Thai VI

มีใครอยากบ่นอะไรให้ฟัง ก็เชิญเลยนะครับ

ขาดทุนกำไรค่ะ แต่ก็เฉย ๆ เพราะว่าแม้ว่า หุ้นที่มีอยูีใน port ยังลดไม่ถึงทุนที่ซื้อมา ก็อุ่นใจ ไม่ได้ตื่นตระหนกแต่อย่างใด เพราะมั่นใจว่า
" เราเลือกแล้ว "

ซ้ำยังพยายามดูว่าหุ้นที่เรา " หมายตา " ไว้ พอจะซื้อได้หรือยังด้วยแหละ ออกจะตื่นเต้นด้วยซ้ำที่จะได้ถึงเวลา " ซื้อ " สักที

แล้วคุณเจ๋ง เป็นงัยคะ

หวัดดีครับ พี่ลินดา คนสวย

สำหรับผมแล้ว ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนักครับ

เพียงแต่รู้สึกว่าช่วงนี้กำลังจะเป็นช่วงที่วอเรนเขาเริ่มตื่นขึ้นมาเปิดตาดู ว่าจะเข้าซื้อตัวไหนดี แต่วอเรนเขาใจเย็นนะครับ พี่ลินดา

เงินหมดแล้วทำไงดีครับ พี่เจ๋งพอมีให้ยืมไหมครับ ขอยืมซัก 600 ล้านบาทครับ จะไปซื้อบริษัทซักแห่งครับ

ฮา กลิ้ง เลย คุณฉัตรชัย อิอิ 600 ล้านบาท

แดงๆๆๆๆแล้วก็แดงๆๆๆๆๆ แงๆๆๆ หนูเป็นโรคตาแดงแล้วอ่ะ

ไม่รู้จะบ่นอะไรดี เอาเป็นว่าความผิดพลาดถือเป็นบทเรียนแล้วกันค่ะ บทเรียนที่มีราคา จะได้จำได้ตลอดไป

คุณหนุนา พอจะเล่าเป็นวิทยาทานให้เพื่อนๆ พี่ๆ ฟังได้หรือเปล่า ไปซื้อะไรไว้ ราคาเท่าไร แล้วปัจจุบันราคาเท่าไร

ที่ว่าแดงแล้ว กะว่าจะทำอย่างไรต่อไป

ช่วงนี้หุ้นตกมากเหรอครับ ลองเล่าให้ฟังหน่อย เดี๋ยวนี้พอเป็น VI เลยไม่รู้สภาพตลาดเลยครับ

ของผม ทำคลายเครียดเรโชออกไป 2 ตัวครับ
เอาต้นทุนขึ้นมาก่อน
ตามกฎสองข้อของพี่เจ๋งครับ รักษาเงินต้น...รักษาเงินต้น
ตัวอื่นที่ตั้งใจถือยาวๆ ยังอยู่ครบเลยครับ
รอซื้อเพิ่ม...แต่ตัวที่รอซื้อ ไม่เห็นลงมาให้ซื้อนี่ครับ

ดีครับ รักษาเงินต้น รักษาเงินต้น

รับรองเลย พวกเราจะอยู่ในตลาดได้นาน

มีคนสมมุติให้พี่ฟังว่า ตอนดัชนี 1800 วอลลุ่ม 25000 ล้านบาท ตอนดัชนี 200 วอลลุ่ม 2000 ล้านบาท เขาประมาณให้ฟังว่า ถ้าแต่ละคนเทรดเฉลี่ยคนละ 1 ล้านบาท เป็นต้วเลขสมมุติ

แสดงว่าตอน 1800 มีคนเล่น 25000 คน ตอน 200 มีคนเล่นเหลือ 2000 คน

แสดงว่า 90 เปอร์เซ็นต์ เจ๊ง และเลิกเล่นไปแล้ว

ครับพี่เจ๋ง ปัจจุบันนี้ก็มีคนใหม่ๆเข้ามา รวมทั้งผมด้วย
แต่มั่นใจว่า ใครก็ตามถ้าได้เข้ามาที่เวปบอร์ดนี้ ปลอดภัยกว่า 90 เ้ปอร์เซนต์แล้วครับ
เรียนรู้จากผู้รู้จริง มีน้ำใจและคอยให้คำแนะนำที่ดีๆ
ขอขอบคุณทุกท่านครับ
ขอขอบคุณที่มี TVI ครับ

ยังไม่ขาย ก็ถือว่าไม่ขาดทุนครับ ตั้งใจถือยาวอยู่แล้ว ตอนนี้หาเงินเพื่อเตรียมสะสมหุ้นเพิ่มอยู่ครับ

