Thai VI

เมื่อวันศุกร์ได้ดูข่าวและอ่านข่าว เจอว่า
คนไทยช่วงสงกานต์ไปเที่ยวเมืองนอกกันมากขึ้น
เหตุผลคือ เบื่อเรื่องการเมือง เศรษฐกิจดี ค่าเงินเราแข็งค่าขึ้น
ซึ่งถ้ามองย้อนกลับไปปี 2537-2539 ดูดีๆๆมันคืออะไรล่ะ
มันคือpatternเดียวกันที่ทำให้เกิด ต้มยำกุ้งตอนปี 2540
แต่ตอนนี้ ไม่ค่อยวิตกมาก เพราะว่า ตอนนี้เรามีตลาดที่สะท้อนค่าเงินเราที่แท้จริงแล้ว

แต่ทว่า ในเมื่อค่าเงินเราแข็งค่าขึ้น ต้องดูค่าเงินประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นคู่แข่งเราด้วย คือ เวียดนาม จีน อินโดนีเซีย อินเดียว พวกนี้ด้วย เนื่องจากค่าแรงของเขาอย่างในเกณฑ์ต่ำ คุณภาพสินค้ายังกลางๆๆค่อนต่ำ มีส่วนแบ่งตลาดพอๆกับเรา ต้องดูด้วยว่า ค่าเงินของเขาเป็นไง

มองให้ลึก แสดงว่าอะไรหรือ
แสดงว่า ต้องมีประเทศใดประเทศหนึ่งเริ่มรู้ตัวว่า ฟองสบู่กำลังจะแตก ต้องหาทางแก้ไขแล้ว นั้นคือ เน้นส่งออก ตัดรายจ่าย กระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศ ลดความร้อนแรงของตัวที่เป็นฟองสบู่ไม่ให้แตก
ระวังไว้ด้วยล่ะกัน ถ้าจุดโน้นไม่แตก แต่ไปเร่งให้เกิดอีกที่ มันคือความน่ากลัวที่ซ่อนอยู่

มองในแง่ดี ตอนนี้เงินมันกำลังจะหมุนไปกำลังจะหมุนไป ให้คนต่างประเทศใช้กัน มันไม่เคยหยุดนิ่งจริงๆๆ

ผมคิดว่าประเทศไทยจะไม่เกิด crisis ในอนาคตอันใกล้อย่างแน่นอนครับ ยกเว้นจะเกิด crisis ในประเทศอื่นแล้วลามมาไทย

ในอดีตยังไม่เคยมี crisis ครั้งไหนในโลกที่ไม่ได้จุดฉนวนมาจากการดำเนินนโยบายการเงินผิดพลาดของธนาคารกลางแม้แต่ครั้งเดียว ต่อให้รัฐบาลมีหนี้มากขนาดไหน ประเทศขาดดุลการค้าขนาดไหน ถ้าธนาคารกลางไม่ได้พยายามไปฉุดไปรั้งมันไว้ด้วยการ fix ค่าเงินไว้ในระดับที่ไม่สอดคล้องกับพื้นฐานในระยะยาวของมันเป็นเวลาติดต่อกันนานๆ รับรองว่าไม่มี crisis ครับ สักพักเศรษฐกิจมันจะปรับตัวเพื่อแก้ปัญหาของมันเอง


ตอนนี้ ธปท.ก็ไม่ได้ทำอะไรแปลกๆ ดังนั้น crisis ไม่น่าจะมี แต่ recession เกิดได้แน่ครับ เป็นเรื่องธรรมชาติของเศรษฐกิจ

ที่ผมกังวัลเพราะว่า
ตอนนี้ค่าเงินเราแข็งค่า การใช้จ่ายโดยการไปเที่ยวเมืองนอกเพิ่มขึ้น
ทำให้เกิดผลตามมาคือขาดดุลบัญชีเดินสะพัดแน่นอน
ต้องดูว่าบัญชีอื่นจะขาดดุลตามหรือเปล่า


จุดนี้น่าจะถกกันต่อ
ในเมื่อมหภาคมันเริ่มฟ้องว่า เตรียมพร้อมเสบียงเราก็ต้องเตรียมพร้อมไว้ก็ดีด้วย

