หน้า 1 จากทั้งหมด 1

ลองคำนวณดูง่ายๆ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 10, 2006 11:00 pm
โดย yoyo
กำไรปี 2548 0.56 บาท เสียภาษี 30%
ถ้าสมมติว่ากำไรไม่โตขึ้นเลย แต่จะเสียภาษี 25%
จะได้กำไรปี 2546 ประมาณ (0.56/.7)*.75= 0.6
pe 6 ก็ 3.6
pe 7 ก็ 4.2
pe 8 ก็ 4.8
แล้วแต่ใครจะให้ pe กันเท่าไหร่
ผมว่าคิดให้กำไรคงที่นี่ conservative แล้ว
ถ้าสมมติให้กำไรจากการดำเนินงานโตขึ้นอีก 15% ราคาน่าจะอยู่ในช่วง 4.32-5.76 บาท  :shock:
ขอกอดแน่นๆรอซัก 4 บาทค่อยคิดดูใหม่

ลองคำนวณดูง่ายๆ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 11, 2006 10:57 am
โดย Blueblood
ผมมองยาวๆแถวๆ 5 บาท ครับ

เท่าที่ลองหาหุ้นดูช่วงนี้ หุ้นที่กระแสเงินสดดีเยี่ยม ปันผลกระฉูด  p/e ต่ำ แถมล่าสุดมี growth ระดับ 20% ให้เห็นอีกอย่างน้อย 3 ปี เลยทำให้ไปเอามาเพิ่มแถวๆ 3 บาทกว่าอีกแล้วอ่ะครับ ตอนแรกตั้งใจไว้ว่าถ้าเกิน 3 บาทจะไม่ซื้อแล้วเชียว  :P

ลองคำนวณดูง่ายๆ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 11, 2006 10:59 am
โดย Blueblood
เพิ่มเติมอีกนิด อยู่ในธุรกิจที่ไม่มีการแข่งขันมาก และตลาดอยู่ในช่วงเติบโตอีกต่างหาก

โอ๊ยยย.... ยิ่งพูดยิ่งดูดี (เกินเหตุปล่าวไม่รู้)  :lol:

ลองคำนวณดูง่ายๆ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 13, 2006 10:10 am
โดย ch_army
ผมสงสัยว่า ราคาวัตถุดิบเนี่ย จะผันผวนมากไหมครับ แล้วก็อีกมุมนึงคือ ศก. ญี่ปุ่นที่น่าจะออกจาก ภาวะเงินฝืดเนี่ยจะช่วยอะไรได้เยอะไหมครับ

ลองคำนวณดูง่ายๆ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 13, 2006 12:22 pm
โดย โอ@
ch_army เขียน:ผมสงสัยว่า ราคาวัตถุดิบเนี่ย จะผันผวนมากไหมครับ แล้วก็อีกมุมนึงคือ ศก. ญี่ปุ่นที่น่าจะออกจาก ภาวะเงินฝืดเนี่ยจะช่วยอะไรได้เยอะไหมครับ
ราคาวัตถุดิบผันผวนไม่มีผลอะไรมากครับเพราะว่าบริษัทลดความเสี่ยงไว้เกือบทั้งหมด
เศรษฐกิจญี่ปุ่นดีขึ้นก็ไม่น่าจะดีอะไรมากเพราะว่ากำลังการผลิตคงยังไม่เพิ่มมากนัก ตอนนี้ก็ผลิตไม่พออยู่แล้ว

ลองคำนวณดูง่ายๆ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 13, 2006 9:17 pm
โดย yoyo
ถ้าเศรษฐกิจญี่ปุ่นดี แล้วทำให้ค่าเงินเยนแข็งขึ้น
มองแบบ long term แล้วก็มีผลดีกับรายได้ของ mcs ครับ
เพราะในปีที่ผ่านมาถึงแม้ว่าเงินเยนจะอ่อนลง บริษัทในฐานะที่มีระยะเวลาชำระหนี้ยาวกว่าระยะเวลาเก็ยหนี้ ทำให้เกิดกำไรจากการดำเนินงาน แต่ถ้าเรามองระยะยาวแล้ว
ยังไงการที่บริษัทมีรายได้เป็นเงินเยน (แม้จะมีรายจ่ายเป็นเงินเยน แต่ก็เพิ่ง 50% ของรายได้) ก็ทำให้รายได้ที่ควรจะได้รับลดลง ถ้าค่าเงินยังลดลงเรื่อยๆ แม้จะเกิดกำไรจากค่าเงิน แต่ก็ทำให้รายได้ลดลงด้วย
ในมุมกลับกันถ้าค่าเงินเยนแข็งขึ้น แม้กำไรจากค่าเงินจะหายไป แต่จะทำให้รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้น
จริงๆแล้วผมชอบค่าเงินเยนแข็งๆมากกว่าครับ เอาซัก 0.35 แบบ stable หน่อยก็ดี

