Thai VI

การยกเลิกพรฏ.แปรรูปกฟผ. จะส่งผลให้รัฐวิสาหกิจที่เคยแปรรูปไปแล้วหมดสภาพไปด้วยหรือเปล่าครับ

PTT, PTTEP, MCOT, AOT, etc.

อ่านข่าวสั้นๆ แล้วยังงงอยู่ แต่ดูเหมือนว่าประธานหรือกรรมการมีส่วนได้ส่วนเสียกับการแปรรูป ทำให้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ในเบื้องต้นผมคิดว่าไม่น่าจะตีความย้อนหลังไปถึงตัวอื่นๆที่แปรรูปไปแล้วนะครับ
แต่ก็อาจจะไม่ใช่ก็ได้เพราะรายละเอียดของข่าวยังน้อยมาก

โอแม่เจ้า ถ้ามีผลไปถึงตัวอื่นนี่ เละ

:lol:

ศาลปกครองสูงสุด ได้พิเคราะห์ข้อกฎหมาย พยานเอกสาร หลักฐานในสำนวนทั้งหมดแล้วเห็นว่า ก่อนการตราพระราชกฤษฎีกาทั้งสองฉบับผุ้ถูกฟ้อง ไม่ได้ดำเนินการ ในขั้นตอนที่เป็นสาระสำคัญ ตามกฎหมาย ให้ถูกต้องครบถ้วน ประกอบด้วย ขั้นตอน การแต่งตั้ง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการ จัดเตรียมการตั้งบริษัท ซึ่งปรากฎข้อเท็จจริงว่า นายโอฬาร ไชยประวัติ  ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการดังกล่าวคุณสมบัติไม่ครบถ้วน ตามที่กฎหมายบัญญัติ โดยมีลักษณะต้องห้ามคือ นายโอาฬาร ยังคงมีตำแหน่ง เป็นกรรมการ ในธุรกิจเอกชน  ซึ่ง จะมีส่วนได้ส่วนเสียต่อการเปลี่ยนแปลงสถานภาพกฟผ.ไปเป็น บมจ.กฟผ. ซึ่งนายโอฬาร ดำรงตำแหน่งเป็นนายกสภา มหาวิทยาลัยชินวัตร เป็นรองกรรมการ บริษัทชินคอปอเรชั่นจำกัด (มหาชน) และ เป็นประธานกรรมการ บริษัทปตท. จำกัด (มหาชน )  


นอกจากนี้ ยังปรากฎด้วยว่าในขั้นตอน การรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ที่กฎหมาย บัญญัติไว้ต้องทำ ก็ได้มีการแต่งตั้งนายปริญญา นุวาลัย ผู้ช่วย รัฐมนตรีทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมเป็นประธานคณะกรรมการจัดดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ซึ่ง ตำแหน่ง ผู้ช่วยรัฐมนตรีดังกล่าวถือเป็นการดำรงตำแหน่งทางการเมือง อันเป็นลักษณะต้องห้าม ตามกฎหมาย ที่จะดำเนินการเช่นกัน ซึ่งจะส่งผลต่อความเป็นกลาง  ในการดำเนินการตามกฎหมาย ดังกล่าว นอกจากนี้ ยังปรากฎข้อเท็จจริงด้วยว่าระหว่างการดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนแม้ว่าผู้ถูกฟ้อง จะให้มีการทำประชาพิจารณ์ ถึง 5 ครั้งในวันที่ 16 ม.ค. 47,21 ม.ค.47,28 ม.ค.47,25 ม.ค.48 และ 5 ก.พ.48 แล้ว แต่ ขั้นตอนการเผยแพร่ข้อมูล ของผู้ถูกฟ้อง เพื่อให้ ประชาชน เข้ามาลงทะเบียนแสดงความคิดเห็นนั้น ไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดคือ ไม่มีการเผยแพร่ ข้อมูล ผ่านทางหนังสือพิมพ์รายวัน ที่เป็นที่นิยม ติดต่อกัน เป็นเวลา 3 วัน และไม่มีการเผยแพร่ผ่านทางสถานีวิทยุ และโทรทัศน์อย่างแพร่หลาย  โดยการรับฟังความคิดเห็นดังกล่าวของผู้ถูกฟ้องก็ได้ปรากฎจำนวนประชาชนมาร่วม แสดงความคิดเห็น ในส่วนของลูกจ้างและพนักงานรัฐวิสาหกิจเพียง 1057 คน จากจำนวนทั้งสิ้น 27,305 คน  ซึ่ง ผุ้ที่มาร่วมแสดงความคิดเห็น จึงคิดได้เพียงร้อยละ ร้อยละ 3.87 เท่านั้น