สุมาอี้ เขียน:
ดังนั้น crisis ไม่น่าจะมี แต่ recession เกิดได้แน่ครับ เป็นเรื่องธรรมชาติของเศรษฐกิจ

เห็นด้วยครับ ผมว่าหลายๆคนสับสนระหว่าง crisis กับ recession นะครับ

.... 2 อันนี้ไม่เหมือนกันครับ

อ้าว ผมนึกว่าพวกท่านทั้งหลายคิดว่ากำลังถดถอยกันอยู่

เห็นลงทุนกับพวก defensive stocks กันจนราคาพุ่งกันขนาดนี้

ถ้ายังมีคนกังวลเรื่องเศรษฐกิจ ผมว่ายังไม่เกิดฟองสบู่หรอกนะครับ

เอาไว้คนกังวลหมดไป .. มีแต่คนคาดหวังอนาคตอันสดใส

พวกเราค่อยเริ่มกังวลก็แล้วกัน

jaychou เขียน:ถ้ายังมีคนกังวลเรื่องเศรษฐกิจ ผมว่ายังไม่เกิดฟองสบู่หรอกนะครับ

เอาไว้คนกังวลหมดไป .. มีแต่คนคาดหวังอนาคตอันสดใส

พวกเราค่อยเริ่มกังวลก็แล้วกัน

คมมากครับ

jaychou เขียน:ถ้ายังมีคนกังวลเรื่องเศรษฐกิจ ผมว่ายังไม่เกิดฟองสบู่หรอกนะครับ

เอาไว้คนกังวลหมดไป .. มีแต่คนคาดหวังอนาคตอันสดใส

พวกเราค่อยเริ่มกังวลก็แล้วกัน

วิธีนี้ใช้ได้กับการวัดว่าตลาดหุ้นใกล้จะฟองสบู่หรือยัง

ส่วนเศรษฐกิจจะพังหรือจะฟองสบู่นั้น ตลาดหุ้นไม่จำเป็นต้องล้อเศรษฐกิจเสมอไป

Black Monday ปี 1987 เป็นตัวอย่างหนึ่ง เพราะเศรษฐกิจสหรัฐไม่ได้เป็นอะไรเลย แต่ตลาดหุ้นฟองสบู่แตกเอง

ถูกต้องของ พี่สุมาอี้
ตอนปี 1987 ปีนั้นฟองสบู่แตกที่ ตลาดหุ้น
พอดีแตกได้อาทิตย์เดียว
ทางด้านยุโรปลดอัตราดอกเบี้ย
ทำให้การปริมาณการซื้อขายกับเหมือนเดิมเลย
เป็นการรวมหัวระหว่างปู่อลันกับธนาคารการของประเทศในทวีปยุโรป
มิฉะนั้น จะลามไปที่ยุโรปต่อไปได้

by the way
ตอนนี้ มีตัวเร่งให้เกิดคือ ราคาน้ำมัน เป็นตัวเร่งหลัก
ตามด้วย ค่าเงินที่ด้านเอเชียแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว และค่าเงินยุโรปแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลล่าร์
ตัวนี้คือตัวเร่งให้เกิด เหมือนตอนปี 2518 ก็เป็นไปได้
และตอนสงครามอ่าว  2535
อันนี้ต้องดูกันต่อไป แต่มันเริ่มแล้วอ่ะ
ที่กังวลกันตอนนี้คือ อสังหาริมทรัพย์ที่US

จริงครับ เห็นด้วยว่า ตลาดหุ้นพัง ศก.ไม่จำเป็นต้องพัง เพราะเม็ดเงินที่ไหลไปไหลมาในตลาดหุ้นไม่ได้ส่งผลกับธุรกิจ เว้นแต่ธุรกิจที่เกี่ยวกับหุ้น

แต่ผมเชื่อว่า ศก.พัง ตลาดหุ้นพังด้วย เพราะผลประกอบการณ์ไม่ดี ตลาดย่อมปรับตัวลงเป็นธรรมดา

ที่ผมว่ามีคนกังวล ไม่น่าจะเกิดปัญหาศก. เพราะเชื่อว่าความกังวลเกิดจากกลไกตลาด ปัจจัยราคาของสินค้าและบริการ ทำให้บริโภคลดลง การลงทุนเพื่อรองรับการบริโภคลดลง และทำให้ไม่เกิดฟองสบู่ ...ในทางกลับกันหากคนไม่กังวลแล้ว การบริโภคมากขึ้นเรื่อยๆ การลงทุนมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นจะเป็นสัญญาณฟองสบู่ที่ชัดเจน

