Thai VI

ส. ขอนแก่น ทำหมูแผ่นหมูหยองขาย
ดูงบกำไรขาดทุนแล้วพอใช้ได้ รายได้โตอย่างต่อเนื่อง pe เกือบจะถูกที่สุดในกลุ่ม pbv อยู่แถวๆ 0.5
ปัจจุบันเอาหมูแผ่นมาเปลี่ยน package ใหม่เป็นขนม อองเทร่ ซึ่งผมลองคำนวณดูคร่าวๆ Gross Margin ของ อองเทร่นี่สูงมากๆ

แต่ปัญหาใหญ่ คือ หนี้สินท่วมหัว
กำไรเท่าไหร่ต้องใช้หนี้หมด จริงๆไม่ค่อยจะพอด้วย
กำไรสุทธิปีล่าสุดประมาณ 18-20 ล้าน แต่หนี้สินระยะยาวที่ถึงกำหนดชำระ เกือบๆ 30 ล้าน
ไม่รู้อีกนานเท่าไหร่ถึงจะฟื้น

บวกลบคูณหารดูแล้วผมว่าเสี่ยงไปหน่อย เลยขอบาย
ไม่ทราบว่ามีมุมมองยังไงกับบริษัทที่กำไรดี แต่หนี้เยอะกันบ้างครับ

ปีสองปีที่แล้ว ผู้บริหารเคยมีเรื่องราวฟ้องร้องกัน
เรื่องการยักย้ายถ่ายเงิน ทำนองนี้ จำไม่ได้ครับ

ไม่ทราบไปถึงไหนแล้วครับ

yoyo เขียน:ส. ขอนแก่น ทำหมูแผ่นหมูหยองขาย
ดูงบกำไรขาดทุนแล้วพอใช้ได้ รายได้โตอย่างต่อเนื่อง pe เกือบจะถูกที่สุดในกลุ่ม pbv อยู่แถวๆ 0.5
ปัจจุบันเอาหมูแผ่นมาเปลี่ยน package ใหม่เป็นขนม อองเทร่ ซึ่งผมลองคำนวณดูคร่าวๆ Gross Margin ของ อองเทร่นี่สูงมากๆ

แต่ปัญหาใหญ่ คือ หนี้สินท่วมหัว
กำไรเท่าไหร่ต้องใช้หนี้หมด จริงๆไม่ค่อยจะพอด้วย
กำไรสุทธิปีล่าสุดประมาณ 18-20 ล้าน แต่หนี้สินระยะยาวที่ถึงกำหนดชำระ เกือบๆ 30 ล้าน
ไม่รู้อีกนานเท่าไหร่ถึงจะฟื้น

บวกลบคูณหารดูแล้วผมว่าเสี่ยงไปหน่อย เลยขอบาย
ไม่ทราบว่ามีมุมมองยังไงกับบริษัทที่กำไรดี แต่หนี้เยอะกันบ้างครับ

สินค้าใหม่ของเขาผมว่าจับผิดกลุ่มครับคุณYYเพราะผมขายอยู่แต่ไม่ค่อยดีเลย เด็กก็ไม่ซื้อ มีแต่พวกซื้อไปแกล้มเหล้าไม่มีซักเท่าไหร่
ไม่เหมือนของฝากเจ๊ ต่างๆ เห็นใครๆก็ซื้อติดไม้ติดมือ รวยกันเป็นแถบๆ (ทั้งโคราช และขอนแก่น) ถ้าทางส.ขอนแก่น เอามั่ง ผมว่าลงทุนไม่น่าจะมาก คืนทุนก็เร็ว เพราะสินค้าส่วนมากจะฝากขาย(ติดตราของยี่ห้อเราเอง) สินค้าเรามีเด่นๆ1-2ตัวก็สบายแล้วครับ

ไปดูที่ กรุงเทพ Biz Week สิครับ เห็นมีลงตัวนี้อยู่ อ่านแล้วแต่ไม่สนใจดีกว่า

อยากได้ก้นบุหรี่คับ......

