Thai VI

คุณวิวรรณ ธาราหิรัญโชติ ตอนนี้ย้ายมาอยู่ บลจ.กสิกรไทยแล้ว น่าไว้ใจใช้บริการดีหรือเปล่าครับ เห็นมีผลงานหนังสือและสื่อค่อนข้างมาก แต่เท่าที่ติดตามดู Performance ของ บลจ.วรรณมาก่อนดูจะสู้ กองอื่นไม่ได้ ไม่ทราบมีใครเคยใช้บริการบ้างช่วยแชร์ประสบการณ์บ้าง โดยส่วนตัวเท่าที่เคยติดตามอ่านชอบแนวคิดและปรัชญาการลงทุนของเธอ การย้ายมากสิกรจะทำให้ผลงานออกมาดีขึ้นหรือไม่ หรือกสิกรจะเน้นบริหารเป็นทีม ไมเกี่ยวกับ ผจก.กองทุนครับ ลอง discuss กันหน่อยซิครับ เพื่อนๆ  :o

ผมก็เป็นลูกค้า บลจ. กสิกรไทยนะครับ

จำได้ว่าซื้อกองทุนเปิดรวงข้าวหุ้นระยะยาว (RKLT)
ตอนปลายปี 2004 ที่ราคาประมาณ 10.1
SET Index ตอนนั้นอยู่ในช่วงประมาณ 660 - 670

ปัจจุบัน(17 เม.ย. 2006) NAV อยู่ที่ 12.3 แล้ว
(ผลตอบแทนมากกว่า 20% แล้ว)
เทียบกับ SET Index ปัจจุบันที่ ประมาณ 760
คิดเป็น % แล้วก็ชนะสบายๆ ครับ
แต่ผมยังไม่ได้เอาไปเปรียบเทียบกับที่อื่นนะครับ

ส่วนประวัติการศึกษา คุณวิวรรณ ก็
ปริญญาตรี จบอักษร จุฬา
ปริญญาโท MBA (ได้รับทุนจาก KBANK) ผมไม่แน่ใจว่าจบที่ไหน
(ข้อมูลจากงานสัมมนา จัดโดย ดร.ไพบูลย์ รู้สึกจะเป็นเทปออกรายการ Money Talk ด้วย)

ผมคิดว่า ผู้จัดการกองทุนน่าจะปรับตัวเข้ากับระบบของ บลจ. มากกว่า
(เคยได้ยิน Fund Manger ท่านหนึ่งบ่นว่าปวดหัวกับระบบ
เพราะว่าต้องปรับตัวเยอะ หลังจากย้ายไปอยู่ บลจ.ใหม่  :lol: )

บลจ. ที่ดีควรจะมีการสร้างระบบที่ดี
เพื่อลดการพึ่งพาความสามารถของ Fund Manager
เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอ โดยไม่ขึ้นกับ Fund Manager

อ้อ... บลจ.กสิกรไทยเนี่ยเขาได้รางวัลเยอะเหมือนกันนะครับ
Website : http://www.k-asset.co.th

ก็คงมีเนื้อหาที่จะแลกเปลี่ยนเพียงเท่านี้ครับ  :D

มีต่อๆ ครับ  

วันที่ 09/03/2006  
MD หญิงคนใหม่ค่าย บลจ.กสิกรไทย จัดทัพลุยธุรกิจจัดการกองทุนปี49  

สำหรับธุรกิจจัดการกองทุนรวมในปี 49 นี้ บลจ.กสิกรไทย ยังคงเห็นว่ากองทุนประเภทตราสารหนี้มีอนาคต สดใส และ ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ จะมีการออกขายกองทุนตราสารหนี้อย่างต่อเนื่อง ทุกเดือนเพื่อรองรับความต้องการของผู้ลงทุน โดยในระยะใกล้นี้ทางบริษัทเตรียมเปิดขายกองทุนตราสารหนี้ ในตระกูลธนรัฐและกสิกรคืนกำไร นอกจากนี้บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการจัดกิจกรรมงานสัมมนาให้ความรู้แก่ ผู้ลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ผู้ลงทุนได้ตัดสินใจเลือกลงทุนให้เหมาะกับรูปแบบการลงทุนของตน และ มีข้อมูลที่ สมบูรณ์ครบถ้วนประกอบการตัดสินใจลงทุน