ลองคำนวณดูง่ายๆ

โพสต์แล้ว: พุธ มี.ค. 15, 2006 8:29 am
โดย ch_army
หากการเมืองไทย ยังไม่มั่นคง ผมว่าบริษัทที่พึ่งพาเงินจากต่างประเทศ หรือมีลูกค้าต่างประเทศมากๆน่าจะโอเคกว่านะครับ เพราะดูๆไปแล้วกำลังซื้อ หดๆ ยังไงไม่รู้(ในประเทศนะ) ใครมีความเห็น หรือข้อมูลกำลังซื้อยังไงบ้างครับ

ลองคำนวณดูง่ายๆ

โพสต์แล้ว: พุธ มี.ค. 15, 2006 9:02 am
โดย CK
ch_army เขียน:หากการเมืองไทย ยังไม่มั่นคง ผมว่าบริษัทที่พึ่งพาเงินจากต่างประเทศ หรือมีลูกค้าต่างประเทศมากๆน่าจะโอเคกว่านะครับ เพราะดูๆไปแล้วกำลังซื้อ หดๆ ยังไงไม่รู้(ในประเทศนะ) ใครมีความเห็น หรือข้อมูลกำลังซื้อยังไงบ้างครับ
ครับ

แต่ถ้าเกิดสงครามกลางเมืองจริง
มีการเผาทำลายโรงงาน
ก็อาจจะเป็น liability ที่ส่งผลกระทบสูง
แม้ว่าโอกาสที่จะเกิดต่ำมากๆ

ยิ่งถ้ามีกระแสต่อต้านต่างชาติ
แล้วประชาชนค้นพบว่า
ญี่ปุ่นคือชาติที่ครอบครองกิจการไทยมากสุด
ทำให้ mcs ซึ่งขายของให้ญี่ปุ่น
อาจจะโดนไปด้วย

:lol:

ขอโทษผู้ถือหุ้นทุกท่านนะครับ
ผมเป็นคนชอบมองในแง่ร้ายสุดๆ ไว้ก่อน
กับหุ้นที่ตัวเองถือ

น่าจะเกี่ยวกันนะ

โพสต์แล้ว: พุธ มี.ค. 15, 2006 6:58 pm
โดย bigshow
สศค.ชี้ไทยได้อานิสงส์ ศก.ญี่ปุ่นโต ส่งออกสินค้ากระตุ้นศก.ไทยโต0.2%

โดย กระแสหุ้น


สศค. ระบุหากธนาคารกลางญี่ปุ่นเริ่มใช้นโยบายดอกเบี้ยขาขึ้นจะแสดงถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่ชัดเจนและจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยไปด้วย โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าไปญี่ปุ่นและการลงทุนโดยตรงของญี่ปุ่นในประเทศไทย ชี้หากเศรษฐกิจญี่ปุ่นเติบโตได้ 1% จะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ 0.2% และดุลการค้าจะดีขึ้นอีก 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

นายนริศ ชัยสูตร ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยถึงกรณีที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นเตรียมขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจหลังจากใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบมาโดยตลอด ว่า การที่ญี่ปุ่นได้ยุตินโยบายผ่อนคลายทางการเงิน เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นฟื้นตัวจากภาวะเงินฝืดและเศรษฐกิจที่ถดถอยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาแล้ว และเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าและการลงทุนทางตรงจากญี่ปุ่นในไทยน่าจะเพิ่มขึ้นด้วย


ผอ.สศค. กล่าวว่า ในปี 2548 ไทยได้ส่งออกสินค้าไปญี่ปุ่นคิดเป็นประมาณ 14% ของการส่งออกสินค้าทั้งหมด ดังนั้น การที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นขยายตัวในอัตราที่ดีขึ้นย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยโดยผ่านการส่งออกที่เพิ่มขึ้นและการลงทุนทางตรงมากขึ้น โดย สศค. ประเมินว่าหากเศรษฐกิจญี่ปุ่นขยายตัวขึ้น 1% ต่อปี จะส่งผลให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยเพิ่มขึ้นจาก 0.2% ต่อปี และดุลการค้าจะปรับตัวดีขึ้นอีกประมาณ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ


นายนริศ กล่าวว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่นได้ยุตินโยบายการเงินแบบผ่อนคลายที่กำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 0% มาหลายปี เนื่องจากเศรษฐกิจญี่ปุ่นได้ฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจนโดยในไตรมาสที่ 4 ของปี 2548 ขยายตัวสูงถึง 4.2% ต่อปี ทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นในปี 2548 ขยายตัวเฉลี่ยทั้งปีที่ระดับ 2.7% ต่อปี สูงขึ้นจากปี 2547 ที่ขยายตัวเพียง 2.3% ต่อปี และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนมกราคมที่ผ่านมาได้กลับมาขยายตัวในระดับ 0.5% ซึ่งเป็นการขยายตัวด้านบวกเป็นครั้งแรกหลังจากที่อัตราเงินเฟ้อในญี่ปุ่น ติดลบต่อเนื่องมาเป็นเวลา 7 ปี อย่างไรก็ตาม แม้ว่าญี่ปุ่นจะยุตินโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย แต่ก็เชื่อว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ใกล้ระดับ 0% ต่อไปในระยะสั้น ก่อนที่จะปรับใช้นโยบายการเงินแบบใหม่อย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อควบคุมเงินเฟ้อไม่ให้เกิน 2%