สถิติหุ้นไทยในรอบหลายๆปีที่ผ่านมาติดต่อกัน ช่วงเดือนกันยายน ถึง เดือนตุลาคม นี่ราคา Set จะตกต่ำสุดในรอบปีแล้วจะไป Peak ที่ราวๆเดือนมกราคม หรือ กุมภาพันธ์ ปีต่อไป (ปีนี้เศรษฐกิจฟื้นตัว นึกว่าจะทำลายอาถรรพ์เดือนตุลาคมไ้ด้ซะอีก)

ฉะนั้น ผมมั่นใจ ยังไงๆ ก็ถือต่อ อย่างมากกินปันผลก็ยังได้ แล้วรอช่วง Peak ในต้นปีหน้า

เงินเย็นนี่ ยังไงก็ไม่กลัวครับ (ผมแงะจากตู้แช่มาเล่นหุ้น)

ครับ ขอบ่นหน่อย นะ ครับ แดง แจ๋เลย ครับ ขอหลั่งน้ำตาลูกผู้ชาย สักที ก่อนY0Y ซื้อ มา 3 ตัว นะครับ มี thre , tgp , tcb นะครับ ที่ซื้อ thre เพราะว่า เห็นว่าเป็น บ.รับประกันต่อที่ไม่ค่อยมีคู่แข่งนะครับ คู่แข่งน้อย แล้ว งบกระแสเงินสดค่อนข้างดี แต่ผมดันไปซื้อก่อน ฝรั่ง เทขายวันเดียว อะ ครับ เศร้า เลย ครับ ราคาเลยลง มา แต่ตอนนี้ ทรงๆๆ อยู่ได้

ส่วน TGP ผมรอผลประกอบการไตรมาส 3 อยู่ครับ เพราะว่าช่วง 2 ไตรมาสแรก กลุ่มอสังหา บูมมาก มีการก่อสร้างบ้านมากมายภายในประเทศ แผ่นยิมซัมเป็นวัสดุที่ จะขายได้หลังจากการก่อสร้างเสร็จ คิดว่าราคาน่าจะขึ้นตาม แต่ยังไม่เห็นราคา มันจะขยับเลยครับ ราคาลงเรื่อยๆๆ เลยครับ

TCB ไม่ค่อย กังวลเท่าไหร่ นะครับ เพราะว่ามั่นใจ ครับ แล้วก้อ กะถือยาว เอาปันผลครับ

ของผมก็ลงเหมือนกันครับ แต่เสียดายไม่มีเงินเย็นเข้าซื้อแล้วครับ

ตอนนี้ตลาดถูกขับดันด้วยความกลัวจริงๆครับ ผมนี้เป็นพ่อช้อนทองเลยละ ความพยามพิจารณาหุ้นไว้สองสามบริษัท แต่พยายามอดใจรอก็บังเกิดผลได้ช้อนสมใจ แต่คราวนี้ต้องยอมรับครับว่าลงทุนแบบก้นบุหรี่(Ciga Butt) กะว่าซื้อแล้วรอสัก2ปีก็จัดการแล้วครับ

ตอนนี้จะให้ซื้อแบบทำธุรกิจก็หาMargin of safety มากๆไม่ค่อยได้ระหว่างรอก็เลยต้องทำบางครับ แต่ไม่เก็งกำไรนะครับ

สรุปว่าไม่ขาดทุนครับ แต่รอกำไรอยู่

ผมเพิ่งขาย TRU ที่พี่หลายคนปล่อยไปนานแล้ว
ได้กำไรมาประมาณ 59%
พอร์ตเล็กลง กำไรหดไปประมาณครึ่งนึง (นักจากต้นสิงหา)
ยังสบายใจอยู่ครับ ตอนนี้ก็เลยมีเงินสดจำนวนหนึ่งเตรียมซื้อ
คาดว่าจะเริ่มเข้าซื้อเร็ววันนี้ครับ

ขาดทุนกำไรไปโขอยู่เหมือนกันแต่ยังไม่ต้องกลัวครับ อิอิ
ตอนนี้มีหุ้นหลายตัวน่าเข้าช้อนซื้อ ดีกว่าช่วงก่อนหาหุ้นซื้อไม่ได้เลย

กำไรในพอร์ต หายไปเยอะเลยครับ (ลดจากตัว TF, TR เป็นหลัก)
นอกจากนี้ก็ยังมีขาดทุนจากที่เข้าไปซื้อหุ้นคืนจากที่ขายไปแล้วกลับคืนมา แต่ปรากฏว่า มันตกเลยลงมาอีก ก็เลยเจ็บตัวไปตามระเบียบครับ
ดีหน่อยที่ตามซื้อแค่เพียงนิดหน่อย
ตอนนี้ก็เลยนั่งดูไปพลางๆ รอซื้อในจังหวะอื่นที่เหมาะสมอีกครับ