เข้าไปอยู่ใน 100 คน 100 หุ้นบ้างได้ไหมคับ

27/9/2007

SORKON คาดยอดขายปีนี้โต 6% หรือกวาด 770 ลบ.ไม่รวมบ.ย่อย ส่วนปีหน้า
โต 10% หลังมีสินค้าใหม่เพิ่มขึ้น

นายเจริญ รุจิราโสภณ  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัทอุตสาหกรรม
อาหาร ส.ขอนแก่น จำกัด (มหาชน) (SORKON) เปิดเผยว่า ยอดขายสินค้าของ
บริษัทฯในปีนี้คาดว่าจะทำได้ประมาณ 770 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเติบโต 6%
           ส่วนปีหน้าคาดว่าจะขยายตัวได้ในอัตรา 10% จากปีนี้ หลังมีสินค้าหลาก
หลายประเภท ทั้งการออกอาหารประเภทใหม่ อาหารสำเร็จรูปพร้อมทาน และขนม
ขบเคี้ยวที่จะเริ่มเปิดตัวตั้งแต่เดือนพ.ย. นี้เป็นต้นไป
อย่างไรก็ดี อัตราการขยายตัวดังกล่าวคิดเฉพาะบริษัท ส.ขอนแก่นฯ เท่านั้น
ไม่รวมบริษัทลูกในเครือ โดยจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ประชาชนยังคงใช้จ่ายน้อยลง
บริษัทฯจึงวางแผนระยะยาวที่จะหารายได้จากตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น ทั้งนี้คาดว่า
ในปี 2553 จะมีรายได้จากต่างประเทศประมาณ 40% (ทั้งรายได้จากการส่งออกและ
รายได้จากการตั้งฐานผลิตในประเทศอื่นเพื่อส่งขายในประเทศใกล้เคียง) จากปัจจุบัน
สัดส่วนส่งออกครอบคลุม 4 ทวีป อยู่ 11%  เนื่องจากชาวต่างชาตินิยมบริโภคอาหาร
ไทยเพิ่มมากขึ้น
'จริงๆ เราอยากได้ยอดขายปีนี้โต 8% แต่ดูภาพรวมแล้วน่าจะได้แค่ 6%
เพราะเศรษฐกิจภายในประเทศชะลอตัว'นายเจริญ กล่าว


SORKON คาดยอดขายปีนี้โต 6% หรือกวาด 770 ลบ.ไม่รวมบ.ย่อย ส่วนปีหน้า
โต 10% หลังมีสินค้าใหม่เพิ่มขึ้น

นายเจริญ รุจิราโสภณ  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัทอุตสาหกรรม
อาหาร ส.ขอนแก่น จำกัด (มหาชน) (SORKON) เปิดเผยว่า ยอดขายสินค้าของ
บริษัทฯในปีนี้คาดว่าจะทำได้ประมาณ 770 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเติบโต 6%
           ส่วนปีหน้าคาดว่าจะขยายตัวได้ในอัตรา 10% จากปีนี้ หลังมีสินค้าหลาก
หลายประเภท ทั้งการออกอาหารประเภทใหม่ อาหารสำเร็จรูปพร้อมทาน และขนม
ขบเคี้ยวที่จะเริ่มเปิดตัวตั้งแต่เดือนพ.ย. นี้เป็นต้นไป
อย่างไรก็ดี อัตราการขยายตัวดังกล่าวคิดเฉพาะบริษัท ส.ขอนแก่นฯ เท่านั้น
ไม่รวมบริษัทลูกในเครือ โดยจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ประชาชนยังคงใช้จ่ายน้อยลง
บริษัทฯจึงวางแผนระยะยาวที่จะหารายได้จากตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น ทั้งนี้คาดว่า
ในปี 2553 จะมีรายได้จากต่างประเทศประมาณ 40% (ทั้งรายได้จากการส่งออกและ
รายได้จากการตั้งฐานผลิตในประเทศอื่นเพื่อส่งขายในประเทศใกล้เคียง) จากปัจจุบัน
สัดส่วนส่งออกครอบคลุม 4 ทวีป อยู่ 11%  เนื่องจากชาวต่างชาตินิยมบริโภคอาหาร
ไทยเพิ่มมากขึ้น
'จริงๆ เราอยากได้ยอดขายปีนี้โต 8% แต่ดูภาพรวมแล้วน่าจะได้แค่ 6%
เพราะเศรษฐกิจภายในประเทศชะลอตัว'นายเจริญ กล่าว

