บอร์ด'เบรก'ส่งเสริมลงทุนสุโขทัยปิโตรเลียม
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 23, 2006 8:38 am
เพื่อนๆมีความเห็นอย่างไรกับข่าวนี้ แล้วใครพอจะรู้บ้างครับว่า ในหนึ่งปีมีการส่งน้ำมันผ่านสิงคโปร์ปีละกี่ล้านบาร์เรลครับ
บอร์ด'เบรก'ส่งเสริมลงทุนสุโขทัยปิโตรเลียม
"บอร์ดบีโอไอ"เบรกส่งเสริมลงทุนโครงการขนส่งน้ำมันทางท่อ มูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านของบริษัทสุโขทัยปิโตรเลียม ระบุเป็นโครงการสำคัญที่ยุทธศาสตร์ของประเทศ ต้องขอความเห็นกระทรวงพลังงานก่อนชี้ขาด ขณะที่ไฟเขียวให้สิทธิประโยชน์ 3 โครงการใหญ่ มูลค่า 5.2 หมื่นล้านบาท
นายสาธิต ศิริรังคมานนท์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ที่มี ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน วานนี้ (22 มี.ค.) ว่า ที่ประชุมมีมติไม่อนุมัติส่งเสริมลงทุนบริษัท สุโขทัย ปิโตรเลียม จำกัด ในกิจการขนส่งมวลชนและสินค้าขนาดใหญ่ เพื่อให้บริการขนส่งน้ำมันทางท่อ ขนาด 48 นิ้วจากชายฝั่งทะเลอันดามัน จังหวัดสตูล ไปชายฝั่งทะเลฝั่งตะวันออกด้านอ่าวไทย จังหวัดสงขลา ระยะทาง 130 กิโลเมตรกำลังผลิตปีละ 536 ล้านบาร์เรล มูลค่า 30,755 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนและพัฒนาไทยเป็นศูนย์กลางการค้าและขนส่งน้ำมัน (ฮับ) ในภูมิภาคเอเชีย
เนื่องจากต้องขอความเห็นจากกระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนดังกล่าวก่อน เพราะเป็นโครงการสำคัญและเป็นยุทธศสาตร์ของประเทศ จำเป็นต้องได้ข้อมูลที่รอบคอบจากทุกฝ่ายก่อนพิจารณาอีกครั้งว่าจะให้การส่งเสริมลงทุนหรือไม่
ทั้งนี้ที่ประชุมได้อนุมัติส่งเสริมการลงทุน 3 โครงการใหญ่ มูลค่า 52,000 ล้านบาท ประกอบด้วย กิจการลงทุนผลิตชิ้นส่วนแจ๊ซ ซีวิค ซิตี้คาร์ ของบริษัท ฮอนด้า จำกัด โรงงานตั้งอยู่ที่สวนอุตสาหกรรมโรจนะ มูลค่า 1,789 ล้านบาทเพื่อสนับสนุนให้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกไปในภูมิภาคอาเซียน โครงการลงทุนกิจการผลิตเคมีภัณฑ์ ซึ่งเป็นส่วนผสมไบโอดีเซล ของบริษัทไทยโอลีโอเคมี จำกัด มูลค่าลงทุน 7,100 ล้านบาท โดยเป็นอุตสาหกรรมที่ส่งผลดีด้านเชื้อเพลิงเพื่อนำไปผลิตไบโอดีเซล และเป็นสารตั้งต้นที่ใช้ในการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ
นอกจากนี้ที่ประชุมยังอนุมัติส่งเสริมการลงทุนกิจการผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีของ เครือปูนซิเมนต์ไทย ซึ่งใช้เป็นวัตถุดิบในปิโตรเคมีขั้นกลางและปลาย มูลค่ากว่า 44,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น พลาสติก เคมีภัณฑ์ และสี
ส่วนปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นขณะนี้ นายสาธิต กล่าวว่า หากสถานการณ์ยืดเยื้อจะส่งผลกระทบต่อการลงทุน และบีโอไออาจพิจารณาปรับเป้าลงทุนใหม่จากเดิมที่ตั้งเป้าจะมียอดขอรับส่งเสริมปีนี้ไว้ที่ 7.5-8 แสนล้านบาท โดยใช้เวลาประเมินสถานการณ์ช่วง 2 เดือนนี้ก่อนตัดสินใจ
นายสาธิต กล่าวอีกว่า นักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่เชื่อมั่นว่า แม้จะมีรัฐบาลใหม่เข้ามา ก็คงไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายส่งเสริมการลงทุน ซึ่งน่าจะเป็นการส่งเสริมในทิศทางเดียวกัน ที่สำคัญบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ต่างชาติ ที่ใช้ไทยเป็นฐานผลิตสินค้าเพื่อส่งออก ก็ยังขยายการลงทุนต่อเนื่อง เพราะตราบใดที่แข่งขันได้ ก็จะยังใช้ไทยเป็นฐานผลิตต่อไป เพื่อป้อนความต้องการของตลาดโลก โดยการลงทุนจะกระทบเพียงเอกชนผู้ผลิตสินค้าจำหน่ายในประเทศอย่างเดียว เพราะเมื่อเศรษฐกิจชะลอตัวจะทำให้ยอดขายลดลง
ทั้งนี้หลังจากบีโอไอ ได้ปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์การสนับสนุนการลงทุนให้กลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้ช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-กุมภาพันธ์) มีเอกชนขอรับส่งเสริมการลงทุนถึง 48 โครงการ มูลค่า 18,000 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 12% จากเดิมที่มีการขอรับส่งเสริมการลงทุน 34 โครงการ
บอร์ดบีโอไอได้ทราบภาวะการลงทุนช่วง 2 เดือนแรกของปี ว่า ยังไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมือง เพราะยังมีนักลงทุนขอรับส่งเสริมการลงทุนถึง 196 โครงการ มูลค่า 54,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2548 จำนวนโครงการเพิ่มขึ้น แต่เม็ดเงินทุนน้อยกว่า เนื่องจากช่วงนั้นมีโครงการลงทุนใหญ่ของโตโยต้าและนิสสัน และกัลฟ์ เพาเวอร์ มูลค่ากว่า 110,000 ล้านบาท" นายสาธิต กล่าว