เอาใจช่วยครับ คุณ sirivajj

ผมมือใหม่ครับ วันนี้ได้มีโอกาสเข้ามาอ่านเวปท์นี้รู้สึกดีมากเลย ขอเป็นสมาชิกด้วยคนน่ะครับ ตลาดสภาพนี้ผมก็ยึดข้อมูลบริษัทเป็นหลักเท่านั้นล่ะครับ ผมก็เป็นประเภทถือยาวครับ เล่นสั้นไม่เป็นครับ

ยินดีต้อนรับครับ คุณ bundit ฟังชื่อคุณแล้ว เหมาะกับการเล่นยาวครับ

เอาใจช่วยหลายคนแล้ว

คุณเจ๋ง

อย่าลืมเอาใจช่วยชายชรา

บ้านนอกคนนี้ด้วยล่ะ

ผมพอร์ตว่างครับ เข้าซื้อก่อนที่มันจะลง2วัน(วันพุธ)เห็นท่าไม่ดีเลยต้องยอมขาดทุนขายออกมาก่อน ผมว่าการปรับพอร์ตเป็นสิ่งที่ดีนะครับ พอดีมีต้นทุนที่สูงเลยต้องขายออกก่อน

อาเฮียปรัชญาของเราเหรอครับชายชรา บ้านนอก

ผม 6 วันที่หุ้นตกติดกัน ถือหุ้นอยู่นี่ ลดไป เกือบ 20% ของปอด จากไม่หวั่นไหวก็ต้องหวั่นไหวจนได้อะครับ แต่ 3 วันที่หุ้นขึ้นค่อยโล่งใจหน่อยครับทำให้ผมกลับมาสู่สภาพปกติ และได้กฏมาหลายกฎเลยครับ คือ

ใช้ได้เฉพาะกับหุ้นที่ลงทุนนะครับแล้วก็หุ้นที่เก็งกำไรบางตัวที่ยังเป็นที่สนใจของตลาด หุ้นตกไม่ขายไม่ขาดทุนครับ

หากคุณอยากเป็น vs สิ่งที่คุณจะไว้ใจได้คือเงินไม่ใช่หุ้น

ในวิกฤติมีโอกาส

หุ้นขึ้นก็มีในยามดัชนีตก

หุ้นที่คุณขายแล้วได้กำไร นั่นหมายถึงว่าจะมีอีกคนที่ขาดทุน(อันนี้ผมเพิ่งรู้แจ้งว่ามันเป็นความจริง ไม่ใช่ผมคิดนะครับ)

ที่ว่าเวลาเราขายหุ้นแล้วกำไร จะมีคนขาดทุน
ผมว่าไม่จริงนะครับในตลาดหลักทรัพย์ ผมว่าไม่ใช่ Zero Sum Game
เช่นผมเคยซื้อ OGC ที่ราคาประมาณ 20 บาท ขายไปที่ 38 บาท ผมกำไรเกือบเท่าตัว
แต่ผู้ที่ซื้อผมไปก็กำไรนี่ครับ ราคา OGC ตอนนี้ตั้ง 90 กว่าบาทแนะ

หรือบางที ผมซื้อ THIP ที่ 28 บาท ขายขาดทุนไปที่ 25 บาท
คนที่ซื้อผมไปก็ขาดทุนนะ ก็ตอนนี้มันอยู่ที่ประมาณ 23-24 บาท

เห็นด้วยครับว่าตลาดหุ้นไม่ใช่ Zero Sum Game

เพราะบริษัททั้งหมดมีกำไร ทำให้มีมูลค่าเพิ่ม

ในขณะที่เราเข้าบ่อนการพนัน ยิ่งเล่นยิ่งโดนเก็บค่าคอมมิชชั่น ตรงนั้น ยิ่งกว่า Zero Sum Game เพราะยิ่งเล่นเจ้ามือยิ่งรวย

แต่วอลลุ่มส่วนใหญ่มากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ไม่ได้ดูผลประกอบการ

แถมยังเชื่ออีกว่า ตลาดหุ้นเป็น Zero Sum Game

ไม่น่าเชื่อจริงๆ ว่าจะมีการเชื่อที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน สุดขั้วทั้งสองด้านขนาดนี้ ในตลาดหุ้น