โดยเมื่อขั้นตอน ก่อนการตราพระราชกฤษฎีกาทั้งสองฉบับ ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญ ไม่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ย่อมส่งผลทำให้ พระราชกฤษฎีกาทั้งสองฉบับมี่สภาพที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วยศาลจึงพิพากษาเพิกถอนกฎหมายทั้งสองฉบับดังกล่าว

ไม่น่าจะเกี่ยวกับตัวอื่นนะครับ

ผลของการทำงานอย่างไม่โปร่งใส

ศาลปกครองสั่งเพิกถอนพรฎ.แปรรูปกฟผ.

23 มีนาคม 2549 15:59 น.
ศาลปกครองสูงสุดสั่งเพิกถอนแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ระบุไม่ชอบด้วยกฎหมาย สั่งยกเลิกพระราชกฤษฎีกาแปรรูป 2 ฉบับ

ศาลปกครอง/ 23 มี.ค.---เมื่อเวลา  14.00 น.  ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษาสั่งเพิกถอน พระราชกฤษฎีกากำหนดอำนาจ สิทธิการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ กิจการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พศ.  2548  และ พระราชกฤษฎีกา กำหนดเงื่อนไข เวลา การแปรรูปรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าแห่งประเทศไทย พศ. 2548  ตามที่ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กับองค์กรพัฒนาเอกชน และประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้า ร่วมกัน ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการ นายกฯรัฐมนตรี นายวิเศษ จูภิบาล รักษาการ รมว.พลังงาน  กับพวกรวม 5 คน ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ ในการ รับผิดชอบดำเนินการ เปลี่ยนสถานะ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยให้เป็นบริษัทการไฟฟ้า ฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จำกัด (มหาชน) ว่า ใช้อำนาจและดุลยพินิจในการตราพระราชกฤษฎีกาทั้ง 2 ฉบับไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจาก ได้มีการเปิดให้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างถูกต้องครบถ้วน การที่พรบ.ทุนรัฐวิสาหกิจ 2542 บัญญัติไว้


โดยศาลปกครองสูงสุด ได้พิเคราะห์ข้อกฎหมาย พยานเอกสาร หลักฐานในสำนวนทั้งหมดแล้วเห็นว่า ก่อนการตราพระราชกฤษฎีกาทั้งสองฉบับผุ้ถูกฟ้อง ไม่ได้ดำเนินการ ในขั้นตอนที่เป็นสาระสำคัญ ตามกฎหมาย ให้ถูกต้องครบถ้วน ประกอบด้วย ขั้นตอน การแต่งตั้ง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการ จัดเตรียมการตั้งบริษัท ซึ่งปรากฎข้อเท็จจริงว่า นายโอฬาร ไชยประวัติ  ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการดังกล่าวคุณสมบัติไม่ครบถ้วน ตามที่กฎหมายบัญญัติ โดยมีลักษณะต้องห้ามคือ นายโอาฬาร ยังคงมีตำแหน่ง เป็นกรรมการ ในธุรกิจเอกชน  ซึ่ง จะมีส่วนได้ส่วนเสียต่อการเปลี่ยนแปลงสถานภาพกฟผ.ไปเป็น บมจ.กฟผ. ซึ่งนายโอฬาร ดำรงตำแหน่งเป็นนายกสภา มหาวิทยาลัยชินวัตร เป็นรองกรรมการ บริษัทชินคอปอเรชั่นจำกัด (มหาชน) และ เป็นประธานกรรมการ บริษัทปตท. จำกัด (มหาชน )  