ติดใจเรื่องอสังหาริมทรัพย์ที่ US นี่แหละ รัฐไหน เมืองไหน ย่านไหนเหรอครับ หรือรวมๆทั้งประเทศ กังวลกันประเด็นไหนเหรอครับ

ความเห็นของคนไม่มีความรู้ครับ ถ้าผิดก็แนะนำด้วยละกัน

กล่าวโดยรวม
แต่ในเมื่อดอกเบี้ยในUSขึ้นตลอดน่าจะ
ฟองสบู่ตัวนี้ที่เขาว่ากันไว้ในรายงานหลายตัว
น่าจะทุเลาได้
พร้อมกับปัญหาเรื่องขาดดุลด้วยอ่ะ
เพราะค่าเงินอ่อนค่าลงเป็นลำดับ

มองในมุมกลับ บ้านเราแข็งค่าขึ้น
งานนี้จะโดนเรื่องการส่งออก และท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวทางด้านUS

วิกฤตคือโอกาส 555

แล้วโอกาสคือวิกฤต หรือเปล่า  8)

งั้นมาสมมุติเล่นๆดีกว่า


กรณีแรก. ฟองสบู่อสังหาอเมริกาแตก + น้ำมัน $90 คิดว่าเมืองไทยจะเป็นยังไงครับ ??

กรณีที่สอง อเมริกาชะลอตัว .. ค่าเงิน US อ่อนยวบ .. 33 บาท แลกได้ 1 USD คิดว่าเมืองไทยจะเป็นยังไงครับ ??

อเมริกานี่ จะว่าไป เป็นประเทศที่แปลกทีเดียว

มีกูรูออกมาฟันธงกันเป็นทิวแถวว่า
ฟองสบู่จะแตกกันเป็นสิบๆ ปีมาแล้ว
ยังไม่ยอมแตกซะที

สงสัยใช้สบู่ลักซ์ของมาช่า 55555

เออ คุณคัดท้าย

แล้วกรณีที่สาม ฟองสบู่อสังหาเมกาแตก น้ำมันไป $90 บาทไป 33/usd
จะเป็นไงละเนี่ย

CK เขียน:อเมริกานี่ จะว่าไป เป็นประเทศที่แปลกทีเดียว

มีกูรูออกมาฟันธงกันเป็นทิวแถวว่า
ฟองสบู่จะแตกกันเป็นสิบๆ ปีมาแล้ว
ยังไม่ยอมแตกซะที

สงสัยใช้สบู่ลักซ์ของมาช่า 55555

เออ คุณคัดท้าย

แล้วกรณีที่สาม ฟองสบู่อสังหาเมกาแตก น้ำมันไป $90 บาทไป 33/usd
จะเป็นไงละเนี่ย

นั่นดิครับ ผมว่าอเมริกานี่ไม่แตกซะที แต่ผมว่าอย่างน้อยคงต้องมีถดถอยแหละครับ

กรณีที่สองของผม นี่ผมขอเปลี่ยนเป็น อเมริกาชะลอ น้ำมันไป $90 บาทไป 33Baht/1usd ดีกว่าครับ อิอิ

1987 อันนี้ต้องยกนิ้วให้ปู่อลันเขา ในเรื่องการจัดการ อาทิตย์อยู่หมัดเลยอ่ะ
แต่ว่า ทำให้เกิดพวกhuge fund ในตอนนี้หรือเปล่าเดี๋ยวต้องcheckข้อมูลก่อน
1999-2000 อันนี้ เกิดวิกฤติ ฟองสบู่ทางด้าน เทคโนโลยี่แตก แต่โชคดีอีกว่า ฟื้นตัวเร็ว
เพราะว่า เป็นเพียงแค่อุตสาหกรรมเดียว แล้วมันปรับตัวได้เร็ว หาสิ่งอื่นมาดทดแทนได้
911 (จำปีไม่ได้แล้ว) อันนี้ สายการบินเดี้ยงไปทั่วโลก รีบจำการในด้านการฟื้นฟู เขาพิทักษ์ทรัพย์ ทำการฟื้นฟูสายการบินที่มีปัญหา พอดีบุชเข้าดำรงตำแหน่ง อัดฉีดงบประมาณขาดดุล กดอัตราดอกเบี้ย เร่งให้เกิดรายจ่ายมากขึ้น
ปัจจุบัน ดอกเบี้ยเริ่มขึ้น ดังที่บอกไปแล้ว และราคาน้ำมัน แต่ที่ยังมีสิ่งที่ดีอยู่คือ เยอรมันกับญี่ปุ่นกลับมาจากการหลับใหลอันยาวนาน (ญี่ปุ่นหลับไป ยัี่สิบปีจากเงินฝืด เยอรมันนีไม่มีข้อมูล ใครมีมาshareกันหน่อย)

