ยังไง ยังไง ก็ " หุ้น " !!!!!!
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 05, 2006 9:57 pm
ตลท.เชียร์เล่นหุ้นระยะยาว ชูข้อมูล30ปีฟาดกำไร30เท่า
ตลท.เชียร์ลงทุนระยะยาวในหุ้น ให้ผลตอบแทนสูงลิ่ว ชนะพันธบัตร-เงินฝาก-ทองคำ แถมยังเป็นเครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อในสถานการณ์ปกติได้ งัดข้อมูล 30 ปีย้อนหลังโชว์ผลตอบแทนรวมเกือบ 3,000% ล่อใจนักลงทุน พร้อมเปิดตัวดัชนีผลตอบแทนรวม ให้นักลงทุนสถาบันใช้เป็นเบนช์มาร์ก แต่ "กองทุน" ต้องเหนื่อยแน่ เพราะต้องบริหารงานให้เท่าหรือสูงกว่าดัชนีตัวใหม่
นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ช่วยผู้จัดการ สายงานวิจัยและข้อมูลสารสนเทศ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลท.ได้จัดทำรายงานวิจัยเกี่ยวกับผลตอบแทนการลงทุนในหุ้นเทียบกับการลงทุนประเภทอื่นในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา พบว่า ตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนจากการลงทุนสูงถึง 2,900% มากกว่าพันธบัตรที่ให้ผลตอบแทน 1,825% และเงินฝาก 800% รวมถึงทองคำ 150% โดยการวิจัยนี้เน้นที่การลงทุนในระยะยาว
นอกจากนี้ การลงทุนในหุ้นยังถือเป็นเครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อได้ดีที่สุด เนื่องจากเงินเฟ้อเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลตอบแทนการลงทุนในสินทรัพย์ทุกประเภทผันผวน โดยเฉพาะถ้าเป็นพันธบัตรด้วยแล้ว ยิ่งเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเท่าไร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็ต้องดำเนินนโยบายทางการเงินในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากขึ้นเท่านั้น จึงสร้างผลกระทบโดยตรงต่อผลตอบแทนจากพันธบัตรให้ลดลง ขณะที่หุ้นยังสามารถให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า ในอัตราเงินเฟ้อ 1% ผลตอบแทนจากหุ้นเพิ่มขึ้น 1% ยกเว้นช่วงเกิดวิกฤตน้ำมันหรือวิกฤตเศรษฐกิจที่กระทบต่อตลาดหุ้นทำให้ผลตอบแทนลดลง แต่ถ้าเป็นการลงทุนระยะยาวจะไม่กระทบการลงทุน เพราะสามารถนำผลตอบแทนที่สูงในช่วงภาวะตลาดปกติมาหักกลบเป็นกำไรได้
"จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในช่วงขาขึ้น ยังคงกดดันผลตอบแทนพันธบัตรให้ลดลง ขณะที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ น้ำมัน กลับมามีบทบาทมากขึ้นจากการเข้ามาเก็งกำไร ซึ่งถ้ามีปัจจัยจากเศรษฐกิจจากจีนที่เป็นผู้บริโภครายใหญ่ที่สุดเข้ามากระทบ หรือเหตุการณ์ในตะวัน ออกกลาง สินค้าพวกนี้จะผันผวนได้ง่ายเท่ากับตลาดหุ้นเช่นกัน" นายเศรษฐพุฒิกล่าว
นายเศรษฐพุฒิกล่าวต่อไปว่า ตลท.ได้เปิดตัวดัชนีผลตอบแทนรวม (Total Return Index - TRI) เพื่อให้เป็นมาตรฐานผลตอบแทนให้กับกลุ่มนักลงทุนสถาบัน อาทิ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เนื่องจากที่ผ่านมาการลงทุนในดัชนีทั้ง Set 50 และ Set 100 จะใช้วัดอัตราผลตอบแทนจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหลักทรัพย์ (capital gain) และผลได้จากสิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญต่ำกว่าราคาตลาด (rights) ซึ่งจะไม่มีผลตอบแทนจากเงินปันผลมาคิดคำนวณอยู่ด้วย จึงทำให้ผลตอบแทนที่ผู้บริหารกองทุนทำได้อาจไม่สะท้อนผลตอบแทนที่แท้จริง
"ดัชนีตัวนี้จะรวมผลตอบแทนทั้ง 3 ตัวเอาไว้ทั้งหมด สามารถใช้เป็นตัวเลขอ้างอิงผลการดำเนินงานของกองทุนได้ทันที อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารกองทุนอาจต้องเหนื่อยมากขึ้น เพราะเมื่อมีผลตอบแทนจากดัชนีรวมแสดงให้เห็นแล้ว ผลตอบแทนที่กองทุนควรจะได้ต้องเทียบเท่าหรือมากกว่าเบนช์มาร์กตัวนี้ โดยมีดัชนี Set 50 Set 100 MAI ดัชนีรายหลักทรัพย์ และดัชนีรวมหลักทรัพย์ ที่จะคำนวณค่าดัชนี TRI สรุปออกมาเป็นรายเดือนและรายปี" นายเศรษฐพุฒิกล่าว
