Thai VI

เห็นกลุ่มหลายบริษัท ให้ความสนใจ
การขยายไม่ว่าจะสร้างใหม่ ลงทุนเพิ่ม  เพื่อขยาย
ห้องพัก  จำนวนมาก   มานั่งคิด

สำหรับกลุ่มลูกค้าคนไทยหรือเปล่าคับ

เพราะคนไทย  ดูเหมือนจะเป็นกลุ่มลูกค้าที่พัก
ผ่อนไม่เป็นกัน  เน้นความประหยัด
การพัก บ้านพัก หรือซื้อคอนโด ตามแหล่ง
ท่องเที่ยว  ปีหนึ่งไปแค่1-2ครั้งต่อปี

ซึ่งต่างจาก  ลูกค้าต่างประเทศ
ที่เน้นการท่องเที่ยวมากกว่า ยิ่งอายุ50ปีส่วนใหญ่
มักมีเป้าหมายในการท่องเที่ยวมากกว่า


แต่ในขณะเดียวกันธุระกิจนี้เป็นธุระกิจ
นี้มีความเสี่ยงที่ต้องลงทุนไปก่อน
เก็บเกี่ยวทีหลัง  หัวใจคือ พนักงาน
เพราะ อาคาร เป็นสิ่งเคลื่อนย้ายไม่ได้
แต่พนักงาน เคลื่อนย้ายได้

1.ปัญหาความพร้อมบุคคลกรสายการเรียนนี้
ผลตอบแทน จูงใจแค่ไหน
2.ลงทุนก่อน เก็บเกี่ยวทีหลัง  ถ้าเกิดเก็บเกี่ยว
ไม่ได้ ใครรับเละ


ใครอยู่วงการนี้คิดว่าดีหรือไม่คับที่มีการตัว
ของกลุ่มนี้ในไทยเรามากขึ้น

ไม่ดีแน่นอนครับ

การคิดแต่จะเพิ่ม room-nights โดยไม่มอง spending per head
เป็นการฆ่าตัวตายในระยะยาว

หรือเขาเอาไว้ให้กลุ่ม long stay ราคาถูกหน่อย แต่อยู่กันนาน เป็นเดือนๆ

long stay ไม่ค่อยพักโรงแรมครับ

นิยม service apartments หรือ villa rental มากกว่า

จำได้ว่าเศรษฐกิจบูมงวดที่แล้วโรงแรมเกิดขึ้นเยอะมาก แม้แต่จังหวัดเล็กๆที่คาดว่าจะเป็นเมืองท่องเที่ยวแห่งใหม่  สุดท้ายก็ลดราคาห้องพักก่อนเศรษฐกิจพังเสียอีก  อาจเป็นเพราะช่วงนี้บรรยากาศเหมาะแก่การระดมทุน

อีกอย่างผมฟังจากวิทยุเมื่อสองวันก่อน  คุณอะไรนะนามสกุลสายเชื้อบอกพวกฝรั่งกลัวการขยายตัวเป็นมหาอำนาจใหม่ของจีนต้องการเพิ่มจุดปิดล้อมมองไม่เห็นใครเลยแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เลยมาลงที่ไทยอะไรๆก็เลยตามมา

ผมว่าธุรกิจโรงแรมทำกำไรได้ต่ำนะครับ  ผมเองเคยมองหาที่ทางจะทำรีสอร์ทกับเค้าบ้างแถวปราณบุรี แต่บวกลบคูณหาร ไม่ว่าค่าที่ดิน (ต้องเป็นที่ที่สวยด้วย) ค่าก่อสร้าง ตบแต่ง  การตลาด ทุกอย่างเป็นตัวเลขสูงมาก  หากทำขึ้นมาแล้วมีลูกค้าพักต่อเนื่องตลอดปี คำนวณกว่าจะคุ้มทุนก็ยังนานอยู่ดี  
แถมการที่จะให้มีอัตราการเข้าพักสูงตลอดปีก็เป็นไปได้ยาก เพราะการท่องเทียวจะเป็น seasonal  (และยัง sensitive กับเหตุการณ์บ้านเมืองอีก )

เคยถามเพื่อนที่เป็นเจ้าของโรงแรมเล็กๆที่เชียงใหม่ เค้าบอกว่าถ้าไม่มีที่ของตัวเองนะ ยากที่จะกำไรในระยะ 5ปี แถมเวลาไม่มีแขกเข้าพัก  พนักงานประจำก็ยังต้องจ่ายเงินเดือน ต้องดูแลค่าน้ำค่าไฟซักผ้า ฯลฯ

