Thai VI

ช่วงนี้ลาพักร้อน เลยมีโอกาสไปประชุมผู้ถือหุ้นกับเขาบ้าง  BAFS ประชุมที่ รร.มิราเคิล  แถวๆหลักสี่  
    ไปถึงห้องเมจิก 3 ตอน 0930 ก่อนประชุมครึ่ง ช.ม.  ทานกาแฟ และ ของว่าง รองท้อง ประชุมเริ่ม 1000 ตรงเวลาดีครับ  กรรมการมาครบครัน
     ว่าไปตามวาระ  มีถามประปราย  จนหมดวาระสุดท้าย ก็มีคำถามมากหน่อย  ผมก็แอะถามไปเกี่ยวกับ ความสามารถในการแข่งขันกับสนามบินในภูมิภาค  กก.ผจก. ท่านก้ชี้แจงสรุปว่าสู้ได้สบายมาก  แม้ เช็คหลับก๊อก ของฮ่องกง  จะลดราคาค่าบริการการเติมลงจาก 5.5 เซนต์ ต่อ แกลลอน ลงหลังจากสุวรรณภูมิเปิด  ส่วน ชางฮี ในสิงคโปร์คิด  5.9 เซนต์ ต่อ แกลลอน
   ตอนเที่ยง แจกคูปองอาหารกลางวัน ภัตตาคารญี่ปุ่นของโรงแรม  มีของที่ระลึกเป็นไฟฉาย  แม็กนีโตร อีกอัน

แหม...ผมเสียดายจังเลย ตอนแรกตั้งใจจะไปประชุมผู้ถือหุ้น BAFS บ้าง
ไม่เคยไปสักที หลายปีแล้วเนี่ย ปีนี้ก็ดันลืมเช็ควันเวลาที่ประชุมอีก

เสียดาย...เสียดาย!!!

ขอบคุณมากครับ

หลังสุวรรณภูมิเปิดแล้วมีผลต่อกำไรของบริษัทอย่างไรบ้างครับ

thana1823 เขียน:หลังสุวรรณภูมิเปิดแล้วมีผลต่อกำไรของบริษัทอย่างไรบ้างครับ

ก็ต้องเพิ่มขึ้นอยู่แล้ว

แล้วหนี้ต้องเริ่มจ่ายหรือยังครับ
หลังจากสุวรรณภูมิเปิด

หลังจากผมฟัง Opp day BAFS นะครับ ผมก็สรุปได้ว่า

ถ้าดอนเมืองยังคงใช้เป็น Low cost airline หรือว่าใช้เป็นสนามบินสำหรับเที่ยวบินชม.บินน้อยๆ BAFS จะกำไรดีต่อเนื่องครับ

แต่ถ้าไม่.....ค่าเสื่อมกินจนกำไรไม่โตหรือทรุดครับ

มีเรื่องที่น่ากลัวอีกเรื่องครับ บุคลากรของ BAFS เขายังไม่รู้จักคำว่าการแข่งขันเลยนะครับ เพราะเขาทำธุรกิจแบบผูกขาดมาโดยตลอด แต่ที่สุวรรณภูมิเขามีคู่แข่งครับ

คู่แข่งต้องส่งน้ำมันผ่านท่อของ BAFS ส่งผ่านคลังของ BAFS

tg32401 เขียน:มีเรื่องที่น่ากลัวอีกเรื่องครับ บุคลากรของ BAFS เขายังไม่รู้จักคำว่าการแข่งขันเลยนะครับ เพราะเขาทำธุรกิจแบบผูกขาดมาโดยตลอด แต่ที่สุวรรณภูมิเขามีคู่แข่งครับ

โอ@ เขียน:คู่แข่งต้องส่งน้ำมันผ่านท่อของ BAFS ส่งผ่านคลังของ BAFS

:lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:

