทองคำมากขึ้น เพราะตัวเลขของผลตอบแทนที่ดึงดูดใจนั่นเอง จนทำให้เกิดปรากฏการณ์แปลกใหม่ขึ้นในตลาดทองคำบ้านเรา นั่นก็คือ การเข้าไป "ติดดอย" ในตลาดทองคำ ซึ่งดูเหมือนจะคล้ายกับการติดดอยในตลาดหุ้น เมื่อกลุ่มนักลงทุนแมลงเม่าที่ชื่นชอบการเก็งกำไร กระโดดเข้าไปลงทุนในหุ้นในช่วงที่ราคาขึ้นไปสูงแล้วนั่นเอง เมื่อราคาหุ้นปรับตัวลง จึงทำให้นักลงทุนเหล่านี้เกิดอาการติดดอยเข้าให้

"ปรากฏการณ์นี้กำลังเกิดขึ้นในตลาดทองคำเช่นเดียวกัน เมื่อมีกลุ่มนักลงทุนบางคนกระโดดเข้ามาเก็งกำไรในทองคำช่วงที่ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นมามากแล้วนั่นเอง เช่น ลงทุนซื้อทองคำแท่งที่ราคาบาทละ 11,350 บาท ในขณะที่ราคาทองคำที่ปรับตัวสูงขึ้นมานั้นก็ยังไม่ไปไหนเลย จึงเริ่มมีปรากฏการณ์ แมลงเม่าในตลาดทองคำขึ้น"

ถ้าไม่อยากจะเป็นแมลงเม่าในตลาดทองคำลองมาฟังคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในวงการทองคำกันดู

@กระจายการลงทุนและลงทุนระยะยาว โดย "โชติกา สวนานนท์" กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทหารไทย แนะว่า สำหรับผู้ที่ติดดอยในตลาดทองคำอยู่ตอนนี้ ให้ถือลงทุนระยะยาวไปเลย และต้องยาวจริงๆ ในระดับ 1 ปีขึ้นไป เชื่อว่าจะสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้ในระดับหนึ่งทีเดียว แต่ถ้าจะคิดเข้ามาเล่นเก็งกำไรในตลาดทองคำแล้วไม่ควรทำ เพราะอาจจะได้ไม่คุ้มเสีย เพราะว่าถูกค่าคอมมิชชั่นกินหมด

นอกจากนี้ ตลาดทองคำเป็นการเคลื่อนไหวในระดับโลก ไม่เหมือนกับเล่นหุ้นที่เป็นระดับประเทศเท่านั้น คุณเก็งกำไรในตลาดหุ้น คุณยังพอคาดเดาตลาดได้บ้างว่าจะเป็นอย่างไร แต่ตลาดทองคำคุณคาดเดาตลาดไม่ได้เลย ตรงนี้จึงเป็นความเสี่ยงมากหากคิดจะเข้ามาเก็งกำไรในตลาดทอง

"แต่จุดดีของตลาดทอง คือเป็นตลาดที่มีความลึกมาก ราคาจึงผันผวนไม่มากนัก ในระดับหนึ่งเท่านั้นเอง เพราะผู้คนสามารถที่จะคิดต่างกันได้ แต่หากคุณจะเข้ามาเก็งกำไรก็มีโอกาสเจ็บตัวได้เช่นกัน การลงทุนในทองคำควรจะแบ่งเงินมาลงทุน และเป็นการลงทุนระยะยาวในระดับ 1 ปีขึ้นไปถึงจะไม่เจ็บตัวจากการเข้ามาลงทุน"

@ทำการบ้านก่อนเข้ามาลงทุน เช่นเดียวกับ "น.พ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ" ประธานกรรมการ ห้างทองแม่ทองสุก เยาวราช ในฐานะรองเลขาธิการสมาคมค้าทองคำ แนะว่า ถ้าไม่อยากเป็นแมลงเม่าในตลาดทองคำก็อย่าหลับหูหลับตาเข้ามาเก็งกำไรในตลาดทองคำ แต่ควรจะศึกษาหาข้อมูลก่อนที่จะเข้ามาลงทุน มีเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงที่เพียงพอ การลงทุนก็จะไม่น่ากลัว เพราะคนที่เข้ามาลงทุนก็ล้วนปรารถนาผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝากด้วยกันทั้งนั้น

