Thai VI

Common Stocks and Uncommon Profits and Other

ใครอ่านแล้วช่วยวิจารณ์หน่อยครับ

โดยเฉพาะการปรับใช้ในประเทศไทย

ขอบคุณมากครับ

คงต้องใช้ความพยายามมากโขทีเดียวเลยครับพี่ ผมพยายามมาหลายครั้งแล้วไม่ผ่านสักที ต้องคุณวิบูลย์แล้วละครับ

มน เล่มนี้ บางมากมีแค่ 270 หน้าเองนะ อิอิ ให้กำลังใจตัวเอง

และที่ดีทีสุดคือตัวหนังสือ ตัวเล็กมากเลย ทำให้หนังสือเล่มนี้บางๆ ทำให้มีกำลังใจที่จะอ่านจบนะครับ

อิอิ

หนังสือเล่มนี้อ่านยากจังครับ ผมเปิดอ่านวนไปวนมาหลายรอบ ก็ยังอยู่ใน What to buy นั่นแหละ.

ถ้าผมจำไม่ผิด เคยคุยกับพี่ LOSO แห่งตลาดหุ้นดอทคอม ว่าพี่เค้าอ่านเล่มนี้จบแล้ว(รวมทั้ง Beating the street ของปีเตอร์ ลินช์)

เล่มบางก็จริงอยู่ครับ แต่คำศัพย์แต่ละคำไม่รู้ปู่แกไปขุดเอามาจากไหน อ่านยากชมัด แต่ยังไงก็ให้กำลังในนะครับ

ที่จริงน่าจะทำโครงการ ร้อยคน แปลคนละสองหน้านะครับ จะได้ภาษาไทยที่อ่านได้ทุกคน พี่เห็นด้วยก็เอาเลยครับ

ฮา จริงๆ แต่น่าสนใจนะ แปลแล้วส่งให้กันอ่านทางอีแมว อย่าเอามาลงตีพิมพ์

มนเริ่มโครงการเลยดีมั๊ย 100 คนแปลคนละ 3 หน้า

เห็นด้วยครับ

พี่เจ๋ง
ลองอ่านดูครับ ไม่ลองไม่รู้
ผมแนะนำให้อ่านสักสามรอบครับ
บอกคำเดียวว่า "สุดยอด" ครับ
เป็นสุดยอดหนังสือแนว VI เล่มนึงครับ

เล่มนี้หาซี้อได้ที่ไหนครับ ผมพยายามหาซี้อมานานแล้วแต่ไม่เคยเจอสักที

Amazon.com

Jeng เขียน: >>> Common Stocks and Uncommon Profits and Other ใครอ่านแล้วช่วยวิจารณ์หน่อยครับ <<<

คุณเจ๋งครับ ข้อมูลในเล่มนี้เท่าที่ผมพยายามแกะออกมาพบว่ามีแนวทางต่างจาก อ.Buffet คนละขั้วอย่างสิ้นเชิง (ตามที่ผมเคยโพสต์ในกระทู้อื่นที่บอกว่าอ.Fisher ท่านเน้นวิเคาะห์เชิงคุณภาพ-qualitative analysis แต่อย่างเดียว ส่วน อ.Buffet เน้นเคราะห์เชิงปริมาณ - quantitative analysis บวกกับวิเคราะห์เชิงคุณภาพประปราย) ที่เหมือนกันชัดๆมีอยู่อย่างเดียวคือ การถือหุ้นที่ซื้อลงทุนไว้ยาว โดยเฉพาะหากมั่นใจว่าบริษัทที่เลือกมีคุณสมบัติตรงตามกฏ 15 ข้อที่ อ. Fisher ตั้งไว้และผลสรุปออกมาเป็น"สุดยอดบริษัทจริง"(really outstanding)แล้ว อ.ท่านแนะให้ถือยาวชั่วฟ้าดินสลาย และดูเหมือนว่าอ. Fisher จะเป็นคนๆเดียวที่ อ.Buffet ยอมรับและติดตามอ่านบทความข้อเขียนของท่านทุกชิ้นอย่างจริงจัง

ที่สำคัญ คือ อ.Fisher แทบไม่ค่อยกล่าวถึงการวิเคราะห์เชิงปริมาณเลยแม้แต่น้อย แถมยังบอกว่าจากประสบการณ์ที่ท่านเฝ้าสังเกตมา โดยเปรียบเทียบกันระหว่างผู้ที่เลือกลงทุนซื้อหุ้นโดยยึดหลักวิธีวิเคราะห์เชิงปริมาณนั้นแม้จะได้กำไรก็จริง แต่ยังได้เป็นกอบเป็นกำน้อยกว่าผู้ที่เลือกลงทุนซื้อหุ้นโดยวิธีวิเคราะห์เชิงคุณภาพตามแบบฉบับของท่านเป็นไหนๆ