ในส่วนของเป้าการขยายตัวทางธุรกิจนั้นบริษัทคาดว่ามูลค่าสินทรัพย์สุทธิของอุตสาหกรรมกองทุนรวม กองทุนส่วนบุคคล และ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพในปีนี้น่าจะขยายตัวได้ ประมาณร้อยละ 2015 ร้อยละ 11 6 และ ร้อยละ 7 ตามลำดับ ซึ่งเป็นอัตราที่ใกล้เคียงกับเป้าหมายของบริษัทในปี 2549 เช่นกัน

บลจ.กสิกรไทย เป็นหนึ่งในเครือบริษัทของบมจ.ธนาคารกสิกรไทย (KGroups) ที่ดำเนินธุรกิจจัดการกองทุน ครบทุกประเภท ทั้งกองทุนรวม กองทุนส่วนบุคคล และ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ โดยบริษัทฯ มีวิสัยทัศน์ที่มุ่งมั่น เป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนที่ดีที่สุด และ ให้บริการอย่างดีที่สุดแก่ลูกค้า ภายใต้จรรยาบรรณการดำเนิน ธุรกิจและเป็นไปตามกฎหมาย มีความซื่อสัตย์ มีประสิทธิภาพ ของการสร้างผลการดำเนินงานที่ดีภายใต้ความเสี่ยง ที่เหมาะสม มีนโยบายการดำเนินการจัดการลงทุนอย่างเป็นอิสระ ด้วยการกำหนดมาตรการป้องกันความขัดแย้ง ทางผลประโยชน์ ที่เน้นความโปร่งใสและตรวจสอบได้ เพื่อผลประโยชน์ของลูกค้าเป็นสำคัญ นางวิวรรณกล่าว

บลจ.กสิกรไทย เป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดเป็นอันดับ 1 หรือคิดเป็นสินทรัพย์ สุทธิภายใต้การจัดการทั้งสิ้น 219,936.37 ล้านบาท โดยธุรกิจกองทุนรวมของ บลจ.กสิกรไทย ครองส่วนแบ่ง ตลาดสูงสุดเป็นอันดับ 1 หรือมีขนาดทรัพย์สินสุทธิเท่ากับ 143,433.73 ล้านบาท ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล มี ส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 เช่นกัน โดยมีขนาดสินทรัพย์สุทธิเท่ากับ 41,605.61 ล้านบาท ธุรกิจกองทุน สำรองเลี้ยงชีพ มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ในอันดับที่ 4 มีสินทรัพย์สุทธิเท่ากับ 34,897.03 ล้านบาท (ที่มา สมาคมบริษัทจัดการลงทุน ข้อมูลกองทุนรวม ณ 24 กุมภาพันธ์ 2549 ข้อมูลกองทุนส่วนบุคคล และ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ณ 31 ธันวาคม 2548)
นางวิวรรณ ธาราหิรัญโชติ กรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า รู้สึกยินดี และ ภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้รับความไว้วางใจจากทีมผู้บริหารของธนาคารกสิกรไทย และ คณะกรรมการบลจ.กสิกรไทย ให้มารับ ตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย ดิฉันซึ่งพร้อมที่จะเข้ามาสานต่อการดำเนินธุรกิจจัดการกองทุนของ บลจ.กสิกรไทย ที่มีผู้บริหารที่มี วิสัยทัศน์ ความรู้ ความสามารถและได้จัดวางโครงสร้างระบบการทำงานของ บริษัทไว้อย่างดียิ่ง

ในปี 2549 นี้ บลจ.กสิกรไทย มีนโยบายและแผนการดำเนินงานการพัฒนาทั้งบริการต่างๆ และรูปแบบกองทุน ใหม่ๆ เพื่อเป็นทางเลือกการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งประเภทกองทุนรวม กองทุนส่วนบุคคล และ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ โดยในช่วง 2 เดือนแรกของปี 49 บริษัทฯ ได้เปิดขายกองทุนรวม ประเภทตราสารหนี้ ไปแล้วจำนวน 3 กองทุน มียอดขายรวมกว่า 13,650.09 ล้านบาท ได้แก่
1.กองทุนเปิดรวงข้าวธนรัฐ 3/50 เอ
2.กองทุนเปิดรวงข้าวธนรัฐ 3/50 บี
3.กองทุนเปิดดัชนีพันธบัตรไทยเอบีเอฟ (ABFTH)
และกองทุนที่อยู่ในระหว่างการเสนอขายคือ กองทุนเปิดกสิกรคืนกำไร 4/50 นางวิวรรณ กล่าว

Source : Kasikorn Asset