ตลท.เชียร์ลงทุนระยะยาวในหุ้น ให้ผลตอบแทนสูงลิ่ว ชนะพันธบัตร-เงินฝาก-ทองคำ แถมยังเป็นเครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อในสถานการณ์ปกติได้ งัดข้อมูล 30 ปีย้อนหลังโชว์ผลตอบแทนรวมเกือบ 3,000% ล่อใจนักลงทุน พร้อมเปิดตัวดัชนีผลตอบแทนรวม ให้นักลงทุนสถาบันใช้เป็นเบนช์มาร์ก แต่ "กองทุน" ต้องเหนื่อยแน่ เพราะต้องบริหารงานให้เท่าหรือสูงกว่าดัชนีตัวใหม่
นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ช่วยผู้จัดการ สายงานวิจัยและข้อมูลสารสนเทศ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลท.ได้จัดทำรายงานวิจัยเกี่ยวกับผลตอบแทนการลงทุนในหุ้นเทียบกับการลงทุนประเภทอื่นในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา พบว่า ตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนจากการลงทุนสูงถึง 2,900% มากกว่าพันธบัตรที่ให้ผลตอบแทน 1,825% และเงินฝาก 800% รวมถึงทองคำ 150% โดยการวิจัยนี้เน้นที่การลงทุนในระยะยาว
นอกจากนี้ การลงทุนในหุ้นยังถือเป็นเครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อได้ดีที่สุด เนื่องจากเงินเฟ้อเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลตอบแทนการลงทุนในสินทรัพย์ทุกประเภทผันผวน โดยเฉพาะถ้าเป็นพันธบัตรด้วยแล้ว ยิ่งเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเท่าไร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็ต้องดำเนินนโยบายทางการเงินในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากขึ้นเท่านั้น จึงสร้างผลกระทบโดยตรงต่อผลตอบแทนจากพันธบัตรให้ลดลง ขณะที่หุ้นยังสามารถให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า ในอัตราเงินเฟ้อ 1% ผลตอบแทนจากหุ้นเพิ่มขึ้น 1% ยกเว้นช่วงเกิดวิกฤตน้ำมันหรือวิกฤตเศรษฐกิจที่กระทบต่อตลาดหุ้นทำให้ผลตอบแทนลดลง แต่ถ้าเป็นการลงทุนระยะยาวจะไม่กระทบการลงทุน เพราะสามารถนำผลตอบแทนที่สูงในช่วงภาวะตลาดปกติมาหักกลบเป็นกำไรได้
"จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในช่วงขาขึ้น ยังคงกดดันผลตอบแทนพันธบัตรให้ลดลง ขณะที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ น้ำมัน กลับมามีบทบาทมากขึ้นจากการเข้ามาเก็งกำไร ซึ่งถ้ามีปัจจัยจากเศรษฐกิจจากจีนที่เป็นผู้บริโภครายใหญ่ที่สุดเข้ามากระทบ หรือเหตุการณ์ในตะวัน ออกกลาง สินค้าพวกนี้จะผันผวนได้ง่ายเท่ากับตลาดหุ้นเช่นกัน" นายเศรษฐพุฒิกล่าว
นายเศรษฐพุฒิกล่าวต่อไปว่า ตลท.ได้เปิดตัวดัชนีผลตอบแทนรวม (Total Return Index - TRI) เพื่อให้เป็นมาตรฐานผลตอบแทนให้กับกลุ่มนักลงทุนสถาบัน อาทิ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เนื่องจากที่ผ่านมาการลงทุนในดัชนีทั้ง Set 50 และ Set 100 จะใช้วัดอัตราผลตอบแทนจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหลักทรัพย์ (capital gain) และผลได้จากสิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญต่ำกว่าราคาตลาด (rights) ซึ่งจะไม่มีผลตอบแทนจากเงินปันผลมาคิดคำนวณอยู่ด้วย จึงทำให้ผลตอบแทนที่ผู้บริหารกองทุนทำได้อาจไม่สะท้อนผลตอบแทนที่แท้จริง
"ดัชนีตัวนี้จะรวมผลตอบแทนทั้ง 3 ตัวเอาไว้ทั้งหมด สามารถใช้เป็นตัวเลขอ้างอิงผลการดำเนินงานของกองทุนได้ทันที อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารกองทุนอาจต้องเหนื่อยมากขึ้น เพราะเมื่อมีผลตอบแทนจากดัชนีรวมแสดงให้เห็นแล้ว ผลตอบแทนที่กองทุนควรจะได้ต้องเทียบเท่าหรือมากกว่าเบนช์มาร์กตัวนี้ โดยมีดัชนี Set 50 Set 100 MAI ดัชนีรายหลักทรัพย์ และดัชนีรวมหลักทรัพย์ ที่จะคำนวณค่าดัชนี TRI สรุปออกมาเป็นรายเดือนและรายปี" นายเศรษฐพุฒิกล่าว