เอ...นี่เค้ากำลังกังวลกันอยู่

ท่านคัทท้ายกับท่านซีเคมาสมมุติอะไรกันเล่นๆเนี่ย

แต่เรื่องเงินบาทที่แข็งค่าในช่วงอาทิตย์ก่อนต่อเนื่องจนถึงอาทิตย์มาจาก ข่าวเงินหยวนที่อาจจะลอยตัวมาขึ้นเพราะถูกกดดัน กับเรื่องท่านนายกขอเว้นวรรคนะครับ

กลับมาอ่านกระทู้นี้แล้วขนลุก

ว่าตอนนั้นสงสัยเข้าไปได้อย่างไงว่า
ปัญหามันอยู่ที่อสังหาริมทรัพย์ที่US

ให้มันได้อย่างนี้ซิ

miracle เขียน:
ว่าตอนนั้นสงสัยเข้าไปได้อย่างไงว่า
ปัญหามันอยู่ที่อสังหาริมทรัพย์ที่US

ต้องการจะสื่อว่าอะไรเหรอครับ

hongvalue เขียน:
ต้องการจะสื่อว่าอะไรเหรอครับ

แค่มองกลับไปในปี 2006 คุยอะไรกันไว้ครับ
แค่นั้น

miracle เขียน: แค่มองกลับไปในปี 2006 คุยอะไรกันไว้ครับ
แค่นั้น

อ้อเหรอครับ ตอนแรกผมอ่านไม่ได้คิดยังงั้นครับ

ตอนนี้เพิ่งเข้าใจครับ

อ่านแล้วต้องยกนิ้วให้

พี่สุมาอี้ พี่คัดท้าย พี่ jaychou พี่ ck ครับ

4 ท่านนี้เยี่ยมจริงๆ

hongvalue เขียน:อ่านแล้วต้องยกนิ้วให้

พี่สุมาอี้ พี่คัดท้าย พี่ jaychou พี่ ck ครับ

4 ท่านนี้เยี่ยมจริงๆ

อิอิผมว่าอ่านแล้วผมก็คิดเหมือนคุณฮงนะคือ


4 ท่านนี้เยี่ยมจริงๆ

โอว...กระทู้นี้ล้ำลึกจิงๆคับ...มานั่งสงสัยว่า ตอนนั้น(ปี06)ผมมัวแต่เอาเวลาไปทำไรอยู่ ถ้าเข้ามาเกาะติดความรู้จากพี่ๆในthaivi  ตอนนี้ก้อคงไม่ต้องมานั่
งเศร้าแล้วอ่ะ...

[quote="somwatee"]โอว...กระทู้นี้ล้ำลึกจิงๆคับ...มานั่งสงสัยว่า ตอนนั้น(ปี06)ผมมัวแต่เอาเวลาไปทำไรอยู่ ถ้าเข้ามาเกาะติดความรู้จากพี่ๆในthaivi

ฟองสบู่.. ถ้าฟองตรงไหน นานๆแตกที ฟองก็จะใหญ่ เวลาแตกก็จะดังหน่อย ถ้าฟองตรงไหน ยังไม่ทันจะโต ก็แตกแล้ว ฟองก็ไม่ใหญ่ แตกก็ไม่ดัง

ผมเคยฟังผู้รู้ท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่า "วิกฤตมา ปัญญามี" ครับ ผมได้ฟังครั้งแรกรู้สึกต้องทางเพิ่มพูนปัญญาให้ตัวเองซะหน่อยแล้วครับ