28/9/2007

นายเจริญ รุจิโสภณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อุตสาหกรรมอาหาร ส.ขอนแก่น  เปิด
เผยว่า ได้ใช้งบลงทุน 10 ล้านบาท ว่าจ้างบริษัท ปารูเซล จากโปแลนด์ เป็นผู้ผลิตสินค้าประเภท
แหนม หมูยอ กุนเชียง ภายใต้ยี่ห้อ ส.ขอนแก่น เพื่อส่งออกไปยังสหภาพยุโรป 20 ประเทศ รวมทั้ง
สหรัฐ ออสเตรเลีย เนื่องจากเป็นกลุ่มประเทศที่ไม่สามารถส่งออกเนื้อสุกรไปจำหนายได้ เพราะมี
มาตรฐานการตรวจโรคปากเปื่อยเท้าเปื่อย รวมทั้งผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็ง ทำให้บริษัทขาด
ทุนจากการส่งออก โดยโรงงานในประเทศโปแลนด์ จะเริ่มผลิตสินค้าส่งออกได้ช่วงเดือน ธ.ค.นี้
คาดช่วยสัดส่วนรายได้การส่งออกเติบโต จาก 11% เป็น 15%.

อยู่ห่าง ๆ ดีกว่านะครับ

มีต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์โป่งขึ้น  กล่าวคือหมูของเขากินอาหารมากกว่าที่อื่นนะ

lychee เขียน:อยู่ห่าง ๆ ดีกว่านะครับ

มีต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์โป่งขึ้น  กล่าวคือหมูของเขากินอาหารมากกว่าที่อื่นนะ

ขอบพระคุณสำหรับคำชี้แนะคับ

ถ้าให้คิดตามก้อคือ   ถ้ายังไม่มีวิธีไหนให้หมูกินน้อยลง
แต่สามารถเพิ่มผลผลิตให้มากขึ้น  ก้อเลิกฝันได้เลย...

แต่ทำไมมีแต่ข่าว ว่าจ้าง โปแลนด์ผลิตอ่ะคับ
ผมว่า ทำไมต้องไปทำอย่างงั้น ยิ่งงง ต่างชาติ
เค้าทำแหนมกันไม่เป็นเหรอ

ผมพึงไปฮ้องกง มาเห็นมีหมูแผ่นของสอขอนแก่นขายใน 7-11 ด้วยนะครับ

เข้าไปขาย 7-11 ได้นับมาได้ dealer ที่มีคุณภาพมาก การเข้า 7-11 ในแต่ละที่ได้นับว่าไม่ง่ายเลย แต่ก็ต้องว่าของเค้าจะอยู่ได้นานแค่ไหน  7-11 ถ้าของขายไม่ค่อยดีก็จะโดน delete  ออก

ผมชอบสินค้าเค้านะ ซื้อมากินบ่อยๆ

ผมว่าบริษัทนี้ก็เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่มีตราสินค้าที่แข็งแกร่ง สินค้ามีลูกค้าซื้อเป็นประจำอยู่แล้ว แต่บริษัทนี้ยังมีปัญหาเรื่องการเงินที่ต้องหาทางแก้ซึ่งไม่รู้เมื่อไหร่จะฟื้น ถ้ามีแววเมื่อไหร่ก็น่าซื้อเก็บ

[quote="crazyrisk"][quote="lychee"]อยู่ห่าง ๆ ดีกว่านะครับ

มีต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์โป่งขึ้น

yoyo เขียน: พี่ลิ้นจี่แกอาจจะบอกอะไรเป็นนัยๆก็ได้นะ .. ลองอ่านดูใหม่อีกที

อ่านใหม่อีกรอบแล้ว ยังตีความไม่ออกจิงๆคับ
ขอเชิญผู้รู้ช่วยชี้แนะคับ.....