ดังนั้นหากมีที่ดินที่สวย การตลาดที่ดี ควรจะทำโรงแรมแบบห้าดาว แล้วเรียกกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่มีกำลังซื้อสูงมาพัก  แต่ก็อีกนั่นแหละ ของพวกนี้ก็ขึ้นอยู่กับความน่าเชื่อถือ ชื่อเสียง และระยะเวลานานในการสั่งสมครับ ถึงได้เห็นโรงแรมเดี๋ยวนี้เป็นแบรนด์ต่างชาติเลย

hot เขียน:เห็นกลุ่มหลายบริษัท ให้ความสนใจ
การขยายไม่ว่าจะสร้างใหม่ ลงทุนเพิ่ม  เพื่อขยาย
ห้องพัก  จำนวนมาก  

โดยภาพรวมแล้วไม่ค่อยดีเท่าไหร่ครับ แต่ถ้าเจาะเฉพาะในกลุ่ม 5 ดาว สำหรับางเครือบางกลุ่ม ไม่น่าจะมีปัญหา ปล่อยให้เค้าทำไปเถอะครับ เพราะกลุ่มนี้แข่งกันที่ Service กลุ่มไหนที่แน่นเรื่องนี้ ก็จะเบียดเอาลูกค้าจากพวก stand alone หรือบางกลุ่มบางโรงแรมที่ Know how ด้าน Service ด้อยกว่าครับ
แต่ถ้ากลุ่มที่อยู่ในระดับดาวน้อยกว่านี้มากเท่าไหร่ ก็ชักจะแย่ขึ้นเรื่อยๆครับ

hot เขียน:
1.ปัญหาความพร้อมบุคคลกรสายการเรียนนี้
ผลตอบแทน จูงใจแค่ไหน
2.ลงทุนก่อน เก็บเกี่ยวทีหลัง  ถ้าเกิดเก็บเกี่ยว
ไม่ได้ ใครรับเละ

1. บุคคลากรระดับ Operation ก็ยังพอผลิตได้ทันครับ แต่เรื่องภาษายังอ่อนจริงๆ และเชื่อว่าคนกลุ่มนี้ทุกคนอยากจะไปทำงานที่โรงแรม 5 ดาวทั้งนั้นครับ เพราะค่าตอบแทนดีกว่ามาก ก็ค่อยๆพัฒนาฝีมือกันไป (คนที่รับทรัพย์จากการฝึกปรือฝีมือของบุคลากรเหล่านี้ก็โรงแรม 5 ดาวนี่แหละครับ) แต่ก็น่าจะส่งเสริมให้มีการเรียนระหว่างทำงานให้มากขึ้นกว่านี้ครับ เช่น เรียนภาษาอังกฤษ หรือพวกการตลาด การเงิน การจัดการ ในธุรกิจโรงแรมครับ โดยสมาคมโรงแรมกับมหาวิทยาลัยต่างๆ น่าจะช่วยกันสร้างหลักสูตรพวกนี้ครับ

2. เจ้าของครับ (ฮา) เพราะถึงแม้โรงแรมจะเป็นโรงแรมที่จ้างเชนใหญ่ๆมาบริหาร เชนเค้าได้ส่วนแบ่งแน่ๆจาก Gross Revenue ครับ และถ้าโรงแรมพอมีกำไรก็ค่อยเอาอีกส่วนครับ

สัดส่วน การถือหุ้นของเจ้าของโรงแรมแต่ละกลุ่ม
ผมว่าถือไว้หลวมมาก  ถึงไม่หลวมตอนนี้ไม่ช้าก็หลวม
มีสิทธิ์จะเสียการบริหารได้ง่าย

ตัวอย่าง
หุ้นอยู่มือ  กลุ่มครอบครัว  ซึ่งคงไม่ได้ถือในบุคคลคน
เดียวคงถือในหลายคนในครอบครัว  อนาคต หุ้นพวกนี้
ก็จะถูกขายออกมาในตลาด  เพราะเห็นได้ราคาดี

ถ้ามีมือดี มา รวมหุ้นไป  กิจการที่ว่าใช้เวลา
มานาน กำลังเก็บเกี่ยว  จะถูก
คนอื่นเอาไปกินเอง
โดยไม่ต้องคอยเอาเลยนะผมว่า

กิจการแบบนี้ บริหารไม่ดี เหมือนทำ
ให้คนอื่นอยู่นะ

เรื่องบริหาร ส่วนใหญ่จ้างบริหารนี่ครับ
อย่าง Erawan ก็ไม่ได้บริหารโรงแรมเอง