แต่ผมก็มีเหตุผลสนับสนุนนะครับ

สมมุตว่าตลาดหุ้นกำไรปีละ 3 แสนล้านบาท ขอคิดง่ายๆว่ามูลค่าตลาดจะเพิ่มปีละ 3 แสนล้านบาท

แต่นั่นคือการมองเป็นปี

ถ้ามองเป็นวัน สมมุติว่ามีการเทรดกัน 300 วันต่อปี

เท่ากับ มีมูลค่าเพิ่ม วันละ 1 พันล้านบาท

ผลก็คือ คนที่ซื้อขาย ต่อวัน จะต้องมี break even ว่า คอมมิชชั่นที่เกิน 1 พันล้านบาท ต่อวัน จะทำให้เกิด Zero sum game ซึ่งเท่ากับการเทรดประมาณ 4 แสนล้านบาทต่อวัน ปัจจุบัน 3-4 หมื่นล้านบาทต่อวัน

ยังไงก็ยังไม่ Zero sum game

เพราะฉะนั้น คนที่เล่นหุ้น จริงๆแล้วตามทฤษฎี ไม่น่าขาดทุน
และบริษัทส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ขาดทุน

และไม่มีใครบังคับให้เราไปซื้อบริษัทที่ขาดทุน

และไม่มีใครบังคับให้เราซื้อกิจการที่กำไร แต่ขายราคาสูงมาก จนเราอาจจะติดดอยได้

น่าที่ของพวกเราคือ ประสบความสำเร็จในการลงทุนโดย

ซื้อกิจการที่มีกำไร ในราคาที่น่าซื้อ

บ่นด้วยคนครับ
ตัวที่พึงขาย หลังจากขายแล้ว 3 วันลงไป 5%
หลังจากขายแล้ว 6 วันขึ้นไป 5%

ตัวที่พึงซื้อ หลังจากซื้อแล้ว 3 วันลงไป 1%
หลังจากซื้อแล้ว 6 วันลงไป 6%

เบ็ดเสร็จ ขาดทุน 10%
อันเป็นผลมาจากคำนวณราคาหุ้นพลาดครับ
(ตอนซื้อสงสัยหน้ามืด ซื้อแล้วคำนวณใหม่
ได้น้อยกว่าเดิม 5% อิอิ)

สำหรับคนที่ขาดทุนไปแล้ว ขอให้กำลังใจ

ส่วนคนที่ยังไม่ได้ขาย

ผมขอเสริมว่า

หลักการไม่ขาย ไม่ขาดทุน ใช้ไม่ได้ สำหรับนักเก็งกำไร

แต่

ส่วนตัวแล้ว ถ้าเราซื้อของดี ราคาถูกแล้ว ถ้าราคาลงมาให้เราซื้ออีก จะเรียกว่าเราขาดทุนได้อย่างไร

ยกตัวอย่าง เราซื้อ รถมาคันหนึ่ง เจ้าของร้อนเงินขายให้เรา ราคาถูก

ต่อมา มีอีกคน ร้อนเงินเหมือนกัน มาขายให้เราถูกกว่าคันแรก แปลว่าเราซื้อคันแรกมาขาดทุนหรือ

หรือว่าเราได้กำไรทั้งสองคัน

ข้อแตกต่างก็อยู่ตรงนี้เอง

ถ้าเราเลือกบริษัทที่เราคิดว่าดี แต่มันไม่ดีจริง เราอาจจะถือของไม่ดี ในราคาที่ไม่เหมาะสม แต่เราไม่รู้ตัวก็ได้

พี่คิดว่า อย่าเอาราคาเป็นตัวตั้ง

เอากิจการเป็นตัวตั้งดีกว่า แล้ว ถ้าราคาขึ้นก็อย่าดีใจ ราคาลงก็อย่าเสียใจ

เรื่องที่ต้องนึกถึงคือระยะยาว 3-5 ปี กิจการนั้นๆ จะเป็นอย่างไร เพราะอะไร

ส่วนเรื่องราคาขึ้นลง เป็นเพียงโอกาสในการทำบางสิ่งบางอย่างเท่านั้นเอง

พี่เจ๋ง ราคารถมันมีแต่ลงนา อย่าเทียบเป็นซื้อระเลยนา 555

ไม่มีอะไรบ่นเลยครับพี่เจ๋ง
นานๆที (นานมาก) กลับมาดู port ตัวเอง
ตกใจหน้าบานเลยครับ
นับจากตอนที่อยู่เมืองไทย port ผมโตขึ้นอีก 28% แล้ว
ไม่บ่นครับไม่บ่น
จะมีใครหมั่นไส้ผมมั้ยเนี่ย