นอกจากนี้ ยังปรากฎด้วยว่าในขั้นตอน การรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ที่กฎหมาย บัญญัติไว้ต้องทำ ก็ได้มีการแต่งตั้งนายปริญญา นุวาลัย ผู้ช่วย รัฐมนตรีทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมเป็นประธานคณะกรรมการจัดดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ซึ่ง ตำแหน่ง ผู้ช่วยรัฐมนตรีดังกล่าวถือเป็นการดำรงตำแหน่งทางการเมือง อันเป็นลักษณะต้องห้าม ตามกฎหมาย ที่จะดำเนินการเช่นกัน ซึ่งจะส่งผลต่อความเป็นกลาง  ในการดำเนินการตามกฎหมาย ดังกล่าว นอกจากนี้ ยังปรากฎข้อเท็จจริงด้วยว่าระหว่างการดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนแม้ว่าผู้ถูกฟ้อง จะให้มีการทำประชาพิจารณ์ ถึง 5 ครั้งในวันที่ 16 ม.ค. 47,21 ม.ค.47,28 ม.ค.47,25 ม.ค.48 และ 5 ก.พ.48 แล้ว แต่ ขั้นตอนการเผยแพร่ข้อมูล ของผู้ถูกฟ้อง เพื่อให้ ประชาชน เข้ามาลงทะเบียนแสดงความคิดเห็นนั้น ไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดคือ ไม่มีการเผยแพร่ ข้อมูล ผ่านทางหนังสือพิมพ์รายวัน ที่เป็นที่นิยม ติดต่อกัน เป็นเวลา 3 วัน และไม่มีการเผยแพร่ผ่านทางสถานีวิทยุ และโทรทัศน์อย่างแพร่หลาย  โดยการรับฟังความคิดเห็นดังกล่าวของผู้ถูกฟ้องก็ได้ปรากฎจำนวนประชาชนมาร่วม แสดงความคิดเห็น ในส่วนของลูกจ้างและพนักงานรัฐวิสาหกิจเพียง 1057 คน จากจำนวนทั้งสิ้น 27,305 คน  ซึ่ง ผุ้ที่มาร่วมแสดงความคิดเห็น จึงคิดได้เพียงร้อยละ ร้อยละ 3.87 เท่านั้น


โดยเมื่อขั้นตอน ก่อนการตราพระราชกฤษฎีกาทั้งสองฉบับ ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญ ไม่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ย่อมส่งผลทำให้ พระราชกฤษฎีกาทั้งสองฉบับมี่สภาพที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วยศาลจึงพิพากษาเพิกถอนกฎหมายทั้งสองฉบับดังกล่าว


ผุ้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับบรรยากาศมีการพิพากษาคดีวันนี้ได้ปรากฎว่า นายจำลอง  ศรีเมือง หนึ่งในห้าแกนนำเครือข่ายพันธมิตรฯได้ร่วมเดินทางมาให้กำลังใจ และร่วมฟังคำตัดสินกับ นางสาวสาลี อ๋องสมหวัง เลขาธิการ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค, นางสาวรสนา โตสิตระกูล ประธานเครือข่าย30 องค์กรพัฒนาเอกชน ต่อต้านคอรัปชั่น , นางสาว สายรุ้ง ทองปลอนด์ ผู้จัดการสหพันธ์ องค์กร เพื่อผู้บริโภค (สบ.) ผู้ฟ้องคดีและ กลุ่มพนักงาน กฟผ. กับประชาชน ผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วไป ซึ่งมีจำนวน ประมาณ 200 คน

ตกลงต้องมีใครรับผิดชอบหรือเปล่าครับ

คนรับผิดชอบจะเป็นอาจารย์ชัยอนันต์ หรือคุณทักษิณดีครับ

คำตัดสินครั้งนี้ทำให้ความน่าเชื่อถือของรัฐบาล "ลดลง" อย่างมีนัยสำคัญ ถ้าจะให้ดีนายกน่าจะฉวยโอกาสนี้ทำบันไดลิงให้ตัวเองลงโดยการลาออก มีข้ออ้างในการลาออกที่ดูสง่างามแล้วไง

โชคเข้าข้าง สนธิ แล้ว

เป็นรายละเอียด ปลีกย่อยครับ
เหมือน hick up  ระยะยาวไม่มีใครหยุดยั้งแนวโน้มนี้ได้ครับ