[quote="crazyrisk"][quote="lychee"]อยู่ห่าง ๆ ดีกว่านะครับ

มีต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์โป่งขึ้น

ขอบายจริงๆครับตัวนี้

ไม่ใช่ปัญหาเรื่องการเงินครับ กลับไปอ่านดูประวัติก่อนซื้อนะครับ

[quote="lychee"]

หมอก็ สมัยนี้ เขาฟ้องหมิ่นประมาทกันที เรียกร้องพันล้านเลยนะ

หมูกินกระดาษ.... มิน่าถึงเรียกว่า หมูแผ่น ....  :lol:  :lol:  :lol:

เข้ามาฮา...พร้อมความรู้ครับ  
เพิ่งรู้ว่าค่าอาหารหมูของที่นี่ แพงกว่าที่อื่น............ฮ่าๆๆๆ :lol:  :lol:
สงสัยจะเลี้ยงดีเป็นพิเศษ  

คุณ คนเรือ vi เขียน:

ขอบายจริงๆครับตัวนี้

ไม่ใช่ปัญหาเรื่องการเงินครับ กลับไปอ่านดูประวัติก่อนซื้อนะครับ

อยากฟังครับ รบกวนผู้รู้ท่านใดช่วยเล่าให้ฟังเป็นวิทยาทานด้วยครับ

กลายเป็นกระทู้ นั่งเล่นไปแล้วไหมเนี่ย...

อย่าคิดมากคับ

ขนาดวัว มัตสึทากะ ยังเลี้ยงด้วยเบียร์

ขายตัวนึง เป็นแสน

แล้วกัีบหมู ที่กินแบงค์ล่ะค้าบบ

ไปอ่านเจอครับ
และก็พึ่งรู้ว่า อองเทร์ ส ขอนแก่นผลิต ประมาณว่ากินบ่อยครับ
เจริญ รุจิราโสภณ" เล่าความจริง "ส.ขอนแก่น" ติดหล่ม

2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 05:00:00


เจริญ รุจิราโสภณ ผู้ก่อตั้ง บมจ.อุตสาหกรรมอาหาร ส.ขอนแก่น

ภารกิจสำคัญ ของ เจริญ รุจิราโสภณ ผู้ก่อตั้ง บมจ.อุตสาหกรรมอาหาร ส.ขอนแก่น วันนี้ คือ การ แต่งตัว ให้หุ้น ส.ขอนแก่น (SORKON) กลายเป็น หญิงสาวเนื้อหอม ในสายตานักลงทุน ในภาวะที่แขนขายัง ติดโซ่ตรวน จากภาระหนี้สินอันหนักอึ้ง

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : วันนี้ "มาร์เก็ตแคป" ของหุ้น SORKON เหลือมูลค่าเพียง 119 ล้านบาท...อยู่ในตลาดหุ้นอย่างไร้อนาคต

ที่ผ่านมา เจริญ พยายามแก้ไขปัญหาตัวเองมาโดยตลอด แต่ดูเหมือนว่าเขายังไม่ประสบความสำเร็จ ไล่ตั้งแต่แผนการ "จ่ายหุ้นปันผล" 10 ต่อ 1 เพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่องโดยไม่นำเงินสดออกนอกบริษัท แต่ก็สามารถเพิ่มจำนวนหุ้นได้เพียง 10% เท่านั้น

ส่วนแผนการว่าจ้างที่ปรึกษาทางการเงินชักชวนกองทุนให้เข้ามาซื้อหุ้นจาก ตระกูลรุจิราโสภณ ก็ยังไม่เห็นวี่แวว เห็นเพียงมูฟเม้นท์ล่าสุดที่ เจริญ โอนหุ้นจำนวนมากถึง 743,000 หุ้น ให้กับทายาท จรัญพจน์ รุจิราโสภณ และขายให้กับพันธมิตร บริษัท เมโทร อะโกรอินดัสทรี จำกัด เช่นเดียวกับ สุภาพร จันทร์เสรีวิทยา หนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ก็เริ่มปล่อยหุ้นออกมาในตลาด

