Thai VI

เอาล่ะได้อ่านแล้วเจอเลยมาเล่าสู่กันฟังว่าQ1/2549เกิดอะไรขึ้นบ้าง
ดูจำนวนยอดเงินที่เก็บได้
กรมสรรพากร 195 167ล้านบาท เป้าหมาย 176 765 ล้านบาท ปีก่อน 169 879ล้านบาท
กรมสรรพาสามิต 62 945 ล้านบาท เป้าหมาย 73 748 ล้านบาท ปีก่อน 71 748 ล้านบาท
กรมศุลกากร 26 602ล้านบาท เป้าหมาย 30 500 ล้านบาท ปีก่อน 29 407 ล้านบาท
รวมทั้งสามหน่วยงานหลัก 284 714ล้านบาท เป้าหมาย 281 013 ล้านบาท ปีก่อน 270 834นบาท
หน่วนงานอื่น 21 222 ล้านบาท เป้าหมาย 19 629 ล้านบาท ปีก่อน 24 891ล้านบาท
รวมทั้งหมด  305 936  ล้านบาท เป้าหมาย 300 642ล้านบาท ปีก่อน  295 725 ล้านบาท

ของแยกย่อยเฉพาะที่สำคัญ
ภาษีน้ำมัน 14 824   ล้านบาท เป้าหมาย 18 638ล้านบาท ปีก่อน20 108   ล้านบาท
ภาษียาสุบ   7 880ล้านบาท เป้าหมาย 10 034ล้านบาท ปีก่อน  10 543 ล้านบาท
ภาษีสุรา  7 170 ล้านบาท เป้าหมาย 7 817ล้านบาท ปีก่อน 7 776  ล้านบาท
ภาษีเบียร์  8 780 ล้านบาท เป้าหมาย 10 317ล้านบาท ปีก่อน  10 543 ล้านบาท
ภาษีรถยนต์  16 370 ล้านบาท เป้าหมาย 18 477ล้านบาท ปีก่อน  15 308 ล้านบาท
ภาษีเครื่องดื่ม  2 548 ล้านบาท เป้าหมาย 2 831 ล้านบาท ปีก่อน  2 714 ล้านบาท
ภาษีเครื่องไฟฟ้า   775ล้านบาท เป้าหมาย834 ล้านบาท ปีก่อน  1 045 ล้านบาท
ภาษีรถจักรยานยนต์ 526  ล้านบาท เป้าหมาย 461ล้านบาท ปีก่อน  438 ล้านบาท
ภาษีแบตเตอร์รี่ 219  ล้านบาท เป้าหมาย205 ล้านบาท ปีก่อน  184 ล้านบาท
ภาษีโทรคมนาคม 3 447  ล้านบาท เป้าหมาย  3 696ล้านบาท ปีก่อน  3 386 ล้านบาท
ภาษีอื่น 288  ล้านบาท เป้าหมาย284 ล้านบาท ปีก่อน  274 ล้านบาท
รายได้อื่น 118  ล้านบาท เป้าหมาย154 ล้านบาท ปีก่อน  112 ล้านบาท

อากรขาเข้า 25 776  ล้านบาท เป้าหมาย30 500 ล้านบาท ปีก่อน  28 629 ล้านบาท

เห็นอะไรบ้างไหมล่ะท่านทั้งลาย

แหล่งที่มา สรรพากรสาส์น หน้า 76 ไปหาอ่านเอาไว้อ่ะ
ของเล่มที่เพิ่งวางจำหน่าย (บนแผงหนังสือไม่ต้องไปหาไม่มีหรอก ต้องไปหาอ่านแถวห้องสมุดอ่ะ)

อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ที่จุฬาที่ผมเคยคุยด้วยให้ความคิดเห็นไว้ครับว่า

สมัยก่อนราชการไทยตั้งเป้าหมายต่ำมากเพื่อที่จะไม่ต้องดิ้นรนไปถึงเป้าหมายนั้น
แต่ราชการยุคนี้ได้รับการปฏิรูปซึ่งทำให้การตั้งเป้าเป็นจริงมากขึ้น
ท่านบอกว่านี่เป็นเหตุที่รัฐบาลมีงบประมาณเหลือตอนปลายงบประมาณบ่อยมาก

