Thai VI

ไม่ทราบว่า WG จะมี Growth ในปีนี้รึเปล่าครับ เพราะไม่ค่อยได้ข่าวคราวเลย

คงได้ประโยชน์จากค่าเช่าที่ได้รับจากแอมคอร์ครับ

จากในรายงาน 56-1  บริษัทคาดหวังผลเติบโตในหลายอุตสาหกรรมพอควรที่เดียวครับ  น่าจะเป็นปีที่ดีอีกปีของ WG นะครับ

ผ่านมาครึ่งปีแล้วนะครับ

ช่วง 6 เดือนแรกของปี 2549  ผมว่า WG ทำได้ค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ

รายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 10.12%  จาก 415.02 ล้านบาทในปี 2548 เป็น 457.00 ล้านบาท

รายได้ค่าเช่าเพิ่มขึ้น 24.80% จากปีก่อน  เนื่องจากบริษัทมีการปรับราคาค่าเช่าสูงขึ้นและมีรายได้ค่าเช่าจากแอมคอร์

รายได้เพิ่มขึ้น 11.01%

และจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ลดลงจาก 37.31 ล้านบาท เหลือ 34.26 ล้านบาท  ทำให้บริษัทมีกำไรจากการขายและบริหารเพิ่มขึ้นถึง 17.37% หรือเพิ่มขึ้นจาก 60.16 ล้านบาทเป็น 70.61 ล้านบาท

ส่วนกำไรสุทธิของบริษัทก็เพิ่มขึ้น 28.38% จากปีก่อน จาก 42.59 ล้านบาทหรือ 2.39 บาทต่อหุ้น  เป็น 54.73 ล้านบาทหรือ 3.07 บาทต่อหุ้น

และเมื่อพิจารณาค่าเงินบาทในช่วงที่เหลือของปี เปรียบเทียบกับค่าเงินบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน  ผมก็คิดว่า WG อยู่ในฐานะที่ดีทีเดียว  น่าจะมีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในปีนี้

หวังว่ากำไรสุทธิปีนี้คงไม่ต่ำกว่า 6 บาทต่อหุ้น  และปีหน้าคงจะได้เงินปันผลซัก 3 บาทต่อหุ้นครับ

WG เป็นบริษัท trader ใช่มั๊ยครับ คือซื้อมาขายไป

ถ้าแบบนั้น เขามีวิธีบริหารต้นทุนยังไงครับ คือในเมื่อเขาไม่ได้เป็นคนผลิตเอง ทำไมถึงขายเคมีภัณฑ์แข่งกับคนที่ผลิตเองได้ล่ะครับ

รบกวนพี่ฉัตรชัยแถลงไขเล็กน้อยครับ

ธุรกิจของ WG นั้น  จริงๆแล้ว  ไม่ใช่ Trading เพียวๆนะครับ

เพราะต้องมีการผสมสูตรให้แก่ลูกค้าแต่ละรายไป  ไม่ใช่นำเข้ามาแล้วขายเลย

การคิดสูตรก็ต้องร่วมมือกับลูกค้าแต่ละรายครับ  และบ่อยครั้งที่ต้องนำเคมีภัณฑ์จากบริษัทต่างชาติหลายบริษัทมาผสมกันครับ

ดังนั้นบริษัทที่มีความร่วมมือกับลูกค้าที่ดี  และเป็นตัวแทนจากบริษัทต่างชาติที่หลากหลายจะได้เปรียบครับ

ผมเดาว่า 2 ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้  WG น่าจะมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นกว่าปีก่อนพอสมควรทีเดียว   เนื่องจาก

เมื่อพิจารณาถึงค่าเงินบาทปีนี้เทียบกับปีก่อน  โดย WG จะมีการนำสินค้าเข้ามาก่อนขายประมาณ 2 เดือน