ทุกรัฐบาลมีนโยบายแปรรูปรัฐวิสาหกิจ
ที่จริง แทบทุกประเทศในโลกครับ

ไม่น่าคิดเล็กคิดน้อย น่ะผมว่า  อะไรไม่ถูกก็ แก้ไข ยอมรับ
อะไรถูกก็ว่าไปตามนั้น

ลูกอิสาน เขียน:ทุกรัฐบาลมีนโยบายแปรรูปรัฐวิสาหกิจ
ที่จริง แทบทุกประเทศในโลกครับ

ถ้าแปรรูป จริงครับ

แต่ถ้าเอาเข้าจดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชน
คงไม่มังครับ :lol:

เมื่อกี้ ดูข่าว  สุริยะใส จะฟ้อง เอา รัฐวิสาหกิจที่จดไปแล้ว กลับมา
กลัวฝรั่งจะขาดความมั่นใจ ประเทศเราจริงๆๆ

นายก ควรรับผิดชอบโดยการลาออกนะครับ  ตายน้ำตื้นแท้ๆๆๆๆ

หลังจากนี้คิดว่า การแปรรูปต่างๆๆจะออกมาเป็น พรบ ค่อนข้างแน่ ไม่งั้นโดนอีก

ขอแตกประเด็นนิดหน่อยครับ  บริษัทมหาชนกับรัฐวิสาหกิจใครควรจะเป็นเบ็นช์มาร์คให้ใคร  มีดีมีเละด้วยกันทั้งสองฝ่าย  มองทุกๆด้านนะครับ

แหม่ ถ้า การทำไร พลาด แล้วต้อง ลาออก ทุกเรื่องนี้ สงสัย คงหา พรรคไหน มาเป็นรัฐบาลไม่ได้ ซะแล้ว ล่ะบ้านเรา

ผมเห็นว่านี่เป็นความผิดอย่างร้ายแรงอันสมควรแก่การลาออกเลยนะครับ ผมนั่งฟังคำพิพากษาอยู่ชั่วโมงกว่า มีการกระทำที่ "ไม่ชอบด้วยกฏหมาย" มากมายหลายประเด็น ซึ่งไม่ใช่แค่ "ผิดพลาด" และนั่นก็เป็นเหตุผลที่กฤษฎีกาทั้งสองฉบับต้องถูกเพิกถอน เพื่อให้กระบวนการแปรรูปต้องไปเริ่มต้นใหม่

สำหรับรัฐวิสาหกิจอื่นๆ ที่แปรรูปเข้าตลาดไปแล้วนั้นไม่มีผลกระทบครับ (ถ้าไม่มีโจทก์ไปยื่นฟ้องเพิ่มเติม)เพราะว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับกฤษฎีกาสองฉบับนี้ การแปรรูปนั้นอยู่ภายใต้ตัวพระราชบัญญัติแปรรูปรัฐวิสาหกิจซึ่งยังคงมีผลบังคับใช้อยู่

จากคำแถลงของศาลปกครอง จะเห็นว่า พระราชกฤษฎีกาแปรรูป กฟผ. ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยมีเหตุผลข้อหนึ่งจากหลายข้อ คือ ดร.โอฬาร กรรมการจากชินคอร์ปของทักษิณมีส่วนได้เสีย

คำแถลงดังกล่าว จึงสะท้อนให้เห็นว่า ทักษิณ เป็นบุคคลที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนเป็นอย่างมาก  หากสามารถตรวจสอบทักษิณได้ อาจจะได้พบความไม่โปร่งใสอีกมาก

ดังนั้น เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศทางการเมืองในขณะนี้

ท๊ากสิน ต้องออกไป

:lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :D  :D  :D  :D

by the way
เนื่องจากยังไม่ได้อ่านคำวินิจฉัยของศาลปกครอง
ใครช่วยกรุณาทำlinkไปให้อ่านหน่อยครับ
ขอบคุณครับ

ไม่มีผลให้ตัวอื่นต้องหมดสภาพครับ เพราะกลุ่มที่ฟ้องร้อง ที่เป็นตัวแทนจากสภาทนายความให้สัมภาษณ์ว่ากำลังศึกษาทุกรัฐวิสาหกิจที่แปรรูป โดยคิวต่อไปเป็น ปตท ครับ คงต้องยื่นฟ้องเป็นบริษัทๆไป