เจริญ ยอมรับกับ กรุงเทพธุรกิจ BizWeek ว่า ที่ผ่านมาตนเองได้เดินเกมธุรกิจ ผิดพลาด จนสร้างความเสียหายต่อธุรกิจจนถึงทุกวันนี้ นั่นคือ การซื้อที่ดินบริเวณอำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี เพื่อนำมาพัฒนาเป็นฟาร์มปศุสัตว์ป้อนสายการผลิตของตัวเอง ตั้งแต่เริ่มเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ปี 2536 ตามรอยสูตรธุรกิจของ "เครือซีพี" ที่เคยร่วมงานมานานกว่า 10 ปี ก่อนจะลาออกมาสร้างอาณาจักรของตัวเอง

ทว่าในเวลาต่อมาที่ดินผืนนั้น กลับกลายเป็น หอก ที่พุ่งกลับมาทำร้ายธุรกิจของ ส.ขอนแก่น เสียเอง เนื่องจาก ที่ดินที่ถือครองอยู่นับพันไร่ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 600 ล้านบาท บริษัทไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมด เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจต่อมาไม่เป็นใจ ทำให้ต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายให้กับสถาบันการเงินที่กู้มาถึงปีละ 40 ล้านบาท และนั่นคือปัจจัยที่คอยฉุดรั้งผลประกอบการมาโดยตลอด เพราะผลกำไรที่ได้มาก็ถูก ดอกเบี้ย กินจนหมด

เจริญ บอกว่า ภารกิจในการกอบกู้หุ้น ส.ขอนแก่น คือการเร่งขายสินทรัพย์ที่ไม่เกิดประโยชน์ออกไปให้เร็วที่สุดแม้ว่าสภาพเศรษฐกิจเวลานี้จะไม่เป็นใจก็ตาม

เราถูกตำหนิมามากต่อมากแล้วว่าทำไมถึงปล่อยให้หนี้ท่วมหัวจากการถือที่ดินว่างเปล่าไว้ขนาดนี้ ที่ผ่านมาเราเร่งเจรจาขายที่ดินนี้มาโดยตลอด แต่ที่ยังไม่ขายเนื่องจากราคาที่ได้รับต่ำเกินไป และเราไม่คิดจะขายขาดทุน (Cut Loss) ด้วย

เขาเล่าว่า มีนายทุนจำนวนหนึ่งพร้อมจะซื้อที่ดินที่สร้างปัญหานี้ แต่คาดว่าจะเริ่มเปิดโต๊ะเจรจาได้ตั้งแต่ต้นปี 2551 เป็นต้นไป เนื่องจากต้องรอสถานการณ์เศรษฐกิจหลังการเลือกตั้งผ่านไปเสียก่อน ซึ่งมั่นใจว่าถ้าสามารถขายออกไปได้ จะช่วยให้ผลการดำเนินงาน รวมถึงราคาหุ้น SORKON ดีขึ้นอย่างแน่นอน

เจริญ พยายามเปิดเผยความจริงใจของตัวเอง โดยการจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นมาโดยตลอด ทั้งเงินสดและหุ้น เพื่อให้นักลงทุนเห็นว่า ส.ขอนแก่น ยังเป็นหุ้นที่น่าสนใจอยู่ แม้ว่าจะยังไม่สามารถลบภาพความเสื่อมโทรมของผลประกอบการได้ก็ตาม

หุ้น SORKON ยังเป็นหุ้นพื้นฐานที่น่าลงทุนอยู่ เนื่องจากอยู่ในธุรกิจที่คนทั่วไปยังต้องรับประทานไม่ว่าสภาพเศรษฐกิจจะดีหรือแย่ก็ตาม และเราก็ยังเป็นผู้นำตลาดในอุตสาหกรรม เพราะคู่แข่งส่วนใหญ่เป็นเพียงผู้ผลิตระดับท้องถิ่น แต่ ส.ขอนแก่น มีศักยภาพและเงินทุนเพียงพอที่จะผลิตเป็นอุตสาหกรรมและส่งออกได้