และยอดการส่งออกที่เติบโตจากปีก่อนอย่างต่อเนื่อง

หลังจากเปิดสนามบินสุวรรณภูมิ  ราคาเช่าพื้นที่คลังสินค้าของ WG น่าจะมีการปรับตัวขึ้นได้บ้างนะครับ

ปัจจัยอะไรที่ถ้าเกิด WG ต้องประสบเมื่อไหร่ จะทำให้พื้นฐานเปลี่ยนและไม่สามารถเติบโตได้เหมือนตอนนี้ล่ะครับ

พี่ฉัตรชัยมีตั้งมาตรฐานหรือเกณฑ์ตรงนั้นไว้หรือไม่ครับ

คงเป็นสภาพเศรษฐกิจโลกทรุดตัวนะครับ  ซึ่งก็คงโดนทั้งหมด

ที่กลัวเป็นพิเศษก็คือ  การถูก Tender Offer ครับ

WG เนี่ยเหรอครับถูก tender offer

จะด้วยเหตุผลกลใดรึครับ ทำไมพี่Chatchai ถึงคิดว่าจะเกิดขึ้น???

[quote="chatchai"]คงเป็นสภาพเศรษฐกิจโลกทรุดตัวนะครับ

ผู้บริหารชุดนี้ลาออก  คงมีผลกระทบบ้าง  ในส่วนของนโยบายหลักๆบริษัท

เพราะผมเข้าใจว่าทางคุณสมชัยที่เป็นกรรมการผู้จัดการ  ไม่ได้ลงมาดูแลในส่วนปฏิบัติการซักเท่าไรแล้ว  เพราะต้องทำงานที่บริษัทโอสถสภาด้วย

และพนักงานในระดับต่างๆของบริษัทส่วนใหญ่แล้วทำงานในบริษัทมานานครับ  

ที่ผมกลัวคือทางกลุ่มโอสถสภาอยากจะนำออกจากตลาดซะ  เพราะแทบไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ในตลาดหลักทรัพย์

เนื่องจากเงินสดสูง

ไม่จำเป็นต้องระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ใช่ไหมครับ

เป็นเพราะธุรกิจของบริษัทไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินสดลงทุนมากมายในการขยายธุรกิจครับ  

มีแต่ต้องลงทุนในสินทรัพย์หมุนเวียนเมื่อยอดขายเพิ่มขึ้น  ซึ่งเงินสดรับจากการดำเนินงานในแต่ละปีของบริษัทก็มากเกินพออยู่แล้วครับ

ถ้าพูดในแง่ การทำธุรกิจแบบ trader แล้วมีจุดแข็งด้านราคาที่ดีพอสมควร รวมถึงมีฐานลูกค้าแข็งแกร่ง จะดูดีกว่าการต้องผลิตสินค้าเองรึปล่าวครับ

คือหันมามองในแง่ธุรกิจแบบนี้ คนที่เริ่มธุรกิจใหม่ ทุนไม่มาก ควรมาเอาดีทาง trader มากกว่าเป็นผู้ผลิตเอง ในความเห็นของพี่ฉัตรชัยว่ายังไงครับ

การเป็น Trader ธรรมดาๆ  ก็คงลำบากครับ  Margin คงไม่มาก  เพราะใครๆก็สามารถเข้ามาแข่งขันด้วยได้  ลูกค้าก็เปลี่ยนแปลงง่ายด้วย

[quote="chatchai"]ผู้บริหารชุดนี้ลาออก

chatchai เขียน: ที่ผมกลัวคือทางกลุ่มโอสถสภาอยากจะนำออกจากตลาดซะ  เพราะแทบไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ในตลาดหลักทรัพย์

ถ้า นำออกจากตลาด เค้าจะซื้อหุ้นคืนในราคาที่ ต่ำกว่า ราคาตลาดหรือ เป่า ครับ

ถ้าต่ำกว่าราคาตลาด  น่าจะไม่มีใครขายให้นะครับ

[quote="chatchai"]ถ้าต่ำกว่าราคาตลาด