ผมติดตามการทำประชาพิจารณ์เมื่อ 2-3 ปีก่อนรู้สึกมันเหงาๆชอบกล  คนไม่กี่คนทั้งๆที่กระทบโดยตรงกับคนทั้งประเทศ  ช่องทางการมีส่วนร่วมของปชช.ก็เห็นแต่ผ่านช่อง 11 ซึ่งเป็นวันเวย์  อย่างน้อยการมีส่วนร่วมมันน่าจะน้องๆหรือลูกๆประชามติ  เห็นแววเลยตอนนั้น

แต่คิดแบบคุณลูกอิสาณครับ  สุดท้ายก็ความแข็งแกร่งของระบบในระยะยาวน่าจะต้องแลกด้วยการจ่ายแพงอีกนิด แต่เข้าไม่เข้าตลาดผมไม่เกี่ยงและอาจมีความแตกต่างตอนระดมทุน  ซึ่งคิดรวมๆน่าจะได้มากกว่าเสีย

PTTEP ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจ

jaychou เขียน:PTTEP ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจ

เพราะกระทรวงการคลังถือผ่านปตท.คิดแล้วไม่ถึงร้อยละ 51 ใช่ไหมครับ
ตอนนั้น PTTEP หลุดออกไปได้ยังไง ทำไมไม่มีใครคิดทัน

[quote="No Name"]จากคำแถลงของศาลปกครอง จะเห็นว่า พระราชกฤษฎีกาแปรรูป กฟผ. ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยมีเหตุผลข้อหนึ่งจากหลายข้อ คือ ดร.โอฬาร กรรมการจากชินคอร์ปของทักษิณมีส่วนได้เสีย

คำแถลงดังกล่าว จึงสะท้อนให้เห็นว่า ทักษิณ เป็นบุคคลที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนเป็นอย่างมาก

สำหรับคนที่อยากอ่าน
คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดนะคะ
ไปที่ http://www.admincourt.go.th

แล้วถ้า PTT ถูกพิจารณาถอดจากตลาด จะส่งผลกระทบอะไรกับผู้ถือหุ้นละครับ สุดท้ายน่าจะเป็นการซื้อคืนทั้งหมด..
แต่ที่ราคาเท่าไหร่เนี่ยนะสิ...

เด็กที่คลอดออกมาผิดท่าแต่แข็งแรงสมบูรณ์ดีและก็โตมาหลายขวบแล้วทำงานเก่งด้วยจะเอากลับเข้าไปคืนหรือ อันตรายทั้งแม่ทั้งลูกนา

PTTEP เป็นบริษัทมาตั้งแต่เริ่มกิจการนี่ครับ เพียงแต่มีการปิโตรเลียม(สมัยนั้น)เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และมีเงินทุนต่างชาติอีกหลาย เรื่องถือหุ้นผ่านไม่ผ่านไม่น่าเป็นประเด็น เพราะถ้าจะคิดจริงๆ อย่าง TIP ก็มีกระทรวงการคลังถือหุ้นผ่านอีกเพียบ

ถ้า PTT MCOT AOT มีปัญหาจริง ควร SP ก่อนครับ ไม่ควรให้ซื้อขายแบบนี้ ถือว่าไม่เหมาะสม

ที่คลอดออกมาแล้ว จับยัดกลับเข้าไปในท้องแม่คงทำไม่ได้

แต่อยากรู้ว่า ถ้ามีการประเมินความเสียหาย
ใครต้องเป็นผู้ชดใช้

แล้วถ้าประเมินออกมาว่ารัฐได้ประโยชน์
จะต้องแบ่งประโยชน์นี้ให้ใครหรือเปล่า

ยังงงๆ อยู่ :lol:

รัฐวิสาหกิจอื่นทำมาตั้งแต่รัฐบาลก่อน ๆ เป็นสิบปีแล้วนี่ครับ    กรณีลาออกนี่   พี่แกยุบสภาไปแล้ว  ตอนนี้เป็นแค่รักษาการณ์นิ