"จริงๆ แล้วการลงทุนในทองคำควรจะลงทุนในระยะปานกลางถึงยาว แต่หากคุณชื่นชอบการเก็งกำไร ก็ต้องศึกษาดู ไม่ใช่หลับหู หลับตาเล่น เพราะจะทำให้มีความเสี่ยงและอาจจะเจ็บตัวได้เช่นกัน"

ส่วนใครที่ "ติดดอย" ในตลาดทองคำอาจจะสบายใจขึ้น เพราะราคาทองคำนั้นยังคงอยู่ในแนวขาขึ้นเพียงแต่มีความผันผวนมากขึ้นเท่านั้นเอง ลองมาฟังผู้รู้ในแวดวงทองคำมองความเคลื่อนไหวของราคาทองคำกันดูดีกว่า

@มั่นใจผลตอบแทนของทองคำปี 2549 ดีกว่าปี 2548 เกี่ยวกับเรื่องนี้น.พ.กฤชรัตน์ มองว่า การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำนี้ไม่ถือว่าผิดปกติแต่อย่างใด เพราะเป็นการปรับขึ้นโดยมีปัจจัยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง และยังมีแนวโน้มที่ราคาจะปรับตัวขึ้นเรื่อยๆ ในทิศทางเดียวกันกับโลหะมีค่าอื่นๆ เช่น เงิน และทองแดง เป็นต้น การที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นมามากในช่วงที่ผ่านมานั้น ก็เนื่องมาจาก 3 ปัจจัยด้วยกัน คือ

1)ความไม่สงบในอิหร่าน เป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ราคาน้ำมันและราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น

2)ทั่วโลกเริ่มไม่มั่นใจในเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉพาะในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงอย่างรุนแรงเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นๆ ทั่วโลก ส่วนหนึ่งก็มาจากปัญหาการขาดดุลการค้าที่ต่อเนื่องของสหรัฐอเมริกาเอง ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น

"นอกจากนี้ ธนาคารกลางของประเทศต่างๆ เปลี่ยนมาถือครองทองคำมากขึ้นแทนการถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐ หรือเงินยูโร ทำให้มีความต้องการมหาศาลเข้ามาในทองคำจนราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้เพราะว่าซัพพลายของทองคำเองมีจำกัดและไม่เพียงพอกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นมาก"

3)ภาวะทางเศรษฐกิจอื่นๆ เช่น อัตราเงินเฟ้อโลกที่เพิ่มสูงขึ้นอันเนื่องมาจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา จนทำให้บรรดากองทุนต่างๆ เข้ามาลงทุนในทองคำมากขึ้นซึ่งก็มีทั้งพวกที่เข้ามาลงทุนจริงและเข้ามาเก็งกำไรในตลาดทองคำ

"จากปัจจัยสนับสนุนดังกล่าว ทำให้เชื่อว่าราคาทองคำในปี2549 นี้จะปรับตัวสูงขึ้นกว่าในปี2548 โดยบรรดานักวิเคราะห์มองว่าราคาทองคำมีโอกาสแตะ 800 ดอลลาร์สหรัฐ/เอานซ์ แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข 2 อย่าง คือ 1)สถานการณ์อิหร่านยังไม่สงบ ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าน่าจะเป็นเกมที่ยืดเยื้อ และ2)สหรัฐยังแก้ปัญหาเศรษฐกิจของตัวเองไม่ได้ เพราะปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาเองนั้นคงไม่สามารถแก้ไขให้คลี่คลายไปได้โดยง่าย นั่นย่อมจะเป็นปัจจัยที่กดดันทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐให้มีแนวโน้มอ่อนค่าต่อไป และจะเป็นผลบวกต่อราคาทองคำในระยะยาวไม่มากก็น้อย"