ผมมองตรงข้ามกับคุณโอ
ในเมื่อรัฐบอกเองว่า จะทำงบประมาณให้สมดุล
แต่วันนี้บอกว่าเงินไม่มีใช้แล้ว
เลยเอาข้อมูลของQ1/2549มาให้ดู
ว่ารายได้นั้นมากกว่าเป้าน่า
แล้วทำไมถึงได้ออกมาบอกว่าไม่มีเงิน

แสดงว่ามีการกระตุ้นการใช้จ่ายเงินงบประมาณมากเกินไปหรือเปล่า ไม่พอกับรายได้ที่ได้มา
ซึ่งถ้าเป็นเถ้าแก่เนี้ย สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ปิดรูร่วงที่ไหลออกไม่ใช่หรือไงล่ะครับ

ถ้าเปรียบประเทศเป็นบริษัท แสดงว่าCEOให้ข่าวแบบที่ไม่มีข้อมูลความจริงให้แก่ผู้ถือหุ้น แสดงว่าให้เห็นถึงอะไรล่ะ  ทุบหุ้นตัวเองหรือเปล่าครับ
แบบนี้คือการinsiderข้อมูลก่อนหรือเปล่า

การกระตุ้นที่ดีคือต้องกระตุ้นแล้วตรวจสอบด้วย
เล่นกระตุ้นแล้วไม่ตรวจสอบ หรือตรวจสอบที่หลังมันก็เป็นแบบนี้ล่ะ

ส่วนด้านรายจ่ายไม่เห็นหน่วยงานไหนมันเผยแพร่ให้สาธารณชนเลย สงสัยว่า เงินสดที่ว่า มันหายไปไหนหรือเปล่าล่ะ

เนี่ยล่ะการตรวจสอบคือ ตรวจสอบว่ามันไปไหน กระทรวงไหนกรมไหนใช้เพราะอะไร ต้องตรวจสอบ
ไม่ใช่ว่า ใช้กันแบบมันคือของกู ไม่คิดว่ามันคือของประเทศบ้างหรือไงล่ะ

ปีที่แล้ว
295 725 ล้านบาท
ปีนี้
305 936  ล้านบาท

การเติบโตของรายได้ => (305936 - 295725)/295725 = 3.45%

เป้าที่ตั้งไว้
300 642 ล้านบาท สามารถทำได้เกินเป้า
(300642 - 295725)/295725 = 1.67% <= น่าจะเป็นการตั้งเป้าแบบที่ยังไงก็บอกว่าผ่านตามเป้าหมาย คือ ไม่ได้คิดถึงการเติบโตทางเศรษกิจ ด้วยเลย

รายได้นี้น่าจะพอกับค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายเช่น เงินเดือนข้าราชการ โครงการที่อนุมัติแล้ว และเป็นรายจ่ายผูกพัน อื่น ๆๆ

แต่ ไม่น่าพอสำหรับการลงทุนโครงการใหญ่ ๆ หรือ ไม่มีเงินพอสำหรับการลงทุน ถ้าจะลงทุนต้องกู้ไปลงทุน

เอ๋มีคนเห็นเหมือนกันเลยอ่ะ
คราวนี้รายจ่ายจะไปดูที่ไหนได้บ้างอ่ะ

เพราะว่า รมว เล่นออกมาบอกว่า มีบ้างกระทรวงหรือบ้างกรม เบิกเงินไปฝากไว้กับธนาคารกินดอกเบี้ย
แล้วทำไมพัฒนาระบบการจัดการเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณแผ่นดินด้วยระบบคอมพิวเตอร์เผื่อจับผิดหรือ
ถ้าตรวจสอบ ต้องตรวจสอบตั้งแต่เริ่มแล้ว ว่ามีอะไรเกิดขึ้นว่าทำไมเบิกไปแบบนั้น (ต้องหาหลักฐานในจุดนี้ต่อไป)

แต่หลักฐานในส่วนของรายได้เริ่มมีแล้ว
และอีกตัวที่สามารถตรวจสอบได้ว่า รายงานตัวนี้ตรงหรือเปล่า ธปท คนที่กุมเรื่องการเงิน
และคนที่ดูได้อีกคนคือ สตง อันนี้แนวนอนในเรื่องการเบิกจ่ายเงิน

คนสุดท้ายที่พิจารณาคือประชาชน