ข้อแตกต่างอีกข้อของ อ.Fisher และ อ.Buffet ก็คือ ตัว อ.Fisher เองทำงานเป็นผู้ให้คำปรึกษาชี้แนะการลงทุนแก่นักลงทุนทั้งหลาย ในทางตรงกันข้าม อ.Buffet เป็นนักลงทุนด้วยตัวเอง ดังนั้นผมว่าการจะหาผลงานการลงทุนของทั้ง 2 ท่านมาประกบเปรียบเทียบกันยากมาก ไม่ทราบคุณวิบูลย์มีข้อมูลเกี่ยวกับผลงานด้านการลงทุนของทางฝั่ง อ.Fisher บ้างหรือเปล่าครับ ถ้ามีช่วยกรุณานำเสนอไว้ในกระทู้นี้หน่อยก็จะดีมาก

ลืม login อีกแล้ว ผมเองเขียนกระทู้ข้างบนครับ

พบหนังสือดังกล่าวที่ร้านคิโนคุนิยะ ที่เวิร์ดเทรดเซ็นเตอร์ครับ (ชื่อใหม่อะไรหนอจำไม่ได้)

ผมมีที่บ้านเล่มหนึ่ง สั่งมาจาก amazon หยิบมาหลายเที่ยวแล้วครับ แต่ก็ไปไม่ถึงไหนเลย

แต่ผมว่าหลักการของแกนำมาปฎิบัติยากนะครับสำหรับนักลงทุนรายย่อยอย่างเรา

การที่เราจะไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทที่เราจะลงทุนนั้นก็โอเคครับ

แต่การที่เราจะได้ไปพูดคุยกับ ลูกค้า Supplier หรือแม้แต่คู่แข่ง จะมีใครยอมเสียเวลาให้เราคุยด้วยครับ ผมว่ายากมากเลย ยิ่งเราเป็นนักลงทุนตัวเล็กๆ ใครจะไปสนใจครับ

ผมเพิ่งเริ่มอ่านเล่มนี้ วันนี้เอง
เป็นเล่มแรกในชุดที่ซื้อตามคำแนะนำ
เพิ่งได้หนังสือเมื่อวาน ต้องไปรับที่ไปรษณีย์ ซึ่งอยู่ไกลบ้านมาก
เพราะดันซื้อซะหลายเล่ม บุรุษไปรษณีย์ไม่ยอมมาส่ง เข้าใจว่าคงหนักไป
อ่าน intro จบแล้วเพิ่งเริ่มอ่านคำนำเองครับ ยังไม่เจออะไรยาก ๆ

อยากได้ Warren Buffet way ภาคภาษาไทยของผู้จัดการจัง เคยยืมห้องสมุดมาอ่าน แต่หาไม่ได้แล้ว

ภาษาไทย ผมว่าอ่านแล้วจะงงๆครับ มีบางที่แปลแล้วไม่เข้าใจความหมายหรือว่าแปลผิดนะครับ อ่านต้นฉบับจะเข้าใจได้ดีกว่าครับ

เพิ่งอ่านจบไปได้ประมาณอาทิตย์ที่แล้วครับยอดเยี่ยมทั้งเนื้อหาและภาษาที่ใช้(แปลแล้วยังงง) จะออกหนักไปทางคุณภาพอ่านแล้วทำให้นึกถึงงานเขียนของ P.Lynch ครับ

เข้าไปดูที่ อเมซอนดอทคอมมาแล้ว

หนังสือลดราคาแล้ว เหลือ 14 เหรียญ
แต่ค่าส่ง เล่มเดียว 12 เหรียญ
รวม =26 เหรียญ = 1040 บาท
ใช่ตามนี้หรือเปล่าครับ แพงจัง

ลองซื้อหลายๆเล่ม จะเฉลี่ยค่าส่งได้ ผมเคยสั่งมาสามเล่มพร้อมกัน
Common Stock ปกอ่อนจะเหลือประมาณ 750 บาทครับ ลองดูแล้วกันครับ แต่ถ้ารอได้สั่งที่ Asiabook หรือ Kinokuniya ก็ได้ใช้เวลาสองเดือน