ด้านแผนการลงทุนระยะยาวของ ส.ขอนแก่น เจริญ บอกว่า ได้ว่าจ้าง บริษัท Paruzel โรงงานแปรรูปเนื้อสัตว์รายใหญ่ในประเทศโปแลนด์ เป็นผู้ผลิตสินค้าของ ส.ขอนแก่น ภายใต้สัญญา 3 ปี แม้ว่าได้ส่งสินค้าไปจำหน่ายยังประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกามานานกว่า 10 ปีแล้ว แต่เพื่อเป็นการตัดปัญหาเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน และ มาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (Non-tariff barrier) ทำให้สินค้าไทยไม่สามารถขยายตลาดออกต่างประเทศได้ ทั้งๆ ที่มีปริมาณความต้องการอยู่เป็นจำนวนมาก

การไปว่าจ้างโรงงานผลิตในประเทศกลุ่มอียู จึงเปรียบเสมือนกับการไป ชุบตัว พร้อมจะขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศอียูที่มีอยู่ 16 ประเทศได้สะดวกมากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากการเจาะตลาดคนเอเชียในยุโรปแล้ว เจริญ ยังมองไกลไปถึงการเจาะกลุ่มชาวยุโรปโดยตรงอีกด้วย เนื่องจากเวลานี้อาหารไทยกำลังได้รับความนิยมจากต่างชาติมากขึ้น รวมถึง ตลาดสินค้า ฮาลาล ของชาวมุสลิมเตรียมนำโปรดักท์ลูกชิ้นปลาออกวางจำหน่ายทั่วโลกในเร็วๆ นี้ คาดว่าในปี 2551 รายได้จากสินค้าส่งออกจะเพิ่มขึ้นราว 40% ได้

รวมถึงแผนการออกสินค้าประเภทสแน็กภายใต้แบรนด์ อองเทร่ เพิ่มเติม เนื่องจากเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูง อีกทั้ง ส.ขอนแก่นยังเป็นผู้ประกอบการรายเดียวในตลาดที่ผลิตสแน็กที่มีส่วนผสมของเนื้อ หรือ มีทสแน็ก โดย เจริญ ขอมีส่วนแบ่งเพียง 5% จากมูลค่าตลาดรวม 15,000 ล้านบาท ถ้าทำได้ก็พอใจแล้ว

แผนงานในอนาคตที่เราวางไว้นี้ คาดว่าจะช่วยให้บริษัทขยายตลาดจนมีผลประกอบการเป็นที่น่าพอใจและสามารถจ่ายปันผลได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยดึงดูดนักลงทุนให้หุ้น SORKON น่าสนใจมากยิ่งขึ้น

ส่วนผลประกอบการงวดครึ่งปี 2550 ที่ผ่านมา เจริญ ยอมรับว่า หลุดเป้า ไปพอสมควร เนื่องจาก 2 สาเหตุ ได้แก่ หนึ่ง...กำลังซื้อและความมั่นใจของผู้บริโภคลดลง จากสภาพเศรษฐกิจและปัญหาการเมือง สอง...ราคาหมูที่ตกต่ำลง ทั้งสองสาเหตุนี้ทำให้ยอดขายและผลกำไรของบริษัทออกมา ติดลบ แต่ เจริญ ยังมั่นใจว่าเมื่อปิดงบสิ้นปี ผลประกอบการจะพลิกกลับมาเป็น กำไร อีกครั้ง

ที่เราขาดทุนมาจากการดำเนินงานของบริษัทย่อยที่ทำธุรกิจฟาร์มเลี้ยงหมูขาดทุน แต่ ส.ขอนแก่น ซึ่งเป็นบริษัทแม่ยังทำยอดขายและผลกำไรได้ต่อเนื่อง เราคาดว่าทั้งปียอดขายจะเติบโต 7% คิดเป็นจำนวนเงิน 780 ล้านบาท เมื่อรวมกับผลการดำเนินงานของบริษัทลูก รายได้รวมทั้งหมดน่าจะสูงกว่าปีที่แล้วที่ 982 ล้านบาท ส่วนปี 2551 ก็ยังคาดการณ์ว่า ยอดขายน่าจะถึง 820 ล้านบาทได้ไม่ยาก