@คาดราคาทองคำทะยานตามราคาน้ำมัน ทั้งนี้หากพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างกราฟราคาน้ำมันและราคาทองคำในตลาดโลก จะเห็นว่าราคาของทองคำและน้ำมันนั้นมีการเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันอย่างชัดเจน ในปี2548 ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น 40.48% จากระดับ 43.45 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ณ สิ้นปี 2547 เพิ่มขึ้นเป็น 61.04 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล เมื่อสิ้นปี2548 ในขณะเดียวกันราคาทองคำเองก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นมา 18.30%

"ผ่าน 4 เดือนแรกปี 2549 ไปแล้ว ราคาน้ำมันและราคาทองคำในตลาดโลกดูจะไม่ได้ลดดีกรีความร้อนแรงลงแม้แต่น้อย โดยราคาน้ำมันขยับขึ้นแตะระดับ 71.88 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 17.76% จากสิ้นปี2548 ในขณะเดียวกันราคาทองคำก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น 26.51% แซงหน้าอัตราการเพิ่มของราคาน้ำมันโลกไปเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามหากนับตั้งแต่สิ้นปี2547 จนถึงปัจจุบัน(28 เม.ย.) ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นมาแล้ว 65.43% ในขณะที่ราคาทองคำเพิ่มขึ้น 49.66% ซึ่งแสดงว่าราคาทองคำยังมีโอกาสที่จะปรับเพิ่มขึ้นได้อีกพอสมควร"

โดยน.พ.กฤชรัตน์ เชื่อว่าราคาทองคำยังมีโอกาสที่จะปรับขึ้นได้อีกในทิศทางเดียวกันกับราคาน้ำมัน เพราะทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ต่อสู้กับเงินเฟ้อได้ดี เมื่อราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นย่อมส่งผลกระทบมาถึงเงินเฟ้อของโลกให้สูงขึ้นตามไปด้วย นั่นย่อมจะทำให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกันต่อเนื่องไป

@เงินบาทแข็งค่ากดดันราคาทองคำในประเทศ เนื่องจากราคาทองคำในประเทศถูกกำหนดจาก 2 ปัจจัย คือ 1)ราคาทองคำโลก และ2)ค่าเงินบาท ในปี2548 นั้นราคาทองคำโลกปรับตัวขึ้นมา 18.30% และค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในทิศทาง "อ่อนค่า" ลง 5.26% จากระดับ 38.97 บาท/ดอลลาร์สหรัฐเมื่อสิ้นปี2547 เป็น 41.02 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อสิ้นปี2548 ดังนั้นเมื่อแปลงราคาทองคำโลกออกมาในรูปเงินบาทจึงส่งผลให้ราคาทองคำแท่งในประเทศปี2548 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 22.56% จากบาทละ 8,200 บาท เป็นบาทละ 10,050 บาท สูงกว่าการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำโลก

แต่ผ่านไป 4 เดือนแรกของปี 2549 (สิ้นสุดวันที่ 28 เม.ย.) ราคาทองคำโลกปรับขึ้นมาแล้ว 26.51% แต่ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในทิศทางที่ "แข็งค่า" ขึ้น 8.53% กดดันทิศทางการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในประเทศให้เพิ่มขึ้นมาสู่บาทละ 11,400 บาท เพิ่มขึ้นเพียง 13.43% เท่านั้น ต่ำกว่าการเพิ่มขึ้นของราคาทองคำโลก ทั้งนี้ หากราคาทองคำในประเทศเพิ่มขึ้นในสัดส่วนเดียวกันแล้ว ราคาทองคำในประเทศจะขยับขึ้นมาอยู่ในระดับ 12,714.26 บาท เลยทีเดียว