คู่แข่งของ BAFS ไม่ใช่คู่แข่งที่สุวรรณภูมิหรอกครับ  เจ้านั่นไม่มีทางต่อกรได้  เพราะ คลังก็ไม่มีเป็นของตัวเอง  ท่อก็ไม่มีเป็นของตัวเอง  เช่า BAFS ทั้งนั้น  ต้นทุนย่อมสูงกว่า  และปริมาณการขาย+ความเชื่อมโยงธุรกิจกับสายการบิน + ความเชื่อถือในคุณภาพของ BAFS ที่มีมานาน ทำให้ไม่น่าเป็นห่วงเรื่องคู่แข่งภายในประเทศ  
  คู่แข่งคือ เช็คหลับก๊อก  กับ ชางฮี  แต่สองแห่งนั่นก็คิดค่าบริการสูงกว่าสุวรรณภูมิ 10% กับ 15% ตามลำดับ  แม้ว่าเช็คหลับก๊อกในฮ่องกงมีแผนจะดั๊มราคาค่าบริการมาสู้กับสุวรรณภูมิก็ตามแต่ก็เชื่อว่าศักยภาพในทำเลที่ตั้ง ของไทย เหมาะกับการเป็นศูนย์กลางการบินมากกว่า
  สิ่งที่เป็นความเสี่ยงคือ กำหนดการเปิดสุวรรณภูมิ  การแข็งค่าของเงินบาท  ดอกเบี้ยที่พุ่งสูง  ( BAFS กู้เงินมาลงทุน มีหนี้ประมาณ 4 พันล้าน )แล้วก็ ความเสี่ยงจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน  เช่น หวัดนกเกิดระบาดจากคนสู่คน  หรือ โรค ซารส์  คืนชีพ
   อุตสาหกรรมการบินมีแนวโน้มเติบโต จากการที่สายการบินในเอเซีย ขยายกองบิน การเติบโตของโลว์คอสต์แอร์ไลน์  ซึ่งทำให้ปริมาณการเติมน้ำมันเติบโตได้อีกมาก  ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อ BAFS ในช่วงจากนี้ไปอีกอย่างน้อย 2 ปี

ขอบคุณครับ สำหรับความคิดเห็น

มีเพื่อนที่ถือ bafs อยู่เหมือนกันแฮะ

ธุรกิจนี้จะโตช้าถ้าอยากถือให้ซื้อถูกๆ หน่อยนะครับ  :D

มีเพื่อนที่ถือ bafs อยู่เหมือนกันแฮะ

ธุรกิจนี้จะโตช้าถ้าอยากถือให้ซื้อถูกๆ หน่อยนะครับ  

   จริงครับ BAFS เป็นธุรกิจโตช้า  ในภาวะที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแบบมีนัยสำคัญ  เช่นถ้าไม่มีสนามบินแห่งใหม่  อยู่กันแบบเดิมๆ ก็คงไม่มีไรตื่นเต้น เป็น Defesive Stock
   การเปิดสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นโอกาสในการเจริญเติบโตแบบยั่งยืน หรืออาจกล่าวว่า พื้นฐานเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เพราะ
  1 อัตราค่าบริการ เพิ่มจาก 2.58 เซนต์ ต่อ แกลลอน เป็น 5 เซนต์ ต่อแกลลอน
  2 ปริมาณการรองรับอากาศยานที่มากขึ้น ย่อมสร้างโอกาสให้ BAFS มากขึ้นตามไปด้วย  โดยสนามบินสุวรรณภูมิ มีหลุมจอดอากาศยาน 125 หลุมจอด มากกว่า ดอนเมือง 96 หลุม เทียบประมาณ 30 %  
 3 การที่ไทยพยายามสร้างสนามบินสุวรรณภูมิเป็น Hub ทางการบินในเอเซีย ซึ่งมีโอกาสความเป็นไปได้
 อนึ่ง การซื้อหุ้นได้ในราถูกเป็นสิ่งที่พึงปรารถนา อย่างไม่มีข้อโต้แย้ง