"อัตราแลกเปลี่ยนโดยปกติจะเคลื่อนไหวอยู่ในระดับบวกลบ 2-5% ซึ่งเมื่อนำมาแปลงเป็นราคาทองในประเทศก็ยังถือว่าปกติ แต่การที่เงินบาทผันผวนมากในระดับนี้โดยแข็งขึ้นมาถึง 8.53% นั้น จึงไม่เป็นผลดีต่อราคาทองคำเมื่อแปลงกลับมาอยู่ในรูปเงินบาทเท่าไรนัก อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำในประเทศเองก็ยังเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกันกับทองคำโลกอยู่นั่นเอง" โชติกาให้ความเห็น

ในขณะที่น.พ.กฤชรัตน์ บอกว่า เงินบาทแข็งค่าขึ้นมากในช่วง 4 เดือนแรกปี 2549 นี้ เพราะหากเงินบาทไม่แข็งค่าระดับนี้และเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับปี 2548 ราคาทองคำในประเทศอาจจะทะลุระดับบาทละ 14,000 บาท ไปเรียบร้อยแล้วก็ได้ ดังนั้น ผู้ที่ลงทุนในทองคำแท่งในประเทศไว้ หากค่าเงินบาทอ่อนค่าลงผลตอบแทนก็จะเพิ่มขึ้น เพราะหากมองจากค่าเงินบาทในปัจจุบันโอกาสที่เงินบาทจะแข็งค่าขึ้นไปกว่านี้แม้จะมีอยู่ แต่ก็มีไม่มากนัก เพราะฉะนั้นราคาทองคำก็คงจะไม่ต่างไปจากระดับปัจจุบันมากนัก แต่ทั้งนี้ก็คงต้องดูเงินหยวนด้วย เพราะหากเงินหยวนแข็งค่าขึ้น เงินบาทก็อาจจะแข็งค่าขึ้นไปได้อีกเช่นเดียวกัน

"อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำแท่งในประเทศเองก็ยังจะขยับขึ้นไปได้ตามราคาทองคำโลก และน่าจะให้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีกว่าในปี 2548 ด้วยเช่นเดียวกัน"

@ราคาทองคำมีความผันผวนมากกว่าในอดีต โดยโชติกา บอกว่า ในอดีตผู้เล่นหลักในตลาดทองคำจะเป็นผู้ที่มีความต้องการใช้ทองคำจริงๆ เช่นผู้ค้าทองคำ เป็นต้น แต่ในปัจจุบันผู้เล่นในตลาดทองคำมีมากขึ้น เช่น เฮดจ์ ฟันด์ ,กองทุนรวม หรือผู้ลงทุนเองที่มีการกระจายการลงทุนมาในทองคำมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าผู้เล่นแต่ละกลุ่มก็อาจจะมีมุมมองที่แตกต่างกันออกไป แต่สิ่งที่ทุกคนเห็นตรงกันนั่นก็คือ ทองคำยังเป็นแนวโน้มขาขึ้น แต่การลงทุนบางครั้งก็ต้องมีการขายทำกำไรสลับออกมาบ้าง ซึ่งผู้เล่นแต่ละกลุ่มอาจจะมีการ Take Profit ในช่วงเวลาที่แตกต่างกันออกไป จึงทำให้ราคาทองคำมีความผันผวนมากขึ้นต่างจากในอดีต

@ราคาทองคำในประเทศจะยิ่งผันผวนเมื่อมีผู้เล่นมากขึ้น ปัจจุบันพบว่ามีนักลงทุนเข้ามาลงทุนในทองคำแท่งมากขึ้น ทั้งนี้โชติกามองว่า หากผู้เล่นในตลาดทองคำในประเทศมีความหลากหลายมากขึ้น จะส่งผลให้ราคาทองคำในประเทศมีความผันผวนมากขึ้นได้เช่นเดียวกัน แต่การลงทุนในทองคำแท่งในประเทศยังค่อนข้างมีข้อจำกัดในเรื่องของสภาพคล่องและความสะดวกในการซื้อขาย เพราะคุณซื้อทองแท่งจากร้านไหนก็ต้องไปขายคืนจากร้านเดิม ซึ่งถือเป็นข้อจำกัดในการลงทุน แล้วในอนาคตถ้ามีผู้ลงทุนมากขึ้น การเตรียมสภาพคล่องของร้านทองเองจะมีเพียงพอหรือไม่ เพราะปัจจุบันผู้ซื้อทองส่วนใหญ่จะซื้อไปเพื่อเป็นเครื่องประดับ ร้านทองสามารถจะรู้ว่าปริมาณซื้อขายทองคำแต่ละวันอยู่ระดับไหน ช่วงไหนที่จะมีการนำทองมาขายคืนร้านมาก เช่น ช่วงเปิดเทอม หรือเทศกาล เป็นต้น

"แต่ในอนาคตหากมีผู้เล่นมากขึ้น มีผู้เข้ามาลงทุนในทองคำมากขึ้น ร้านทองเองได้เตรียมสภาพคล่องที่จะรองรับในส่วนนี้เพียงพอหรือไม่ เพราะหากมีผู้ลงทุนเข้ามาไถ่ถอนทองคำพร้อมกันมากๆ ตรงนี้ร้านทองนั้นมีความพร้อมและมีสภาพคล่องเพียงพอหรือไม่ ตรงนี้คือสิ่งที่จะต้องคิดถึงหากมีผู้เข้ามาลงทุนในทองคำมากขึ้น ส่วนตัวเชื่อว่าการลงทุนผ่านกองทุนทองคำนั้นมีความสะดวกสบายสำหรับผู้ลงทุน เพราะสามารถที่จะทำการซื้อขายได้หลายช่องทาง และมีสภาพคล่องเพียงพอที่จะรองรับการลงทุนของผู้ลงทุนได้เป็นอย่างดี"

ใครที่ไม่อยากจะเป็นแมลงเม่าในตลาดทองคำคงต้องทำการบ้าน จัดสรรเงินลงทุน และเน้นลงทุนระยะยาวเป็นหลักน่าจะช่วยคุณได้ไม่มากก็น้อย


By From krungthep Business""""""

มีใครซื้อทองเก็บไว้กันมั่งครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 15, 2006 9:14 pm
โดย Dech
ดูราคาวันนี้

ใครซื้อไว้ที่ 13000-12000 คงเริ่มหนาวๆครับ

ผมก็เกือบไปแล้วเหมือนกัน

รออยู่ๆๆๆๆ จะจริงหรือหลอก

มีใครซื้อทองเก็บไว้กันมั่งครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 15, 2006 9:26 pm
โดย ตาหมูอ้วน.
โอม จงลงๆๆ

Re: คัดมาให้อ่านคับ วันนี้คง13000บาทเพราะค่าเงินบาทอ่อนค่า

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 15, 2006 9:53 pm
โดย นายสต็อก
hot เขียน:ราคาจะปรับตัวขึ้นเรื่อยๆ ในทิศทางเดียวกันกับโลหะมีค่า
อื่นๆ เช่น เงิน และทองแดง เป็นต้น การที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นมามากใน
ช่วงที่ผ่านมานั้น ก็เนื่องมาจาก 3 ปัจจัยด้วยกัน คือ


1)ความไม่สงบในอิหร่าน เป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ราคาน้ำมันและราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น

2)ทั่วโลกเริ่มไม่มั่นใจในเงินดอลลาร์สหรัฐ
.
.
3)ภาวะทางเศรษฐกิจอื่นๆ เช่น อัตราเงินเฟ้อโลก
.
.
@คาดราคาทองคำทะยานตามราคาน้ำมัน
.
.
.
@เงินบาทแข็งค่ากดดันราคาทองคำในประเทศ
.
.

ผมว่า...ถ้าจบปัญหาอิหร่านได้ ราคาน้ำมันที่ผันผวน กับ ราคาทองคงจะปรับ
ระดับความร้อนแรงลงมามากขึ้นนะครับ!!! :roll:

คำถามคือว่า...เมื่อไหร่!...เมื่อไหร่!...ประธานาธิบดีบุชถึงจะแก้ปัญหานี้ได้ซะที? :?: